ทิวา
สวัสดีค่ะ
คุณทิวา
ผมเป็นชาวแพร่ ตอนนี้ เขามีมิสเตอร์เตือนภัยด้วยแล้วครับ
“บทพิสูจน์ของวิถีชีวิตแบบพอเพียง.” แพร่ ...จังหวัดเล็กๆอันดับท้ายๆของ 17 จังหวัดภาคเหนือ (กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ น่าน พิจิตร พิษณุโลก พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี) กลับกลายมาเป็นจังหวัดที่น่าอยู่อันดับหนึ่งของประเทศ จากการจัดอันดับของโครงการ Child Watch
แม้ว่า จะมีคนไทยเป็นจำนวนไม่น้อยที่ มีความรู้สึกอึดอัด เครียด กับสถานการณ์บ้านเราเป็นอย่างมาก คอยหวังว่า วันคืนเก่าๆที่สงบสุขกว่านี้ จะได้กลับมาเสียที แต่ตามข้อมูลของ ของหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2549
ประเทศไทย กลับเป็นประเทศที่ รั้งอันดับ 32 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ตามหลังประเทศในเอเชีย
อย่าง ฟิลิปปินส์ที่รั้งอันดับ 17 อินโดนีเซีย 23 และจีน 31 ประเทศที่มีความสุขรั้งท้ายในโลกส่วนใหญ่เป็นประเทศในแอฟริกา เช่น สวาซิแลนด์ บุรุนดี สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุดใน 178 ประเทศ คือซิมบับเว กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำหรือ จี-8 ที่เป็นประเทศร่ำรวย ดีที่สุดก็คืออิตาลี อันดับที่ 66 เยอรมนี อันดับที่ 81 ญี่ปุ่น อันดับที่ 95 อังกฤษ อันดับที่ 108 แคนาดา อันดับที่ 111 ฝรั่งเศส อันดับที่ 129 สหรัฐ อันดับที่ 150 และรัสเซีย อันดับ 172
วานูอาตู ประเทศหมู่เกาะเล็กๆ ในแถบแปซิฟิกใต้ ที่มีประชากรเพียง 2 แสนคนติดอันดับหนึ่ง ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก มีความสุขเนื่องจากไม่ใช่สังคมบริโภค สิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิต คือครอบครัว ชุมชน การปรารถนาดีต่อกัน และการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมโลก ทั้งนี้สิ่งที่ชาวเมืองนี้กังวลมีเพียงไซโคลนหรือแผ่นดินไหวเท่านั้น เมื่อมาเทียบกับจังหวัดแพร่ ของเราแล้ว จะเห็นว่า มีอะไรที่คล้ายกัน นับตั้งแต่ ขนาด จำนวนประชากร วิถีชีวิตที่เรียบง่าย การกินอยู่อย่างพอเพียง และสำหรับเมืองแพร่ของเรา......การใกล้ชิดกับศาสนา เป็นต้น
ดัง พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานในวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2541 “คนเราถ้าพอใจในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิดว่าทำอะไรต้องเพียงพอ หมายความว่า พอประมาณไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข
ดิฉันได้เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดแถวภาคเหนือเมื่อเร็วๆนี้ และได้แวะที่จังหวัดแพร่ จึงได้มีโอกาสทราบข่าวดีที่น่าปลื้มใจของจังหวัดเล็กๆที่สงบน่าอยู่แห่งนี้ว่า นอกจากจะได้รับการยกย่องให้เป็นจังหวัดที่น่าอยู่มากที่สุดเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมานี้แล้ว ในปลายปี 2550นี้ จังหวัดแพร่ ยังจะเป็นตัวแทนของ 17 จังหวัดภาคเหนือ จัด ”งานสร้างสุขภาคเหนือ.”
ปี 2550 ว่าด้วย "สุขแบบพอดี ด้วยวิถีพอเพียง" ที่สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส)
ปัจจุบันแพร่ เป็นเมืองเกษตรกรรม มีชื่อเสียงในการผลิตผ้าหม้อห้อม ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์พื้นเมืองอย่างของล้านนา ซึ่งกลุ่มจังหวัดล้านนาที่กล่าวถึงคือ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ พะเยา น่าน
วิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัด คือ เมืองไม้สัก วิถีชีวิตวัฒนธรรมล้านนา ภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่มาตรฐานสากล ที่ได้ระบุไว้ในหนังสือนี้ โดยกำหนดเป้าประสงค์ ไว้เป็น 5 ด้านเช่น ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมเมืองแพร่และผลิตผลทางการเกษตรเป็นต้น จะเห็นได้ว่า รายได้หลัก จะมาจาก การท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งก็เอื้อต่อ การมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงของประชาชน และเป็นคำตอบว่า ทำไมประชาชนชาวแพร่ถึงเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ดิฉันได้ ถือโอกาสไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่หลายแห่งด้วยกัน เช่น วัดพระธาตุช่อแฮ วัดพระนอน อนุสาวรีย์พระยาไชยบูรณ์ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ซึ่งเป็นสถาปัตยากรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคต้น คือไทยผสมยุโรป เคยได้รับ รางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทอาคารสถาบันและอาคารสาธารณะ ประจำปี 2540 และได้รับเลือกเป็นต้นแบบ อาคารห้องสมุดเฉลิมราชกุมารี ก่อนกลับได้ไปชมแหล่งหัตถกรรมพื้นบ้าน ผ้าหม้อห้อมและผ้าตีนจก พร้อมกับซื้อผลิตภัณฑ์จักสานจากเถาวัลย์ มาฝากเพื่อนฝูงด้วย จากเมืองแพร่มาแล้ว มาถึงบ้าน ก็ยังคิดถึง ……
ว่าความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ โดยเริ่มจากระดับบุคคล ครอบครัว ขยายไปยังชุมชน และสังคมโดยรวม เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน ให้มีความเข้มแข็ง มีความสามัคคี มีคุณธรรม มีการเลี้ยงชีพชอบ พยายามหาความรู้ สร้างตัวเองได้ ยืนบนขาตัวเองได้ กอร์ปทั้งระบบเศรษฐกิจก็มีการจัดระบบ และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะที่จังหวัดแพร่นี้ มีการทำไร่นาสวนผสม/เกษตรผสมผสาน มีการกระจายรายได้ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอ ไม่ฟุ้งเฟ้อ รวมทั้งให้ความสำคัญกับทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเป็นอย่างมากด้วย
หม้อห้อม ไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม
ดิฉันได้รับหนังสือ 1 ปี CEO แพร่ (1 ต.ค 48—30 ก.ย.49-)----วิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัดแพร่ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล ที่แสดงถึงผลงาน ที่ได้มาจากการร่วมมือกันทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชนและประชาชน เป็นสื่อให้ได้เผยแพร่ผลสำเร็จในการทำงานพัฒนาจังหวัดให้ทราบโดยทั่วกัน
เมื่ออ่านประวัติแล้ว ก็ทราบว่า แพร่เป็นจังหวัดที่เก่าแก่ ย้อนไปถึงพ.ศ. 1371 พญาพลเป็นผู้ปกครองเมืองแพร่ เดิมชื่อ เมืองพล หรือพลนคร ต่อมาสมัยยุคขอมเรืองอำนาจ ได้เปลี่ยนมาเรียกเมืองพล ระหว่างปี พ. ศ. 1470-1560 พระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย ได้เข้าครอบครองดินแดนตลอดแคว้นล้านนา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น โกศัยนคร หรือ เวียง โกศัย แปลว่า ผ้าแพร
พี่ศศินันท์ครับ
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลที่นำมาแลกเปลี่ยน
แพร่เป็นจังหวัดที่ผมไม่เคยไปเลย ผ่านไปผ่านมา แต่พระธาตุช่อแฮเป็นพระธาตุประจำปีเกิดผมครับ
อยากไปเที่ยวเหมือนกัน แต่ต้องรอโอกาส ผมก็คิดว่าจังหวัดที่น่าอยู่ที่ไม่แพ้ที่อื่นในใจผมก็คือ "แม่ฮ่องสอน" บ้านผมครับ อิอิ
สวัสดีค่ะ
พี่เคยไปมา 2 ครั้ง นานแล้ว และเมื่อเร็วๆนี้ เป็นจังหวัดเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์มาก มีสถาปัตยกรรมเก่าๆหลายแห่ง สงบ น่าเที่ยวค่ะ
ก็เป็น 1 ใน 17 จังหวัดภาคเหนือเหมือนกันค่ะ วันหลังจะไปแม่ฮ่องสอนค่ะ ให้คุณเอกพาเที่ยว
ต้อมเคยไปเยือนเมืองแพร่หลายครั้งอยู่เหมือนกัน ตอนเด็ก ๆ ที่ไปกับพ่อและแม่ก็ไปบ้านประทับใจ พอโตขึ้นมาก็ไปหาเพื่อนรุ่นพี่ในเน็ต ซึ่งก็ไม่พ้นร้านอาหาร แต่ยังมีบ้างที่ได้ไปวัดพระธาตุช่อแฮ
เวลาได้มีเวลาพินิจพิจารณาดูสถาปัตยกรรมไทยในช่วงเวลาต่าง ๆ จะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษ ตลอดจนเรื่องราวความเป็นมาของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม นะคะ
ป.ล. ที่จำได้แม่นก็มีอยู่ร้านหนึ่ง อาหารเจอร่อยมาก ๆ
น่าสนใจมากเลยนะคะคุณพี่ศศินันท์ sasinanda เรื่องดัชนีความสุขนี้
สังเกตได้ว่าประเทศวานูอาตูที่มีประชากรเพียง ๒ แสนและมีลักษณะคล้ายๆ กับเมืองแพร่ เป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุด
จำนวนประชากรมีผลมากเลยค่ะในที่นี้ เพราะถ้ามีคนจำนวนมากในพื้นที่น้อยๆ หรือทรัพยากรน้อยๆ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค ให้เหมาะสมที่สุด และแน่นอนว่าประชากรต้องแก่งแย่งทรัพยากรซึ่งมีอยู่เท่าเดิมและลดลงเรื่อยๆ กันเอง ประมาณว่าเค๊กมีอยู่ชิ้นเดียวแต่คนกินเยอะขึ้น
หากเราไม่รักษาธรรมชาติ ไม่คงรักษาหรือใช้ทรัพยากรกันอย่างคุ้มค่า ดิฉันว่าคงยากที่จะมีความสุขกันได้ค่ะ เพราะแนวโน้มจะมีคนเยอะขึ้น แต่ทรัพยากรและธรรมชาติลดลงเรื่อยๆ ค่ะ
ดีใจที่บ้านเรายังมีเมืองดีๆ น่าอยู่ และมีความพยายามที่จะคงรักษาวัฒนธรรมและบ้านเมืองไว้ให้ดี แต่ก็ไม่อยากเห็นแพร่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบสมุยที่กลายเป็นที่รวมของฝรั่งหรือเชียงใหม่ที่สถาปัตยกรรมเมืองเหนือหายไปเยอะ บ้านเรือนข้างถนนไม่ค่อยสวยงามแล้ว กลายเป็นตึกแบบกรุงเทพ รกๆ เยอะ
อาจจะคิดเยอะไปหน่อยค่ะ แต่รู้สึกจริงๆ ว่า "มากคนมากความ" ค่ะ ^ ^
สวัสดีค่ะ อาจารย์คะ
ประเทศวานูอาตูที่มีประชากรเพียง ๒ แสนและมีลักษณะคล้ายๆ กับเมืองแพร่ เป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุด
ประชากรมีน้อย ทรัพยากรจึงมีพอที่จะแบ่งปันกัน แต่ถ้าคนมากขึ้นๆ ทรัพยากรลดลงเรื่อยๆ ความสุขก็คงจะน้อยลง เพราะ ต้องเจียดแบ่งกันให้พอละค่ะ
ดังนั้น เรื่องการรักษาธรรมชาติ และการใช้ทรัพยากรต้องมีการบริหารจัดการอย่างดีค่ะ จึงจะไปกันรอด และคนยังมีความสุขอยู่ค่ะ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงเป็นปรัชญาที่มีการดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ทันโลก แต่เราต้องเน้นที่ความพอประมาณ และมีเหตุ มีผลนะคะ ก็เหมือนกับคำสอนของพระพุทธเจ้า เรื่อง ทางสายกลางเหมือนกันค่ะ
สวัสดีค่ะ
ดิฉันเป็นชาวพิจิตรค่ะ อยู่ไม่ไกลกันเท่าใด เวลากลับบ้านที และมีเวลา ก็ชอบไปเที่ยวหลายๆจังหวัดรอบๆพิจิตร ไทยเที่ยวไทยค่ะ
ดูๆแล้ว คงไม่เป๋นอย่างจังหวัดชายทะเลหรอกค่ะ เพราะ เป็นเมืองเงียบๆ ไม่มีอะไรเอะอะเลย อยากให้เป็นอย่างนี้ค่ะ อยากให้อนุรักษ์ของเก่าไว้ให้นานๆค่ะ
สวัสดีค่ะ
คุณ กฤษณา
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อประมาณ 65 ปีมาแล้ว
พระภิกษุวัดนครชุมรูปหนึ่งจุดเทียนไขเดินเข้าไปในถ้ำจนหมดเทียนเล่มหนึ่งก็ยังไม่ถึงก้นถ้ำ จึงไม่ทราบว่าภายในถ้ำชาละวันจะสวยงามวิจิตรพิสดารเพียงใด ในปัจจุบันดินพังทลายทับถมจนตื้นเขิน ทางจังหวัดได้สร้างรูปปั้นไกรทองและชาละวันไว้ที่บริเวณปากถ้ำด้วย ส่วนวัดที่เคยไปชื่อ วัดนครชุมสวัสดีครับ
ผมเห็นในหนังสือพิมพ์ และทีวี ว่า ที่จังหวัดนี้ มีน้ำท่วมบ่อยนะครับ สุดท้ายนี่ก็ปี 2549 นี่เอง และประชาชนยังอยู่กันได้อย่างสงบสุขนี่ ก็น่าชื่นชมและต้องขอชมผู้บริหารเลย ซึ่งคงมีท่านผู้ว่า เป็นหัวแถว
ปรีชา
สวัสดีค่ะ คุณปรีชา
ปัญหานี้ เท่าที่ทราบ ก็คงเป็นปัญหาที่ค่อนข้าลซ้ำซากละค่ะ เพราะจังหวัดแพร่ ตั้งอยู่บนลุ่มน้ำยม มีภูเขาสลับซับซ้อนรายรอบ 4 ทิศ จึงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารใหญ่ของประเทศ เลยมักมีปัญหาอุทกภัยแทบทุกปี ปี 2549 เกิดดินถล่ม ในเขตอำเภอเมือง อำเภอสูงเม่น และเด่นชัย เสียหายค่อนข้างมากค่ะ
ตอนนี้ ทราบว่าทางจังหวัด กำลังจัดทำแผนการป้องกันและแก้ไข อย่างยั่งยืนต่อไปค่ะ ทางจังหวัด และทางกระทรวง ได้เข้าไปช่วยเหลือทันการ ประชาชนก็อุ่นใจ และเข้าใจ ว่า เป็นภัยธรรมชาติค่ะ
คุณปรีชาคะ
ที่คุณปรีชา กล่าวว่า น้ำท่วม สุดท้ายนี่ก็ปี 2549 นี่เอง และประชาชนยังอยู่กันได้อย่างสงบสุขนี่ ก็น่าชื่นชมและต้องขอชมผู้บริหารเลย ซึ่งคงมีท่านผู้ว่า เป็นหัวแถวพอดี หนังสือที่ทางจังหวัดแจกมา มีเรื่องนี้พอดี ก็เลยนำมาสรุปให้ดูค่ะสวัสดีครับ
ผมเป็นชาวแพร่ ตอนนี้ เขามีมิสเตอร์เตือนภัยด้วยแล้วครับ
สวัสดีครับ
ในฐานะที่เป็นคนแพร่ ผมอยู่เมืองแพร่มาตั้งแต่เกิด เมื่อเทียบกับเชียงใหม่ที่เจริญและเป็นเมืองใหญ่มากๆ
เมืองแพร่ยังคงเสน่ห์ในความเป็นเมืองเงียบ สงบงามครับ
หากใครจะไปเมืองแพร่ สอบถามผมได้ครับ ยินดีครับ
สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ ขอให้หายจากหวัดเร็วๆนะคะ ขอบคุณมากด้วยนะคะสำหรับภาพดอกบัวงามที่ไปฝากไว้ให้
อ่านเรื่องเมืองแพร่แล้วชุ่มชื่นใจจริงๆค่ะ
เคยไปแพร่มาครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ไม่ได้เที่ยวเห็นอะไรมากนักเพราะไปเรื่องงานที่บ้านอาจารย์โกมล (โกมลผ้าโบราณ) อ่านแล้วจะต้องหาโอกาสไปเยี่ยมเยือยอีกซักครั้งค่ะ
นุชชอบเมืองเหนือมากแทบทุกจังหวัดค่ะ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน ชอบวัฒนธรรมล้านนาที่ยังเข้มแข็งเป็นเอกลักษณ์ วัดวาอาราม ภูเขาและแม่น้ำ อากาศที่มักเย็นสบาย เพิ่งกลับจากลำปางมายังประทับใจไม่คลายค่ะ
คุณพี่เปลี่ยนหน้าตาบล็อก สวยมาก ถูกใจคนชอบสีม่วงจังค่ะ
สวัสดีคะ...คุณศศินันท์ ....แพร่เป็นอีกจังหวัดที่ชอบมากเพราะบ้านเพื่อนอยู่ที่นั่น(ที่พัก-อาหารฟรี)...อิๆอีกหลายเหตุผลคือ...เป็นเมืองเล็กๆที่ผู้คนมีน้ำใจคะ...มีประเพณีและวัดวาอารามที่สวยงาม...น่าเสียดายที่ตอนนี้แพร่อาจเป็นแค่จุดแวะพักทานอาหารเท่านั้น...ทุกคนมุ่งสู่เชียงใหม่เชียงรายกันหมด...เพราะถนนเสร็จเกือบหมดแล้ว...(ถนนดีเป็นเรื่องไม่ดีหรือ...ตัวเองเป็นคนคิดไม่เหมือนคนอื่นคะ...อย่างถ้าไปที่ไหนไม่ได้พักค้างไม่ได้ไปทานข้าวเช้า-ข้าวเย็นในกาดไม่นับว่าเคยเดินทางไปที่นั่นคะ...การเดินทางสะดวกเกินไปไม่ดีคะ...เพราะคนแห่กันไปพักที่จังหวัดดังๆกันหมด)...ขอบคุณที่นำเสนอแง่มุมดีๆและอบอุ่นคะ
เป็น Compliment พิเศษให้คุณปริวิทย์ ไวทยาชีวะ...วัดพระธาตุเปีงใจ เมืองเชียงตุง ประเทศพม่า
สวัสดีค่ะคุณพี่ Sasinanda
เมืองแพร่ ยังไม่เคยไปเลยค่ะ เป็นที่ๆ นึงที่จะต้องไป เค้าว่าให้ไปไหว้พระธาตุช่อแฮ
เห็นอย่างงี้ ยิ่งทำให้อยากไป เมืองที่ผู้คนมีความสุข คนไปเที่ยวก็จะมีความสุขไปด้วย
^___^
ทิวา
สวัสดีค่ะ
คุณทิวา
ผมเป็นชาวแพร่ ตอนนี้ เขามีมิสเตอร์เตือนภัยด้วยแล้วครับ
สวัสดีครับ พี่ศศินันท์
แพร่เป็นจังหวัดที่ผมไม่มีโอกาสได้ลงไปท่องแวะ ทั้งที่ในใจปรารถนาที่จะไปเยี่ยมชมเมืองนี้ไม่น้อยไปกว่า "เมืองปาย" หรือแม้แต่ลำปาง ... และเชียงใหม่
แต่ถึงแม้ไม่เคยได้ไปเยี่ยมชมความเป็นจริงด้วยตัวเอง แต่ก็มักมีนิสิตหอบหิ้วเสื้อหม้อห้อมมาฝากอยู่บ่อยครั้ง
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เกื้อหนุนให้สังคมเป็นสังคมที่น่าอยู่และมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นขนาดจำนวนประชากร, วิถีชีวิตที่พึ่งพิงธรรมชาติอย่างไม่เห็นแก่ได้, การเคารพและหยั่งรู้ตัวตนของตนเองในเชิงวัฒนธรรม, การใช้ชีวิตแบบสมถะและเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อและลุ่มหลงไปในกระแสธารทุนนิยมอย่างโงหัวไม่ขึ้น และที่สำคัญก็คือ การมีหลักคิดที่แน่นหนาในทางศาสนา
ผมมองว่าสังคมตะวันออกอย่างเรา ๆ มีความแนบแน่นกับวิถีธรรมชาติมาก เห็นได้จากวรรณกรรมในแนวปรัชญาจำนวนมากก็สื่อแสดงในแนวปรัชญาธรรมชาตินิยมอยู่อย่างมหาศาล ... ธรรมชาติมักจะเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์คิดและสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ อย่างมีระบบ แต่ครั้นสังคมวิวัฒน์อย่างหลากหลายและหลุดพ้นไปจากความ "พอเพียง" วิธีคิดและวิถีการดำเนินชีวิตก็เริ่มแปลกแยกและเดินออกมาไกลเกินกว่าจะกลับไปยังจุดเริ่มต้นนั้นได้อีก
....
เราต้องไม่สิ้นหวังที่จะหาสังคมต้นแบบเพื่อเป็นทางเลือก หรือแบบอย่างของการสร้างคุณภาพชีวิต ทั้งในระดับ ครอบครัว - ชุมชน (หมู่บ้าน) - ไปสู่สังคมระดับชาติ รวมถึงการหาต้นแบบบุคคลที่ควรค่าต่อการยกย่องและเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และหนึ่งในนั้นเราโชคดีแล้วที่มี "ในหลวง" ทรงเป็นต้นแบบทั้งปวงที่คนไทยควรต่อการยึดเป็นแบบอย่างอย่างไม่รู้จบ
....
ขอบพระคุณเรื่องดี ๆ ที่เต็มไปด้วยสาระความคิด ทั้งมิติสังคม, วัฒนธรรม การเมือง ศาสนา และการศึกษา...
พี่ศศินันท์ครับ
อีกประเด็นที่ผมสนใจก็คือ ....
หลายคนยังไม่รู้เลยว่า จุดแห่งความพอเพียงของตนเองอยู่ที่ใด และนั่น จึงทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข
คนจนยากไร้ ก็น่าจะมีจุดพอเพียงในลักษณะหนึ่ง , คนรวย นักธุรกิจ ก็มีจุดแห่งความพอเพียงในอีกลักษณะหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบกันและกัน
ดิฉันได้เข้ามาอ่านบันทึกของจังหวัดแพร่ ก็น่าอยู่ น่าสนใจ มีที่เที่ยวหลายแหล่ง ดิฉันคงต้องหาเวลาไปเที่ยวเหมือนกัน ดิฉันเป็นคนจังหวัดพิจิตรค่ะ ถ้าจะไปเที่ยวจังหวัดแพร่ อยากเชิญชวนให้แวะมาเที่ยวที่จังหวัดพิจิตรบ้าง เพราะเป็นทางผ่าน ซึ่งมีที่เที่ยวหลายแห่ง เช่น วัดท่าหลวง เป็นวันที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิจิตร อยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก ใกล้ศาลากลางจังหวัด มีอายุนานถึง 162 ปี และมีบึงสีไฟ เป็นแหล่งนำขนาดใหญ่อันดับสามของประเทศ มีสถานีประมงน้ำจืดเพื่อเพาะพันธุ์ปลา มีศาลาได้นั่งผักผ่อนหย่อนใจ มีรูปปั้นพญาชาละวัน ตั้งอยู่ด้านหน้าบึงสีไฟ เป็นต้น อยากให้เข้ามาเที่ยวที่จังหวัดบ้าง อาจเป็นจังหวัดเล็กๆ จึงไม่ค่อยมีใครอยากเข้ามาเที่ยว ก็ขอเชิญแวะมาเที่ยวกันนะค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ Sasinanda
แวะมาเยี่ยมเยียนบล็อกค่ะ (ตั้งใจมา) บล็อกของพี่มีแต่เรื่องราวที่น่าสนใจแล้วก็เป็นความรู้ค่ะ
ส่วนตัวแล้วไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ จ.แพร่ เลยค่ะ เคยไปแต่เชียงใหม่ ได้เห็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่พี่ลงในบล็อกแล้ว คิดว่าคงจะต้องหาโอกาสไปเที่ยวสักครั้งให้ได้ค่ะ
ประเพณีเกี่ยวกับชีวิต ได้แก่ ประเพณีการเกิด การตาย การแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่สืบชะตา เป็นต้น
ประเพณีเกี่ยวกับการทำมาหากิน เช่น ประเพณีการแรกนา สู่ขวัญข้าว-ขวัญควาย การเอามื้อเอาแรง ทำนาทำสวน การหล้องเหมืองตีฝาย(ขุดลอกลำเหมืองซ่อมแซมฝาย) เลี้ยงผีขุนน้ำ เป็นต้น
ประเพณีเกี่ยวกับศาสนา เช่น ประเพณีปอยน้อย (บรรพชา) ปอยเป๊กข์ (อุปสมบท) ปอยหลวง (ทำบุญฉลองเสนาสนะ) ขึ้นพระธาตุหรือไหว้พระธาตุ(สรงน้ำพระธาตุ) ทานสลากภัตต์ ตั้งธัมม์หลวง (ฟังเทศน์มหาชาติ) เข้าพรรษา ออกพรรษา ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า เป็นต้น
ประเพณีตามเทศกาล เช่น ประเพณีปีใหม่-สงกรานต์ ประเพณีเดือนยี่เป็ง(วันเพ็ญเดือน ๑๒) เป็นต้น
สวัสดีครับคุณพี่
น่าจะบอกได้ชัดเลยครับว่า ประเพณีที่ดีงาม วัฒนธรรมที่สะท้อนวิถีชีวิตแบบพอเพียงไม่ฟุ้งเฟ้อ ศรัทธาในศาสนาและจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ และการเชื่อมต่อประวัติศาสตร์แห่งผืนแผ่นดิน น่าจะเป็นตัวบ่งบอกถึงการมีความสุขของผู้คนและสังคมนั้น ๆ ได้นะครับ
ผมปรารถนาได้อยู่ในสังคมที่ให้คุณค่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่รถหรูแพง ไม่ใช่เงินทอง จับจ่าย ไม่ใช่เสื้อผ้าแบรนด์ ไม่ใช่เทคโนฯ สุดลิ่ม
แต่ก็ยังต้องวนว่ายอยู่ครับ ไม่แปลกที่พวก จี 8 ไม่ค่อยมีสุขกันนัก เพราะคงเติมชีวิตให้เต็มไม่ได้ซะที และไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่ขาดอยู่
ชาวพม่าจึงได้ร่วมใจกันสร้างวัดของ
แต่ละกลุ่มชนขึ้นเพื่อเป็นที่ทำบุญบำเพ็ญกุศลของตนขึ้นดังนี้
1. วัดจองเหนือ (วัดจอมสวรรค์) สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2547
2. วัดจองกลาง (วัดสระบ่อแก้ว) สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2419
3. วัดจองใต้ (วัดต้นธง) สร้างขึ้นเมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน
สวัสดีค่ะ
แหวว มาเยี่ยมชมท่องเที่ยวเมืองแพร่ที่แหววยังไม่เคยไป (เคยแต่ผ่านค่ะ) น่าสนใจมากค่ะ.
ขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยมค่ะ
อีกที่หนึ่งที่ไป คือพระธาตุจอมแจ้ง เลยพระธาตุช่อแฮไป 1 ก.ม. ตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงที่นี่ เวลาเกือบสว่าง จึงเรียกว่าพระธาตุจวนแจ้ง ต่อมาเพี้นยเป็นจอมแจ้งค่ะ
สันนิษฐานว่า เป็นที่บรรจุพระเกศาพระพุทธเจ้าค่ะ บริเวณพระธาตุ ผู้หญิง ห้ามเข้า
ที่นี่ มีพิพิธภัณฑ์ตำบลป่าแดง หรือพิพิธภัณฑ์ของจังหวัด รวบรวมสิ่งโบราณหายากค่ะ
ดาวเรือง
สวัสดีค่ะ
คุณดาวเรืองบอกว่า
ดิฉันเป็นคนจังหวัดพิจิตรค่ะ ถ้าจะไปเที่ยวจังหวัดแพร่ อยากเชิญชวนให้แวะมาเที่ยวที่จังหวัดพิจิตรบ้าง
ดิฉันได้แวะเข้าไปเที่ยวด้วยค่ะ แต่ใช้เวลาไม่นานนัก คราวหน้า มีเวลามากกว่านี้ จะไปค้างคืนแน่นอนค่ะ เที่ยวนี้ไปชมวัดท่าหลวง ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิจิตร อยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก ใกล้ศาลากลางจังหวัด มีอายุนานถึง 162 ปีด้วยค่ะสวัสดีค่ะ
ขอบคุณ คุณพนัสที่กล่าวว่า.........
เราต้องไม่สิ้นหวังที่จะหาสังคมต้นแบบเพื่อเป็นทางเลือก หรือแบบอย่างของการสร้างคุณภาพชีวิต ทั้งในระดับ ครอบครัว - ชุมชน (หมู่บ้าน) - ไปสู่สังคมระดับชาติ รวมถึงการหาต้นแบบบุคคลที่ควรค่าต่อการยกย่องและเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และหนึ่งในนั้นเราโชคดีแล้วที่มี "ในหลวง" ทรงเป็นต้นแบบทั้งปวงที่คนไทยควรต่อการยึดเป็นแบบอย่างอย่างไม่รู้จบ
ตามความเห็นของพี่ เห็นว่า สังคมที่มีศาสนาเป็นหลักอย่างประเทศเรา ควรจะไม่มีความขัดแย้งระหว่าง ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมที่ดีงามของเรา กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี่ต่างๆ ที่เราจะต้องรับเข้ามาเท่าที่จำเป็น และปรับใช้ ให้เข้ากับวิถีชีวิตของเรา
วิถีชีวิตแบบพุทธ ก็คววรเข้ากับเศรษฐศาสตร์แนวพุทธค่ะ เช่น ตอนนี้ ทางจังหวัดก็มีหลายโครงการดีๆที่ทำอยู่...การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่งเสริมธุรกิจหม่อนไหม.......การวิจัยและพัฒนามาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์..การพัฒนาโมเลกุลเครื่องหมายของยีนส์ต้านทานแมลงบั่วเพื่อปรับปรุงพันธ์ข้าว เป็นต้น
อีกตัวอย่างหนึ่ง เช่น ทางสถาบันพัฒนาผู้นำท้องถิ่น
ซึ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2548 โดย อบจ.แพร่ เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยี สอนวิชาชีพด้านต่างๆ ให้เกษตรกรและผู้สนใจสามารถนำไปทำจริงตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยในพื้นที่ของสถาบัน จะมีการสาธิตกิจกรรมหลากหลาย แต่ที่โดดเด่นและได้รับความสนใจอย่างมากก็คือ การสาธิตการเลี้ยงหมูหลุม หรือการเลี้ยงหมูอินทรีย์ “ในหลวง”ทรงเป็นต้นแบบของพวกเราชาวไทยที่ประเสริฐที่สุดค่ะ
สวัสดีครับl
หลายคนยังไม่รู้เลยว่า จุดแห่งความพอเพียงของตนเองอยู่ที่ใด และนั่น จึงทำให้ไม่สามารถ ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข คนจนยากไร้ ก็น่าจะมีจุดพอเพียงในลักษณะหนึ่ง , คนรวย นักธุรกิจ ก็มีจุดแห่งความพอเพียงในอีกลักษณะหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบกันและกัน
เห็นด้วยอย่างที่กล่าวไว้ค่ะ ความเห็นของพี่คือ จุดแห่งความพอเพียงแม้จะไม่เท่ากันก็จริง แต่จุดที่น้อยที่สุดควรจะเป็นจุดที่คนเราต้องสามารถซื้อความสุขในเรื่องของปัจจัย 4 ได้ และสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องที่ทำให้อยู่ได้อย่างเพียงพอตามอัตภาพ
ซึ่งเท่าที่ทราบประเทศเรามีเส้นกำหนดตรงนี้ คือคนมีรายได้ไม่เกิน 20,000.00/คน/ปี เป็นคนจน และยังสูงกว่าที่UNกำหนดค่ะ เพราะUNกำหนดให้คนที่มีรายได้ประมาณ 16,000.00/ปี เป็นคนยากจน คนรวยกับคนจน จะมีการแตกต่างกันของรายได้มากค่ะ
แต่ถ้ามีคนชั้นกลางมาอยู่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว ปัญหาจะไม่มาก เพราะกลุ่มคนที่จนที่สุดกับรวยที่สุดมันน้อย
ซึ่งที่ดีที่สุด คือการกระจายรายได้ ให้ช่องว่างตรงนี้ น้อยลงให้มากที่สุดค่ะ
ส่วนคนที่ไม่มีความสุข ก็ไม่ทราบว่า เขารู้จักพอหรือไม่ถ้า ไม่รู้จักพอ มีเงินเท่าไร ก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดี
สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์
คุณ.Chabu...บอกว่า ...ส่วนตัวแล้วไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ จ.แพร่ เลยค่ะ เคยไปแต่เชียงใหม่ ได้เห็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่พี่ลงในบล็อกแล้ว คิดว่าคงจะต้องหาโอกาสไปเที่ยวสักครั้งให้ได้ค่ะ
ค่ะ ถ้ามีโอกาส เราก็ควรไปเที่ยวให้ทั่วๆค่ะ ไทย เที่ยว ไทยค่ะ อุดหนุนสินค้าของฝากกันเองด้วย
ดิฉันเอง ตอนเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ พาไปเที่ยวมาเกือบทุกจังหวัด พอเป็นผู้ใหญ่ ไปเรียนต่อ ไปทำงานที่ต่างประเทศ ซื้อของขวัญติดมือกลับมาฝากคนโน้น คนนี้ บ่อยๆ บางประเทศร่ำรวยมาก เพราะเรื่องท่องเที่ยวนี่แหละ
มาเห็นบ้านเรา อยากให้เป็นอย่างเขาบ้าง ของเรามีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหลายแห่งมาก สนุกและได้ความรู้ด้วยค่ะ
สวัสดีครับ
ผมเปิดอ่านบันทึกคุณศศินันท์ เกี่ยวกับ จังหวัดแพร่ ใช่เป็นจังหวัดที่น่าอยู่ครับ ขอบคุณ คุณศศินันท์ ที่ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ ให้คนรู้จักกันมากขึ้น และเชิญชวนให้มาเที่ยวกัน ซึ่งมีที่เที่ยวหลายแห่งที่จะให้คุณประทับใจ ถ้าใครผ่านก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวนะครับ
เห็นคุณนิรันดร์เดินทางบ่อย ยังไม่เคยไปจังหวัดนี้นะคะ น่าจะหาโอกาสแวะไปค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไปกราบพระธาตุช่อแฮค่ะ จะได้เป็นศิริมงคลค่ะ
แต่จังหวัดนี้ เป็นจังหวัดเล็ก คนไม่มาก จึงเป็นสังคมที่ค่อนข้างใกล้ชิด รู้จักกัน มีความเอื้ออาทรต่อกันเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เมื่อมีการบริหารจัดการที่ดี เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และมีมาตรการๆแก้ปัญหาอุทกภัยที่ดี โดยน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาเป็นแนวทาง ความร่มเย็น เป็นสุข จึงเกิดขึ้นค่ะ
นำรูปดอกประไหมสุหรี มาฝากด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะ
ไม่สบายหายดี หรือยังค่ะ ขอให้หายเร็วๆ นะค่ะ
สวัสดีครับ
ผมเคยแต่ผ่าน จังหวัดแพร่ ไม่เคยแวะเที่ยวสักครั้ง ถ้าโอกาสหน้าผ่านไปจะต้องเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่หลายแห่งด้วยกัน เช่น วัดพระธาตุช่อแฮ ได้ทราบว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ วัดพระนอน อนุสาวรีย์พระยาไชยบูรณ์ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ และ แหล่งหัตถกรรมพื้นบ้าน คงต้องหาเวลาไปเที่ยวแล้วครับ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ· ทุกครั้งที่มีโอกาสกลับไปบ้านที่อุตรดิตถ์ หรือ กลับจากอุตรดิตถ์ มาแม่ฮ่องสอน ครูแอนมักจะแวะกราบพระที่วัดพะธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรมขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ทางแพร่ยังมีงานประเพณีนมัสการพระธาตุช่อแฮเมืองแพร่แห่ตุงหลวง จัดขึ้นระหว่างวันขึ้น ๙-๑๕ ค่ำ เดือนสี่ มีการแห่ผ้าขึ้นไปห่มองค์พระธาตุ มีขบวนแห่แบบล้านนา โดยผู้ร่วมงานทุกคนจะแต่งกายแบบพื้น เมืองล้านนา มีมหรสพสมโภชทุกคืน รุ่งเช้าวันขึ้น ๑๕ ค่ำ จะมีการทำบุญตักบาตร กลางคืนมี การเวียนเทียนรอบองค์พระ
ส่วนงานส่งตะวันรับขวํญปีใหม่ คือกินขนมเส้นเมืองแป้ จัดขึ้นประมาณวันที่ 31 ธันวาคม- 4 มกราคมของทุกปี จะจัดให้มีการเดินขบวนของหน่วยงานห้างร้านต่าง ๆ ของจังหวัดแพร่ทั้งภาครัฐและเอกชน ขบวนมีความสวยงามยิ่งใหญ่มาก ถ้ามีเวลา ลองแวะไปอีกซีคะสวัสดีค่ะพี่ศศินันท์
แป๋วเคยแต่ผ่านๆเมืองแพร่ในคราวที่ต้องนั่งรถไปเชียงใหม่ค่ะ แต่ผ่านครั้งใดก็ชื่นชมความเงียบสงบ และบ้านสวยๆ ที่มีต้นเสาใหญ่มากๆ อยู่หน้าบ้านค่ะ ...
ดิฉันได้อ่านแผ่นพับสวยงามของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีการประชุมประจำปี เมื่อ 6 กรกฎาคม 2550 เรื่องความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย ตามวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศตามแผนฯ 10
เป็นเรื่องของการแสดง ทิศทางในการพัฒนาประเทศ ที่มีวิสัยทัศน์และเป้าประสงค์ ของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ของสังคมไทยที่ประกอบด้วย ชุมชนต่างๆ ทั้งในเมืองและชนบท
การอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม
ถึงพร้อมด้วยความเข้มแข็งและเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ
เรื่องนี้ เป็นความฝันของคนไทยทุกคนค่ะ
สวัสดีครับ คุณศศินันท์
สวัสดีค่ะ
ที่แพร่นี่มี กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ได้แก่ นั่งล้อวัวเทียมเกวียนชมรอบบริเวณศูนย์วิจัยพืชสวนแพร่ และร่วมกิจกรรมเก็บผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาล (ผลไม้/ไม้ดอก) และ เรือนจัดแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านเวียงโกศัยเป็นต้นค่ะนักท่องเที่ยวที่สนใจควรติดต่อล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ สอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนแพร่ 205 ม.4 ต.วังหงษ์ โทร. 0 5452 1387 ศูนย์วิจัยพืชสวนแพร่ เปิดให้เข้าชมเฉพาะวันและเวลาราชการ
คือดูๆแล้ว เขาพยายาม ทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุด ให้มีคุณภาพ มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้เงินด้วยค่ะสวัสดียามเช้าค่ะ
สวัสดีครับ
ผมเคยทราบว่า ที่แพร่นี่ มีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หลาบแห่ง ผมเอง ยังไม่เคยไป ลองแนะนำบ้างได้ไหมครับ ที่อื่นไปมาหมดแล้ว ผม ชอบเที่ยวป่า นอนเต๊นท์ครับ
ขอบคุณมากที่มาเยี่ยมค่ะ
ดิฉันเคยไปสุพรรณบ่อยสมัยทำโรงงานอยู่ที่กาญจนบุรีค่ะ ตลาดเก่า 100ปี ก็เคยไป บ้านเมืองมีทั้งเก่า และใหม่ค่ะ เสียงเหน่อแบบสุพรรณก็มีเสน่ห์มากนะคะ
และไปเที่ยว อุทยานมัจฉา วัดบ้านกร่าง | |
อยู่บนฝั่งแม่น้ำสุพรรณบุรีคนละฟากกับที่ว่าการอำเภอ ห่างจากจังหวัดประมาณ 20 กม. ได้มีพระเครื่องเก่าสร้างไว้แต่โบราณ คือ พระขุนแผนบ้านกร่าง ที่นี่ มีเจดีย์องค์หนึ่ง อายุประมาณ 100 ปี บริเวณหน้าวัดมีปลาจำนวนมากและทางวัดได้จัดอาหารจำหน่ายนำรายได้เพื่อไปเลี้ยงปลาดังกล่าวด้วย ถือเป็นอุทยานมัจฉาแห่งหนึ่งของจังหวัดด้วยค่ะ |
สวัสดีค่ะคุณพิเชษฐ์
คุณคงเป็นชาวจังหวัแพร่ เลยมาขอบคุณว่า ช่วยประชาสัมพันธ์ให้
ดิฉันไปเที่ยวแล้วชอบ เลยนำมาเขียน ให้คนรู้จักกันมากขึ้น คุณรู้จักเต่าปูลูไหมคะ ใกล้สูญพันธ์แล้ว พบที่บ้านนาตองค่ะ ที่นี่มีชาวบ้าน 100หลังคาเรือน เขาทำเป็นโฮมสเตย์ มีการทำอาชีพ ปลูกถั่วลิสง ไม่ใส่สารเคมี และปลูกเมี่ยง ซึ่ง เราสามารถไปดูวิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่ได้ค่ะ หลังเดือนกรกฏาคม ดิฉันก็ไปพอดี แต่ไม่ได้ค้าง
ที่นี่ เป็นแหล่งต้นน้ำ ของลำน้ำน่าน ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ค่ะ มีถ้ำนาตองและน้ำตกผาบ่องด้วย ไปเที่ยวได้ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณสุภาวดี
คุณบอกว่า...
ยายดิฉันก็สะสมผ้าไหมเหมือนกันนะค่ะ เป็นผ่าไหมตีนจก เป็นมรดกตกทอดมาถึงดิฉัน สวยมากจนไม่กล้าใส่คิดว่าเก็บไว้เป็นมรดกดีกว่าค่ะ
วันนี้ดิฉันได้อ่านหนังสือ....น่าจะเป็นพลอยแกมเพชร...เขาสัมภาษณ์ ผู้หญิงหลายวัย เรื่องการแต่งกายด้วยผ้าฝ้าย ผ้าไหมไทย
ตอนแรกทุกคน คิดว่า ไม่ค่อยเหมาะกับการมาใช้ทุกวัน แต่ตอนนี้ เปลี่ยนความคิดกันเป็นแถว เพราะผ้าฝ้าย ผ้าไหมไหมไทย มีการปรับปรุงคุณภาพดีขึ้น.. มาก เหมะสำหรับการใส่ในชีวิตประจำวันด้วยค่ะ อยู่ที่การออกแบบค่ะ
มีblogger ท่านหนึ่ง ชอบใส่ผ้าไทยมาก แต่เป็นผ้าย้อมคราม...แต่ก็เป็นแนวคิด ว่าทำไม ถึงได้มาชอบผ้าทอมือ หัตถกรรมฝีมือชาวบ้าน อย่างมากจน ใส่เป็นชีวิตประจำวันด้วยค่ะ
หัตถกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นสิ่งที่เรา ต้องช่วยกันรักษาไว้ค่ะ
ธีรพงษ์
สวัสดีค่ะ คุณธีระพงษ์
คุณเคยได้ยินดงตะเคียนทองไหมคะ อายุกว่า 100 ปี ขนาด 3-4 คนโอบ อยู่ที่อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัยค่ะ ที่นี่มีน้ำตก 2แห่ง และบ่อน้ำร้อนด้วยค่ะ ชื่อแม่จอก เป็นบ่อน้ำแร่กำมะถัน ร้อนถึง 80 องศาเลยค่ะ
อุทยานนี้ห่างจากตัวเมืองไปไม่ไกลมากค่ะ
ดิฉันเคยไปเที่ยวต่างประเทศ ทึ่งในต้นไม้ค้นใหญ่มากๆของเขา ไม่ทราบว่า ที่เมืองไทย ก็มีต้นไม้ใหญ่ๆ อุดมสมบูรณ์เหลืออยู่เหมือนกันค่ะ
ภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย แบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 39 องศาเซลเซียส ในเดือนเมษายน ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 13 องศาเซลเซียส ในเดือนธันวาคม |
สวัสดีครับ
น่าอ่านมากครับ กระตุ้นให้อยากไปเที่ยวดี แต่อยากทราบว่า ที่นี่นอกจากทำไร่นาแล้ว ประชาชนมีทำมาหากินอะไรกันบ้างครับ ที่เรียกว่า เป็นตัวอย่างในด้านเศรษฐกิจพอเพียง
สิงขร
สวัสดีค่ะคุณสิงขร
คุณสิงขรสนใจเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่นี่มีหลายแห่งค่ะ เช่น อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง อำเภอลอง ที่นี่ มีนกพญาไฟที่จะอพยพมาตอนฤดูหนาว
มีกล้วยไม้พันธ์แปลกๆมาก เช่น จันทร์ผา กล้วยไม้ดิน กล้วยผา และมีสัตว์ป่าต่างๆมากค่ะ และยังมีภุเขาหินปะการังด้วยนะคะ ที่นี่มีบ้านพักให้เช่า เดินป่าได้เลย แต่ค่อนข้างทรหด เพราะ หินภูเขาจะแหลมคม ต้องสวมรองเท้ามิดชิด แต่อากาศสบายมาก และยังมีอีกหลายที่ ลองดูรูปด้านบนค่ะ สอบถามข้อมูลเพิ่มที่ศูนย์ข่าวอุทยานแพร่ค่ะ
0 542 2097/0 2562 0760ค่ะ
สวัสดีค่ะ
แพร่ มีแม่น้ำยมไหลผ่าน ระยะ 280 ก.ม.มีความยาว 1 ใน 3 ของความยาวทั้งหมดของลำน้ำ มีความอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื้นมากค่ะ และมีภูเขาล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน แต่ในฤดูฝนมักเกิดอุทกภัยเหมือนกันค่ะ
ปัญหาอุทกภัย เป็นปัญหาสำคัญของจังหวัดนี้ค่ะ
ดิฉันไปคราวนี้ก็เพิ่งทราบนะคะว่า ลุ่มน้ำยม มีลุ่มน้ำสาขา ตั้ง 16 สาขาค่ะ
ลุ่มน้ำแม่แคม ลุ่มน้ำแม่สาย ลุ่มน้ำแม่ต้า ลุ่มน้ำแม่หล่าย ลุ่มน้ำแม่คำมี ลุ่มน้ำแม่พวก ลุ่มน้ำแม่สอง ลุ่มน้ำแม่มาน ลุ่มน้ำแม่สรอย ลุ่มน้ำแม่กาง ลุ่มน้ำแม่พุง ลุ่มน้ำแม่ลาน ลุ่มน้ำแม่จอก ลุ่มน้ำแม่ยางหลวง ลุ่มน้ำแม่เกิ๋ง ลุ่มน้ำงาว
วันหลังลองไปเที่ยวดูนะคะ ชุ่มชื่นดีค่ะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยม ส่งการ์ดวันเกิด ไปแล้วนะคะ ที่บล็อกของคุณขจิต Happy Birthday ค่ะ
ที่เมืองกาญจน์ เรามีถ้ำมาก ที่พิจิตร เขาก็มีถ้ำนะคะ เช่น ถ้ำชื่อถ้ำผานางคอย ที่อำเภอร้องกวางค่ะ
มีหินงอก หินย้อย ทั้งที่เป็นเกล็ดหิน ประกายระยิบ ระยับ หรือเป็นชะง่อนหิน ยาวจนถึงพื้นถ้ำก็มีค่ะ ภายในถ้ำ มีพระพุทธรูปด้วย ชาวแพร่เคารพสักการะกันมากค่ะ
สวัสดีครับ...ผมเป็นคนเมืองแพร่ครับ
เมืองแพร่ เป็นเมืองกันชนในประวัติศาสตร์ กันชนระหว่างล้านนากับสุโขทัย...
ในอดีตจนถึงปัจจุบัน หลายคนเขากล่าวกันว่า(หาว่า)คนเมืองแพร่เป็นคนหัวแข็ง หัวดื้อ เพราะมีเหตุที่ทำให้หลายคนเข้าใจว่า
...ตอนโจรเงี้ยวปล้นเมือง เมื่อพ.ศ. 2445 พวกไทยใหญ่นำโดยพะกาหม่อง และสลาโปไชย หัวหน้าพวกโจรเงี้ยวนำกองโจรประมาณ 40 – 50 คน บุกเข้าเมืองแพร่ทางด้านประตูชัยจู่โจมสถานีตำรวจเป็นจุดแรก ขณะนั้นสถานีตำรวจเมืองแพร่มีประมาณ 12 คน จึงไม่สามารถต้านทานได้ กองโจรเงี้ยวเข้ายึดอาวุธตำรวจแล้วพากันเข้าโจมตีที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข โจรเงี้ยวได้ตัดสายโทรเลข และทำลายอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ เพื่อตัดปัญหาการสื่อสาร ครั้นแล้วก็มุ่งหน้าสู่บ้านพักข้าหลวงประจำเมืองแพร่ แต่ก่อนที่กองเงี้ยวจะไปถึงบ้านพักข้าหลวงนั้นพระยาไชยบูรณ์ ( ทองอยู่ สุวรรณบาตร ) ได้พาครอบครัวพร้อมด้วยคุณหญิงเยื้อน ภริยาหลบหนีออกจากบ้านพักไปก่อนแล้ว พวกโจรเงี้ยวไปถึงบ้านพัก ไม่พบพระยาไชยบูรณ์ จึงบุกเข้าปล้นทรัพย์สินภายในบ้านพักข้าหลวงและสังหารคนใช้ที่หลงเหลืออยู่จนหมดสิ้น จากนั้นจึงยกกำลังเข้ายึดที่ทำการเข้าสนามหลวงทำลายคลังหลวงและกวาดเงินสดไปทั้งหมด 37 อัฐ หลังจากนั้นพวกเงี้ยวก็มุ่งตรงไปยังเรือนจำ เพื่อปล่อยนักโทษเป็นอิสระ พร้อมกับแจกจ่ายอาวุธให้กับนักโทษเหล่านั้น ทำให้พวกกองโจรเงี้ยวได้กำลังสนับสนุนเพิ่มขึ้นอีก จนภายหลังมีกำลังถึง 300 คน ในระหว่างที่กองเงี้ยวเข้าโจมตีสถานที่ราชการต่าง ๆ อยู่นั้นราษฏรเมืองแพร่ตื่นตกใจกันมากบางส่วนได้อพยพหลบออกไปอยู่นอกเมืองทันที
กองโจรเงี้ยวจึงประกาศให้ราษฏรอยู่ในความสงบ เพราะพวกตนจะไม่ทำร้ายชาวเมืองจะฆ่าเฉพาะคนไทยภาคกลางที่มาปกครองเมืองแพร่เท่านั้น
ราษฏรจึงค่อยคลายความตกใจและบางส่วนได้เข้าร่วมกับพวกกองโจรเงี้ยวก็มีทำให้กองโจรเงี้ยวทำงานคล่องตัวและมีกำลังเข้มแข็งขึ้น ขณะเดียวกันพระยาไชยบูณ์ ซึ่งพาภริยา คือคุณหญิงเยื้อน หลบหนีออกจากบ้านพัก ตรงไปยังคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ หวังขอพึ่งกำลังเจ้าเมืองแพร่ หรือเจ้าหลวงเมือง แพร่ คือ พระยาพิริยวิไชย เมื่อไปถึงคุ้มเจ้าหลวง เจ้าหลวงเมืองแพร่กล่าวว่า
จะช่วยอย่างไรกัน ปืนก็ไม่มี ฉันก็จะหนีเหมือนกัน พระยาไชยบูรณ์ ตัดสินใจพาภริยาและหญิงรับใช้หนีออกจากเมืองแพร่ไปทางบ้านมหาโพธิ์ เพื่อหวังไปขอกำลังจากเมืองอื่นมาปราบ ส่วนเจ้าเมืองแพร่นั้น หาได้หลบหนีตามคำอ้างไม่ ยังคงอยู่ในคุ้มตามเดิม
...เรื่องนี้เป็นเหตุหนึ่งที่คนเมืองแพร่ถูกบอกว่าเป็นคนหัวดื้อ...เท็จจริงอย่างไรวิเคราะห์และติดตามจากประวัติเมืองแพร่ต่อนะครับ
เล่าเรื่องจากข้อมูล http://www.cm77.com/
ดีใจที่คนเมืองแพร่ตัวจริง เข้ามาเยี่ยมอีกคน
หายเหนื่อยจากการช่วยกันจัดงานที่เชียงใหม่แล้วนะคะ
เรื่องที่เล่า น่าสนใจค่ะ เคยทราบมาเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆคือ คนแพร่ น่ารักและน้ำใจดีค่ะ
ได้ไปตาม linkแล้ว เลยคัดบางข้อความจากคุณจักรพงษ์ คำบุญเรืองมาให้อ่านด้วยค่ะ
เมืองแพร่ก็เหมือนกับหัวเมืองต่าง ๆ ในเขตแคว้นแดนล้านนา สิทธิและอำนาจการปกครองและการบริหารบ้านเมืองทั้งหมดตกอยู่กับเจ้าผู้ครองนครแต่ผู้เดียว
ปัจจุบันเมืองแพร่แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเมืองที่การท่องเที่ยวคึกคักมากนัก
แต่ด้วยเป็นเมืองที่มีธรรมชาติขุนเขาป่าไม้เขียวขจี เมื่อรวมกับศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่ที่คนเมืองแพร่ยึดถือปฏิบัติจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบแล้วจึงเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเมืองแห่งนี้มักยิ่งขึ้น
สวัสดีค่ะ
คุณไพรัชอยากทราบว่า
ที่นี่นอกจากทำไร่นาแล้ว ประชาชนมีทำมาหากินอะไรกันบ้างครับ ที่เรียกว่า เป็นตัวอย่างในด้านเศรษฐกิจพอเพียง
ค่ะ ตามที่ไปเห็นมา ประชาชน จะมีการปลูกพืชไร่ เช่นถั่วเหลือง ไม้ผลต่างๆ เช่นส้ม ลำไย ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันนี้ มีการพัฒนาไปสู่ในเรื่องของพืชผักปลอดสารพิษ หรือเกษตรอินทรีย์ เช่น ข้าวหอมมะลิ พืชผักเมืองหนาวและพวกสมุนไพรต่างๆค่ะ
นอกจากนี้ ดิฉัน ได้รับทราบจาก อบจ.แพร่ ถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่โครงการต่างๆดัง link ข้างล่างนี้ค่ะ
ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.สูงเม่น ก็เป็นตัวอย่างสำคัญอย่างหนึ่งที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่จะหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้ผู้มาเยือนจากจังหวัดอื่นๆ ได้ชมในแง่ของการปลูกฝังเรื่องแนวคิดความเป็นอยู่ตามวิถีพอเพียงให้กับประชากร
นอกจากให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นอยู่อย่างพอเพียงของประชาชนในจังหวัด
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังได้ให้ความสำคัญกับความสุขทางใจ เรื่องของวัฒนธรรม ที่จะมีการจัดพื้นที่บวกทางสังคมเพื่อให้เด็กและเยาวชนมาแสดงออกที่ "ลานวัฒนธรรม" อีกด้วย
สวัสดีค่ะ
ดิฉันเป็นชาวลำปาง แสนใจเรื่องนี้มาก เพราะจังหวัดติดกันค่ะ ช่วงนี้คุณศศินันท์เคยได้ยินคำว่า Lanna Trend ไหมคะ
สาวิตรี
สวัสดีค่ะคุณสาวิตรี
ขอบคุณที่สนใจเข้ามาอ่านค่ะ
เรื่องLanna Trend เป็นแนวทางการทำการตลาดเพื่อส่งเสริมและพัฒนาหัตถอุตสาหกรรมที่มีเอกลักษณ์ล้านนา ให้มีความโด่ดเด่นเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาของกลุ่มจังหวัดล้านนา--เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ พะเยา น่าน ค่ะ
สวัสดีครับ
เข้ามาอ่าน แต่ยังไงเรื่องปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้ ก็คงไม่ง่ายนะครับ
เพราะยังไม่ค่อยเห็นอะไรเป็นรูปธรรมเท่าใดนัก
ได้ความรู้ดีและขอนำไปเป็นตัวอย่างที่จะเล่าให้ชาวกรมสุขภาพจิตเกี่ยวกับการเขียนblogค่ะ ขอบคุณพี่ล่วงหน้าค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
ขอบคุณที่คุณหมอมาเยี่ยม และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เลยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ดร
สวัสดีค่ะคุณดร
คุณดรบอกว่า.......
แต่ยังไงเรื่องปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้ ก็คงไม่ง่ายนะครับ
เพราะยังไม่ค่อยเห็นอะไรเป็นรูปธรรมเท่าใดนัก
ค่ะ เป็นจริงอย่างที่คุณดรกล่าว ไม่มีอะไรที่จะเห็นเป็นรูปธรรมได้เร็วพลัน เพราะปัญหาความยากจน ก็คล้ายๆกับปัญหาโลกแตก ไม่ใช่แก้ไขได้ง่ายๆ แต่ก็ทราบว่า ทางราชการและทุกภาคส่วนอื่นๆก็มีความพยายามกันอยู่มากค่ะ
ตัวอย่างจุดอ่อนของจังหวัดนี้ เท่าที่เห็นในหนังสือCEO Phrae' 49 นะคะ
อย่างไรก็ตามก็มีความพยายามกันอย่างยิ่งยวดในการที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นทุกทางค่ะ
เพราะจุดเด่นและโอกาสของจังหวัดแพร่ ก็ยังมีอยู่มากให้พัฒนาได้
เช่นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ การพัฒนาการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
การพัฒนาสินค้า otop การเร่งรัดปลูกพืชเศรษฐกิจ และการเกษตรที่ปลอดภัย
การพัฒนาลุ่มน้ำยม เป็นต้น
สวัสดีค่ะ
ดิฉันยังอยากให้จังหวัดแพร่ เป็นจังหวัดที่สุขสงบแบบนี้ คนก็ไม่ได้จนมากหรอกค่ะ ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยก็อยู่ได้ค่ะ
ไม่ใช่คนจังหวัดนี้ แต่ก็อยู่มานานค่ะ
ชมอร
สวัสดีค่ะคุณชมอร
คุณชมอรให้ความเห็นว่า ดิฉันยังอยากให้จังหวัดแพร่ เป็นจังหวัดที่สุขสงบแบบนี้ต่อไป........
ค่ะดิฉันก็เห็นด้วย ถ้าประชาชนมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชึพและมีเหลือเก็บบ้าง
มีคุณภาพชีวิตที่ดีพอ และทางจังหวัดเน้นที่การฟื้นฟูคุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม เพื่อสร้างทุนทางสังคม และเน้นคุณค่าของสถาบันครอบครัว พร้อมกับส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมของประชาสังคม ทำสิ่งเหล่านี้ให้ยั่งยืน ต่อเนื่อง
ก็น่าจะเป็นจังหวัดที่น่าอยู่ มีความสุขสงบอย่างพอเพียงค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ เพิ่งกลับจากเชียงใหม่มาวันนี้เอง
เสียดายไม่ได้ไปแพร่ แต่รู้สึกว่าเชียงใหม่เปลี่ยนไปมากเลยครับ เป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่ เหมือนเมื่อก่อน เลย ไม่เงียบสงบ วัฒนธรรมถูกกลืน ไปกับถนน ตึก อาคาร
ยิ่งมีความเจริญทางวัตถุ สิ่งที่เคยมีหายไปหมด ได้ฟังอาจารย์เล่ามา นึกว่ายังดีที่แพร่ยังเป็นเมืองน่าอยู่ ยังมีวัฒนธรรม ไม่ถูกกลืนไป ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
ดีใจมากที่คูณหมอเข้ามาเยี่ยมค่ะ
ถ้าไปเที่ยวจังหวัดแพร่ น่าจะไปเที่ยว ในเชิงเที่ยวชมธรรมชาติและเที่ยวเชิงอนุรักษ์ค่ะ
ที่นี่สงบและน่าอยู่กว่าเชียงใหม่
แต่ถ้าจะวัดกันที่ความเจริญทางวัตถุและความทันสมัย เชียงใหม่มีมากกว่าหลายช่วงตัวค่ะ
ว่างๆลองไปเที่ยวนะคะ
รอไปนานๆ อาจเปลี่ยนไปนะคะ ทุกอย่างไม่มีอะไรคงที่ แล้วแต่ว่า ประชาชนจะต้านกระแสโลกยุคใหม่ได้แค่ไหนค่ะ
ความเจริญสมัยใหม่ ดิฉันก็ชอบ แต่อยากให้อนุรักษ์ของดีๆ เก่าๆที่มีคุณค่าไว้นานเท่านานค่ะ เก่ากับใหม่ให้อยู่กันได้ค่ะ
ดิฉันนึกถึง Inner Paris
ก็แบบเดียวกันค่ะ Parisขายความเก่า ของตัวเองจริงๆ และมีการรักษาไว้อย่างดีมากด้วยค่ะ
งานฉลองเสาชิงช้า พ.ศ.2550 ระหว่างวันที่ 11 - 13 กันยายนนี้
ในวันพุธที่ 12 กันยายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงประกอบพิธีฉลองเสาชิงช้า ซึ่ง กทม.ได้เชิญชวนประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯด้วย
ในวันนี้นอกจากจะมีงานการมอบรางวัลการประกวดภาพถ่ายเสาชิงช้าแล้ว กทม.ยังได้มีการจัดงานลงนาบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างกรุงเทพมหานคร และจังหวัดแพร่โดย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายอธิคม สุพรรณพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็นผู้ลงนามในบันทึกฉบับดังกล่าว
โดยผู้ว่า กทม.ได้กล่าวว่า......
“การดำเนินงานเมืองพี่เมืองน้อง ระหว่าง กทม.และจังหวัดแพร่นั้น นับเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญและต่อเนื่อง ภายหลังจากที่กรุงเทพมหานครได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์เสาชิงช้า เนื่องด้วยพบความไม่มั่นคงแข็งแรงในด้านโครงสร้าง และเห็นควรให้เปลี่ยนใหม่ และได้ขอความร่วมมือในการหาต้นสักที่เหมาะสม สุดท้ายก็ได้ไปพบที่ อ.เด่นชัย จังหวัดแพร่ จากนั้น กทม.และจังหวัดก็ได้ทำการบวงสรวงขอพลีต้นสักเพื่อนำมาใช้ทำเสาชิงช้า”
เมื่องแพร่น่าอยุ่จริงๆนะคะ หนูก็คือคนแพร่คนหนึ่ง รู้สึกรักจังหวัดนี้มาก และภูมิใจมากที่เป็นของจังหวัดนี้
เมืองแพร่ดูเผินๆแล้วอาจน่าเบื่อ แต่หนูคิดว่า แพร่เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสงบในชีวิต และคนที่ต้องการเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมหลายรูปแบบ เมืองแพร่นี่ดีจริงๆเลยค่ะ
สวัสดีค่ะคุณเด็กแพร่
ดีใจที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ ขอโทษตอบช้าไปหน่อยค่ะ
ดิฉันไปซื้อผ้าหม้อห้อมจากแพร่มา และมาอ่านประวัติกับวิธีทำ วิธีย้อม น่าสนใจมากค่ะ
แต่รู้สึกสับสนว่า ทำไมคล้ายกับผ้าย้อมครามมากนะคะ ไม่ทราบจะใช้วิธีเดียวกันหรือไม่ แต่ ทำคนละจังหวัด
แต่ก็สวยน่าซื้อ น่าใช้ ทั้งสองชนิดค่ะ
เคหะสิ่งทอจากผ้าหม้อห้อม | |
เคหะสิ่งทอ หมายถึงของใช้ตกแต่งบ้านที่ทำจากสิ่งทอที่เป็นทั้งผ้าผืนหรือเส้นใยต่างๆทั้งสิ้น ของใช้ตกแต่งบ้านจากผ้า นิยมใช้ตกแต่งในห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว เช่นผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าคลุมเตียง ผ้าม่าน โคมไฟ ผ้าปูโต๊ะ พรมตกแต่งผนัง พรมปูพื้น ที่รองแก้วรองจาน ฯลฯ เป็นต้น |
อ่านทั้งหมดแล้วรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นเมืองแพร่มากคะ คนเมืองแพร่เองคงต้องสนใจศึกษาความเป็นตัวตนของเราให้มากขึ้น ยังมีเรื่องราวดี ๆ อีกมากคะ จะพยายามหาเต่าปูลูมาให้ชมนะคะ
9-11 พย.ที่ผ่านมาจังหวัดแพร่เป็นเจ้าภาพงานสร้างสุขภาคเหนือซึ่งก็สำเร็จลงด้วยดี เป็นความสุขที่พอเพียงจริง ๆ สำหรับการชมงานและการเรียนรู้วิถี วัฒนธรรมของชาวเหนือ เสียดายที่ก่อนหน้านั้นไม่นานมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดกับผู้ที่เป็นต้นคิด ผู้นำที่สร้างความเจริญแก่เมืองแพร่ตัวจริง
ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ
ได้ทราบว่า หัวใจของงาน เป็นการนำหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้เป็นประเด็นหลักในการจัดงานสร้างสุขภาคเหนือ ว่าด้วย สุขแบบพอดี ด้วยวิถีพอเพียง
เนื่องจาก การพัฒนาที่ผ่านๆมา มีรากฐานมาจากการพัฒนาเศรษฐกิจในระบบทุนนิยมเป็นหลัก โดยมิได้คำนึงถึงการพัฒนาระบบสังคมอย่างเท่าที่ควร ประกอบกับการดำเนินงานดังกล่าวยังขาดความสมดุลของการพัฒนา จึงทำให้เกิดภาวะของทุกข์ทางสังคมเป็นจำนวนมาก อิทธิพลของระบบสังคม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาวะของคนในสังคมภาคเหนือตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งที่เราจะหันกลับมา ทบทวน ว่าเราจะไปวิ่งตามแต่ ระบบทุนนิยม แบบขาดความสมดุลอย่างนี้ มิได้แล้วค่ะ
สวัสดีค่ะคุณไพรัช ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ
นอกจากทำไร่ทำนาแล้ว ก็มีเลี้ยงหมู เลี้ยงสัตว์ต่างๆ ปลูกถั่วลิสง ไม่ใส่สารเคมี ปลูกไม้ผล ตามฤดูกาล ซึ่งเป็นพวกผลไม้ ไม้ดอกต่างๆ ปลูกเมี่ยง มีการทอผ้า ผ้าฝ้าย ผ้าไหมไหมไทย และมีชื่อเสียง ในด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ต่างๆค่ะ
ลองอ่านจากบันทึก และการให้ความคิดเห็นต่างๆด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ก็มีพวก เคหะสิ่งทอ หมายถึงของใช้ตกแต่งบ้านที่ทำจากสิ่งทอที่เป็นทั้งผ้าผืนหรือเส้นใยต่างๆทั้งสิ้น ของใช้ตกแต่งบ้านจากผ้า นิยมใช้ตกแต่งในห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว เช่นผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าคลุมเตียง ผ้าม่าน โคมไฟ ผ้าปูโต๊ะ พรมตกแต่งผนัง พรมปูพื้น ที่รองแก้วรองจาน ฯลฯ เป็นต้น
เมืองแพร่น่าอยู่มากค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ krutoi
ค่ะน่าจะไปเที่ยว ในเชิงเที่ยวชมธรรมชาติและเที่ยวเชิงอนุรักษ์ค่ะที่นี่สงบและน่าอยู่กว่าเชียงใหม่
แต่ถ้าจะวัดกันที่ความเจริญทางวัตถุและความทันสมัย เชียงใหม่มีมากกว่า แล้วแต่คนชอบค่ะ
สวัสดีค่ะ หนูก็เป็นเด็กที่เกิดในจังหวัดแพร่เหมือนกันค่ะ
เมืองแพร่ เป็นเมืองที่น่าอยู่ค่ะ เพราะมีป่าไม้มากมาย สดชื่นมากๆค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวก็มีมากมาย หวังว่าทุกๆคนจะไปเที่ยวกันบ้างนะคะ
*อันที่ว่าเมืองแพร่แห่ระเบิดน่ะค่ะมัน....
สวัสดี่ค่ะ ลูกคนแป้
จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดหนึ่งใน17 จังหวัดภาคเหนือ ของประเทศไทยตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนฝั่งแม่น้ำยม อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ตามทางหลวงหมายเลข 11 และ 101 ประมาณ 555กิโลเมตร
จังหวัดแพร่ ได้ชื่อว่าเป็นประตูเมืองสู่ล้านนา เดิม เป็นนครรัฐอิสระที่ตั้งอยู่ก่อนการสถาปนา อาณาจักรล้านนา
จากหลักฐานต่าง ๆ ทำให้ทราบว่าจังหวัดแพร่นั้นมีชื่อเรียกกันหลายชื่อแล้วแต่ยุคสมัย เช่น “เมืองพล” เป็นชื่อที่เก่าแก่ดั้งเดิมที่สุด
จากการพบหลักฐาน ในตำนานทางเหนือ ฉบับใบลาน พ.ศ. 1824 “เมือง โกศัย” เป็นชื่อที่ปรากฏในพงศาวดารเชียงแสน“เมือง เพล” เป็นชื่อที่ปรากฏหลักฐานอยู่ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และ “เมืองแพร่” เป็นชื่อที่คนไทยในอาณาจักรสุโขทัยและอยุธยาใช้เรียกเมืองแพล แต่ได้กลายเสียง เป็นเมืองแพร่จนถึงปัจจุบัน
ประวัติ เมืองแพร่ น่าสนใจมากเลยค่ะ
ดีใจมากเลยครับที่ได้เกิดเป็นแพร่ และผมว่าไม่มีที่ไหนที่จะให้ความสุขหรือความสบายเท่าบ้านเกิดของเราเองครับ
รักเมืองแป้ครับ
แก่งเสือเต้นน่าเที่ยวมากค่ะ พานักเรียนไปเข้าค่าย บรรยากาศน่าพักผ่อนมาก วิวรอบๆสวยงาม เป็นความประทับใจที่ไม่ลืมเลย ถ้าใครอยากสัมผัสกับธรรมชาติลองแวะมาเที่ยวสิคะประทับใจจริงๆ
สวัสดีค่ะคุณ ละอ่อนเมืองแพร่
จริงค่ะ ไม่มีที่ไหน ที่เราจะรู้สึกสุข สบายเท่ากับบ้านเกิดของเราค่ะ
คุณ สาวแป้เจ้าคะ
ดิฉันเคยไป แก่งเสือเต้น สวยและยังประทับใจ ไม่ลืมเลยค่ะ
สวัดดีครับ
ผมเป็นคนเมืองแพร่คนหนึ่งทีอยากเห็น เมืองแพร่สงบ น่าอยู่ และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันเก่าแก่ไว้
ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าวัฒนธรรมประเพณีของชาวแพร่ เป็นวัฒนธรรมที่มีความผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างเชื้อชาติต่างๆที่
ได้มาอาศัยอยู่ในเมืองแพร่แต่โบราณ กลายเป็นวัฒนธรรมเฉพาะตัวของเมืองแพร่ ปัจจุบันนี้เมืองแพร่เริ่มรับเอาความเจริญ
ทางด้านวัตถุเข้ามามากและดูเหมือนว่าจะรวดเร็วมาก จนน่าเป็นห่วงว่าสิ่งดีงามที่มีอยู่เดิมจะจางหายไปครับ
กำลังมองหาจังหวัดที่อยากจะไปอยู่มากที่สุด จังหวัดแพร่ จะเป็นจังหวัดแรกเลยค่ะ