วันสุข...วันศุกร์
ผมเดินทางไปมหาวิทยาลัยตามปกติ แม้ว่าวันนี้ภารกิจประจำที่ต้องทำ ไม่มี แต่ ได้ไปนั่งพูดคุยกับเพื่อนสัพเพเหระ ..
พักใหญ่ผมก็ขอปลีกตัวเข้าห้องสมุด เพื่อท่องโลกหนังสือ การเข้าห้องสมุดของผมช่วงหลังรู้สึกว่ามีความสุข มีความรู้สึกผ่อนคลายและอิสระ ดังนั้นการเข้าห้องสมุดของผมช่วงหลังๆจึงเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง ที่พร้อมกับการพัฒนาตนเอง
หลังจากที่เพลิดเพลินกับหนังสือที่ชอบพอสมควรเเล้ว เดินออกมานั่งพักผ่อนที่ม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ มองออกไปรอบๆตัว มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาทางกายภาพทุกอณูพื้นที่ ต้นไม้เขียวขจีร่มรื่นน่าอยู่ อากาศชานเมืองกรุงเทพฯ เช่นที่นี่สดชื่นและอากาศค่อนข้างบริสุทธิ์ การให้ความใส่ใจเรื่องของสิ่งแวดล้อม ผมถือว่าเป็นความรับผิดชอบของคนมหิดล ที่รับผิดชอบกับความรู้สึกของผู้เรียน ผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่แห่งนี้ สิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดไว้อย่างพอเพียงและเหมาะสม ทำให้ชีวิตในมหาวิทยาลัยสะดวกสบายมากขึ้น ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ผมคิดถึงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยที่ผมเคยเรียนในช่วงปริญญาตรี - โท ที่นั่น ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยงามในเรื่องการจัดบรรยากาศ รวมไปถึงงานศิลปะที่สอดคล้องกลมกลืนกับพื้นที่
วันนี้พิเศษมีนัดไปเที่ยวทริปสั้นๆเพื่อนขับรถมารับที่มหาวิทยาลัยฯ พร้อมเดินทางหาอาหารอร่อยๆทาน แถบนครชัยศรี เราเดินทางทะลุออกไปทางด้านข้างออกจากมหาวิทยาลัยฯ ตรงไปยังตัวอำเภอนครชัยศรี แถบนี้ยังเป็นพื้นที่สีเขียว มีเรือกสวนไร่นาให้เห็นพอให้รำลึกถึงบรรยากาศ ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนักพื้นที่แถบนี้ยังมีความเป็นชนบทเหลืออยู่มาก เราขับรถช้าๆเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้างให้มาก เพื่อนผมถามว่ารีบไหม..ผมบอกไม่รีบ ช่วงเวลาเย็นนี้ก็เป็นการพักผ่อนอย่างเต็มที่
ที่แม่น้ำท่าจีนใกล้สถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี เลียบข้างแม่น้ำ มีตลาดเล็ก ๆ มีขนมหลากชนิด มีผลไม้ส้มโอที่ขึ้นชื่อที่นี่ ละลานตาเลยทีเดียว สิ่งที่ผมชื่นชอบอีกอย่างหนึ่งที่นี่ก็คือ ตึกเก่าๆที่ยังอนุรักษ์ไว้ ชั้นล่างของตึกไม้เก่าๆแบบนี้ ดัดเเปลงเป็นร้านอาหารดูคลาสสิกน่ารัก
เราเลือกทานอาหารที่ร้านอาหารริมน้ำท่าจีน ยามแดดร่มลมตก...สายลมพัดมาเบาๆผ่านผิวน้ำ เป็นสายลมที่ฉ่ำเย็น แม่ค้าจ้ำเรือพายมาประชิดข้างร้าน เพื่อขายขนม ปลาตัวใหญ่ที่แหวกว่ายให้เห็น เข้าใจว่าเป็นปลาที่อนุรักษ์ของที่นี่ ทำให้มีความรู้สึกว่า ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่แห่งนี้ยังคงมีอยู่ ภาพที่ผมได้เห็น ได้สัมผัสบรรยากาศที่ว่านี้อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเลย
มองขึ้นไป เราเห็นสะพานพาดข้ามลำน้ำท่าจีน ชื่อว่า "สะพานรวมเมฆ" ชื่อแปลกและน่าสนใจดี ฉากหลังของสะพานก็เป็นฉากของท้องฟ้า ที่มีเมฆสีสดใส คุ้งน้ำ สะพาน และท้องฟ้า ตัดกันอย่างลงตัว สะพานรวมเมฆจึงทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียว
วันนี้เสียดายไม่ได้แบกกล้องตัวใหญ่มา เมื่อพบเห็นภาพที่ประทับใจ เครื่องมือหากินก็ไม่มี นึกขึ้นได้จึงควานหาโทรศัพท์คู่กายที่ถ่ายรูปได้ จัดการกดชัตเตอร์เบาๆ เพื่อเก็บภาพบรรยากาศของสะพานรวมเมฆที่อยู่เบื้องหน้า
ภาพจากโทรศัพท์คู่ใจ : ความสุขที่ไม่มีข้อจำกัด - - -สะพานรวมเมฆ นครชัยศรี
ผมคิดเสมอว่า การถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือเป็นข้อจำกัดอย่างมาก ไม่มีวันหรอกที่จะได้รูปสวย อย่างดีก็พอได้เป็นหลักฐาน แต่พอมาดูในคอมพิวเตอร์หลังจากที่โหลดภาพจากโทรศัพท์สู่คอมพิวเตอร์เเล้ว รูปที่เก็บได้ประมาณ ๓ รูป ก็พอที่มองเห็นความสวยงามในบรรยากาศช่วงเย็นย่ำของแม่น้ำท่าจีนได้
ภาพจากโทรศัพท์คู่ใจ : ความสุขที่ไม่มีข้อจำกัด - - - สะพานรวมเมฆ นครชัยศรี
อาหารมื้อนี้อร่อยมาก เราสั่งห่อหมกทะเล (เมนูนี้อร่อยมากๆ) และ ต้มยำรวมมิตร หมูคำหวาน และ ปลาหมึกย่างสดๆ ทานอาหารไปละเลียดบรรยากาศไป พูดคุย สนทนากับมิตรไป เจริญอาหารอย่าบอกใครเชียว...
เป็นวันศุกร์ ที่มีความสุข ของผมอีกวันหนึ่งครับ
----------------------------------------------------------------------------
ผมกับมิตร...
"เราคุยกันว่า ความสุขนั้น ไม่จำเป็นต้องไปหาที่ไหนให้ยาก
คนที่ได้เปรียบนั้น คือ เป็นคนที่สุขง่ายๆ
สุขกับสิ่งที่อยู่รอบตัว
แค่นี้เราก็ได้กำไร อย่างล้นเหลือในชีวิตแต่ละวัน"
---------------------------------------------------------------------------
อีกนิดหนึ่ง...
ผมอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งที่ห้องสมุด อ.วราภรณ์ สามโกเศศ เขียนไว้ และผมคิดว่า "ใช่เลย" ท่านเขียนไว้ว่า
"คนที่มีความสุขที่สุด
ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างที่เลอเลิศ
แต่เขาทำสิ่งที่มีอยู่...ให้เลอเลิศ
The happiest people don't
Necessarily,have the best of
Everything.They just make
the best of everything."
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ ทำให้สิ่งนั้นให้เลอเลิศ
หากมีความรักก็ขอให้เป็น "รักเราไม่เก่าเลย"
ผมขอให้กำลังใจทุกคนครับ
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ศาลายา,มหิดล
๑๗ ก.ค.๕๒