ความต่างศาสนามิใช่สิ่งขวางกั้นมิตรภาพ


สักวันจะมาถึง

นี่เป็นบันทึกที่ พี่เอก (จตุพร) แห่งสถาบันพระปกเกล้า เขียนถึงหลังจากได้พบเจอกัน ทำให้ผมมองว่าบางครั้งคนบางคนมองเห็นสัจธรรมมากกว่าคนบางคน คนบางคนอดทนสร้างความสมานฉันท์มากว่าคนบางคน และคนบางคนมิเคยใช้กำแพงของความต่างทางความคิดปิดกั้นความคิดคนบางคน แต่คนบางคนคิดถึงคนบางคนเพียงแค่เขาต่างจากเราแล้วก็เหมาว่าเขาคือ "คนไม่ดีเพราะวิถีคิดต่างกัน" แหม่น่าจะให้คนบางคน บางกลุ่ม บางพวกอ่านจัง...ลองอ่านดูนะครับ บันทึกจากพี่ชาย

         ผมใช้ความรู้สึกจากใจในการรู้จัก และพร้อมจะรักใคร่ผู้อื่น และผมเชื่อว่าความรู้สึกที่ดีเชื่อมจากใจสู่ใจไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ แม้ไม่มีคำพูด ไม่มีการกระทำที่พอจะสื่อได้ว่า “เรารักและห่วงใยกัน” ฉายออกมาให้เห็นแจ่มชัด แต่มิตรภาพใช้วิธีการจับจิตด้วยใจ

ฮาบีฟ(ฟูอ๊าด)น้องชายผมส่งหนังสือเล่มน้อย บอกกับผมว่า “ผมขอมอบให้พี่ ทั้งหมดเป็นงานเขียนของผม” ผมรับมาอย่างดีใจ สิ่งที่เขารักที่สุดคืองานวรรณกรรม และเมื่อผมมีโอกาสอ่านวรรณกรรมที่เขาเพียรบอกเล่า นั่นหมายถึง “ผมกำลังเดินเข้าไปสู่ศูนย์กลางของมิตรภาพของความต่าง”

ทำไมผมถึงเรียกว่าความต่าง...

น้องชายฮาบีฟบอกผมว่า  “พี่รู้ไหมครับ พี่เป็นพี่ชายที่ผมนับถือในความแตกต่าง ทางศาสนามากครับ 

ผมบอกกับน้องว่า “ความต่างไม่ใช่เงื่อนไขที่ทำให้เราตัดรอนมิตรภาพซึ่งกันและกัน มองในมุมกลับ ความต่างเสียอีกที่เป็นสิ่งที่ไม่เหมือน แต่เข้ามาเติมเต็มให้กันและกัน”

ไม่ว่าเขตแดน ไม่ว่ากฏเกณฑ์ ประเพณี หรือแม้แต่ศาสนา เป็นเพียงเส้นบางๆที่แบ่งผู้คนออกจากกัน หากเราไม่เข้าถึงความเป็นหนึ่งเดียวของจักรวาล เราก็เข้าไม่ถึงความเป็นพี่น้องกัน เราเข้ามาถึงมิตรภาพที่เราต่างพร้อมจะให้คนที่เราใช้ชีวิตร่วมกับเขาในโลกใบนี้ ...สิ่งที่ทำให้เราก้าวผ่านความต่างที่ถูกสร้างขึ้นคือ “ใจ” ที่เปิดกว้าง พร้อมที่จะรักและพร้อมที่จะเข้าใจ

ผมพลิกหนังสือเล่มน้อยอ่านแบบละเอียดอีกครั้ง มีข้อความที่ประทับใจ ที่น้องเขียน

“บนพื้นฐานของอัตลักษณ์ภายนอก

มองความแตกต่าง ที่เห็นไม่เป็นความแตกแยก

สิ่งแรกที่เราจะมองเห็น ขอนิยามเป็น

ความกลมกลืนในศรัทธา”

เขาปรารณาตัวเองเป็นคนเฝ้าสวน ที่เฝ้ามอง ดูแลเอาใจใส่มวลดอกไม้หลากสี หลากพันธุ์ ได้เติบโต ผลิดอก ออกใบให้ความงดงามประโลมโลก

 

ในวงสนทนาในอาหารมื้อเย็น น้องบอกย้ำเตือนกับผมถึง “ดุนยา” และ “อาคิเราะฮฺ”   มุสลิมเชื่อว่า โลกนี้ (ดุนยา) จะเป็นเพียงทางผ่านที่เราจะได้อยู่ในโลกหน้า(อาคิเราะฮฺ) ถาวรถ้าเราทำความดี (สวรรค์) ดังนั้นเวลาเหลืออยู่น้อยให้เพียรทำความดีอย่างไม่ลดละ

 

“บาซีร์” น้องชายอีกคน บอกกับผมอีกว่า “ชีวิตเราเป็นของใครกันแน่  เราอาจไม่รู้ว่าชีวิตเราอยู่ไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร แล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไร ชีวิตเราไม่ใช่ของเรา”

 

ผมทวนคำในใจ ใช่ครับ “ชีวิตเราไม่ใช่ของเรา” อย่างที่บาซีร์บอก

 

ดังนั้น เรามีเวลาให้ตัวเองเสมอ ตราบเท่าที่โลกนี้ให้เวลาเรา  และ ฮาบีฟสำทับอีกว่า  “ที่สำคัญเวลาที่มีค่าที่สุดคือ ช่วงที่เราเอาชนะใจตัวเอง ตัดสินใจทำอะไร เรียนรู้อะไร ค้นหาอะไร เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบหลายๆสิ่งบนโลกนี้”

 

ความขัดแย้งจึงเป็นเรื่องราวที่ไร้สาระและความขัดแย้งที่เรื้อรังด้วยเหตุผลที่เราไม่สามารถก้าวข้ามผ่านเส้นบางที่กั้นระหว่างกันได้ สร้างความตกต่ำให้กับสังคมวิวัฒน์  ...มองคงวามต่างเป็นเงื่อนไขของความไม่เหมือนเรา ไม่ใช่เรา และไม่ยอมรับ

ถึงผมและน้องชาย จะต่างกันด้วยเส้นบางๆที่กั้นระหว่างกัน แต่ความรักความผูกพัน เป็นสายใยที่ผูกโยงผู้คนเข้าด้วยกัน

 

น้องชายบอกว่า إن شاء الله  อินชาอัลลอฮฺ” และผมก็อยากจะบอกน้องชายเหมือนกันว่า “ธรรมะจัดสรร”

 

ความ         หลากหลายมิใช่ความต่าง

กลม          กลวงบ้างคือสิ่งสร้างสรรค์

กลืน          ความต่างสิ่งสรรค์สร้างแต่ละวัน

บน            ความฝันสู่วันอันก้าวไกล

พื้น            ขอบฟ้ากั้นกลางสร้างความหวัง

ฐาน                    พลังรั้งสายเชือกสุกสดใส

อิสลาม       ทุกเขตคามสร้างด้วยใจ

สันติ          ไซร้จะก่อเกิด เจิด จรัส 

ขอบคุณสำหรับมิตรภาพ  

ลิ้งบันทึกที่เหมือนกันครับลองอ่านดูในความต่าง http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/223285

 

เป็นไงหล่ะครับท่าน... ซึ้งกินใจไหม๊ครับ

หรือเรื่องบางเรื่อง ปัญหาบางอย่าง "เพียงธรรมดาของเส้นแบ่ง" จริงๆๆๆ

หมายเลขบันทึก: 223282เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2008 10:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน 2012 12:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

จากข้อเขียนนี้ ผมนึกถึงเนื้อย่างเกาหลีที่อยู่กลางวงสนทนาด้วยครับ ฮิฮิ

อยากจะบอกอาจารย์

1. จารุวัจน์ ครับว่า บันทึกนี้ที่พี่เขาเขียน ก็หลังจากวงสนทนา "เนื้อย่างเกาหลีที่สินธร" เมื่อคืนครับ อิอิ หรือเราจะมีประสบการณ์ร่วมครับพี่ชาย

ครับอินชาอัลลอฮฺ สักวันจะมีคนเข้าใจความเป็นเรามากขึ้นครับ คุณ 3. ณ.ปัตตานี

เมื่อวานไม่มีโอกาสได้เจอแต่คงมีโอกาสสักวันนะครับ...

 “إن شاء الله  อินชาอัลลอฮฺ"...

ครับสักวันคงได้เจอกัน ผมได้ยินชื่อพี่มานานแล้วครับ พี่ดิเรก...อินชาอัลลอฮฺ เราคงได้เจอกัน ตัวจริงเสียงจริง

ความห่างไกล  มิอาจกั้นขวาง

เส้นทาง  แห่งมิตรภาพ

ความห่างไกล..มิอาจหยุดยั้ง

กับพลัง....แห่งหัวใจ

ความห่างไกล...มิอาจหยุดได้

กับสายใย  แห่งไมตรี

แวะมาทักทายค่ะ

มีความสุขมากมาย มีสิ่งดีๆในทุกๆวันนะคะ

 

ขอบคุณ

7. @..สายธาร..@ มากครับสำหรับกำลังใจ

อัลฮัมดุลิ้ลลาฮมากๆเลยคะ เมื่อคืนนี้หนูไม่รู้ว่า...จะเรียกว่าอะไรดี? ขออนุญาติเรียกว่าพี่เอกตามอาจารย์ฟูอ๊าด ด้วยนะคะ ว่ามาร่วมงานด้วยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามพี่เอกจากบล็อก gotoknow นี่แหละค่ะ กับกำลังใจที่แสนจะอบอุ่น สถาบันพระปกเกล้าอยุ่ที่นนทบุรีใช่ไหมคะ เพราะหนูนั่งรถไปทำงานจะผ่านตลอดเลย หนูเห้นด้วยกับทุกสิ่งที่พีเอกเขียนเพราะงานเมื่อคืนนี้เพื่อนๆต่างศาสนิกของหนูได้บอกความรู้สึกที่มีต่อหนูเช่นเดียวกับที่พี่เอกรู้สึก และมีอยู่คนนึงเค้านับถือหนูแบบพี่สาวเค้ามีเชื้อสายจีนทุกๆวันที่ทำงานด้วยกันเค้าชอบที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับมุมมองในเรื่องศาสนา สังคม กับหนูเสมอเพราะหนุจะเป็นผู้หญิงมุสลิมที่ปิดหน้าเมื่ออยุ่ข้างนอก แต่หนุไม่เคยแบ่งแยกหรือปิดกั้นตัวเองเหมือนกับใบหน้าที่ถูกปิด เมื่คืนนี้เค้าบอกหนูว่า เค้าอยากเป็นมุสลิม อยากคลุมฮิญาบ เพราะตอนนี้ทุกคำถามที่เข้าถามหนูเค้ามีคำตอบที่ชัดเจนแล้ว อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ หนูดีใจที่อย่างน้อยมิตรภาพจากคนกลุ่มหนึ่งที่ทำให้โลกใบนี้มีรอยยิ้ม และสีสัน อาจเทียบไม่ได้กับความแตกแยกในสังคมที่นับวันยากต่อการเยียวยา ยินดีที่หนูได้รู้จักพี่เอกถึงแม้พี่เอกจะไม่รู้จักหนูก็ตาม ฮิฮิ

ฟูอั้ด - ฮาบีฟ

พี่เอกดีใจมากนะครับ สำหรับสิ่งดีๆที่เกิดขึ้น ผมรู้จัก ฮาบีฟ ผ่านวรรณกรรมครับ ผมชอบอ่านและผมชอบเรื่องราวที่เขียน ...

ความสวยงามของภาษาที่ถ่ายทอดออกมาคือ ใจที่งดงาม ใจที่ใฝ่สันติสุข ปรารถนาให้สังคมเราเกิดความสันติสุข

ความต่าง ใช่เป็นเงื่อนไขของความขัดเเย้ง แต่ความต่างที่เข้ามาอยู่รวมกันกลับเติมเต็มให้กันอย่างสวยงาม

ในบรรยากาศงาน ฮิญาบฯ ครั้งที่ ๔  ผมตื่นเต้นมากที่เห็นยุวชนมุสลิมที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้ถ่ายทอดพลังออกมาได้อย่างสร้างสรรค์และสร้างความหมายให้กับสันติภาพที่เราต่างมุ่งหวัง

ผมบอก ฮาบีฟ เสมอใช่ไหมละครับ ว่า ผมไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และ สายตาที่อบอุ่นที่สัมผัสได้จากพี่น้องมุสลิม ในค่ำคืนนั้น ยังตราตรึงใจผมเสมอ

ขอบคุณน้องชาย และขอบคุณน้องๆ บาซีร์ ,อัดนาน และอีกหลายคนที่ให้ความเป็นกันเองและมิตรภาพให้ผม

พรุ่งนี้น้องก็จะเดินทางกลับแล้ว...ขอให้น้องชายผมเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ และ มีความสุขกับชีวิตที่น้องก้าวเดินนะครับ

:)

 

 

สำหรับน้องสาว kulaibah

พี่เอก ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่คิดว่าน่าจะได้พบเมื่อคืนแล้ว ...ประทับใจมากครับ สำหรับรอยยิ้มและมิตรไมตรีที่หยิบยื่นให้ผม

มีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก และได้แลกเปลี่ยนกันอีก

พี่เอกให้กำลังใจน้องสาวของพี่เช่นกันครับ..

ความดีสวยงามเสมอครับ..

หนูชื่ออัสมาอคะ หนูก็ขอเป็นกำลังใจให้พี่เอกเช่นกันกับหน้าที่การงานต่อสังคมและครอบครัวตอนนี้หนูทำงานเป็นล่ามภาษาอารบิกอยู่ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎ์ นานาซอย3ถ้าพี่เอกมีโอกาสผ่านมาแถวๆนั้นก็แวะมาเยี่ยมหนูได้นะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ หรือจะมาพาคณะที่สถาบันพระปกเกล้ามาเยี่ยมชมที่โรงพยาบาลก็ได้นะคะ หนูอยากมีพี่ชายมานานแล้วค่ะ

ขอบคุณ น้องสาวอัสมาอ  พี่เอกมีน้องสาวเพิ่มอีกคนแล้ว

ขอแก้ไขชื่องาน ฮิญาบฯ ครั้งที่ 4  เป็น งานฮิญาบสีเทาเคราหลากสี ครั้งที่ 3

 Dscf1748

ขอแสดงความยินดีกับรางวัลที่ได้รับ...

ขอบคุณทุกความรู้สึก ขอบคุณทุกกำลังใจ ขออัลลอฮฺได้ทรงตอบแทนทุกคนครับ

เสียงเล็กๆจะยังคงก้าวเดินต่อไปครับ อินชาอัลลอฮฺ

ลุงเอกขอยินดีกับฟูอ๊าดที่ได้รับในทุกๆรางวัลครับ

ดีจัยด้วยน่ะ

ก้าวไปอีกก้าวนึง เป็นก้าวที่ดีมากๆ อีกด้วย

งัยก็ขอเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ละกันน่ะ

อิ อิ อิ

นับถือในความสามารถของเพื่อนคนนี้จิง ๆ

ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับ กะยะฮฺ

Nurul เพิ่งรู้ว่าใช้ชื่อนี้นะเนี๊ยะ ขอบคุณทุกความรู้สึกและกำลังใจ โอกาสที่ให้กันเสมอมาครับ

สวัสดีครับ... แวะเข้ามาเยี่ยมครับ..ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจเล็ก ๆ จากอีกฝั่งของดินแดนนะครับ ...หนุ่มเชียงราย

ขอบคุณ

19. eleven ที่แวะเข้ามาเยี่ยมและกำลังใจดีๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท