กำลังใจจากกัลยาณมิตร


      วันนี้ ข้าพเจ้าได้สนทนากับ พี่ติ๋มที่ข้าพเจ้านับถือซึ่งทำงานอยู่ที่มหาิวิทยาลัยมหิดล ที่ข้าพเจ้าเคยได้มีโอกาสเรียนรู้และทำงานที่นั่นในช่วงหนึ่ง.. พี่ติ๋มแนะนำข้าพเจ้าในหลายๆ เรื่อง กับคำพูดที่ท่านเคยพูดกับข้าพเ้จ้าอยู่เสมอว่า

อดทนนะ....ปล่อยวาง ทำใจให้สบาย..ไม่ต้องไปคิดอะไรบ้างก็ได้

      การเรียนรู้ของแต่ละที่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ...ไม่ว่าเราไปที่ไหน อยู่ที่ไหน เราต้องคิดให้ได้ ปรับตัวให้ได้ รู้สถานะของตัวเรา รู้ว่าเราทำอะไรตอนนี้ และเราต้องคิดเสมอว่า ที่นั่นต้องดีกว่าที่เดิม ที่นั่นต้องดีที่สุด อะไรที่มันผ่านไปแล้ว จะหวนกลับมาอีกไม่ได้ ไม่ต้องเก็บมาคิดมัน ฉะนั้น อย่าไปคิดถึงอดีตให้คิดถึงแต่ปัจจุบันกับอนาคตเท่านั้น

    หลายครั้งที่ข้าพเจ้าได้ติดต่อพูดคุยกับพี่ติ๋ม ข้าพเจ้าได้ข้อคิดและเกิดกำลังใจทุกครั้ง อย่างหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าเก็บนำไปเป็นข้อคิดสอนใจจากคำสอนของท่านคือ

 อย่าให้อดีต มาทำร้ายอนาคต กับปัจจุบันของตัวเรา....

        นั่นคือ ไม่ให้คิดถึงอดีตที่ผ่านมาเสีย และเริ่มต้นทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ทำชีวิตให้มีความสุข เพื่อความสุขของตัวเราเอง เพราะหลายครั้งที่ได้พูดคุยกับท่าน มักเกิดจากความทุกข์ของตนเองจากความกลัวทั้งสิ้น ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่า บางทีเพราะสิ่งกระทบปัจจัยหลายๆ อย่างที่ผ่านมา จากที่ข้าพเจ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่ได้ไตร่ตรอง อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกนั้้น ความรู้สึกกลัวทำให้เกิดการพ่ายแพ้ต่อจิต แต่ถ้าเราเปิดใจให้กว้างแล้ว ความรู้สึกกลัวก็คือความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นไปตามธรรมดาที่คนเราส่วนมากมักจะกลัว ยิ่งถ้าอยู่ในสังคมแล้ว ไม่ไปตามกลุ่มนั้น หรือที่เรียก "ฉายเีดี่ยวหรือโชว์ออฟ" ก็มักจะถูกคนมองเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดไป ถ้าหากไม่อธิบายสิ่งที่ทำให้เขาเห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้น เขาก็อาจจะเข้าใจไปอีกทางหนึ่งได้ .. เขาอาจจะโกรธ อาจจะเคือง ทำให้เขาเกิดการไม่ยอมรับ ทำให้เราเองเกิดความกลัวในการปรับตัวเข้าสังคมตามเขา ซึ่งหากมองในระบบทีมงานแล้ว ลักษณะผู้นำ จะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่ประการใด แต่เป็นลักษณะที่ควรจะมีในทีมงานเช่นกันเพื่อชี้นำ กระตุ้นให้เำกิดประิสิทธิภาพในทีมงาน

การมีผลงานหรือมีความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำโครงการในสิ่งที่เพื่อส่วนรวม เป็นสิ่งที่ดี อะไรที่ดี ที่ถูกต้อง เพื่อพัฒนางานหรือหน่วยงานของเราก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องไปแคร์ ไปสนใจ เพราะทุกอย่างทุกคนทำได้หมด ขึ้นอยู่กับตัวเขาจะทำหรือไม่เท่านั้น ก็ถือเป็นการเรียนรู้ของเราด้วย

     ซึ่งหากข้าพเจ้าได้มองตามที่พี่เขาได้แนะนำมาทำให้เห็นว่า โครงการที่ทำเพื่อส่วนรวมนั้น เป็นสิ่งที่เป็นผลดีต่อตัวบุคลากรเองทุกคน ต่อการรายงานผลการประกันคุณภาพการศึกษาของหน่วยงาน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน และมีผลต่อตัวชี้วัดความสำเร็จของหน่วยงานและความสำเร็จในการบริหารงานที่บรรลุผลตามแผนอีกด้วย ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวในรูปของคณะทำงานที่ทุกคนมีส่วนร่วมที่จะสร้างกิจกรรมหรือโครงการเพื่อพัฒนาบุคลากรหลายด้านได้มากขึ้น

     ซึ่งหากผมคิดถึงคำสอนของพี่คือ ไม่คิดถึงอดีต คิดถึงแต่ปัจจุบันนั่นคือการเปิดใจให้กว้างจะรับรู้ว่า นี่แท้ใจผมเองที่ไม่กล้าไปเสียทุกเรื่อง ผมเองก็ไม่ได้ดีไปเสียทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งไปเสียทุกเรื่อง เพราะการสื่อสารที่ไม่ถูกต้องกลายเป็นปัญหาในการสื่อสาร เรื่องทุกเรื่องเกิดจากตัวเองทั้งสิ้น เพราะความกลัวเ็ป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติของทุกคน หากเรารู้ว่าเขากลัว หรือเขาตกอยู่ในความกลัว ถ้าไปตอกย้ำซ้ำเติมก็ยิ่งทำให้กลัวมากขึ้น... จึงต้องเปิดใจให้กว้าง คิดเสียว่าเป็นธรรมดา ไม่มีอะไร ในเมื่อเขียนผิดก็แก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นใหม่...สำหรับความทุกข์ที่ได้รับในตอนนี้นั้นก็ปล่อยวางเสีย.และเปิดใจรับกับสิ่งที่ดีและนำมาปรับปรุงตนเองเสียใหม่นั่นเอง...

     ขอบพระคุณพี่ติ๋มมากๆ ครับ ที่ได้แนะนำให้ข้าพเจ้ามีกำลังมากขึ้นดั่งเสมือนกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันมาตลอดครับ

ชีวิตคือละคร

     ดูละคร ตอนท้องเรื่อง ถูกเคืองโกรธ        ให้กล่าวโทษ โอษฐ์ครวญ ป่วนไปใหญ่
บทแสดง ต้องกระทำ เพราะจำใจ                คิดครวญใคร่ ใครลิขิต ชีวิตเรา
ละครเล่น เล่นละคร ตอนบทเศร้า                 เพราะรักร้าว เร่าร้อนจิต คิดหุนหัน
ผูกท้องเรื่อง ต้องกล่าวโทษ ตามโกรธกัน      ต้องมุ่งมั่น หมั่นแสดง แจ้งในที
บทที่มี ตีให้แตก แยกให้ออก                      ตอนช้ำชอก ออกครวญครา อย่าหน่ายหนี
ชีวิตจริง ยิ่งกว่านั้น ทุกวันมี                         เอาสิ่งนี้ มีติดไป ในบทตน
เล่นละคร ตอนหนึ่ง ถึงบทพลาด                   ค่อยคอยวาด ลีลา น่าสับสน
ปรึกษาใคร ไม่ได้เล่น เร้นชอบกล                เขาก็บ่น ว่าฟอร์มเน่า เศร้าใจจริง
ฝืนแสดง แสร้งทำ ตามกำกับ                       คอยตอบรับ ดีไม่ดี มีทุกสิ่ง
ชอบไม่ชอบ ใครจะว่า อย่าประวิง                ชีวิตจริง เหมือนละคร ตอนแสดง....

ขอบคุณครับ

หมายเลขบันทึก: 334869เขียนเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2010 21:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 12:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อ่านบันทึกแล้ว..ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ..ขอบคุณบันทึกที่ดี..อยากให้ทุกคนหยุดคิดสิ่งที่บั่นทอนจิตใจตัวเอง.และคนรอบข้าง..หันมาทำกิจกรรมดี ดี เปิดหู เปิดตา เปิดใจ สู่โลกแห่งการเปลี่ยนเเปลง..และเปลี่ยนวิสัยทัศน์ตัวเองให้มองแง่บวก..จะทำให้ชีวึตที่เหลืออยู่มีค่ามากกว่าที่เป็น..นะคะ..

ขอบพระคุณ คุณ น้องหยิ๋งหน้ามน มากๆ ครับ

  • ขอบพระคุณสำหรับคำชมเชยนะครับ

สะท้อนสิ่งที่เกิดได้ แต่อย่าให้บันทอนพลังบวก

แยกเป็นหมวดเหมือนหนังสือพิงนิ่งบนชั้น

เป็นกำลังใจให้นะคะ

วาเลนไทน์

ขอบพระคุณ ครูP krutoiting มากๆ ครับ

  • ขอบพระคุณที่มาเยี่ยมเยือนและให้ข้อคิดดีๆ กับผม ณัฐวรรธน์นะครับ
  • ด้วยความระลึกคุณครูอยู่เสมอนะครับ
  • ขอน้อมนำคำสอนของครู มาปฏิบัตินะครับ
  • ขอบพระคุณอีกครั้งครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท