คติจตุคามรามเทพ(๑) : คติจตุคามรามเทพ
ถาม
ตอนนี้มีเรื่องน่าเป็นห่วงในสังคมไทยอีกเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องกระแสนิยมวัตถุมงคลเหรียญ ‘จตุคามรามเทพ’ ซึ่งเท่ากับว่า เกิดการนับถือเทวดามากกว่าพระพุทธเจ้า
ความนิยมนี้รุนแรงมาก กล่าวกันว่า มีการแพร่สะพัดของเงินถึงสองหมื่นสองพันล้านบาท แพร่ระบาดไปทุกวงการ
แม้แต่วัยรุ่นทั้งหญิงและชาย ก็พลอยนิยมแขวนเหรียญ ‘จตุคามรามเทพ’ มากกว่าเครื่องประดับต่างๆ เสียอีก บางทีพ่อแม่ให้แขวนพระ วัยรุ่นบางคนก็จะไม่ยอม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเชย แต่ถ้าให้แขวนจตุคามรามเทพก็จะพอใจ เพราะเห็นเป็นเรื่องทันสมัย
นอกจากนี้เรื่อง ‘จตุคามรามเทพ’ ได้กลายเป็นเรื่องธุรกิจหาเลี้ยงชีพที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำแก่ผู้เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจสืบเนื่องต่างๆ อย่างการทำกรอบหุ้มเหรียญ ทั้งกรอบพลาสติก กรอบสเตนเลส กรอบเงิน รวมไปถึงเลี่ยมทอง มีข่าวหนังสือพิมพ์รายงานว่า บางวันได้เป็นแสนเป็นล้าน
ร้านขายหนังสือ รวมถึงแผงหนังสือพิมพ์ทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็ก ก็มีแต่หนังสือเกี่ยวกับ ‘จตุคามรามเทพ’ ไม่ว่าจะเป็นพ็อคเก๊ตบุ๊ค นิตยสารแทบลอยด์ นิตยสารขนาดแปดหน้ายก ฯลฯ ขายดิบขายดี จนสำนักพิมพ์พิมพ์ออกมาขายแทบไม่ทัน
แม่ค้าขายขนมจีน ก็เลิกขายขนมจีน หันไปจองเหรียญ ‘จตุคามรามเทพ’ เอามาให้เช่า รวยกว่าเยอะ มีแม้กระทั่งธุรกิจให้เช่าแบบเงินผ่อน ราคาตั้งแต่ร้อยบาทไปจนเรือนหมื่น
เรื่องนี้ ท่านเจ้าคุณฯ มีความคิดเห็นอย่างร?
ตอบ
ถ้าจะห่วงเรื่องนี้กันละก็ อย่ามาเพิ่งห่วงที่เรื่องจตุคามรามเทพนี่เลย ควรจะห่วงมานานแล้ว กระแสจตุคามรามเทพนี่เป็นเพียงอาการหนึ่งของโรคนี้ที่สังคมไทยเป็นมานานแล้ว
เรื่องพระพรหม พระราหู พระพระพิฆเนศ คนไทยเอาทั้งนั้น เดี๋ยวก็ฮือๆ แต่ตอนนี้อาการมันแรงขึ้น ถ้าปล่อยกันอยู่ ก็คงแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปถึงจุดหนึ่งก็อาจจะเป็นสังคมหลักลอย ที่ผู้คนเลื่อนลอย หาอะไรเป็นหลักยึดไม่ได้
บางคนอาจจะเรียกว่าโรคเส้นตื้น ถ้าใครพูดอย่างนั้นก็อย่าไปว่าเขาเลย เขานึกหาคำเหมาะไม่ได้ทันใจ ก็เลยพูดไปตามที่นึกได้
มองอีกแง่หนึ่ง เรื่องนี้ ถ้าคนเป็นชาวพุทธจริงละก็ ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก ถ้าเป็นชาวพุทธจริงนะ ถ้าจะนับถือของพวกนี้ เขาจะมีวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่ให้เกิดผลเสียหาย
พวกที่พาสังคมเคว้งคว้างน่าห่วงแน่ ก็คือพวกตื่นตามกระแส หรือพวกเหยื่อกระแส พวกนี้ นอกจากไม่มีหลักอะไร พระพุทธศาสนาที่ตัวว่านับถือ ก็ไม่รู้จักเลย นอกจากนั้นแล้ว แม้แต่สิ่งที่ตัวไปรับเอามา อย่างจตุคามรามเทพนั้น ตัวก็ไม่รู้หน้ารู้หลังว่าเป็นอย่างไร ไปอย่างไรมาอย่างไรกันแน่ ได้แต่ว่าไปตามเสียงที่ปั่นกระแสเท่านั้นเอง นี่ด้านชาวบ้าน
แต่ไม่ใช่แค่โยมเท่านั้น มันมาเป็นเรื่องของพระกับวัด ที่พลอยเข้ากระแสไปกับเขาด้วย คือ
หนึ่ง เหมือนกับถือหรือฉวยโอกาสหาลาภ หารายได้ หาผลประโยชน์กับเขาด้วย
สอง เสียหลัก ไม่ยืนอยู่ในหลักการของตัว คือพระรัตนตรัย และพระธรรมวินัย แค่เอาเทพมาปลุกเสกในวัด ถ้าทำพลาด จะกลายเป็นว่าพระไปนับถือเทพเข้า ก็หล่นคะมำเลย นี่ทำไปได้อย่างไร
พระต้องมีความรู้สึกรับผิดชอบทั้งสองด้านพร้อมกัน ด้านหนึ่งก็รับผิดชอบต่อหลักของตัวที่ว่าไปแล้ว อีกด้านหนึ่งก็รับผิดชอบต่อประชาชน คือจะต้องทำอะไรๆ โดยมุ่งเพื่อประโยชน์สุขของเขา เฉพาะอย่างยิ่งให้เขาเจริญงอกงามขึ้นในศีล ในธรรม ในปัญญา ถ้าพาเขาเสื่อมลง ก็ตรงข้ามเลย
คัดลอกจากหนังสือเล่มเล็กๆ ชื่อ คติจตุคามรามเทพ
เป็นบทสนทนาระหว่าง ท่านเจ้าคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) กับ คุณพนิตา อังจันทรเพ็ญ และหมู่มิตรสหาย
สวัสดีครับน้องบาว
บายดีหม้ายครับ
อิๆๆ เรื่องนี้น่าสนใจครับ แต่ว่าก็ว่าครับ ความจำเป็นของคนหลักๆ คือปัจจัยสี่ แต่ก็มีหลายๆ คนที่เพิ่มปัจจัยจากสี่ เป็น ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ .... เป็นต้น
หากมองพระรัตนตรัย เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ชาวพุทธยึดถือกัน หากจะเทียบเล่นๆ ก็คงเป็นพื้นฐานจากปัจจัยสี่ที่ว่าข้างบนนะครับ ดังนั้น ในเรื่องการยึดถือทางจิตใจเองก็อาจจะมีมากกว่า สามอย่างนั้น ก็แล้วแต่ว่าใครจะเอาอะไรมาให้ใจตัวเองยึดถือ เคารพบูชากันครับ หากปัจจัยเหล่านี้ นำไปสู่องค์ความดี เป็นคนดี ละกิเลสได้แล้ว สังคมสงบสุข ก็น่าจะนับได้ว่าน่าจะอภัยกันได้
ทำให้ผมนึกต่อไปถึงหนังตะลุงที่เคยบอกไว้ว่า การนับถือกองขี้วัวที่มีคนเอาหมากไปวางไว้ ชาวบ้านไปพบเจอกองขี้วัวพร้อมหมากพลูตั้งไว้ข้างของขี้วัว ทำให้ชาวบ้านคนนั้น ยกมือขึ้นกราบไว้ได้เช่น หรือว่าเรื่องของสิ่งอื่นต่างๆ ที่ต่างไปจากธรรมชาติ
บางครั้งการเข้าถึงนามธรรมได้ ก็ต้องผ่านการสัมผัสทางรูปธรรมมาก่อน แต่หากหลงในรูปธรรมมากเกินไป ก็คงจะไม่สามารถเข้าถึงนามธรรมได้เช่นกัน
พุทธะ นะมะ มามะ อาอะ อ.ฤ. อ.อะ นะเย สัพพะเพเยมะ
พุทธะ นะมะ มามะ อาอะ อ.ฤ. อ.อะ นะเย สัพพะเพเยมะ
พุทธะ นะมะ มามะ อาอะ อ.ฤ. อ.อะ นะเย สัพพะเพเยมะ
สวัสดีครับพี่บ่าวเม้ง
บายดีครับ
เรื่องที่พี่ได้ยินมาผมก็เคยได้ยินมาทำนองนั้นเหมือนกัน แต่จำไม่ได้ว่าได้ยินมาจากไหน
ของผมเป็นแบบนี้ครับ มีใครบางคนทิ้งเม็ดมะม่วงไว้ พอดีมีวัวไปขี้ใส่ มะม่วงก็งอกออกมาจากกองขี้วัว มีใครไม่รู้เห็นว่าขี้วัวงอกเป็นต้นมะม่วงก็เอาหมากพลู ธูปเทียนไปสักการะ นานเข้าต้นมะม่วงโตก็มีคนเอาผ้าแดงไปผูก มีคนเอาศาลไปตั้ง มีขอทานคนหนึ่งเอาเป็นที่ขอทาน นานเข้าขอทานคนนั้นทำตัวเป็นเจ้าสำนักเข้าทรง ทีนี้ก็มีลูกศิษย์ลูกหา แล้วก็โตไปเรื่อยๆครับ
คนเรามันก็เป็นโรคทาง(วิญญาณ)กันต่างๆ นานา แม้จะเป็นโรคเดียวกันแต่อาการ ความหนักเบา ภูมิประเทศ สภาพแวดล้อม จิตใจ ต่างกันครับ ฉะนั้นแต่ละคนก็ต้องได้รับยาที่มีความแรงไม่เท่ากัน หรือบางคนต้องใช้น้ำตาลเคลือบ บางคนเอาแบบขมๆ เลย ถ้ารักษาไม่ดีโรคร้ายมันจะลุกลาม แพร่กระจายไปยังชุมชน หรือประเทศได้
ก็อยู่ที่ว่าเราจะมีหมอที่เก่งกาจขนาดนั้นหรือไม่ นับวันเราจะหาหมอเก่งจริงๆ นั้นยากเหลือเกิน นับวันเราจะเจอหมอผีเสียมากกว่าครับ
หากหาหมอไม่ได้ ก็ต้องช่วยกันหาหยูกหายากินกันตายกันไปก่อนครับ
พูดถึงปัจจัย ผมมีคำถามครับ เวลาเราเอาเงินไปถวายพระ มักเรียกว่าถวายปัจจัย เจ้าเงินที่ว่านี้มันเป็นปัจจัยข้อไหนครับ?
อิอิ ปิดท้ายครับ ผมชอบโลโก้ใหม่ของพี่จัง มันหมายความว่าไงครับ ผมขอเดานะ พอแม่กำลังดึงลูกที่กำลังยืนจนรากงอก ให้แยกออกจากรากเพื่อเดินไปไหนมาไหนได้สักที 55555
ธรรมะสวัสดีครับ
สวัสดีครับ น้องบ่าว ทั้งสอง
ได้แรงหนัดเหนียน ครับ
บันทึกนี้ น่าจะสอดคล้อง พอดิบ พอดี กับ บันทึกนี้ ที่น้องบ่าว พี่บ่าว คู่หนึ่ง ช่วยกันทำมาหากินนะครับ
สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ
นึกถึงที่ท่านพุทธทาสค่ะ ท่านกล่าวว่าการมีพระพุทธรูปไว้กราบไหว้หรือแขวนคอนั้นมีทั้งที่เป็นไสยศาสตร์คือถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองป้องกันหรือเป็นเครื่องรางของขลัง
และที่เป็นพุทธศาสตร์คือเป็นวัตถุอนุสติ หรืออย่างมากก็เป็นปูชนียวัตถุ...ดังนั้นพุทธบริษัทจะต้องระวังสังวรกันไว้ให้ดีๆเพื่อไม่ให้เสียเกียรติของพุทธบริษัท จนกลายเป็นผู้ถือลัทธิบูชาวิญญาณ ( Animism ) ไปเสีย
ขอบคุณมากค่ะสำหรับบันทึกที่ทำให้เบิร์ดต้องมาดูว่าอยู่ข้างไหนกันแน่ ^ ^
สวัสดีครับพี่บ่าว
ขอบคุณทีี่มเยี่ยมกันอีกครั้งครับ แต่อย่าคิดว่ามาเยี่ยมเลยครับ คิดเสียว่ามาช่วยกันทำมาหากินดีกว่าครับ (อยากใช้คำว่ากู้โลก ก็ดูยิ่งใหญ่ไปครับ)
แรกเห็นหนังสือเล่มนี้วางบนหิ้ง ว่าจะไม่หยิบเสียแล้วเพราะ มีคำว่าจตุคามรามเทพแล้วก็ภาพจตุคามรามเทพ แต่พอดีเหลือบไปเห็นชื่อท่านเจ้าคุณฯ ข้างใต้ภาพจตุคามฯ ก็เลยคว้ามาและพร้อมกันนั้นก็คิดถึงพี่บ่าวแปลบ(มาก, อย่างมาก)
ก็เลยเอามาฝากครับ
ขอให้ประเทศไทยจงเจริญครับ อิอิ
สวัสดีครับคุณเบิร์ด
ผมว่าจริงๆ แล้วการมีพระพุทธรูป มีพระแขวนคอ หรือมีปูชนียวัตถุ ก็ดีเหมือนกัน เพราะจะบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา และทำให้รู้สึกร่มเย็น และสามารถนำมาเจริญสติได้ ทำให้นึกถึงพระรัตนตรัย อันเป็นที่พึ่งที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน (แต่ก็เพื่อตนเป็นที่พึ่งแห่งตน)
แต่ปัญหากลับอยู่ที่ว่าเราเข้าใจวัตถุประสงค์ที่สร้างวัตถุเหล่านั้นหรือไม่ เพราะชาวไทยพุทธเราเดี๋ยวนี้ติดกันแค่ตรงนั้น ไม่ยอม(ย้ำว่า ไม่ยอม) ก้าวให้พ้นสิ่งเหล่านี้ ถ้าหยุดแค่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ชาวพุทธจริงๆ
มันเสียเกียรติอย่างที่คุณเบิร์ดว่าจริงๆ ครับ
ไม่ทราบว่าคุณเบิร์ดได้อ่านปาฐกถาของอาจารย์พุทธทาสอันลือลั่นที่ชื่อว่า 'ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม' หรือยังครับ? ถ้ายังก็ลองดูนะครับ รับรองว่าจะถูกใจหนัดเหนียนเหมือนพี่บ่าวที่เคารพของผมครับ
เอ่อ แล้วที่ว่ารู้ว่าอยู่ข้างไหนแล้วนั้น คุณเบิร์ดอยู่ข้างไหนครับ?
ธรรมะสวัสดีครับ
สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ
พชรวรัตถ์ แสงทองชนาพงศ์
สวัสดีครับคุณแหวว
สวัสดีค่ะคุณ..เทพ..ธรรมาวุธ
ขอบคุณหลายๆครั้ง
ซาหวัดดี..ค่ะ..ขอบคุณนะคะ ที่ห่วงใยในสุขภาพ
สวัสดีครับครูอ้อย
ผมกำลังลุ้นว่าใครจะได้รับดีวีดีก่อนกันครับ
งานชิ้นนี้ทำกันแบบบ้านๆ มากครับ ผมเป็นคนรวบรวมข้อมูล ปรับแต่งชื่อไฟล์นิดหน่อยเพื่อให้อ่านสะดวก
ส่วนปกผมก็ออกแบบเอง แต่ก็เอาจากเว็บเจ้าของเขามาตัดๆ แปะๆ ครับ ส่วนที่เหลือเช่นการพิมพ์ ตัดกระดาษ ให้มันพอดีกับกล่องใส่แผ่น ผมได้ความร่วมมือกับเพื่อนอีกสองคน
ทำไปๆ ก็สนุกดีครับ เพราะไม่เคยทำเรื่องพวกนี้ รู้สึกอายๆ นิดหน่อย แต่ก็ภูมิใจครับ
ผมยังพอมีดีวีดีเหลืออีก ถ้าครูอ้อยต้องการเพิ่มไว้ให้เพื่อนสักชุดสองชุดก็บอกมานะครับ ยินดีครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
สวัสดีครับคุณแหวว
ดังที่ท่านเจ้าคุณฯ ได้ว่าไว้ เรื่องจตุคามฯ นี่มันแค่ปลายเหตุครับ มันเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้เห็นชัด ว่าเมื่อคนเราขาดที่พึ่ง เราจะไปพึ่งสิ่งใดกัน
และแล้วธรรมะกลับไม่ใช่ทางออก!?
ทางออกกลับเป็นสิ่งที่ต้องอ้อนวอนขอ อยากได้แต่ไม่สร้างเหตุที่จะได้ อะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นการพึ่งในสิ่งที่มีมาก่อนพระพุทธศาสนาด้วยซ้ำ
เราย้อนหลังไปก่อนพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้อีกครับ
ฉะนั้นคุณวิเศษแห่งพระธรรมก็ช่วยไม่ได้
ถามว่าผมจะทำยังไงกับกระแสนี้ ผมก็ไม่มีวิธีอะไรที่ดีมากมายหรอกครับ ก็ทำเท่าที่เห็น แจกซีดีธรรมะให้แก่คนที่คิดว่าจะนำไปเผยแผ่ สั่งสอน อบรมแก่คนอื่นได้ วิพากษ์วิจารณ์ กระตุก ตามบันทึกที่เขียนนี่แหละครับ
ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เพราะปัญญา และความสามารถมีเพียงนี้
แต่ก็หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดกัลยาณมิตร ที่มาช่วยกัน ปรึกษากัน แล้วก็ช่วยกันทำแบบนี้อีกแรง ก็แบบที่คุณแหววกำลังทำนี่แหละครับ
แล้วจะตามไปอ่านต่อในบันทีกที่แจกดีวีดีนะครับ
สวัสดีครับ
สวัสดีครับท่านธรรมาวุธธรรมาวุธ
ไม่ใช่ผมไม่สนใจธรรมะครับ
แก่นแท้ของพุทธ ผมซึมซับอยู่เต็มอก และไม่มีคลอนแคลน ในโอกาสนี้ผมขออนุญาตินำข้อความดีๆไปรวมครับ ขอบคุณมากครับ http://gotoknow.org/blog/mrschuai/113523#
ม่ายช่ายอย่างนั้นคร้าบคุณหมีที่เคารพ
ที่ถามน่ะอยากแจกแผ่นดีวีดีธรรมะให้ กลัวว่าคนถูกถามเป็นมุสลิม เดี๋ยวเขาหาว่าผมไม่สุภาพเท่านั้นเองครับผม
สวัสดีครับ