ได้อ่าน นิตรสาร ลลนา มิถุนายน ๒๕๓๐

( ยี่สิบสามปีมาแล้ว บ้างคนลูกยังไม่เกิดเลย)

มีบทสัมภาษณ์ พลตรีจำลอง ศรีเมืองบทสัมภาษณ์นี้ ได้มาเป็นข้อคิดสกิดใจตัวเอง

 

ปกติท่านผู้ว่าฯ ไม่รับอาหารเที่ยงใช่ไหมคะ

"รับอาหารวันละมื้อเดียว ตอนเช้าครับ

หลังจากมื้อเช้าแล้วก็ ดื่มน้ำเปล่าเท่านั้น

น้ำชา กาแฟ น้ำส้ม น้ำหวาน ก็ไม่ ทั้งวันครับ"

มีกำลังแรงงานที่จะทำงานทั้งวันได้

- มีครับ มีฮะ - ก็ยืนยันมาแล้วนะฮะ

เพราะเราทำอย่างนี้มา ๘ ปีแล้ว

ซึ่งที่จริงอันนี้ไม่ใช่ลัทธิผม ไม่ใช่ทฤษฎีของผม

พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในพระไตรปิฎก ว่า

การกินมื้อเดียวนั้น มีอานิสงส์ ๕ ประการ

เบากาย เบาใจ กระปรี้กระเปร่า ไม่ขาดตกบกพร่อง

มีโรคภัยไข้เจ็บน้อย มีความผาสุก

ลงท้ายว่า มีพลัง

 

จำเป็นต้องออกกำลังกายด้วยไหมคะ

"ออกกำลังกายด้วย ตอนที่ผมออกกำลังกายคือตอนค่ำ

ก่อนจะนอนนะฮะ เพราะตอนนั้นมีเวลา"

ขอทราบว่าได้ไหมคะ ว่าทำอะไรบ้าง

"ก็วิ่งปุเลงปุเลง ในบ้าน" (หัวเราะ)

 

แต่อาหารมื้อเช้า ท่านจำเป็นต้อง รับประทานให้พอเพียง

"ใช่ครับ ต้องรับประทานให้พอเพียง คือเรารับประทานอย่างนี้

เราเรียกว่า รับประทานน้อยมื้อ ไม่ได้น้อยจำนวน

น้อยมื้อ นั่นคือว่า ปกติแล้วที่เรามากกว่า ๑ มื้อ

เรารับประทานตามปากเรามากกว่า

ไม่ใช่ตามความจำเป็นของร่างกาย

น้อยมื้อ ไม่ได้น้อยจำนวน

แต่คิดดูแล้วมื้อเดียวยังไงๆก็ไม่เท่ากับทาน ๓-๔-๕ มื้อ แน่นอน

ต่อให้ทานยังไงก็ตามนะฮะ"

 

น้ำโดยปกติท่านจะดื่มน้ำเปล่าหรือคะ

"น้ำเปล่าครับ เพราะว่า - ถ้าเราอนุโลมตัวเอง ไปดื่มน้ำส้ม น้ำหวาน

หรือเครื่องดื่มอื่นๆนะฮะ

อีกหน่อยเราก็อนุโลมไม่สิ้นสุด เดี้ยวนี้วิทยาการเจริญนะฮะ

เรามีเครื่องบดเครื่องปั่นอะไรนี่ เราเอาอะไรใส่เป็นลูกๆ

มันก็ออกมาเป็นน้ำ มันก็ไปกันใหญ่

อาจจะเอาโจ๊กใส่เข้าๆปแล้วเป็นน้ำข้นๆ

แล้วเราก็บอก -- นี่ -- ดื่มได้ -- มันก็คืออาหารนั่นเอง"

ท่านเลยไม่ยอม

"ครับ เรื่องนี้ประโยชน์ก็คือ เราสามารถเอาชนะใจตัวเองได้

การเอาชนะใจตัวเองเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้วนะฮะ ถ้าเราเอาชนะใจตนเองได้

เราสามารถทำอะไรได้สำเร็จอีกเยอะแยะทีเดียว

ส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะแพ้ตัวเองนะฮะ

ตั้งใจไว้แล้วก็ทำไม่ได้

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสไว้ว่า

ชนะใจตนเองตนเองนั้น ดีกว่าข้าศึกเป็นร้อยเป็นพันในสนามรบ

เพราะเอาชนะยากนะฮะ"

 

"ไม่ลำบากหรอกครับ คือการถือศิลให้เคร่งนั้น

ลำบากแต่ตอนแรกๆ มันต้องอดทน ข่มขืนนะฮะ

ทำในสิ่งที่คนอื่นเค้าทำกันไม่ค่อยจะได้ อะไรทำนองนี้

แต่เมื่อเราทำไปแล้วก็เป็นปรกติ

ปกติคือกลับมาถึงคำว่าศิล ศิลแปลว่าปกตินั่นเองนะฮะ

เพราะฉะนั้นก็ไม่ลำบาก"

 

"ตอนที่แต่งงาน อายุ ๒๗-๒๘ ก็ชวนภรรยาให้เลิกกินเนื้อสัตว์

เค้าก็ไม่ยอม ไอ้เราก็เลิกไม่ได้

เพราะกินข้าวอยู่ด้วยกันใช่มั้ยฮะ ก็ต้องกินเหมือนกัน

จนกระทั่งอายุ ๔๐ ก็เลยตัดสินใจ เอ้า- กินคนเดียวก่อน

คุณศิริลักษณ์ก็ยังกินเนื้อสัตว์ ก็กินร่วมกันมาได้ตั้ง ๔-๕ ปี

โดยที่จานไม่ปิ่น ช้อนไม่กระเด็น (หัวเราะ)

ก็แปลกดีเหมือนกัน จนกระทั่งแกมีศรัทธา แกหันมากินมังสวิรัติ

ก็เลยกินมังสวิรัติที่บริบูรณ์

โดยการกินมังสวิรัติ ผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มไหน ไม่ได้รับการเชิญชวน

คิดว่าตั้งนานแล้ว แต่คิดไม่ออกว่าจะกินยังไง

แรกเริ่ม กินเจเขี่ยก่อน เขี่ยออกไปนะ ไม่ได้เขี่ยเข้า

จนกระทั่งมาเป็นเจที่บริสุทธิ"

 

ศิลแปดล่ะคะ ท่านรู้สึกว่า ท่านควรจะหยุดทุกสิ่งที่เป็นปรกติ แล้วถือศิลแปดเมื่อไร

"อายุ -- เอางี้ดีกว่า -- ถือศิลแปดอย่างเคร่งครัดมานี่ ๘ ปีแล้ว อายุ ๔๔"

ต้องทะเลาะกับคุณศิริลักษณ์ดัวยหรือเปล่าคะ

"ไม่ฮะ เพราะการจะถือศิลแปด ต้องตกลงกันก่อน

ไม่ใช่อยู่ดีๆ เข้ามาถือศิลแปด เมื่อถือศิลห้าได้เป็นปกติแล้ว

เราก็เห็นว่า เอ๊ -- เราควรจะเขยิบศิลให้สูงขึ้น ก็ตกลงกัน

เมื่อตกลงแล้วก็ถือศิลแปด ก็ไม่มีปัญหาอะไร"

 

ชีวิตก็เป็นปกติสุขดี

"ครับ -- ก็สุขบ้างไม่สุขบ้างอย่างนี้ (หัวเราะ)

สุขก็คือไม่เกิดนั่นเองคือสุข

เกิดมามันทุกข์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะทำอะไร"

 

 

อ่านสัมภาษณ์ท่านมหาจำลองแล้ว กลับมาได้คิด
หยุดทานอาหารเย็น เพราะเริ่มลงพุงแล้ว
หยุดมายี่สิบวันแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓
น้ำหนักลดลงไปประมาณ สองกิโล
ออกกำลังที่วาย อาทิตย์ละสี่ครั้ง เพิ่มจากอาทิตย์ละสองครั้ง
ถ้าไม่ไปวาย ก็เดินรอบบริเวณหมู่บ้าน ประมาณ ๑ กิโล

หลังจากหยุดทานข้าวเย็น ออกกำลังมากขึ้น น้ำหนักกลับไปอยู่ในระดับ
เมื่อสิบปีที่แล้ว  ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

วันอังคารนี้วันเข้าพรรษา
เนื่องจากเป็นคนไม่สูบบุหรี ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน อยู่แล้ว
เนื้อวัวก็ไม่กิน เพราะเมื่อยี่สิบปีก่อน แม่มาอยู่ด้วย แม่ขอว่าอย่ากินเนื้อวัวเลย
สัตว์ใหญ่มันมีบุญต่อเรา เรารับปากแม่ไว้
ไม่กินเนื้อวัว จากวันนั้นถึงวันนี้
ถ้าเนื้อวัวเข้าปาก จะได้กลิ่นทันที

เข้าพรรษานี้จะหยุดรับประทานอาหารยามวิกาล คือไม่กินข้าวเย็น
เพราะได้อ่านสัมภาษณ์ท่านมหาจำลอง แล้วโดนใจมาก
และก็ได้ทดลองไม่ได้กินข้าวเย็นมาแล้วสามอาทิตย์ก็ยังปกติดีอยู่

และจะถือศิลแปดทุกวันพระ ในระหว่างเข้าพรรษานี้
เดือนหนึ่งมีวันพระสี่วัน  กว่าจะถึงวันออกพรรษา ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๓
มีวันพระ ๑๓ วัน ในเวลาสามเดือน
ช่วยกันอนุโมทนาด้วยนะ

พอตั้งใจจะถือศิลแปดทุกวันพระ  นึกว่าวันนี้เป็นวันพระ
พอภรรยากับลูก ทำอะไรไม่ถูกใจ เกือบจะโกรธ จะว่าแล้ว
สติมาเตือนว่าให้ระวังนะ ถือศิลแปดแล้ว
คำพูดก็กลับคำ เป็นปิยวาจา  ไม่กล้าพูดคำพูดไม่ดี
พูดกลับลูกกับภรรยาดีขึ้น 
ขอโทษที่พ่อทำให้ลูกโกรธนะ
ผลานิสงส์แห่งของศิลมีมาก  คุ้มครองใจได้ในวินาทีนั้นเอง
ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า
บ้านเป็นสุข ครอบครัวเป็นสุข ตัวเราก็เป็นสุขด้วย

อิมานิ ปัญจะสิกขาปะทานิ (เหล่านี้ คือ สิกขาบทห้าประการ)
สีเลนะ สุคะติง ยันติ (ศีลทำให้เกิดความสุขตลอดไป)
สีเลนะ โภคะสัมปะทา (ผู้มีศีลจะถึงพร้อมด้วยสมบัติ)
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ (ศีลทำให้ได้พระนิพพาน คือสงบจากกิเลส)
ตัสมา สีลัง วิโสธเย (ดังนั้นจงรักษาศีลให้บริสุทธิ์เถิด)

---

รูปภาพ มาจาก Internet

บทสัมภาษณ์ มาจาก นิตรสารลลนา มิถุนายน ๒๕๓๐

ลลนานัดพบ ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร พลตรีจำลอง ศรีเมือง

โดย แทนเงา