ข่าวดี!!สำหรับการท่องเที่ยวไทย มีปัจจัยส่งให้มีแนวโน้มสดใสในปี 2551 นี้


ในช่วงนี้ ที่ รายได้หลักจากการส่งออกของประเทศมีผลกระทบ และขาดความแน่นอน อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโดยรวมของทั่วโลก รายได้อีกส่วนหนึ่งที่มาจากการท่องเที่ยว จึงมีส่วนสำคัญมากในการช่วยจุนเจือ และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าที่เป็นอยู่

ข่าวดี!!สำหรับการท่องเที่ยวไทย มีปัจจัยส่งให้มีแนวโน้มสดใสในปีนี้ 
หลังจากที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2550 แล้ว
คาดการณ์รายได้ 600,000.00ล้านบาท
ถ้าเรา ย้อนดูในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550  มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.2 หลังจากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ0.4 ในไตรมาสที่ 2        และตามตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งปี 2550 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศเรา 14.5 ล้านคน เพิ่มจากปี 2549  ร้อยละ4.9เท่านั้น 

 ต่ำกว่าเป้าที่ได้ตั้งไว้(ที่ 14.8 ล้านคน) แต่ปัจจุบัน   ก็น่าจะกลับมา ฟื้นดีขึ้นอีก ในปี 2551แน่นอน(รายงานของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ -3 ธันวามคม 2550 )

 โดยจะมีการปรับกลยุทธิ์ใหม่   เน้นการรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว  การตลาด บุคลากร การสร้างกิจกรรมกระแสหลัก  กิจกรรมส่งเสริม การเผยแพร่กิจกรรมเที่ยวในประเทศ เชิงอนุรักษ์  กิจกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  การท่องเที่ยววิถีไทยต้านภัยโลกร้อน เป็นต้น

ปี 2551  ทางสภาพัฒน์ฯได้ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวไว้  15.7 ล้านคน และรัฐบาลก็ประกาศให้ ปี 2551-2552 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย เพื่อหารายได้เข้าประเทศให้มากขึ้น 

 คาดการณ์รายได้ 600,000.00ล้านบาท เพิ่มจาก 547,500.00 ล้านบาทของปีที่แล้ว กำหนดแนวทาง ให้เน้น นักท่องเที่ยวคุณภาพ มุ่งที่รายได้ มากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ใช้ระบบ E- Marketing ควบคู่กับระบบเดิม แต่มุ่งขยายฐานลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าเดิม

 เมื่อย้อนไปเมื่อ 25 ธันวามคม 2550- 3 ม.ค. 2551 ครอบครัวดิฉันเดินทางไปพักผ่อนที่เชียงใหม่  เราได้ปรารภกันว่า การท่องเที่ยวซบเซาไปมากกว่าที่คิด นักท่องเที่ยวบางตา จนเรียกได้ว่า โหรงเหรง ทั้งๆที่ ชียงใหม่เวลานั้น อากาศหนาว  กลางวันเย็นสบาย สถานที่ท่องเที่ยวก็จัดไว้อย่างดี สวยงามมาก 

  

ดิฉันรู้สึกกังวลแทนรัฐบาล    เพราะแกนนำเศรษฐกิจประเทศปัจจุบัน  คือการส่งออก และ การท่องเที่ยว  ซึ่งก่อนเหตุการณ์ธรณีพิบัติ "สึนามิ" การท่องเที่ยวไทยอยู่ในช่วง "ขาขึ้น"มาตลอด   ภาพรวมอยู่ในขั้นดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวในประเทศกันเอง    หรือการวัดผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยว

ยกตัวอย่าง   สถานที่ท่องเที่ยวที่ดิฉันเห็นว่าดีมากแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่  แต่คนไปเที่ยว  น้อยไปหน่อยในช่วง peak  ของการท่องเที่ยว  

 คือ Queen Sirikit Botanic Garden

"As the King is the water, I shall be the forest. The forest devotes its loyalty to the water."

  From H.M. Queen Sirikit's Speech - December 20, 1982 

เป็นแหล่งที่รวมพันธุ์ไม้เมืองร้อน หลากหลายทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ  ตั้งขึ้นเมื่อปี  2536  มีพื้นที่ประมาณ 6,500 ไร่  สภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบและที่สูงสลับกันเป็นชั้นๆ ในระดับ 300-970 เมตร จัดทำเป็นสวนพฤกษศาสตร์ระดับนานาชาติ    เป็น  Botanical garden  แห่งแรกในประเทศไทย

เป็นองค์การสวนพฤกษศาสตร์ สังกัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

  มีพันธุ์ไม้มากมายที่ปลูกอยู่ใน Glass House Complex ด้วยความชื้น 50-70 % ตลอดปี  เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบต้นไม้ดอกไม้  และผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ต่างๆ มีป่าฝนจำลองด้วยค่ะ   น่าสนใจมาก

สามารถขับรถเที่ยวชมได้  เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30-16.00 น. ค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท รถรวมทั้งคนขับ 50 บาท

เราขับรถเข้าไปชม แวะจอดทุกจุดเลยค่ะ    จุดที่แวะชมได้

คือ 1. อาคารศูนย์สารนิเทศ เป็นสถานที่อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นสถานที่จัดนิทรรศการ 2.กลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ ขนาดต่างๆ 12 โรงเรือน รวบรวมพรรณไม้ประเภทต่างๆจากทั่วประเทศมาปลูกแสดงไว้ในโรงเรือน เช่น ไม้ป่าดงดิบ ไม้น้ำ กล้วยไม้ ไม้แล้ง บัว ไม้ดอกไม้ประดับ บอน ไม้ไทยหายาก ไม้สกุลสัมกุ้ง สมุนไพร

 3.ศูนย์วิจัยพัฒนา  สง่า สรรพศรี เป็นศูนย์ข้อมูลวิชาการโดยมีนักพฤกษศาสตร์ประจำอยู่ตลอดเวลา 4. เรือนพรรณกล้วยไม้ไทย          5.โรงเรือนอนุบาลพรรณไม้

6.อ่างเก็บน้ำแม่สาวารินทร์          7.แปลงรวมพันธุ์ไม้ดอกขาว ซึ่งได้จัดปลูกไปแล้วกว่า 120 ชนิด 

ที่นี่ ทั้งศูนย์วิจัยและปฎิบัติการ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ หอพันธ์ไม้ เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย และอาคารกระจกใหญ่   ตั้งอยู่บนถนน แม่ริม-สะเมิง ก.ม.ที่ 12

และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่จัดไว้ 4 เส้น คือ

 1.เส้นทางน้ำตกแม่สาน้อย-สวนหิน-เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย (Waterfall Trail) ระยะทาง 300 เมตร

2.เส้นทางสวนรุกชาติ (Arboretum Trail) ระยะทาง 600 เมตร 

3. เส้นทางวลัยชาติ (Climber Trail) ระยะทาง 2 กม.

 4. เส้นทางพันธุ์ไม้ประจำจังหวัด ระยะทาง 800 เมตร และในช่วงที่ไปเป็นหน้าหนาว ดอกไม้ออกดอกกันสะพรั่ง สวยงามมาก

ส่วนที่เข้าไปชมในวันนั้น เข้าทาง  เส้นทางสวนรุกขชาติค่ะ (Arboretum trail) และทยอย เข้าไปชมจนครบทุกจุด ที่น่าสนใจมากในสายตาดิฉันคือ .....

กลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ  ประกอบด้วยเรือนกระจก 12 โรงเรือน   ภายในจัดปลูกตกแต่งพรรณไม้ไว้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะพรรณไม้หายากและมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ  ไปเที่ยวชม   ได้เรียนรู้    สัมผัสคุณค่า และความงดงามของพรรณไม้ได้ตลอดทั้งปี ทุกฤดูกาล 

 วัสดุที่ใช้เป็นโครงร่างของอาคารต่าง ๆ  จะเป็นโลหะผสมที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ และไม่เป็นสนิมสามารถรับน้ำหนักได้มาก  และมีความยืดหดตัวได้สูง กระจกที่ใช้ก็เป็นกระจกแบบพิเศษหนา    3   ชั้น สามารถกรองแสงและถ่ายเทระบายความร้อนได้ดี      นอกจากนี้ยังมีม่านพรางแสงที่ปรับเปิดเลื่อนได้ด้วยมือหมุน และระบบระบายอากาศแบบเรียบง่าย โดยการเปิดกระจกด้านข้างได้ทุกมุมและหลายระดับ พื้นล่างรองไว้ด้วยดินผสมที่มีความลึกถึง 2 เมตร   และรองใต้ดินด้านล่างอีกชั้นหนึ่งด้วยท่อระบายน้ำแบบก้างปลาเพื่อไม่ให้น้ำขังด้วยค่ะ

เมื่อกลับมายังกรุงเทพฯ ดิฉันและครอบครัว ยังได้ นำภาพ ไปประกอบการเขียนบล็อกท่องเที่ยวแบบ Unseen Thailand     แนะนำให้ชาวต่างประเทศทราบว่า   ที่นี่สวยและน่าชมอย่างได้วยค่ะ เพราะรู้สึกว่า ถ้ามีคนไปชมน้อยไป  ก็จะไม่คุ้มค่ากับที่ลงทุนไปมากมายค่ะ  เรื่องการท่องเที่ยวนี้ ต้องอาศัยการตลาดเป็นอย่างยิ่งค่ะ

พวกเราคิดว่า ถ้าจะสามารถช่วยอะไรประเทศได้บ้าง ก็อยากช่วย  ยิ่งในช่วงนี้ ที่  รายได้หลักจากการส่งออกของประเทศมีผลกระทบ     และขาดความแน่นอน   อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโดยรวมของทั่วโลก      รายได้อีกส่วนหนึ่งที่มาจากการท่องเที่ยว จึงมีส่วนสำคัญมากในการช่วยจุนเจือ และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าที่เป็นอยู่

แต่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วย กับการโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยการ  "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" ซึ่งอาจไม่ค่อยคุ้มค่าต่อการลงทุนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว เช่น การประกวด Miss Universe    งาน Bangkok Fashion     หรือการพยายามสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองภาพยนตร์ Bangkok Film Festival ที่มีงบฯ ลงทุนมหาศาล    ที่ยังไม่สามารถวดัผลความคุ้มค่าได้อย่างชัดเจนค่ะ

และข่าวล่าสุด.....การเปิดเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯไปยังสมุยของการบินไทยในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 นับว่าเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่จะทำให้การท่องเที่ยวสมุยในปี 2551 ขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น ซึ่งที่แล้วมาชะลอตัวมาตั้งแต่ปี 2549

 สมุยเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับ 5 ของภาคใต้ รองจากภูเก็ต หาดใหญ่ กระบี่ นครศรีธรรมราช แต่เป็นอันดับ 3 ในด้านรายได้ รองจากภูเก็ต กระบี่ การเปิดเที่ยวบินตรง ด้วยเครื่องโบอิ้ง 737-400  วันละ 2 เที่ยวนี้ จะสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น   ในด้านการท่องเที่ยวในประเทศของเรา เป็นอย่างมากค่ะ

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัดคาดว่าในปี 2551 จะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังสมุยประมาณ 1.14 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 จากปี 2550 ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดในสมุยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 จากปี 2550

โดยสรุป ----ประเทศไทยอาศัยการท่องเที่ยวเป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจมานาน  และประสบความสำเร็จทางการตลาดอย่างงดงาม     จนเป็นที่รู้จักในฐานะ สยามเมืองยิ้ม”    และกลายเป็นสถานพักผ่อนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก  ดิฉันเองไปเที่ยวชายหาดที่มีชื่อเสียงของโลกมาหลายแห่ง แต่ก็ยังเห็นว่า ชายหาดของเราสวยกว่า โดยเฉพาะ ทางภาคใต้ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ เช่น เราพัฒนาการท่องเที่ยวโดย   มุ่งแต่การเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวมากกว่าคุณภาพ     การใช้ธรรมชาติและวัฒนธรรมเป็นจุดขาย   ผลประโยชน์ที่ได้จากการท่องเที่ยวมิได้กระจายไปอย่างเท่าเทียมกัน     คนในท้องถิ่นไม่ได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการส่งเสริมการท่องเที่ยว       และบางครั้งกลับต้องเป็นฝ่ายรับภาระผลเสียจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย

แต่นั่นเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขค่ะ   แต่ถ้ามองในภาครวมแล้ว  ดิฉันมั่นใจว่า  เรายังจะสามารถเป็นจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมสูงสุดในภูมิภาคนี้ได้

  



ความเห็น (115)

ประมาณการๆเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย จากสภาพัฒน์ฯ โดยจะมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นแรงผลักอันสำคัญค่ะ


ประเทศเราเคยมีบทเรียนคล้ายคลึงแบบนี้มาแล้ว เมื่อวิกฤติต้มยำกุ้ง เราจึงระมัดระวังตัวมากขึ้นมาก ซึ่งนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยได้มาก

การท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกันผลักดัน แต่ต้องเป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ

search มาเจอพอดี ตอนนี้ที่สมุย มีนักท่องเที่ยวชาวแสกนดิเนเวียมาก เช่าเหมาลำมาเลย สต็อกโฮล์ม-สุราษฏร์ธานี   เฮลซิงกิ-สุราษฎร์  กัวลาลัมเปอร์-สมุย ปีนัง-สมุย

ขอให้ท่องเที่ยวดีกว่าปีที่แล้ว ก้จะดีขึ้นจริงๆเลย

สวัสดีค่ะ  

          แล้วอย่างนี้ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านบันเทิง ก็ดีไปด้วยซีคะ ดีจัง ค่อยยังชั่ว ที่บ้านทำร้านกิฟท์ช้อปที่เชียงใหม่ด้วยค่ะ 

สวัสดีค่ะคุณนุช

สมุยเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางชายฝั่งด้านอ่าวไทยค่ะ พวกคนยุโรป เยอรมันนี อังกฤษ ฝรั่งเศส ชอบมาพัก พวกเกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย

ออสเตรเลียก็ชอบค่ะ มีหาดเฉวง หาดละไม ที่สวยมาก มีกิจกรรมด้านดำน้ำ เล่นกอลฟ์ สปา ที่เป็นที่นิยมค่ะ  และโชคดี ที่ไม่เจอภาวะคลื่นสึนามิเลยค่ะ

 สวัสดีครับ

     แต่ผู้ประกอบการยานพาหนะอื่นๆอาจได้รับผลกระทบจากการที่มีลูกค้ามาใช้บริการน้อยลง นะครับ ผมไปวาดรูปที่สมุยทุกบ่อย ที่นี่มีปัญหาเรื่องน้ำจืดเหมือนกันครับ

พักนี้เหนื่อยแทบขาดใจเลยทีเดียวครับ  นี่ก็กำลังเตรียมงานกับทีมงานเพื่อรอรับการประเมินในเรื่องยาเสพติด  ซึ่งจังหวัดคัดเลือกให้มหาวิทยาลัยฯ  เป็นผู้แทนของสถานบันการศึกษาทั้งจังหวัดเพื่อเข้าประกวดในระดับภาค   ซึ่งอันที่จริง  ผมและน้อง ๆ ไม่ได้การเข้าสู่กระบวนการเช่นนั้นเลย  แต่ผู้ประสานยืนยันชัดเจนว่า   ในบรรดาทั้งหมดที่อยู่ในจังหวัด ฯ  กิจกรรมที่ผมกับทีมงานลุยอยู่นี้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่สุดแล้ว...

......

วันก่อนไปสัมมนาที่ นครนายก...  ผมได้ตั้งวงเล่าเล็ก ๆ  แลกเปลี่ยนกับอาจารย์ที่ปรึกษาภาคสนามจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง  ประเด็นที่เราพูดถึงนั้นมีที่เกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวเหมือนกัน   โดยส่วนใหญ่ก็เชื่อว่า  การท่องเที่ยวในปีนี้น่าจะสดใสกว่าที่ผ่านมา ...

แต่ที่สนทนากันต่อไปก็คือ  วิถีท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์นั้น  เป็นวิถีที่กระทบวัฒนธรรมในครัวเรือนของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งมากน้อยหรือไม่ ...  และวิถีอันแท้จริงของครัวเรือนนั้น ๆ  ได้เป็นไปอย่างที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปหรือไม่  ร วมถึงหากนักท่องเที่ยวเดินทางออกมาแล้ว   เจ้าของพื้นที่จะยังยืนอยู่ในจุดใดกันแน่ ... 

ประเด็นนี้ผมไม่ใคร่สันทัดนัก   จึงได้แต่นั่งฟังและเก็บข้อมูลเป็นส่วนใหญ่...

 

ปีนี้ นักวิเคราะห์ทุกสถาบัน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  ประเทศไทยและเวียดนาม   ที่กลับ จะเติบโตดีขึ้น   แต่แม้เวียดนามจะขยายตัวดี แต่เงินเฟ้อสูงกว่าประเทศไทยค่ะ

ซึ่งดูๆแล้ว ถ้าไม่มีอะไรสุดวิสัย ก็มีแนวโน้มตามนั้นค่ะ
  • สวัสดีค่ะ คุณพี่ศศินันท์..

เมื่อก่อน ((หลายปีที่แล้ว))ต้อมเคยเข้าไปในสวนพฤกษ์อยู่ 2 - 3 ครั้ง ได้....แต่ส่วนมากก็นั่งเล่นที่น้ำตกใกล้ๆ กันทางด้านนอกมากกว่า   เพราะบังเอิญบ้านเพื่อนอยู่แถวนั้น

เส้นทางแม่ริมนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะนะคะ  อย่างฟาร์มงู  ฟาร์มสุนัข  น้ำตก  รีสอร์ท  ปางช้าง 

นี่ต้อมไม่ได้ไปเยือนแถวนั้นเกือบสองปีได้แล้วค่ะ 

ผมขออนุญาตLink เวปที่เกี่ยวข้องกับ "การท่องเที่ยวโดยชุมชน" มาให้สำหรับทุกท่านครับ

เครือข่ายการเรียนรู้และประสานงานวิจัยการท่องเที่ยวโดยชุมชน

 

สวัสดีครับ                                                                                                                                     อ่านดูแล้วน่าสนใจมากครับ  แต่สังเกตดูทำไม  2  ปี ที่แล้วการท่องเที่ยวไม่ค่อยดีเลยชะลอตัวลง   พึ่งจะมีมาดีในปี  2551   เป็นเพราะอะไรครับ  ช่วยอธิบายให้หน่อยครับ

สำหรับ Link ในบันทึกของผมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวมีหลากหลายครับ

 

ส่วนบันทึกอื่นๆที่เกี่ยวกับ "ปาย"

ให้ใช้ Tag คำว่า

"ปาย"

"เมืองปาย"

 

       หนูได้อ่านของคุณแผ่นดินแล้ว  เรื่องวิถีท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์   ถ้าเป็นหนูไม่กล้าไปนอนพักอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน   แต่เป็นบ้านพักแต่ละหลังจะดีกว่า  น่าจะดูปลอดภัยกว่ากัน หรือเปล่าค่ะ
  • เมืองไทยมีที่ท่องเที่ยว...และอะไรๆดีๆอีกมากมาย
  • ถ้าคนไทย....ไม่มัวแต่ทะเลาะกัน...เศรษฐกิจ....คงก้าวไปไกลแล้ว
  • นี่ฝ่ายค้านเอาแต่พูด....ฟื้นฝอย...หาตะกวด...แทนที่จะอภิปรายนโยบาย....รัฐบาล....แทนที่จะชี้แจงนโยบาย  .....ก็ต้องตามไปแก้ตัว
  • นี่หรือ.......สมานฉันท์
  • แต่ก็ยังดีที่....ใช้สภาเป็นเวที
  • ผมเบื่อ.....ไอ้พวกก่อกวน...สร้างความวุ่นวายให้สังคม(โดยเฉพาะนอกสภา)
  • เศรษฐกิจทรุดก็เพราะ...พวกนี้แหละ
  • บ้านเมืองวุ่นวาย....ใครจะมาท่องเที่ยว
  • คนเดือดร้อนจริงผมไม่ว่า.....แต่ให้นึกถึงบ้านเมือง...อย่านึกถึงแต่ตัว....เอามันเข้าว่า
  • ชาติพินาศวอดวายอย่างไร....ไม่สนใจ
  • ต้องขอโทษ...คุณศศินันท์.....วันนี้...ระบายความอัดอั้น..เสียเยอะ

ข้างต้นเป็นบันทึกใน  Time@Being ครับ สำหรับกระบวนการศึกษาวิจัยการท่องเที่ยวโดยชุมชน(Communty Baesd Tourism)ผมเขียนไว้ที่ การท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT.)

 สำหรับใน Blog หลักLocal Focus  พอมีบันทึกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวบ้างครับ ผมจึงนำบันทึกเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนตรงนี้ด้วย

ท่องเที่ยวชุมชน...จีนยูนนานแม่ฮ่องสอน

ท่องเที่ยวโดยชุมชน มิติใหม่การจัดการชุมชน

ล่องเรือ...กับนักวิจัยเพื่อท้องถิ่น

เกษตรอินทรีย์หลังบ้าน...ภูมิปัญญาจีนยูนนาน

น้ำเต้าหู้…สู่สันติชล

 โลงผีแมน…พาหนะเดินทางไปสู่โลกหลังความตาย

 แนะนำหนังสือ Maehongson Community tourism guide book

มาดูทีเด็ด "จีนยูนนาน" ชุมชนท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน เตรียมต้อนรับกลุ่ม "sanuk"

ร้านอาหารชุมชน "จีนยูนนาน" สันติชล ชุมชนท่องเที่ยว

 กระบวนการไปสู่เป้าหมาย "การท่องเที่ยวโดยชุมชน"

อย่าสับสนระหว่าง "การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ" กับ "การท่องเที่ยวโดยชุมชน"

กระบวนการการจัดการความรู้ การท่องเที่ยวโดยชุมชนแม่ฮ่องสอน

การคิดโจทย์วิจัย "การท่องเที่ยวโดยชุมชนแม่ฮ่องสอน"

 การท่องเที่ยวโดยชุมชน การท่องเที่ยวแบบ "พอเพียง"

"เครือข่าย" กับมุมมองของนักพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน

"รุ่งอรุณ" เที่ยวละไมชุมชนท่องเที่ยว แม่ฮ่องสอน

ผจญภัย ค้นหาซากรถญี่ปุ่นสมัยสงครามโลก : งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น

 รองเท้าจีนยูนนาน : ของฝากภูมิปัญญาหมู่บ้านท่องเที่ยว

มูเซอพลาซ่า : ห้องสรรพสินค้าของคนบนดอย

ความประทับใจในครั้งแรก : จุดเริ่มต้นที่ดีของชุมชนท่องเที่ยว

ท่องเที่ยวเมืองปายสบายๆ วันจับภาพ KM

การเดินทางกับความสุนทรียะของชีวิต : สุขนิยม

พาสื่อตะลุย ...ชุมชนท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน

วัดจองคำ...วัดสไตล์พม่ากลางเมืองแม่ฮ่องสอน

 บ้านเรา...สุนทรียะระหว่างวันเดินทาง

 ภาพชีวิตอันสดใส ไร้มายา : สาวน้อยกระเหรี่ยง

ย้อนรอยการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านห้วยแก้วกระเหรี่ยง

ไม้ผลเมืองหนาวบนที่สูง : ชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านผาเจริญ

เยือนถิ่นบัวตอง...เปิดโฮมสเตย์ไทยใหญ่ บ้านเมืองปอน

เยือนถิ่นแม่ละนา ชุมชนไทยใหญ่ในอ้อมกอดภูเขา ...เมืองผีแมนแดนร้อยถ้ำ

คืนไหว้พระจันทร์ เที่ยวละไมชุมชนจีนยูนนาน

ท่องเที่ยวโดยชุมชน CBT : ขุมเรียนรู้เพื่อการพัฒนาชุมชนด้านการท่องเที่ยว

รอหน่อยนะ!!!....สาละวิน

เหนือฝั่งสาละวิน...เหตุการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง

คนกับป่า :วิถีพอเพียงกระเหรี่ยงสาละวิน

ไกด์ทัวร์มือใหม่ วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ...ในเมืองปายที่ไม่เคยเบื่อของผม

จัดการความรู้แบบจีนยูนนาน...นำเสนอตัวตนผ่านการท่องเที่ยว

ท่องเที่ยวชุมชน...ชุมชนปฏิบัติการท่องเที่ยว : คืนหนาวอินทนนท์

ลาหู่ - พรานภูเขา: วิถีตัวตนคนชายขอบ กับการท่องเที่ยวโดยชุมชน

อาหารพื้นบ้าน ภูมิปัญญาเพื่อการอยู่

ล่องแก่งผจญภัยในสายน้ำ : เรียนรู้กลางป่าลึกแม่ฮ่องสอน

"Home stay" และ "Stay home" นิยามที่สับสน มาตรฐานที่ไม่ลงตัว

KM ท่องเที่ยว : จุดเริ่มการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเมืองไทย

เล่าเรื่องเมืองใต้ : สวัสดี...คีรีวง

ตลาดที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวโดยชุมชน(Community based tourism)

เดินทางไป "หลวงพระบาง" กับ CBT Change Agent

ล่องเรือ ล่องชีวิต "แขวงบ่อแก้ว" ถึง "แขวงหลวงพระบาง"

ถนนสายธรรมชาติ "วังเวียง - กุ้ยหลิน เมืองลาว"

เหลียวหลัง แลหน้า "ล้านช้าง" หลวงพระบาง

ตะวันออกพบตะวันตก ความลงตัวของสุนทรียศิลป์ : Ock Pop Tok

เยือน "น้ำตกตาดสี" ผ่านแม่น้ำคานอันเงียบสงบที่เมืองลาว

กิ๋นเข้า เซาเฮือน :ผูกเสี่ยวแบบคนอีสานกับการท่องเที่ยวโดยชุมชน

บรรยากาศวันสบายที่เมืองปาย : บ้านสวนสบาย

เสน่ห์กรุงเทพ : วิถีคนบ้านนอกกับเมืองกรุง -วัดพระแก้ว สนามหลวง ท่าพระจันทร์

บ้านดินจีนยูนนาน เมืองปาย - เตรียมการต้อนรับพ่อครูบาสุทธินันท์

เปิดฟ้าเมืองปาย...ต้อนรับพ่อครูบาสุทธินันท์ "คนนอกระบบ"

อุโบสถเงิน...มหัศจรรย์วันพ่อครูบาสุทธินันท์กลับบ้าน

ปลายทางของความสุข ที่ "หัวหิน"

เสน่ห์กรุงเทพ : "หว่อไอ้หนี่" เยาวราช

ท่องเที่ยวสุขภาพที่ปาย กับ นายพล

คนผีบ้าที่ "ไฮ่อุ้ยต๋าคำ" เมืองปาย

คนเป็นไกด์ : ปฐมบท รู้จักฉันรู้จักเธอก่อนตะลุยเมืองปาย

คนเป็นไกด์ : ท่องเที่ยวบ้านของเรา กับเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ใครอาจยังไม่รู้

เธอบอกว่าผมเป็นเช่นสายหมอก : ตะลุยภูชี้ฟ้า ไขว่คว้าแสงแรกตะวันฉาย

“ดุลยภาพของการพัฒนากับหน้าต่างแห่งยุคสมัย” Count Down 2008 กลางป่าสนผืนใหญ่ที่สุดของประเทศ

ประตูสู่ความมหัศจรรย์แห่งผืนป่า ท่องเที่ยวชุมชนแก่งเกาะใหญ่ กำแพงเพชร

ชาวเกาะมาเยี่ยมชาวดอย : ท่านอัยการชาวเกาะแอ่วเมืองปาย

ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด กับ วันคืนสบายๆที่เมืองปาย

 

 

ทั้งหมดเป็นบันทึกที่กล่าวถึงประเด็นการท่องเที่ยวที่ล้วนแล้วแต่เป็น alternative tourism ที่ผมได้มีโอกาสเรียนรู้ ผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ในการทำงานประเด็นเหล่านี้ครับ

 

แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันครับผม

 ----------------------------------------------

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

พี่ศศินันท์ครับ

  • ผมไม่อยากให้เราดูแต่จำนวนอย่างเดียว แต่คงต้องดูคุณภาพของนักท่องเที่ยวด้วย
  • ถ้านักท่องเที่ยวคุณภาพต่ำมาเที่ยวมากๆ แหล่งท่องเที่ยวของเราก็เหมือนราวถูกกระทำ..  ..
  • ผมเคยไปตำน้ำลึกที่ชุมพร พบกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมายิงปลา  โดยไกด์คนไทยยอมและเอาใจทุกอย่าง แล้วเราจะเหลืออะไรให้ลูกเราดูครับ
  • เทศกาลแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ปัจจุบันมีเทียนต่างชาติแปลกๆ ปะปนเข้ามา รูปพรรณดูแล้วไม่น่าจะเอาไปถวายเป็นพุทธบูชาได้เลย เราเอาใจเขามากไปหรือเปล่า
  • ผมว่า เราน่าจะยอมถอยหลังสักก้าว ไม่ต้องเอาตัวเลขเป็นที่ตั้ง สูดหายใจลึกๆ กลับมาดูรากแท้ของเราว่าเป็นเช่นไร ถ้าเราดีจริง ซึ่งผมยังมั่นใจในคนไทย นักท่องเที่ยวคุณภาพจะกลับมาและประทับใจไม่ลืมครับ

สวัสดีค่ะ

ดิฉันเห็นด้วยที่เขียนมาทั้งหมด

นักท่องเที่ยวที่ทำให้ผลการกระจายรายได้ดีขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวที่พักในโรงแรม ที่เจ้าของเป็นคนไทย หรือพักในเกสท์เฮ้าส์ รับประทานอาหารตามร้านทั่วไป และเดินทางโดยรถเมล์ หรือรถตุ๊กตุ๊ก ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวประเภทนี้จะกระจายไป ยังผู้ประกอบการรายย่อย และคนในท้องถิ่นค่ะ

ดิฉันสนับสนุนให้เที่ยวในประเทศค่ะ

กำลังหาแหล่งท่องเที่ยวอยู่พอดี ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เดือนหน้าจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวครับ
  • การท่องเที่ยวคืออาหารชั้นยอดของจิตรวิญญาน

สวัสดีค่ะคุณธรรมรัตน์

ยินดีต้อนรับค่ะ คงเพิ่งเข้ามาอ่านนะคะ

คุณบอกว่า......ถ้ามีสายการบินมาลง ยานพาหนะอื่นคงได้รับผลกระทบ     ผมไปวาดรูปที่สมุยทุกบ่อย ที่นี่มีปัญหาเรื่องน้ำจืดเหมือนกัน

ค่ะ ถ้ามีสายการบินไปลงแบบนี้  คนก็จะใช้ยานพาหนะอื่นน้อยลง  พวกเรือโดยสารก็จะมีรายได้ลดลงไปตามธรรมชาติ แต่จะมีคนไปเที่ยวมากขึ้น เพราะสะดวกขึ้น เห็นคาดกันว่า การท่องเที่ยวที่สมุยนี้ จะโตขึ้น 10%ค่ะ ส่วนเรื่องน้ำจืดขาดแคลน ทราบว่าทางการประปาสมุยกำลังเร่งแก้ไข โดยจะมีการหาแหล่งน้ำสำรองเพิ่มอีก โดยจะมีการขุดสระเพิ่มอีก 60 ไร่ค่ะ

คาดกันว่า จะมีนักท่องเที่ยวไปสมุยปี 2551 นี้ประมาณ 1.14 ล้านคน และจะมีรายได้ประมาณ 16,000ล้านบาทค่ะ เพิ่มขึ้นประมาณ  6.7 % ในปี  2550 ค่ะ

สมุยสวยมากค่ะ ไปเที่ยวแล้ว ต้องไปอีกค่ะ

ผมเข้ามาอ่านครับ  คำนิยามของนักท่องเที่ยวไม่มีคุณภาพ  คืออะไร  เช่น  เพื่อมาซื้อบริการทางเพศ   ,   มัวเมายาเสพติด  เป็นต้น  ใช่ไหมครับ  เพราะผมกำลังทำวิจัยเรื่องนี้อยู่ครับ

ผมอยู่แถวแม่สอด    พม่าก็เป็นตลาดท่องเที่ยวในอาเซียนที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทยครับ   มีนักท่องเที่ยวพม่าที่ข้ามมายังประเทศไทยตามด่านชายแดนซึ่งเดินทางกลับในวันเดียวกัน  คงจะสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยไม่น้อย แต่พอมีความวุนวายเกิดขึ้นในพม่า   การท่องเที่ยวซบเวาไปเยอะเลย   อยากให้ทุกประเทศสงบๆหน่อย การค้าขายจะได้ดีๆ ประชาชนจะได้สบายขึ้นด้วย 

ตามเพื่อนเข้ามา กำลังเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมพอดี ชอบค่ะ ได้ความรู้ดีมาก  จะมาอ่านอีกเรื่อยๆ

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ มีข่าวดีๆเช่นนี้ดีค่ะ อย่างน้อยก็ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหันมาใส่ใจการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ไม่ใช่เอาแต่ตัวเลข รายได้ แต่สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น เสียหาย

อยากให้ททท.สนใจผลงานศึกษาวิจัยการท่องเที่ยวในเชิงที่คุณจตุพรและทีมงานกำลังทำอยู่ และส่งเสริมความเข้าใจที่จะช่วยกันสร้างให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการจัดการการท่องเที่ยวในถิ่นของตนแบบไม่หลงทาง นุชเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกขัดหูกับเรื่องโฮมสเตย์ที่ททท.โปรโมทมาก ทั้งรูปแบบและวิธีคิด และทำไมไม่หาภาษาที่แสดงว่าเราคิดเป็น แสดงถึงแนวทางของการต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบวิถีไทย แม้ว่าคำว่าโฮมสเตย์จะไม่ได้เสียหายอะไร แต่การที่นำมาใช้แบบเละเทะไร้ทิศทาง ก็ทำให้ชุมชนเสียศูนย์และเสียหายมากกว่าได้นะคะ

สวนพฤกศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าฯ คุ้มค่ากับการไปเยือนจริงๆค่ะ ไปมาสามสี่ครั้งแล้วและไม่เบื่อเลย เพราะกว้างมาก ไปแต่ละครั้งก็ได้ไปชมสิ่งที่ต่างๆกัน ชอบโรงพันธุ์ไม้สมุนไพรและบัวมากเลยค่ะ

ภาพสวยงามมากเช่นเคยนะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆและภาพงามๆค่ะ

สวัสดีค่ะคุณกฤษณา

 ที่คุณให้ความเห็นว่า

แล้วอย่างนี้ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านบันเทิง ก็ดีไปด้วยซีคะ

ค่ะ การท่องเที่ยวทุกอย่าง  ก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่แล้วค่ะ ซึ่ง ก่อให้เกิดรายได้ด้านท่องเที่ยวสะพัดในประเทศ  

 เป็นรายได้จากคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวทั้งแบบค้างคืนและแบบเช้าไปเย็นกลับ

ในปี 2550 ค่าเงินบาทแข็งขึ้น ทำให้คนไทย ไปเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้น เงินไหลออกปีละ 1 แสนล้านบาทนะคะ ทางภาครัฐและเอกชนจึงจำต้องหาทางโปรโมทการท่องเที่ยวในประเทศเป็นการใหญ่ เพื่อทำให้เกิดรายได้

ที่ผ่านมา   เงินได้เพิ่มพูนจากการที่คนไทยท่องเที่ยวในประเทศ ประมาณ 3 แสนล้านบาทในปี 2548 (ตัวเลขจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย)

แต่พอมาปี 2549-2550  การท่องเที่ยวชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเกิดปัญหาขึ้นค่ะ คือ----

1.ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น คนไม่ค่อยเดินทางไกล จะถอยมาเป็นเดินทางใกล้ๆเสียมาก

2.ภาวะเศรษฐกิจ ที่ถดถอยลง ทำให้คนประหยัดกันมากขึ้น

3.เหตุการณ์ไม่สงบภาคใต้ ทำให้คนไปเที่ยว สงขลา หาดใหญ่ กันน้อยลง หาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวภาคใต้ตอนล่าง

4 เกิดเหตุระเบิดหลายจุดที่กรุงเทพฯ ช่วงสิ้นปี 2549 กระทบความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยของการเที่ยวกรุงเทพฯ

5. เกิดการชุมนุมหลายพื้นที่ ที่กรุงเทพฯ กระทบบรรยากาศการท่องเที่ยว

6.ภาวะดินฟ้าอากาศไม่อำนวย เกิด ฝนตกต่อเนื่อง มาจากไตรมาสที่ 2 เข้า ไตรมาส ที่3 ของปี 2550

7.เงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้การเดินทางไปเที่ยวนอกประเทศถูกลง

 ปี 2549 เป็นปีที่การท่องเที่ยวในประเทศแบบค้างคืน ถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัดเป็นครั้งแรก ในรอบหลายปีที่ผ่านมา สวนทางกับการไปเที่ยว แบบ เช้าไป เย็นกลับ มีการเพิ่มขยายตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ขอนำตัวเลขมาให้ดูด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพนัส  แผ่นดิน

คุณพนัส  ให้ความคิดเห็นว่า.......วิถีท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์นั้น  เป็นวิถีที่กระทบวัฒนธรรมในครัวเรือนของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งมากน้อยหรือไม่ ...  และวิถีอันแท้จริงของครัวเรือนนั้น ๆ  ได้เป็นไปอย่างที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปหรือไม่ 

 รวมถึงหากนักท่องเที่ยวเดินทางออกมาแล้ว   เจ้าของพื้นที่จะยังยืนอยู่ในจุดใดกันแน่ ... 

เรื่องการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์นี้  ตามที่ได้ศึกษามาก้เริ่มมาจาก แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 ที่เน้นบทบาทการพัฒนาชุมชน และการที่รัฐบาลออกกฎหมาย การกระจาย อำนาจสู่ ท้องถิ่น เป็นแรงผลักดันให้องค์กร ท้องถิ่น และ หน่วยงานต่างๆ ให้ความสำคัญกับ การสร้างรายได้ ให้กับชุมชนโดยใช้ การท่องเที่ยวเป็นจุดขาย

 จึงทำให้เกิดกิจกรรม การท่องเที่ยว หลายรูปแบบในชุมชน ซึ่งการจัดกิจกรรม Home Stay ก็เป็นรูปแบบ การท่องเที่ยวที่ได้รับ ความสนใจมาก ทั้งจากองค์กรท้องถิ่น องค์กรเอกชน และหน่วยงานภาครัฐ
เริ่มมาตั้งแต่ปี 2503 ค่ะ

  • กระจายอยู่ในกลุ่มนิสิต นักศึกษา กลุ่มออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท ต้องเรียนรู้วิถีชีวิต รับทราบปัญหาในชนบท
  • กระจายอยู่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่นิยมทัวร์ป่า โดยเฉพาะในแถบภาคเหนือ ของประเทศไทย นักท่องเที่ยว จะพักตามบ้านชาวเขา โดยจุดพักนั้นจะขึ้นอยู่กับเส้นทางการเดินป่า

แต่ต่อมา   Home Stay เริ่มสร้างปัญหาสังคม อาทิ ปัญหายาเสพติด ปัญหาโสเภณี ปัญหาการปล้น ขโมย ปัญหาการฆ่าชิงทรัพย์

และต่อมา  รัฐบาลได้ประกาศให้ปี 2541-2542 เป็นปีท่องเที่ยวไทย (Amazing Thailand) ทุกหน่วยงาน ของภาครัฐมีนโยบาย สนับสนุนกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ทำให้เกิดการจัดการท่องเที่ยว ในแหล่งชุมชน และขยายกิจกรรม Home Stay เพิ่มมากขึ้น

 รวมทั้งพื้นที่ชนกลุ่มน้อย หมู่บ้านชาวเขาก็มีการสนับสนุนการจัดกิจกรรม Home Stay ด้วยเช่นกัน

 ในปัจจุบัน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism) ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งในกลุ่มชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ มีการจัดกิจกรรม การท่องเที่ยวในแหล่งชุมชน เพื่อศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม หัตถกรรมของท้องถิ่น

ตอนนี้  Home Stay ที่มีความหมายมากกว่า เป็นที่พัก

 เนื่องจากเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง ซึ่งยึดเอารูปแบบ ที่พักเป็นศูนย์กลางและจัดให้มีกิจกรรมในด้านต่างๆ ตามความต้องการของ นักท่องเที่ยว อย่างหนึ่ง 

ในความเห็นส่วนตัว เจ้าของบ้าน เป็นผู้เต็มใจเข้าร่วมกิจกรรมเองค่ะ และเมื่อนักท่องเที่ยวชุดหนึ่งออกไปแล้ว ชุดใหม่ก้เข้ามา ไม่มีปัญหาอะไรในแง่ที่เกี่ยวกับความอึดอัดใจของเจ้าของบ้านค่ะ

ซึ่งเจ้าของบ้านที่เข้าร่วมโครงการนี้ คงต้องมีการไปลงทะเบียนก่อนกับหน่วยงานภาครัฐ หรือองค์กรท้องถิ่นค่ะ หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานในประเทศที่รับผิดชอบพื้นที่

และต้องมีการจัดเตรียมที่พักอาศัยที่ได้มาตรฐานที่กำหนด  ทั้งในด้านความสะดวก ปลอดภัย  และมีราคาไม่แพงมากจนเกินไป

ให้มีการต้อนรับนักท่องเที่ยวดุจญาติมิตร   จะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกอบอุ่น ถ้ามาเป็นกลุ่ม ควรมีการจัดพื้นที่ต้อนรับในลักษณะจุดศูนย์กลางของชุมชน ส่วนการดำเนินการต้อนรับ ลงทะเบียนการเข้าพัก  อาจไม่ต้องเป็นรูปแบบเหมือนธุรกิจโรงแรม แต่ควรเป็นรูปแบบการเก็บข้อมูลแบบง่าย ๆ หรือการให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว

เนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องพักกับเจ้าของบ้าน อาหารมื้อใดมื้อหนึ่งจึงมีความจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยว การนำเสนอรายการอาหารท้องถิ่นจึงเป็นเสน่ห์และจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจ มากกว่าการนำเสนอรายการอาหาร

ตัวพี่เอง ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้เลยจริงๆค่ะ ได้แต่ฟังเขาเล่ากัน และติดตามดูอยู่ห่างๆเท่านั้น ลองอ่านที่พี่ให้ลิงค์ไว้นะคะ

 

ดิฉันกำลังเรียนปริญญาโทอยู่ค่ะ เข้ามาอ่าน น่าสนใจดี อ่านลิงค์ของ คุณจตุพรฯ แล้วน่าสนใจค่ะ แต่ได้มีการ วิจัยความต้องการของชาวบ้าน ว่าอยากให้พื้นที่ของเขา เป็นแหล่งท่องเที่ยวกี่เปอร์เซ็นต์ และมีความเข้าใจเกี่ยวกับการพักแรมแบบโฮมสเตย์กี่เปอร์เซ็นต์คะ

ผมมาตามอีเมลพี่ศศินันท์เพื่อมาอ่านข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งตอบคุณอรอุมา

ส่วนใหญ่งานที่ผมทำ เป็นงานเชิงกระบวนการ ใช้ "การท่องเที่ยว"เป็นเครื่องมือ เป็นการท่องเที่ยวที่เราเรียกว่า "alternative tourism" ครับ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต่างๆ

โดยชุมชนเป้าหมายคือ ชุมชนที่มีการท่องเที่ยวมาบ้างแล้ว  หรือชุมชนที่มี "ทุน" ในการจัดการท่องเที่ยวอยู่และมีความต้องการพัฒนาชุมชนเพื่อเศรษฐกิจ(อาจวัตถุประสงค์รองๆ) เพื่อการเรียนรู้ การจัดการทรัพยากร เป็นต้น

ไปทำกระบวนการช่วยให้ชุมชนได้ร่วมมือ ร่วมสมองกันคิด กระบวนการพัฒนาโดยเอา "วิจัย" เป็นตัวเดินเรื่อง เป็นงานแบบ PAR ครับ( Participatory action research )ทดลองดู จนได้ทางเลือกที่เหมาะสม

ถามว่าอยากให้พื้นที่เขาเป็นแหล่งท่องเที่ยวกี่เปอร์เซนต์นั้นตอบไม่ได้ครับ ต้องดูที่ชุมชนนั้นๆอีกที ส่วนใหญ่ก็เป็นความต้องการของชุมชน หรือ ชุมชนได้รับผลกระทบจาก Mass tourism ครับ

ความเข้าใจเกี่ยวกับการพักแบบ Home Stay นั้น กี่เปอร์เซ็นต์ผมก็ตอบไม่ได้อีก  เพราะไม่รู้ว่าถามถึงชุมชนไหน ตอบรวมๆไม่ได้ครับ แต่หากเราทำความเข้าใจ เรื่อง โฮมสเตย์ เคลียร์ในนิยามให้ชัด บริหารจัดการที่ดี ก็จะเกิดประโยชน์ต่อชุมชนมาก แม้กระทั่งชุมชนอิสลามที่หนองจอกผมก็เคยไปพักมา ...ดีมากเลยครับ ในส่วนของการบริหารจัดการและบรรยากาศโดยรวม (คลองคอยรุ๊ตตั๊กวา เขตหนองจอก กทม.) ลองไปเที่ยวดูครับ

แลกเปลี่ยนกับผมได้ครับในบันทึกที่เขียนประเด็น Community Based Toursim

 

 

ขอบคุณมากครับ

จตุพร

สวัสดีค่ะ... น้องน้ำผึ้งขอบพระคุณค่ะที่เข้าไปเยี่ยมชมอีกแล้ว - และขอบคุณสำหรับบทความดีดีที่พี่มีให้อ่านสม่ำเสมอ ช่วงนี้เด็กๆ กำลังสอบปลายภาคกันคะ ปิดเทอมนี้ตั้งใจจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวหาดปึกเตียน พี่มีอะไรแนะนำการท่องเที่ยวที่เพชรบุรีเพิ่มเติมบ้างไหมคะ รักและเคารพเสมอค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องเนปาลี ตอนนี้หายยุ่งแล้วหรือคะ เข้ามาอ่านบันทึกพี่ได้แล้ว คิดถึงจังค่ะ วันหลังไปเชียงใหม่ จะขอไปเยี่ยมนะคะ ตอนที่พี่ไปเชียงใหม่ทุกเดือน เราก็ยังไม่รู้จักกันนะคะ เสียดาย

 

ตอนนี้ เกาหลีใต้ เติบโตอย่างรวดเร็วจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของประชาชน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เดินทางไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้นิยมเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้ในเอเชีย ทำให้นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้กลายเป็นตลาดนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชีย

โดยไทยนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับสามของนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ รองจากจีนและญี่ปุ่น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้นั้นทวีบทบาทสำคัญต่อการท่องเที่ยวของไทยมากขึ้นเป็นลำดับ

 ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากเป็นอันดับ 3 รองจากมาเลเซียและญี่ปุ่น

ที่บ้านที่พี่อยู่เดี๋ยวนี้ มีคนมาทำที่พัก ให้ชาวเกาหลี มาตีกอล์ฟ โดยเฉพาะ โดยไม่พักปนกับใครเลยนะคะ เป็นกลุ่มตลาดทัวร์กอล์ฟ และตลาดประชุมสัมมนาค่ะ

 อีกกลุ่มหนึ่ง ที่เขามาเมืองไทยกันมากคือ กลุ่มคู่แต่งงานใหม่หรือกลุ่มคู่ฮันนีมูน เขาจะไปฮันนีมูนที่ภูเก็ตในช่วงเดือนมีนาคม–พฤษภาคม และไป หัวหิน พัทยา และกระบี่

กำลังซื้อกลุ่มนี้สูงเป็นอันดับต้นๆ มีปีละ 3.5 แสนคู่ เลือกมาฮันนีมูนในไทยถึง 1 ใน 3 อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2550 ตลาดฮันนีมูนเริ่มชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดเหลือเพียง 1.4 แสนคู่

คนคงแต่งงานกันน้อยลงมั๊งคะ โดยตลาดที่กำลังมาแรงคือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นคนโสดค่ะ

 ข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประจำกรุงโซล

เกาหลีใต้ เห็นไหมคะ เกาหลีมาแรงมากๆค่ะ ตอนนี้ ไม่ทราบที่เชียงใหม่เขาชอบไปกันไหมคะ ......

สวัสดีค่ะคุณ จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

ขอบคุณมากๆที่นำบทความที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ที่เป็นการวิจัย และประสบการณ์ตรง มารวมไว้ที่นี่  เป็นหมวดหมู่ดีค่ะ

พี่จะมีพวกนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเข้ามาอ่านด้วยค่ะ

หากจะเทียบกับประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนสูง เป็นอันดับแรกๆ ของโลก เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวประมาณ 30-50 ล้านคนต่อปี ประเทศไทยนับว่ายังเล็กมากค่ะ

 เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพียงประมาณ ไม่เกิน 15 ล้านคน ในปี 2550

แต่ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชียซึ่งมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และประเทศที่มีสิ่งมหัศจรรย์ติดอันดับโลก เช่น อียิปต์  และอินเดีย   ก็นับว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จสูงมาก 

ความสำเร็จของการท่องเที่ยวไทยหรือยุคทองของ การท่องเที่ยวเพิ่งจะเริ่มในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 6 (2530-2534) โดยมีรายได้จาก การท่องเที่ยวในปีแรกของแผนฯ ประมาณ 50,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 100,000 ล้านบาทในปี2534

และในปี 2551 นี้ รัฐบาลก้ตั้งเป้าไว้ถึง 600,000.00ล้านบาท

 ความสำเร็จดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากกลยุทธ์ ทางการตลาดค่ะ

พี่ไปดูตามweb siteต่างๆนะคะ

ประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับหนึ่งในประเภทแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ ความอบอุ่น และมีมิตรภาพต่อนักท่องเที่ยว ที่พักราคาย่อมเยา และชีวิตราตรีน่าสนใจ

และอยู่ในอันดับที่สี่   ในประเภทแหล่งท่องเที่ยวที่มีอาหารดี และเป็นแหล่งมีชื่อรองจาก ฝรั่งเศส อิตาลี และฮ่องกง

แต่เมื่อรวมจุดสนใจ และคุณภาพบริการ ทุกประเภทแล้ว (Overall appeal) ประเทศไทยก็จัดอยู่ในอันดับสองรองจากออสเตรเลีย

แต่ที่ไม่ค่อยดีคือ  ประเทศไทยยังถูกจัดอยู่ในด้านความไม่ค่อยมีอนามัย และมีมลพิษที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพค่ะ

ส่วนเรื่องความปลอดภัย ไม่ได้มีการกล่าวถึงมากนัก ก็แสดงว่า เรายังไม่เลวร้ายมากนัก ในเรื่องการจัดการเรื่องความปลอดภัยนะคะ

 

พี่ อ่าน บทความใน Condé Nast Traveler  เมื่อ 29-10-2007 แนะนำการท่องเที่ยวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ก็พบว่า กรุงเทพฯยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมาก  โดยเฉพาะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมค่ะ

1.Bangkok

82.6

2.

Hong Kong

80.9

3.

Chiang Mai

80.0

4.

Singapore

79.9

5.

Kyoto

77.9

6.

Shanghai

75.2

7.

Jaipur

73.8

8.

Tokyo

73.5

9.

Hanoi

69.9

10.

Kathmandu

67.5

     Bangkok is a fascinating place to begin your journey, since so much of what you experience here—from the general friendliness.......

Sydney 'world's top city destination'
11 October 2007

Sydney is the world's premier destination for city holidays, according to the Conde Nast Traveller 2007 reader awards.

The
Australian city was praised for being friendly and having a pleasant atmosphere.

It was rated ahead of Italian city
Florence, San Francisco on the west coast of North America and Thailand's capital Bangkok.

The only other
Australian city to appear in the Conde Nast Traveller list was Melbourne.

Fran Bailey, federal tourism minister, told the
Sydney Morning Herald that the result was a 'well-deserved win'.

She added: '
Sydney is an international gateway for tourists.

'First stop is often
Sydney, but then they visit other great cities such as Melbourne and regional areas such as the beautiful Yarra Valley.'

If you'd like to see this destination for yourself, use Opodo's
travel search engine to find flights, hotels, holidays and car hire worldwide.

 

 

Escape to the paradise island of Samui

เกาะสมุยจัดว่าเป็นเกาะที่สวยงามที่สุดเกาะหนึ่งในประเทศไทย น้ำทะเลสีคราม ใสสะอาดราวกับเนื้อกระจก เหล่าปลาหลากสีสันแหวกว่ายไปมาดูน่าตื่นตาตื่นใจ หาดทรายเนื้อละเอียดสีทอง
สัมผัสความเป็นธรรมชาติ แวดล้อมด้วยต้นมะพร้าวล้อเล่นพริ้วไหวตามสายลม พร้อมกับการพักผ่อนอันเงียบสงบ ท่ามกลางความสะดวกสบายในวันพักผ่อน วันสบายๆของเรา
  • สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
  • แวะมาเมื่อใดก็ได้ความงามและความรู้กลับไปนะคะ
  • ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่พี่แบ่งปันค่ะ

สวัสดีค่ะคุณฟ้าใส

คุณบอกว่า....หนูได้อ่านของคุณแผ่นดินแล้ว  เรื่องวิถีท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์   ถ้าเป็นหนูไม่กล้าไปนอนพักอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน   แต่เป็นบ้านพักแต่ละหลังจะดีกว่า  น่าจะดูปลอดภัยกว่ากัน หรือเปล่าค่ะ

เรื่องนี้ได้ตอบไปแล้ว ที่ด้านบน ช่วยย้อนดุด้วยค่ะ สรุปว่า เราคงต้องเลือกค่ะ น่าจะติดต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดนั้นๆ ก่อนจะไปพักนะคะ เพื่อความสบายใจ

พรุ่งนี่เป็นวันมาฆะบูชา เป็นวันหยุด จะมีคนเดินทางไป-มา เพื่อทำบุญ ที่วัดที่ตนเองศรัทธา บางที ไม่ได้อยู่ใกล้บ้าน และมักจะลาต่อเนื่อง เป็นวันหยุดยาว ถึง 4 วัน

แม้ว่าตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยเที่ยวในประเทศโดยรวมในปี 2550 จะซบเซามา

แต่การท่องเที่ยวอย่างคึกคักจะมีในช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันแน่นอนค่ะ

ซึ่งอาจมีการเดินทางไปต่างจังหวัดค้างคืน หรือไปเช้าเย็นกลับ หรือคนต่างจังหวัดมากรุงเทพฯค่ะ 

การเดินทางเช้าไปเย็นกลับ มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องมาถึงปี 2551 นี้ค่ะ

วันนี้เป็นวันมาฆะบูชาค่ะ

วันมาฆะบูชากับโอวาทปาฏิโมกข์

วันมาฆะบูชา เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระอรหันต์ที่มาประชุมพร้อมกัน โดยไม่ได้มีการนัดหมาย จำนวนถึง ๑,๒๕๐ รูป

และพระอรหันต์ที่มานั้นล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือเป็นพระภิกษุที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานอุปสมบทให้ด้วยพระองค์เอง

 และที่ยิ่งไปกว่านั้น พระอรหันต์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทรงอภิญญา ๖ ด้วยกันทั้งสิ้น 

 ในวันนั้นเป็นคืนเดือนเพ็ญมาฆะ ฤกษ์ถือได้ว่าเป็นเวลาที่ดีที่สุด ท่านเรียกว่า โอกาสโลกเป็นใจ คือในคืนนั้นอากาศก็ไม่ร้อน ทั้งดวงจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญก็สว่างนวล ไม่มีเมฆหมอกมาบดบัง เรียกว่าท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะอย่างยิ่งที่จะได้ฟังธรรม

 ด้วยเหตุอันอัศจรรย์มาประจวบเหมาะทั้งสี่ประการนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงถือฤกษ์งามยามดีที่จะแสดงธรรมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกสืบไป

สพฺพปาปสฺส อกรณํ การไม่ทำบาปทั้งปวง


กุสลสฺสูปสมปทา การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม


สจิตฺตปริโยทปนํ การกลั่นจิตของตนให้ผ่องใส


เอตํ พุทธาน สาสนํ สามอย่างนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย



สวัสดีค่ะอาจารย์ พิสูจน์

อาจารย์เข้าให้ข้อคิดที่กระตุกต่อมความคิดของคนได้ดีจริงๆค่ะ ขอบคุณค่ะ

  • เมืองไทยมีที่ท่องเที่ยว...และอะไรๆดีๆอีกมากมาย
  • ถ้าคนไทย....ไม่มัวแต่ทะเลาะกัน...เศรษฐกิจ....คงก้าวไปไกลแล้ว
  • บ้านเมืองวุ่นวาย....ใครจะมาท่องเที่ยว
  • ต้องขอโทษ...คุณศศินันท์.....วันนี้...ระบายความอัดอั้น..เสียเยอะ
  • คนเดือดร้อนจริงผมไม่ว่า.....แต่ให้นึกถึงบ้านเมือง...อย่านึกถึงแต่ตัว....
  • ชาติพินาศวอดวายอย่างไร....ไม่สนใจ

    เรามีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย  มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ทุกจังหวัด   มีรอยยิ้มพิมพ์ใจปรากฏอยู่ในแทบทุกใบหน้าของชาวไทย

    แต่เราก็มีจุดอ่อนที่ต้องเร่งขจัดอย่างรีบด่วนนะคะ มิฉะนั้น คงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไม นักท่องเที่ยว จึงลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ

    ถ้าอยากให้ได้ ตามเป้า 6 แสนล้านในปี 2551นี้  คงต้องช่วยกัน ให้การท่องเที่ยวของเรามีคุณภาพ และมีความปลอดภัยมากขึ้นค่ะ ดูตัวอย่าง ที่เขาสำรวจมานะคะ ฟังหูไว้หูมั่งก้ได้ค่ะ ถ้าเราคิดว่า บางอย่างก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

  • เมื่อปี 2549   อาวีว่า” AVIVA กลุ่มบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่อันดับ 6 ของโลก และใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ ได้ทำการสำรวจความพึงพอใจจากประสบการณ์การท่องเที่ยวในต่างประเทศของชาวอังกฤษถึง 60,000 คน

    โดยให้อันดับความอันตรายก่อนหลัง ของประเทศต่างๆ โดยการจำแนกหมวดหมู่ของความอันตรายตามหัวข้อต่างๆ อันได้แก่ ....

  • อุบัติเหตุบนท้องถนน (Road Traffic Accidents) ไทยได้คะแนนเป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุสูงที่สุด รองลงมาได้แก่ แอฟริกาใต้ อินเดีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา

     

     อันตรายที่เกิดจากอาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) ไทยเราก็ครองแชมป์เช่นกัน รองลงมาได้แก่ อียิปต์ แคริบเบียน เม็กซิโก และแอฟริกาใต้

    สำหรับปัญหาการลักขโมย (Theft) ก็หนีไม่พ้นบ้านเราอีก ตามด้วยแอฟริกาใต้ แคริบเบียน นิวซีแลนด์ และเม็กซิโก

    สำหรับประเทศที่เกิดปัญหากระเป๋าเดินทางหาย (Lost Luggage) มากที่สุดก็หนีไม่พ้นประเทศไทยอีกเช่นกัน ตามติดด้วยเม็กซิโก แคริบเบียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

     

  • P    สวัสดีค่ะอาจารย์

    • แวะเข้ามาทักทายค่ะ
    • เห็นภาพแล้วอยากไปเที่ยวค่ะ
    • ก่อนจะไปเที่ยวคงจะต้องขออนุญาตเข้าชมบล็อกอาจารย์แล้วค่ะ 
    • ขอคำแนะนำสถานที่ดี ๆ อีกนะค่ะ  เพราะปิดภาคฤดูร้อน  จะได้พาเด็ก ๆ ไปเที่ยวค่ะ
    • ขอบคุณค่ะ 

    ค่ะ คุณ จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

    บันทึกเรื่อง กระบวนการศึกษาวิจัยการท่องเที่ยวโดยชุมชน(Communty Baesd Tourism) ป็นบันทึกที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่งค่ะ

    พี่มีคนรู้จัก เขาเคยไปเที่ยวที่ ปาย ถามเขาว่า ประทับใจปายที่ตรงไหน เขาเล่าว่า...

    เขาชอบ น้ำพุร้อน กองแลนหรือปายแคนยอน น้ำตก พระธาตุแม่เย็น  เขาบอกว่าเคยมาปายเมื่อสี่ห้าปีก่อนจะสวยมากๆ มากกว่าตอนนี้

    พระอาทิตย์ขึ้นที่กองแลนจะสวยมาก

    เขาบอกว่า.สำหรับเขา..ความหมายของปาย ความสงบ เสียงธรรมชาติ เวลาพักผ่อน 

    เขาเอารูปถ่ายปายแคนยอนมาให้ดู  เป็นแคนยอนขนาดเล็กๆ ย่อมๆ ดูไปอีกทีก็คล้ายกับกำแพงเมืองจีน    มีหน้าผายาวๆ เป็นทางเดินที่บางทางเดินต่อไปได้ บางทางก็ตัน ต้องดูดีๆ ว่าเดินไปได้ไหมแล้วบางช่วงทางมันก็จะแคบกว้างขนาดเมตรหนึ่งได้ซึ่งสองข้างเป็นหุบลงไปราวๆ สักยี่สิบสามสิบเมตร   ทำให้เกิดอาการกลัวความสูงได้ ต้องอาศัยใจกับความระมัดระวังเหมือนกัน

    เขาประทับใจ  ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ห่อด้วยบรรยากาศยามเช้า" ที่ปายแคนยอนด้วยค่ะ

    และที่ถ้ำลอดนี่เป็น UNSEEN ที่หนึ่งของแม่ฮ่องสอนเลย น้ำพุร้อนนี่ ร้อนจริงๆ มีสองบ่อความร้อนประมาณแปดสิบองศา เห็นจะได้ 

    สรุปว่า เขาบอกว่า ยังติดใจปายมาก ถ้ามีโอกาส จะไปอีกค่ะ 

    แวะมา....สวัสดีวันมาฆบูชาค่ะคุณพี่P.....สดใสในชีวิตที่เปี่ยมธรรมของคุณพี่นะคะ

    สวัสดีค่ะคุณหมอ นาย เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี

    " ชุมพรประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรม ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก "
    ทะเลชุมพรสวยจริงๆค่ะ สมัยดิฉันเด็กๆ คุณพ่อเป็นชาวสงขลา แต่พาไปเที่ยวที่ชุมพรบ่อยๆค่ะ
     จำได้ว่า ฝนตกบ่อยมากที่จังหวัดนี้ เพราะถูกขนาบด้วยภูเขาและทะเล  อีกทั้งยังได้รับมรสุมทั้งทางฝั่งทะเลด้านตะวันออก และด้านตะวันตก ทำให้มีฝนตกชุกตลอดทั้งปี เหมาะสมต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรมมากค่ะ
    นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่จะ มาท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจจะมองหาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ ธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมอันดีของชาตินั้นๆ มากกว่าที่จะจงใจมาชอปปิง 
     ซึ่งประเทศไทยจัดว่ามีสินทรัพย์ที่เป็นทุนในการแข่งขันเรื่องของการท่องเที่ยวอยู่หลายประการ เราสามารถใช้ศักยภาพเหล่านี้ในการสร้างกลยุทธ์ผลักดันและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาท่องเที่ยวในไทยได้ มากทีเดียว
     แต่เราก็ต้องระวัง อย่าไปเอาใจเขาในทางที่ผิดๆ ให้เขามาย่ำยี ทรัพยากรธรรมชาติของเรา หรือ มาทำอะไรแปลกๆพิสดารที่บ้านเราด้วยค่ะ

    ทางราชการจึง    กำหนดแนวทาง ให้เน้น นักท่องเที่ยวคุณภาพ มุ่งที่รายได้ มากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ใช้ระบบ E- Marketing ควบคู่กับระบบเดิม แต่มุ่งขยายฐานลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าเดิม

    พูดถึงทุนของประเทศเรานี้ ก็มีอยู่หลายประการด้วยกันนะคะ เช่น

    1. ทุนทางธรรมชาติ ประเทศไทยจัดว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเป็นมรดกโลกสำหรับการท่องเที่ยว ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อมยังอยู่ในสภาพที่ดี

    ถ้าเราพยายามรักษาเอกลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่นของสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ทำลายเอกลักษณ์เดิมให้อยู่ในสภาพที่ยังไม่ถูกดัดแปลงตบแต่งเป็นวัตถุนิยมนัก    ก็ถือว่ายังเป็นจุดขายเชิงท่องเที่ยวได้ในหลายรูปแบบ อาทิ การดำน้ำ เดินป่า-ผจญภัย การพักค้างแรมแคมปิ้งในป่า น้ำตก ภูเขา ทะเล และเกาะต่าง ๆ นอกจากนี้ ผลไม้ไทยยังเป็นที่ขึ้นชื่อและรู้จักของชาวต่างประเทศ ว่ามีหลากหลายชนิด และรสชาดดีอีกด้วยค่ะ 

    2. ทุนทางวัฒนธรรม ประเทศไทยมีวัฒนธรรมอันงดงามในทุกๆ ภาค มีอารยธรรม ศิลปกรรมที่น่าชม ไม่ว่าจะเป็นนาฏศิลป์ หุ่นกระบอก โขน รำไทย 

    3. ทุนทางภูมิปัญญาไทย และภูมิปัญญาชาวบ้าน   ในแต่ละภาคก็เป็นสิ่งที่ออกมาในรูปแบบของอาหารสด-แห้ง ของชำร่วย ของที่ระลึก ของใช้ และการบริการที่ชาวต่างชาติกำลังนิยมอยู่ในขณะนี้ เช่น การแพทย์แผนโบราณ การนวดตัว นวดฝ่าเท้า และสปา เป็นต้น

    เราก็มีดีเยอะมากค่ะ ถ้าเราพยายามรักษาของดีของเราไว้ให้มั่นคง ประเทศเรา  น่าจะยังคงรักษาเสน่ห์และความมีชื่อเสียงด้านนี้ ได้อีกนานเนานค่ะ

     

     

    สวัสดีค่ะ....เสน่ห์เมืองไทยเป็นที่หลงไหลของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะ "ยิ้มสยามและความมีน้ำใจ" เป็นจุดขายได้อีกนานนะคะ .....ขอให้คุณพี่มีความสุข (กาย/ใจ)ในวันมาฆบูชาค่ะ..... (ครูกั๊ตค่ะ)

    ผมก็เริ่มต้นปีนี้ด้วยการท่องเที่ยวภาคเหนือครับ...

    และตั้งใจว่าปีนี้คงจะไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไปให้มากขึ้นครับ...

    เมืองไทยมีอะไรดี ๆ ให้เที่ยวให้ชมอีกเยอะครับ...

    ขอบคุณครับ...

    ภาพหมอกที่วัดท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ครับ ถ่ายโดยคุณเอกครับ...

     

    4n

    สวัสดีค่ะคุณ น้ำอ้อย

    คุณให้ความเห็นสนับสนุนว่า....

    ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะกระจายไป ยังผู้ประกอบการรายย่อย และคนในท้องถิ่นค่ะ

    อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีขอบเขตกว้างขวางมากค่ะ เป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ตอนนี้ ที่มาแรงอีกอย่างคือ...

    การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ คือ การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและพ่วงกิจกรรมด้านสุขภาพ ได้แก่ โปรแกรมการตรวจสุขภาพและการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลและคลินิก

     รวมทั้งโปรแกรมแพทย์ทางเลือก อาทิ

    การนวดแผนไทย และสปา ไว้ด้วย ตลาดท่องเที่ยวสุขภาพจึงมีการใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่าตลาดท่องเที่ยวทั่วไป และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วตามกระแสการเอาใจใส่ดูแลในด้านสุขภาพที่กำลังมาแรง

    ในบางโรงพยาบาลเอกชน มีคนต่างประเทศมาตรวจสุขภาพกันหนาตามากๆค่ะ แพทย์บางท่าน ก็เปิดคลินิคเพื่อการตรวจสุขภาพ ชาวต่างประเทศนี้ เป็นเอกเทศก็มี

    ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสี่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รับการยอมรับในบริการด้านสุขภาพจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย

     

    เนื่องจากมีหลายปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุน

    โดยเฉพาะความได้เปรียบในเรื่องค่าใช้จ่ายในบริการด้านการแพทย์ที่ถูกกว่า ด้วยมาตรฐานในการรักษาระดับเดียวกับโรงพยาบาลในยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย รวมทั้งยังไม่ต้องรอคิวในการรักษานานเช่นในยุโรป

    การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพส่วนใหญ่ของไทยยังกระจุกตัวอยู่ตามกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่

    ซึ่งมีความพร้อมในด้านบริการทางการแพทย์ และบริการด้านการท่องเที่ยวต่างๆ

    บริการด้านการแพทย์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางเข้ามาใช้บริการในประเทศไทย ได้แก่

    การตรวจเช็คสุขภาพ การทำเลสิค ศัลยกรรมความงาม ทันตกรรม การผ่าตัด และการพักฟื้น เป็นต้น

    นอกจากนี้ บริการด้านแพทย์ทางเลือกของไทย อาทิ นวดแผนไทย และสปา ก็มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาใช้บริการด้านสุขภาพในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องค่ะ

    คนในครอบครัวดิฉัน ก็เปิดคลินิคศัลยกรรมตกแต่งบ้าง

    แพทย์ทางเลือกบ้าง

    ก็บอกว่า มีลูกค้า ต่างประเทศเข้ามาพอควร ค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณ Conductor

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ และดีใจที่จะเป็นประโยชน์อยู่บ้างค่ะ

    ในช่วงครึ่งปีหลังของ 2550 การท่องเที่ยว ชะลอการขยายตัวลงอย่างเด่นชัด

    พี่เองไปไหน คอยสังเกตตลอด รู้สึกเลยว่า น้อยลง แม้แต่ที่พัทยา ก็เงียบๆไป

    เนื่องจาก  เหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2549 และปัจจัยลบอีกหลายประการ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังขาดความเป็นเอกภาพ การก่อความไม่สงบในประเทศ และเหตุการณ์รุนแรงในภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติ นั่นเองค่ะ

    ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย....

    สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านท่าอากาศยานนานชาติกรุงเทพฯในช่วงไตรมาสแรกปี 2550

    มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 2.61 ล้านคนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.8 จากปี 2549 ช่วงเดียวกัน

    โดยมีนักท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาคเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ยกเว้นภูมิภาคเอเชียตะวันออกและอเมริกา ที่ลดลงร้อยละ 8.4 และร้อยละ 0.2 ตามลำดับ

    แม้กระทั่งที่สมุย เคยมีนักท่องเที่ยวเกาหลีมามาก ก็ลดน้อยลงค่ะ

    ดังนั้นหวังว่า ปีนี้ น่าจะตีตื้นขึ้นมาให้ได้นะคะ แต่ขอนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพด้วยค่ะ

     

     

    สวัสดีค่ะคุณเกษตร(อยู่)จังหวัด

    เรื่องสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้นนี่มีนัยสำคัญมากนะคะ

    พอประกาสออกมาแน่ๆ ว่าจะเลือกตั้ง ทุกอย่าง ก็เหมือนกับได้กระเตื้องขึ้นทันทีเลย

     บวกกับการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐและภาคเอกชนในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว โดยมุ่งขยายตลาดท่องเที่ยวใหม่ อาทิ นักท่องเที่ยวจากประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง และนักท่องเที่ยวอินเดียในตลาดระดับบน

    สังเกตดูว่า ในช่วงต้นๆปี 2551 ลูกค้าหลักๆของเชียงใหม่ คือ

    ตลาดกลุ่มสแกนดิเนเวีย   ญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ก็มีทะยอยเข้ามามากขึ้น หลังจากถดถอยไปในช่วงปลายปี 2549 จากการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก

    ที่ดิฉันบอกว่า บางตาไปในช่วงปลายธันวา นั่นแหละค่ะ

     เรื่องการท่องเที่ยว ก็เป็นสิ่งจำเป็นของมนุษย์เหมือนกันนะคะ เพราะการท่องเที่ยวคือการพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อความสนุกสนานหรือเพื่อความรู้

    องค์กรการท่องเที่ยวของสหประชาชาติ (World Tourism Organization)กำหนดไว้ว่า การท่องเที่ยวหมายถึงการเดินทาง โดยระยะทางมากกว่า 80 กิโลเมตรจากบ้าน เพื่อจุดประสงค์ในการพักผ่อนหย่อนใจ  การท่องเที่ยวมีหลายแบบค่ะ เช่น....

      การท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นการท่องเที่ยวในพื้นที่ชุมชนเกษตรกรรมเช่น สวนสมุนไพร ฟาร์มปศุสัตว์ และสัตว์เลี้ยงรวมถึงแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่างๆ

      การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ คือ การเดินทางไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติ

      การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นการท่องเที่ยวและเยี่ยมชมสถานที่แสดงถึงความเป็นวัฒนธรรม เช่น การชมสถานโบราณวัตถุ โบราณสถาน ปราสาท พระราชวัง วัด ประเพณี รวมถึงวิถีการดำเนินชีวิตของบุคคลในแต่ละยุคสมัย

     

    • ลองมองอีกแบบ
    • เพราะมีประสบการตรงทั้งในและต่างประเทศ
    • ทั้งท่องเที่ยวแบบมีไกด์ส่วนตัว พักโรงแรมหรู ในฝรั่งเศส
    • ท่องเที่ยวแบบประหย้ด กางแผนที่เดินใน ฮอลแลนด์  อังกฤษ และอิตาลี
    • เที่ยวเยอรมันแบบ เพื่อนบริการขับรถพาเที่ยว แบลคฟอร์เรส ต้นน้ำดานูบ ล่องแม่น้ำไรน์ พักบ้านตากอากาศบนภูเขา
    • พักที่ YWCA  และ Pension house  ในอิตาลี  International  Student Dormitory ในอังกฤษ
    • พักโฮมเสตย์ที่ OITA
    • พักโฮฒสตย์ ที่วังน้ำเขียว นครราชสีมา โฮมสตย์บ้านท่าด่าน ที่นครนายก โฮมสเตย์ด่านซ้าย ที่ เลย
    • ที่กล่าวมาเป็นบางส่วนตอนของการท่องเที่ยวของตัวเอง จะเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวมีความหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับวัย รายได้ สถานการณ์
    • แต่ที่สำคัญคือ อะไรคือตัวดึงดูด ให้คนอยากมาเที่ยว มาพัก มาชมสถานที่ที่มีชื่อเสียง ทางศิลปวัฒนธรรม ความเจริญก้าวหน้าล้ำยุคนำสมัย
    • ธรรมชาติ ภูเขา แม่น้ำ น้ำตก ภูเขาน้ำแข็ง ป่าที่มีเอกลักษณ์ ภูมิอากาศ ความสงบเงียบสะอาดเรียบร้อยของเมือง ทะเลหมอก ทะเลทราย ทะเลชายหาดปะการังแสงแดด ฯลฯ.
    • ประวัติศาสตร์  อารยธรรมความเจริญ
    • วิถีชีวิตคนบนใน ภูมิประเทศต่างๆ
    • การจัดการ และการบริหารการท่องเที่ยว จะเป็นตัวสร้างความประทับใจ ทั้งทาง บวกและลบ
    • ความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน คือหัวใจของการท่องเที่ยวไม่ใครอยากไปเสี่ยงชีวิตในต่างแดน
    • ความประทับใจจะเกิด เมื่อมีความสะดวก ความสบาย ความซื่อสัตย์ จะทำให้เกิดความผ่อนคลายสนุกสนาน อิ่มตา อิ่มใจ และอิ่มท้อง อย่างปลอดภัย
    • ในการดูแลบริหารจัดการการท่องเที่ยวควรจะคำนึง ถึงสิ่งที่เราพร้อมที่จะให้ และสิ่งที่เราพร้อมที่จะต้องรับจากผลพวงของการท่องเที่ยว พร้อมที่จัดการได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพและกำลังที่จำกัด การจัดการแบบเศรษฐกิจพอเพียง

    สวัสดีค่ะคุณ จุฑา

    คุณแลกเปลี่ยนความเห็นว่า....

    คำนิยามของนักท่องเที่ยวไม่มีคุณภาพ  คืออะไร  เช่น  เพื่อมาซื้อบริการทางเพศ   ,   มัวเมายาเสพติด  เป็นต้น  ใช่ไหมครับ  เพราะผมกำลังทำวิจัยเรื่องนี้อยู่ครับ

    ค่ะ  การขยายตัวของการท่องเที่ยวได้ถูกวิจารณ์ว่า เป็นการขยายในด้านปริมาณโดยปราศจากคุณภาพ

     ทราบว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงพยายามหาคำนิยามของ นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเพื่อกำหนดเป้าหมายในการส่งเสริม

    แต่พอมาระดมความคิดเห็นกันแล้ว กลับพบว่า มีมุมมองต่างกันมากค่ะ เช่น...

    1.ผู้แทนสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจะเห็นว่า นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพคือ นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายต่อวันสูง มักเป็นนักท่องเที่ยวที่พักในโรงแรมระดับนานาชาติ นั่งรถลีมูซีน และรับประทานอาหารในภัตตาคาร ที่มีราคาแพง

    2.ฝ่ายราชการและนักพัฒนาอาจเห็นว่านักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพคือ

    นักท่องเที่ยวที่ทำให้ผลการกระจายรายได้ดีขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวที่พักในโรงแรม ที่เจ้าของเป็นคนไทย หรือพักในเกสท์เฮ้าส์ รับประทานอาหารตามร้านทั่วไป และเดินทางโดยรถเมล์ หรือรถตุ๊กตุ๊ก ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวประเภทนี้จะกระจายไป ยังผู้ประกอบการรายย่อย และคนในท้องถิ่น ตรงข้ามกับประเภทแรก 

      ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวประเภทแรก  ซึ่งแม้จะสูงแต่ก็จะตกแก่บรรษัทข้ามชาติ โดยผ่านระบบ การขายลิขสิทธิ์และการถือหุ้นโดยชาวต่างชาติ

    3.ส่วนพวกที่อุดมคติหน่อย 

    จะมองว่านักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ คือ ผู้ที่ท่องเที่ยวไปยังดินแดนใหม่เพื่อสัมผัส เรียนรู้ เข้าใจ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับคนท้องถิ่น

    แต่ไม่นับ นักท่องเที่ยวประเภทที่ซื้อแพ็คเก็จทัวร์ แม้จะเป็นทัวร์วัฒนธรรม ก็ไม่อาจจัดว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพได้ เพราะเป็นการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ (mass tourism) มีความฉาบฉวย ไม่ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมแบบตัวต่อตัวได้

     

    สวัสดีค่ะ คุณศศินันท์

    ได้ความรู้มากมายค่ะจากเรื่องที่อ่าน และขอสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบ ที่คุณจตุพรทำอยู่ จะได้นำความรู้ไปแนะนำให้เพื่อนต่างชาติมาท่องเที่ยวที่บ้านเรา

    เห็นด้วยค่ะว่าสมุย สวยมากเพิ่งพาคุณพ่อไปเที่ยว เมื่อปีที่ผ่านมา พอดีเพื่อนเป็นคนที่นั่น ต้อนรับประทับใจสุด ๆ ได้ไปตีกอล์ฟด้วยค่ะ ต้องกลับไปอีก

    สวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้ยินชื่อเสียงมานานยังไม่มีโอกาสได้ไปเลยค่ะ ขอบคุณที่นำรายละเอียดมาให้ชมกัน

    มีคำถามค่ะ ว่าทำไมถึงขนานนามไทยว่าเป็นสเปนตะวันออกเฉียงใต้คะ ถามเป็นความรู้ค่ะ ไม่ทราบจริงๆ ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์

    ตามมาอ่านค่อนข้างช้าไปหน่อยค่ะ ^ ^

    เพิ่งเห็นว่าตรงแม่ริม-สะเมิงมีสวนรุกขชาติด้วย ดีจังค่ะ ตัวเองไปเชียงใหม่บ่อยมาก แต่ก่อนมีสอนที่นั่นเยอะค่ะ แต่ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเลย ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าต้องไปชมแน่ๆ ค่ะ ตัวเองเป็นคนชอบเดินตาม trail แบบนี้อยู่แล้ว คงสนุกมากค่ะ

    ขอบคุณที่นำมาเล่าสู่กันฟังนะคะ ^ ^

    สวัสดีค่ะคุณณัฐนนท์

    ความวุ่นวายทางการเมือง ไม่ว่ามาเกิดกับประเทศใด ประเทศนั้น ก็แย่หน่อยค่ะ ทุกอย่าง ก็เหมือนหยุดชะงักไปหมดค่ะ

    ถ้าเราจะจัดอันดับ ประเทศที่มีความเด่นในเรื่องท่องเที่ยว คงจัดได้ดังนี้คร่าวๆค่ะ

      ประเทศ 10 อันดับแรกที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด

    1.ฝรั่งเศส 2. สเปน 3.สหรัฐอเมริกา 4.จีน 5.อิตาลี่ 6.อังกฤษ 7.ฮ่องกง 8.เม็กซิโก 9.เยอรมัน 10.ออสเตรีย 11.แคนาดา 12.ตุรกี
      ประเทศไทยเคยได้รับการขนานนามว่าเป็นสเปนแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ถ้าเราลองมานึกภาพ   สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ที่จะต้องรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนถึง ๔๐ ล้านคนแล้ว ก็คงเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
     นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงสภาพเทคโนโลยี และขีดความสามารถ ในการรองรับบริการทางด้านสื่อสารโทรคมนาคม และการเดินทางในปัจจุบันแล้ว ก็จะเห็นเช่นเดียวกันว่า เป้าหมายการเป็นสเปนแห่งตะวันออก ยังอยู่อีกห่างไกล

      แต่ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่สามารถเป็นสเปนแห่งตะวันออกเฉียงใต้   ประเทศไทยก็สามารถเป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด ในย่านเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มาหลาบปีติดต่อกันมาค่ะ

     

    ปีนี้ นักวิเคราะห์ทุกสถาบัน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  ประเทศไทยและเวียดนาม   ที่กลับ จะเติบโตดีขึ้น   แต่แม้เวียดนามจะขยายตัวดี แต่เงินเฟ้อสูงกว่าประเทศไทยค่ะ

    ซึ่งดูๆแล้ว ถ้าไม่มีอะไรสุดวิสัย ก็มีแนวโน้มตามนั้นค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณ เอเอ๊

    ยินดีที่เข้ามาอ่านนะคะ

    นำภาพสวยๆของทะเลอันงดงามที่จังหวัดกระบี่มาฝากค่ะ

    สวัสดีค่ะอาจารย์ คุณนายดอกเตอร์

    ดีใจค่ะทีอาจารย์เข้ามาอ่านและให้ความเห็นอย่างตรงประเด็นเช่นเคย

    ประเด็นที่อาจารย์บอกว่า.....อยากจะให้มีการช่วยกันสร้างให้ชุมชน เข้ามามีบทบาท ในการจัดการ การท่องเที่ยว ในชุมชนของตนแบบไม่หลงทาง

    ได้ไปค้น เรื่องเก่าๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ค่ะ ปรากฎว่า...

    เมื่อปี พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา สภาวิจัยแห่งชาติ และมูลนิธิ Rockefeller ได้ให้ทุนวิจัยแก่สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อย่างต่อเนื่อง ให้ศึกษาการบูรณาการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และถอดบทเรียนเพื่อเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ผลกระทบของการท่องเที่ยวต่อชุมชนชนบทเป็นหัวข้อหนึ่งของการศึกษา และได้มีการนำเสนอผลงานที่ จังหวัดเสียมราฐ เมื่อวันที่ 1 - 2 มิถุนายน 2549

    สรุปได้ว่า ผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวมิได้กระจายอย่างเท่าเทียมกัน และมิได้ถึงมือคนจนมากอย่างที่คิด

    จริงอยู่การท่องเที่ยวในชนบทได้ช่วยเพิ่มรายได้ให้คนชนบทจริง แต่รายได้มักตกอยู่กับคนที่มีฐานะดีอยู่แล้ว ซึ่งบางครั้งอาจทำให้การกระจายรายได้ในหมู่บ้านชนบทที่มีการท่องเที่ยวเลวลงด้วยซ้ำไป

    มีกรณีศึกษา 3 กรณีในประเทศเรา

    เป็นการศึกษาในหมู่บ้านท่องเที่ยวที่มีชื่อในประเทศทั้งในเขตที่สูงในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ราบลุ่มเจ้าพระยา ทั้งในหมู่บ้านชนเผ่าไทย และชนเผ่าม้ง เป็นการศึกษาที่เก็บข้อมูลรายได้ในรายละเอียดด้านรายได้ ได้ครบถ้วนกว่าของประเทศอื่น พบว่า รายได้จากการท่องเที่ยวกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้สูง ผู้นำในหมู่บ้านและญาติสนิท

    เขามีกรณีศึกษาทั้งที่กัมพูชาและยูนนานนะคะ

    ในกัมพูชา เขาพบว่า มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยการให้สัมปทานผูกขาดแก่บริษัทไปจัดการท่องเที่ยว ชาวบ้านก็ไม่ด้อะไรเท่าไร แต่เด็กๆกลับอยากเรียนภาษาอังกฤษกันมากขึ้น ซึ่งดี

    ส่วนในยูนนาน  มีการนำการท่องเที่ยวมาทดแทนรายได้จากการขุดทราย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยรายได้ที่ลดลง และรายได้ก็กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มผู้มีอันจะกินที่สามารถดัดแปลงบ้านพักเป็นโฮมสเตย์

    แต่ปรากฎว่า  ด้านสิ่งแวดล้อม ดีขึ้นในบางท้องที่

    แต่อย่างไรก็ตาม  ส่วนใหญ่คนจนจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์น้อยกว่า แต่ได้ผลทางลบ  เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยว เช่น หมู่บ้านในทางผ่านที่คนมาเที่ยวต้องทนรับฝุ่นจากรถนักท่องเที่ยว

    ผลประโยชน์ก็ไม่ได้  ความสุขที่มีแต่เดิมยังลดลงเสียอีก จึงไม่แปลกเลยที่การท่องเที่ยว อาจจะกลายเป็นสิ่งที่สร้างความขัดแย้งในชุมชนอีกด้วย

    แต่อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนก็จำเป็นนะคะ

    เป็นการใช้กลยุทธ์ขจัดความยากจนผ่านการท่องเที่ยว แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง และมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนค่ะ

    ส่วนธุรกิจ  แบบโฮมสเตย์ ถ้าจัดให้ดี มีคุณภาพ ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ ก็จะช่วยชาวบ้านได้ ในเรื่องของเศรษฐกิจค่ะ เพราะกระแสทุนนิยม มันกดดันมาก จึงต้องอาศัยพลังชุมชน มาเกื้อกูลกัน จึงจะไปได้

    คงต้องมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  เข้ามาดูแลจัดการ ช่วยเหลือ ในด้านองค์ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆด้วยนะคะ

      โดยทั่วไปมักมีการจัดเตรียมสถานที่พัก (บ้านของชาวบ้าน) และสถานที่สำหรับทำกิจกรรมแก่นักท่องเที่ยว เช่น ลานเล่นรอบกองไฟ เครื่องเสียง คาราโอเกะ การบริการอาหารและเครื่องดื่ม ฯลฯ

    นอกจากนี้ยังมีการนำเอาวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้ามาผสมผสานในธุรกิจชุมชนด้วย ซึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่นักท่องเที่ยวโดยคนสูงอายุในชุมชน

    ถือเป็นอุบายที่แยบยลในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความอบอุ่นให้มีขึ้นในกันและกัน ทำให้นักท่องเที่ยวมีความรู้สึกว่า สนุกและปลอดภัยค่ะ

     

     

    สวัสดีค่ะน้อง น้ำผึ้ง

    ในบล็อกที่เกี่ยวกับเด็กๆนี่อ่านทุกบล็อกเลยค่ะ ชอบ เพราะขณะนี้ Focusทั้งหลายทั้งมวลของตัวเอง ก็มาลงที่เด็กๆนี่ละค่ะ หลานยังเล็กมากค่ะ เลยต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ

     หาดปึกเตียน อยู่ในท้องที่ตำบลปึกเตียน ห่างจากหาดเจ้าสำราญไปทางใต้ประมาณ ๗ กิโลเมตร หรือ

    สามารถเดินทางไปทางถนนเพชรเกษมถึงอำเภอท่ายางแล้วเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกคลองชลประทานสาย ๒ ประมาณ ๑๕ กิโลเมตร

     บริเวณหาดปึกเตียนเป็นหาดทรายขาว สะอาด สามารถเล่นน้ำได้ และมีรูปปั้นพระอภัยมณี นางผีเสื้อสมุทร สุดสาครและม้ามังกร ศาลเจ้าแม่กวนอิมและเกาะเต่า

    ทะเลก็ไม่ค่อยสวยมากนะคะ มีโคลนๆเยอะหน่อย ยิ่งเวลา น้ำลง จะเห็นชัด และมีโขดหินมาก ที่ทราบเพราะเคยมีบ้านพักที่นี่ค่ะ แต่ตอนนี้ ขายไปแล้วค่ะ

     แต่มีที่พักมาก ที่เราจะเข้าไปพักได้ค่ะ  มี ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกเยอะแยะเลย

    จะไปเที่ยวหัวหินหรือชะอำก็สะดวก ใกล้กันนิดเดียวค่ะ

     

     

    ลืมเอารูปบ้านพักที่ปึกเตียนให้ดุค่ะ บ้านพักแบบบังกะโลนี่ พักสบายค่ะ เย็นๆและเป็นธรรมชาติดีนะคะ

    อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานก็สวยค่ะ ตัวเองไปมาหลายครั้งค่ะ

     เป็นอุทยานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีพื้นที่ถึง ๒,๙๑๕ ตารางกิโลเมตร หรือ ๑.๘ ล้านไร่

    ได้รับการประกาศให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๔

    โดยกำหนดพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำและป่าเหนือเขื่อนแก่งกระจานเป็นเขตอุทยานฯ เป็นต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานฯ เป็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในเทือกเขาตะนาวศรี สภาพภูมิประเทศเป็นป่าดิบชื้น

    ยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานฯ คือยอดเขางะงันนิกยวงตอง อยู่ในเขตรอยต่อประเทศพม่าและไทย มีความสูง ๑,๕๑๓ เมตร รองลงมาคือยอดเขาพะเนินทุ่ง ซึ่งมีความสูง ๑,๒๐๗ เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากสันเขื่อนแก่งกระจาน

     มีถนนเลียบออกมาทางซ้ายมือเป็นระยะทาง ๓ กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ

     

    • สวัสดีค่ะ
    • สบายดีนะค่ะ
    • เมืองไทยเรานี่...มีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ เยอะเลยนะค่ะ
    • ยังเที่ยวไม่หมดเลย อิอิ (ไม่ได้ครึ่งเสียด้วยซ้ำไป)
    • ขอบคุณค่ะ...สำหรับสาระดี ๆ ที่นำเสนอ

    สวัสดีค่ะคุณ dd_L

    ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

    ตอนนี้ประเทศเรา  การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์กำลังเป็นที่นิยมนะคะ

    ซึ่งคงหมายถึง การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบในแหล่งธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และแหล่งวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศน์ สิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว

     โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การจัดการอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศน์อย่างยั่งยืน

    รัฐบาลสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบนี้  แต่ก็ให้มีขนาดพอเหมาะโดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือและเรียนรู้ด้วยตนเอง 

    รูปแบบและกิจกรรม ของการท่องเที่ยวนั้นๆ การจัดบริการไม่ควรต้องเป็นการแสวงกำไร หรือแข่งขันกันมากเกินไป แต่ควรให้มีรายได้เพียงพอในการใช้จ่ายทะนะบำรุง  สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติไว้

    ทางภาครัฐเองก็สนับสนุนการลงทุนของชุมชนท้องถิ่นในรูปแบบต่างๆ ในการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ โดยการให้ยืมหรือให้กู้ดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินของรัฐด้วยค่ะ

    ที่ทราบเพราะ ญาติของตัวเองก็ทำกิจการนี้อยู่ ที่จังหวัดกาญจนบุรี บนภูเขาสูงที่ๆเคยเป็นเหมืองเก่า คือเหมืองปิล็อคค่ะ

    รีสอร์ทแห่งนี้คือ เหมืองแร่ในอดีตแปลงมาเป็นรีสอร์ทในปัจจุบัน

    นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติและการผจญภัยน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เหมืองแร่รีสอร์ทแห่งนี้ค่ะ

     

     เมื่อ 19 ก.พ. 2551 ว่า มีข่าวว่า....

    ดร.ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการทำเอกสารพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน

     เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) รวมทั้งแผนการจัดการรวมพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ให้สัมภาษณ์ว่า

     ยังมีหลายคนเข้าใจผิดว่า การที่ประเทศไทยกำลังเตรียมการเพื่อเสนอให้พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้น จะทำให้ชาวบ้านเข้าไม่ถึงทรัพยากร และส่วนราชการไทยจะสูญเสียอำนาจในการจัดการพื้นที่ดังกล่าวให้กับยูเนสโก ซึ่งขอชี้แจงว่า

     ทั้งหมดไม่เป็นความจริงจริง ในทางกลับกันมีแต่จะได้รับประโยชน์มากขึ้น

     เพราะทำยาก และมีข้อจำกัดมากมาย การทำเอกสารเกี่ยวกับทะเลอันดามันเพื่อยื่นให้ยูเนสโกพิจารณาครั้งนี้ ทำโดยนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญทางทะเลและด้านสังคมจำนวนมากนำเสนอทุกรายละเอียด

     คิดว่าโอกาสที่จะได้ยินข่าวดี มีมากถึง 70%

    ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวเราไม่ได้หวังมาก เพราะทางยูเนสโกไม่ค่อยสบายใจหากจะเอาพื้นที่มรดกโลกไปโปรโมตการท่องเที่ยว

     แต่ตามสถิตินั้น รายได้การท่องเที่ยวของพื้นที่มรดกโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4 เท่า

    ทุกวันนี้อันดามันมีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 4 แสนล้าน ที่คาดหวังคือ จะได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามาชื่นชมอันดามันมากขึ้นเท่านั้น' ดร.ธรณ์กล่าว

    ส่วนเมื่อวันที่ 20ก.พ.2551 มีข่าวจากรัฐบาลเรื่องการท่องเที่ยว ว่า.......

     การหารายได้เข้าประเทศ ด้วยการประกาศให้ปี 2551-2552 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย

    ทั้งนี้ มอบหมายให้นายมิ่งขวัญ และพลตรี สนั่น เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ

    สว้สดีค่ะคุณแดนไท

     
    การท่องเที่ยวนั้นเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมไม่กี่ประเภทที่ค่อนข้างปราศจากมลภาวะ (non-polluting industry) และนับวันก็ยิ่งเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว

     ที่บรรดาประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญมาก เป็นอันดับต้นๆ  เพราะ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่สามารถสร้างงานทั้งทางตรง และทางอ้อมให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก อย่างประเทศเรา ตอนนี้ หันมาให้ปั 2551-2 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวอีกแล้วค่ะ

    รูปแบบของการท่องเที่ยวแบบเก่า คือแบบ "มวลชน" (Mass Tourism)

     เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม และสภาพแวดล้อมอย่างยิ่ง 

    จึงเกิดมี  แนวคิดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ว่านี้ โดยมีผู้ตั้งชื่อต่างๆ กัน เช่น....

     การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Eco-tourism)

    การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Tourism)

    การท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม (Participative Tourism)

    การท่องเที่ยวอย่างฉลาด (Intelligent Tourism)

    การท่องเที่ยวที่มีแรงจูงใจ (Motivated Tourism)

    การท่องเที่ยวอย่างเหมาะสม (Appropriate Tourism)

    การท่องเที่ยวที่ช่วยรักษาสภาพแวดล้อม (Soft Tourism)

    การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Conservation Tourism)

    และการท่องเที่ยวที่ปกป้องสภาพแวดล้อม (Green Tourism) เป็นต้น

    ซึ่งชื่อรูปแบบการท่องเที่ยวทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่หมายถึง "การท่องเที่ยวทางเลือก" (Alternative Tourism) นั่นเอง

    เรื่องนี้ คุณจตุพรฯ คุณเอก คงจะเป็นผู้อธิบายได้อย่างชัดเจนกว่าใคร ในโกทูโนนี้ค่ะ

    ส่วนหน้าร้อนนี้ อากาศร้อน น่าจะไปที่เย็นๆหน่อยนะคะ ไปแม่ฮ่องสอนก็ได้มังคะ หรือ ที่แม่ฮ่องสอน ก็ร้อนเหมือนกัน

    เพราะเคยไปตาก และลำปาง ตอนหน้าร้อน ร้อนแทบแย่เลยค่ะ

    สงสัยไปเยี่ยมคุณปู่ คุณย่า ดีกว่ามั๊งคะ

     

    สวัสดีค่ะคุณ  Lioness_ann

    ดีใจจังที่มาเยี่ยมและอวยพร ให้มีความสุข ขอให้คุณได้รับความสุขสงบนั้น เป็นร้อยเท่าเลยนะคะ

    ตัวดิฉันเอง ก็ไม่ค่อยเข้าใจ คำว่า   "การท่องเที่ยวทางเลือก" (Alternative Tourism) เหมือนกัน

    นักท่องเที่ยวต้องสามารถ "เลือก" ได้จริงๆได้หรือ

    ไม่ว่าจะเลือกในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว ประเภทของที่พัก บริษัทนำเที่ยว และการจัดการ รวมทั้งการควบคุมกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการท่องเที่ยว

    และ กิจกรรมต่างๆ ของนักท่องเที่ยวที่เลือการเดินทางแบบการท่องเที่ยวทางเลือก (Alternative Tourism) นั้น

    จะเป็นลักษณะการท่องเที่ยวที่เป็นไปในลักษณะเพื่อศึกษาวิถีชีวิตและสัมผัสวัฒนธรรมชุมชน เพื่อการผจญภัย ล่องแพล่องแก่ง รวมทั้งเป็นการท่องเที่ยวไปในชนบทเพื่อศึกษาธรรมชาติ สภาพแวดล้อม หรือเพื่อทำกิจกรรมต่างๆใช่ไหมคะ

    เช่น การท่องเที่ยวดูนก (Bird watching) ดูผีเสื้อ (Butterfly watching) หรือแม้แต่การท่องเที่ยวที่ใช้รถคาราวาน และการกางเต๊นท์พัก (Caravan and Camping) เป็นต้น

    เพราะญาติดิฉันที่ทำเรื่องนี้อยู่ ที่ปิล็อก กาญจนบุรี ก็ไม่ทราบคำจำกัดความอะไรเหมือนกัน

     แต่ของเขา มีนักท่องเที่ยว ไปดูนก ไปศึกษาธรรมชาติ มากค่ะ ดิฉันเอง ก็เคยไปเที่ยวแบบนี้  บอกได้อย่างเต็มปากว่า....

    เป็นการเดินป่า ที่สนุกมากๆๆๆ อากาศดีมาก สดชื่นมาก อ็อกซิเย็นเยอะกว่าปกติเพราะอยู่บนเขาสูงพอดีๆค่ะ

    ที่อยากบอกคือ การท่องเที่ยวแบบ ที่ปกป้องสภาพแวดล้อมด้วย (Green Tourism) ดีจริงๆค่ะ

     

     

    สวัสดีค่ะครู Gutjang

    ครูกั๊ด เป็นคุณครูที่สมควรจะได้รับการยกย่อง ให้เป็นครูตัวอย่างคนหนึ่งเลยค่ะ

    พี่เอง ไม่มีความสามารถทำอะไรได้เท่าคุณหรอก พูดจริงๆค่ะ

    คุณบอกว่า...."ยิ้มสยามและความมีน้ำใจ" เป็นจุดขายได้อีกนานนะคะ

    พอทราบว่าคุณมิ่งขวัญฯ จะมารับหน้าที่ดุแลด้านการท่องเที่ยวในปี2551 นี้

    พี่เลยไปค้นเรื่อง คอลัมน์ ดุลยภาพ ดุลยพินิจ โดย มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่พรรคการเมืองกับเรื่องท่องเที่ยว มาค่ะ....ตอนยังไม่ได้มีการเลือกตั้ง สรุปเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ยิ้มสยาม สั้นๆดังนี้ค่ะ

    คุณมิ่งขวัญเคยออกมาบรรยายกลยุทธ์พัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของพรรคพลังประชาชนไว้ในรายการของคุณจักรพันธุ์ ยมจินดา ทางทีวีช่อง 5 ในเช้าวันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 ว่า...

    การสนับสนุนการท่องเที่ยวเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้ ให้กับประเทศไทย กลยุทธ์ท่านก็คือ

    1) ต้องสื่อสารข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวของไทยให้ทั่วโลกรับทราบ เพราะว่าเรามีวัฒนธรรมดีๆ และยิ้มสยามที่เป็นมรดกประจำชาติ เราจะได้มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น

    (2) จะทำให้ประเทศไทย จะเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาลโลก จะได้มีชาวต่างชาติมารักษากับเรา ในราคาที่ไม่แพง

    (3) จะขยายสนามบินสุวรรณภูมิออกไปอีก

    ดังนั้นอีกไม่นาน  คงมีการประกาศกลยุทธ์ที่เป็นหลักการชัดเจนขึ้น  คอยติดตามกันค่ะ

     สวัสดีค่ะคุณ Mr.Direct

    ดีใจที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ และติดตามเรื่องที่คุณไปเที่ยวภาคเหนือมาด้วยค่ะ

    เห็นคุณไปภาคเหนือมา ดิฉันนึกถึง  คอลัมน์ ดุลยภาพ ดุลยพินิจ โดย มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
    ที่เกี่ยวกับเรื่องปัญหาที่แท้จริงของไทยเรื่องการท่องเที่ยว

    ไม่ใช่ปัญหาการตลาดหรือการหาคนมาเที่ยว หากเป็นปัญหาการจัดการซัพพลายในประเทศที่ตามไม่ทันดีมานด์

    คือถ้าเราจะปรับปรุงในด้านการท่องท่องเที่ยวของเรา ตามความเห็นของคุณ มิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด ผู้เขียน ที่กล่าวถึงจุดอ่อนของเรา

    1.ในด้านระบบอินเตอร์เน็ตของไทย  ที่ยังใช้ค้าขายได้ไม่ดีนัก แม้เว็บไทยจะมีความงามทัดเทียมต่างชาติ (สิงคโปร์) แต่ความเบ็ดเสร็จครบถ้วนยังน้อยกว่า และบริการที่ได้ดังใจยังน้อยกว่าอีกด้วย

    2.ด้านความสามารถทางด้านภาษาต่างประเทศของเรา

    3.การเตรียมบุคลากรที่ตามไม่ทันการขยายตัวของอุตสาหกรรม

    4.การจัดการเรื่องมลภาวะ การจัดการจราจร หรือระบบโลจิสติคส์การท่องเที่ยว

    5.ด้านการตลาด สำหรับประเทศเรา ไม่ยาก แต่ต้องเลือกเจาะตลาดคุณภาพสูง หรือลูกค้าคุณภาพ ไม่มาทำความเสื่อมโทรมให้แก่ทรัพยากรท่องเที่ยวของเรา

    และยังมีรายละเอียดอีกมากค่ะ  ลองอ่านดูนะคะ น่าสนใจค่ะ

     

     

    นำภาพทะเล หาดทราย และเปลือกหอยมาให้ชมค่ะ ที่กระบี่และภูเก็ต

     นำรูปมาฝากคุณดิเรกค่ะ เป็นผลไม้ไทยๆค่ะ เดี๋ยวนี้ มีหลากหลายมากในทุกฤดูกาลนะคะ ผลไม้ของไทยเป็นจุดเด่นที่ขึ้นหน้าขึ้นตามากๆสำหรับนักท่องเที่ยวค่ะ เรามีหลากชนิด หลากรส หลากสี  และรูปร่างต่างๆกันด้วยค่ะ

    เป็นเอกลักษณ์ไทยอย่างหนึ่งนะคะ

     

    สวัสดีค่ะคุณ..Lin Hui

    คุณเป็นนักท่องเที่ยวครบสูตรเลยนะคะ ครบทุกรูปแบบ ประสบการณ์เพียบ น่าจะนำมาถ่ายทอดกันบ้างนะคะ

    ตัวเอง จะว่าไป เที่ยวไม่ครบตามที่คุณเล่าค่ะ ที่คุณcommentมา น่าสนใจมากๆค่ะ นี่เป็นfeed back ของนักท่องเที่ยวตัวจริงค่ะ ขอบคุณจริงๆเลยนะคะ

  • การจัดการ และการบริหารการท่องเที่ยว จะเป็นตัวสร้างความประทับใจ ทั้งทาง บวกและลบ
  • ความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน คือหัวใจของการท่องเที่ยวไม่ใครอยากไปเสี่ยงชีวิตในต่างแดน
  • ความประทับใจจะเกิด เมื่อมีความสะดวก ความสบาย ความซื่อสัตย์ จะทำให้เกิดความผ่อนคลายสนุกสนาน อิ่มตา อิ่มใจ และอิ่มท้อง อย่างปลอดภัย
  • ในการดูแลบริหารจัดการการท่องเที่ยวควรจะคำนึง ถึงสิ่งที่เราพร้อมที่จะให้ และสิ่งที่เราพร้อมที่จะต้องรับจากผลพวงของการท่องเที่ยว พร้อมที่จัดการได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพและกำลังที่จำกัด การจัดการแบบเศรษฐกิจพอเพียง
  • คุณ Linhui คะ ดิฉันไปอ่าน World Economic Forum ได้พบข้อมูลการ จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ทั่วโลก จำนวน 124 ประเทศ ของปี 2007

    ดูค่อนข้างจะน่าเชื่อถือ เนื่องจากวิธีการในการจัดอันดับอิงกับหลักวิชาการ มีแหล่งที่มาที่ไปชัดเจน ไม่มั่วยกเมฆเขียนเอาเอง หรือเอาแต่บวกลบคูณหารคะแนนจากแบบสอบถาม ซึ่งได้จากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างแค่หยิบมือเดียว เลยcopy มาให้ดู แตคงต้องใช้แว่นขยายส่อง เพราะย่อมาให้ค่ะ

    ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 43 ที่มีดาวไว้3ดวงค่ะ

    ประเทศที่ได้อันดับแรกคือสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรียได้อันดับสอง ส่วนอันดับสามตกเป็นของเยอรมนี ประเทศในเอเชียที่ติดอันดับท็อปเทน คือสิงคโปร์ซึ่งได้อันดับ 8 

     เฉพาะในกลุ่มอาเซียนตามที่ได้แสดงในตาราง จะเห็นว่าเราอยู่ในอันดับสามเป็นรองสิงคโปร์และมาเลเซีย ตามมาด้วยอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกัมพูชา (พม่ากับลาวไม่ได้ถูกจัดอันดับ จึงไม่มีข้อมูล)

    การจัดอันดับได้มาจากการวิเคราะห์ปัจจัยสามกลุ่มด้วยกัน

    1. กฎระเบียบข้อบังคับในด้านการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม ความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย กฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับสุขอนามัย

    2. ด้านการทำธุรกิจโดยปัจจัยที่มีผลต่อคะแนน ได้แก่ ระดับการให้ความสำคัญในการพัฒนา และส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ความสะดวกสบายในการเดินทางโดยทางบกและอากาศ

     ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางบกและทางอากาศ โครงสร้างพื้นฐานอื่น ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว

    3.ปัจจัยกลุ่มสุดท้าย เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในประเทศ ทั้งด้านทรัพยากรบุคคล ความหลากหลายและอุดมทางวัฒนธรรม ทัศนคติของประชาชนในประเทศที่มีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ

    ประเทศไทยของเรามีของดีมีจุดเด่นเยอะแยะมากมาย แต่เรายังขาดการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ อย่างที่คุณLin Hui ให้ความเห็นค่ะ

    การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ต้องไปกลัวว่า ไปจับนักท่องเที่ยว ที่มาทำลายธรรมชาติของเราแล้ว  เขาจะไม่มาเที่ยวอีก เพราะการที่เขาทำลายสภาพแวดล้อม ก็ทำให้คนมาเที่ยวลดลงอยู่แล้ว ใช่ไหมคะ

    สวัสดีค่ะ  ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ....

    เดินเข้ามาในบลอกนี้  แล้ว  ความรู้ใหม่ๆมาเยือนเพียบค่ะ

     

    วันหลังจะเข้ามาอีกนะคะ

    • สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์
    • หลังจากวนเวียนใช้ความพยามยามที่จะเข้ามาทักทายบันทึกพี่นานหลายวันมาก  แต่เมนูไม่ขึ้นซักที  จนต้องแอบนำดอกไม้แห่งความคิดถึงไปฝากไว้หลังบ้าน (ตรงสอบถาม)  วันนี้สามารถเข้ามาได้ดีใจมาก ๆ ค่ะ
    • เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายแต่ละที่มีเอกลักษณ์ ความงาม และคุณค่าที่แตกต่างกัน  สมกับที่เขาว่าเที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ 
    • คนต่างชาติหลงไหลกันก็มากอยากให้คนไทยภาคภูมิใจในตรงนี้และร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการดูแลต้อนรับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันหรือว่าชาวต่างชาติ  และอยากให้คนไทยเห็นคุณค่าของแหล่งท่องเที่ยวรักษาสิ่งแวดล้อมที่สวยงามให้คงอยู่ตลอดไปค่ะ
    • ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณ  a l i n l u x a n a =)

    ขอโทษตอบช้าไปนิด พอดีต้องไปธุระน่ะค่ะ ดีใจที่เข้ามาเยี่ยม และ บอกว่าจะไปเที่ยวที่สวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่นี่สวยและลงทุนไปมาก สถานที่ก็กว้างขวางเหลือเกิน แต่สงสัยประชาสัมพันธ์น้อยไป คนมาเที่ยวไม่มากค่ะ

    ที่เราถูกจัดอันดับจาก World Economic Forumเมื่อปีที่แล้ว 2007 เป็นรองสิงคโปร์ ก็ไม่ค่อยแปลก เพราะดูเหมือนเขา ทำการตลาดมากจริงๆนะคะ และเรื่องสาธารณูปโภคก็ดีกว่าเรา

    แต่ที่มาเลเซียแซงหน้าเราไปได้ เพราะอะไร...

     ในสายตาของทีมจัดอันดับ พวกเขามองว่ามาเลเซียเหนือกว่าเราในด้านของกฎระเบียบข้อบังคับ การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน

    แต่เราต้องระวังเวียดนามด้วยค่ะ  ตอนนี้เขากำลังปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจภายในประเทศอยู่ อีก 10 ปีข้างหน้า ก็ไม่แน่เหมือนกันค่ะ

    ที่เคยมีการ ขนานนามไทยว่าเป็นสเปนตะวันออกเฉียงใต้นั้น

     ดิฉันได้เคยอ่านมาจาก  สมุดปกขาวของทีดีอาร์ไอ มานานแล้วค่ะ ช่วงปี 2537  ว่ามีการพูดๆถึงประเทศไทยกันเช่นนั้น  ในเวลาที่จะโปรโมท การท่องเที่ยวประเทศเรา เพราะในช่วงนั้น ปี 2534-37 การท่องเที่ยวเรารุ่งเรืองมาก มีคนเข้ามาเที่ยวถึง 4 ล้านคนเศษ ในปี 2534 และในปี 2535 มีเหตุการณ์ ทางการเมือง มีผลกระทบ แต่ก็สามารถฟื้นตัว ขึ้นได้อย่างรวดเร็วค่ะ

    รู้สึกว่า ผู้เขียนจะเป็นคุณ มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด สมัยนั้น ทีดีอาร์ไอ  ออกสมุดปกขาว ออกมาในหลายๆเรื่องค่ะ 

    ซึ่งในเรื่องการขนานนามดังกล่าวนี้ คงไม่ค่อยมีใครเห็นด้วย แม้แต่ผู้เขียนดังกล่าว  เพราะ มันเป็นไปไม่ได้ จึงเงียบๆกันไป หลังๆนี้ ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย

    แต่ที่เอ่ยถึง เพราะ จะชี้ว่า เราอยากโปรโมท จะเป็นอะไรก็ได้ แต่ในข้อเท็จจริง มันป็นไปไม่ได้ ในระยะเวลาอันใกล้นี้ค่ะ

     

     

    สวัสดีค่ะ อาจารย์ กมลวัลย์

    ตอนนี้อาจารย์คงอยู่ที่อเมริกาแล้ว แต่อยู่ไกล ก็เหมือนใกล้นะคะ

    World Economic Forum นี่ดูค่อนข้างจะน่าเชื่อถือค่ะ ประเทศเรา น่าจะนำข้อมูลนี้มาปรับปรุงนะคะ

    นี่เป็นมุมมองที่คนอื่นเขามองเรา อาจไม่ถูกใจบ้าง แต่ถ้ามีอะไรไม่ถูกต้อง ก็ชี้แจงได้

    ส่วนตัว เขาอาจมี bias บ้างเล็กน้อยหรือเปล่าไม่ทราบค่ะ จะให้ยุติธรรม 100% อาจจะยากนิดนึง

    ทางเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้า Jennifer Blanke ได้ให้สัมภาษณ์ว่า

     "The index is not a ‘beauty contest', or a statement about the attractiveness of a country.

    On the contrary, the index measures the factors that make it attractive to develop the travel and tourism industry of individual countries," said Jennifer Blanke, Senior Economist of the World Economic Forum.

    Interview - Jennifer Blanke, Senior Economist of the World Economic Forum 

    ขอcopyมาดูกันให้ชัดๆอีกที เป็นข้อมูลนะคะ

     Travel and Tourism Competitiveness Index

     

     

    Rank

    Country/economy

    Score

    1

    Switzerland

    5.66

    2

    Austria

    5.54

    3

    Germany

    5.48

    4

    Iceland

    5.45

    5

    United States

    5.43

    6

    Hong Kong SAR

    5.33

    7

    Canada

    5.31

    8

    Singapore

    5.31

    9

    Luxembourg

    5.31

    10

    United Kingdom

    5.28

    11

    Denmark

    5.27

    12

    France

    5.23

    13

    Australia

    5.21

    14

    New Zealand

    5.20

    15

    Spain

    5.18

    16

    Finland

    5.16

    17

    Sweden

    5.13

    18

    United Arab Emirates

    5.09

    19

    Netherlands

    5.08

    20

    Cyprus

    5.07

    21

    Belgium

    5.07

    22

    Portugal

    5.05

    23

    Norway

    5.04

    24

    Greece

    4.99

    25

    Japan

    4.99

    26

    Malta

    4.96

    27

    Ireland

    4.93

    28

    Estonia

    4.90

    29

    Barbados

    4.86

    30

    Taiwan, China

    4.82

    31

    Malaysia

    4.80

    32

    Israel

    4.80

    33

    Italy

    4.78

    34

    Tunisia

    4.75

    35

    Czech Republic

    4.75

    36

    Qatar

    4.71

    37

    Slovak Republic

    4.68

    38

    Croatia

    4.66

    39

    Mauritius

    4.63

    40

    Hungary

    4.61

    41

    Costa Rica

    4.60

    42

    Korea, Rep.

    4.58

    43

    Thailand

    4.58

    44

    Slovenia

    4.58

    45

    Chile

    4.58

    46

    Jordan

    4.52

    47

    Bahrain

    4.45

    48

    Jamaica

    4.41

    49

    Mexico

    4.38

    50

    Dominican Republic

    4.35

    51

    Lithuania

    4.34

    52

    Turkey

    4.31

    53

    Latvia

    4.31

    54

    Bulgaria

    4.31

    55

    Panama

    4.28

    56

    Uruguay

    4.28

    57

    Morocco

    4.27

    58

    Egypt

    4.24

    59

    Brazil

    4.20

    60

    Indonesia

    4.20

    61

    Serbia and Montenegro

    4.18

    62

    South Africa

    4.18

    63

    Poland

    4.18

    64

    Argentina

    4.18

    65

    India

    4.14

    66

    Georgia

    4.13

    67

    Kuwait

    4.08

    68

    Russian Federation

    4.03

    69

    Guatemala

    4.00

    70

    Botswana

    3.99

    71

    China

    3.97

    72

    Colombia

    3.96

    73

    Namibia

    3.95

    74

    Armenia

    3.93

    75

    Azerbaijan

    3.92

    76

    Romania

    3.91

    77

    El Salvador

    3.90

    78

    Ukraine

    3.89

    79

    Sri Lanka

    3.89

    80

    Tanzania

    3.86

    81

    Peru

    3.86

    82

    Kazakhstan

    3.81

    83

    Macedonia, FYR

    3.81

    84

    Gambia

    3.81

    85

    Trinidad and Tobago

    3.79

    86

    Philippines

    3.79

    87

    Honduras

    3.78

    88

    Vietnam

    3.78

    89

    Nicaragua

    3.76

    90

    Albania

    3.75

    91

    Mongolia

    3.72

    92

    Mauritania

    3.71

    93

    Algeria

    3.67

    94

    Zambia

    3.66

    95

    Moldova

    3.65

    Sukhothai%20-historical%20%20park

    สุดท้ายขอนำรูปพระราชวังเก่าที่สุโขทัย ที่เป็นมรดกโลกแห่งหนึ่งมาให้ชมค่ะ

    สวัสดีค่ะครูลำบู

    ยินดีต้อนรับค่ะ ขอบคุณที่ชม ขอให้เข้ามาบ่อยๆนะคะ

    ถ้าเราจะเทียบประเทศเรากับมาเลเซีย ที่มีอะไรใกล้เคียงกันมาก ว่าเขาดีกว่าเราตรงไหน คำตอบก็น่าจะเป็นว่า เขามีความกระตือรือล้น ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว และมีเก่งในด้านการตลาดอย่างดีเลิศค่ะ มีจุดอ่อนที่ไม่ค่อยให้ชาวต่างชาติ เข้าไปลงทุน และสาธารณูปโภค ยังต้องปรับปรุง....

    อ่านแล้ว มาหยุด ตรงที่เขาเก่งด้านการตลาด

    ส่วนฮ่องกงและสิงคโปร์ แน่นอน เรื่องของสาธารณูปโภคทุกอย่าง ดีมาก  และมีบุคคลากรที่มีคุณภาพ พูดภาษาเก่ง เรื่องสุขอนามัยก็ผ่าน และข้อสำคัญ ต้อนรับนักลงทุนอยู่ในขั้นดีเลิศค่ะ

    แต่ทุกสิ่งก็ปรับปรุงกันได้นะคะ ยิ่งตอนนี้ ประเทศเราเน้น ในด้านการท่องเที่ยว พวกเราคงเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเร็วๆนี้ค่ะ

     สวัสดีค่ะคุณ RAK-NA

    ขอบคุณมากค่ะ ที่ตั้งใจมาเยี่ยมนะคะ

    ตอนเที่ยวที่เชียงใหม่ พี่ไปนมัสการพระธาตุหริภุญชัยด้วยค่ะ

    เมืองลำพูนเดิมเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรหริภุญไชยนะคะ มีศิลปะสมัยทวาราวดีให้เห็นอยู่มากมายค่ะ นำรูปพระธาตุมาฝากด้วยค่ะ

    %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b9%e0%b8%99

    วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน มีถนนล้อมรอบสี่ด้าน คือ ถนนอัฎฐารสทางทิศเหนือ ถนนชัยมงคลทางทิศใต้ ถนนรอบเมืองทางทิศตะวันออก และถนนอินทยงยศทางทิศตะวันตก ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 150 เมตร

    สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช 

     ภายในบริเวณวัดพระธาตุหริภุญชัยยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ ซุ้มประตู ก่อนเข้าไปในบริเวณวัด จะผ่านซุ้มประตูฝีมือโบราณสมัยศรีวิชัย ก่ออิฐถือปูนประดับลวดลายวิจิตรพิสดาร

    ประกอบด้วยซุ้มยอดเป็นชั้นๆ เบื้องหน้าซุ้มประตูมีสิงห์ใหญ่คู่หนึ่งยืนเป็นสง่าบนแท่นสูงประมาณ 1 เมตร สิงห์คู่นี้ปั้นขึ้นในสมัยพระเจ้าอาทิตยราชเมื่อทรงพระราชให้เป็นสังฆาราม

     พระบรมธาตุหริภุญชัย ตั้งอยู่หลังวิหารหลวง ประดิษฐานพระเกศธาตุบรรจุในโกศทองคำ เจดีย์ประกอบด้วยฐานปัทม์ แบบฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จ ต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐานเขียงกลมสามชั้น ตั้งรับองค์ระฆังกลม บัลลังก์ย่อเหลี่ยม เจดีย์มีลักษณะใกล้เคียงกับพระธาตุดอยสุเทพที่จังหวัดเชียงใหม่

    พระบรมธาตุนี้นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งในล้านนามาตั้งแต่สมัยโบราณ

    ในวันเพ็ญเดือน 6 จะมีงานนมัสการ และสรงน้ำพระบรมธาตุทุกปี ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 1440 พระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนครลำพูนได้สร้างมณฑปครอบโกศทองคำ บรรจุพระบรมธาตุไว้ภายใน

    และมีการสร้างเสริมกันต่อมาอีกหลายสมัย ต่อมาในปี พ.ศ. 1986 พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ได้ทรงกระทำการปฏิสังขรณ์บูรณะเสริมองค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่ การสร้างคราวนี้ได้สร้างโครงขึ้นใหม่เป็นรูปแบบลังกา ซึ่งปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้

    เมืองไทย น่าเยวหลายที่ ใครๆก็รู้ นะคะ

    สวัสดีค่ะ พี่ sasinanda ตามมาสวัสดี อีกครั้ง ค่ะ..มาครั้งนี้ ได้ความรู้มากมาย เหมือนเคย นะคะ.  ขอบคุณ..ที่มีข้อมูลดีๆ ให้ศึกษา..ขอยืนยัน ว่า รักเมืองไทย ที่ซู้ดด..จะเข้ามาเยี่ยมอีกค่ะ..                             

      สวัสดีค่ะ คุณพี่ศศินันดาแวะเข้ามาในวันหยุด ซึ่งตั้งใจไว้นานแล้ว

    •    ข้อมูลการท่องเที่ยวของคุณพี่แน่นปึก ชื่นชม  ชื่นชม
    •    อากาศที่แม่ฮ่องสอน  จะหนาวช่วงดึกๆ  และช่วงเช้า 
    •    ช่วงบ่ายๆ ก็ร้อนอบอ้าวมาก   และคงจะร้อนยาวไปถึง
    •    เดือนเมษายน  -  พฤษภาคม
    •    สรุปแล้ว  เที่ยวเมืองไทยดีกว่า นะคะ
    • ตามมาขอบคุณ
    • ทำไมพี่นอนดึกจัง
    • เริ่มง่วงแล้วครับ
    • พี่สบายดีไหมครับ

    สวัสดีค่ะคุณ ใบบุญ

    ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ ขอเล่าเรื่องGreen Tourismตามประสบการณ์นะคะ

    รูปแบบการท่องเที่ยวทั้งหมดที่กล่าวมาด้านบน  หมายถึง "การท่องเที่ยวทางเลือก" (Alternative Tourism) ซึ่งดิฉันเคยไปเที่ยวแบบปกป้องสภาพแวดล้อม (Green Tourism)ที่ เกาะแตนมาค่ะ

    ประเทศไทยมีความยาวของชายฝั่งทะเลที่ยาวถึง 2700 ก.ม.

    สมุยอยู่ทางทิศตะวันตก  ออกไปทางมหาสมทรอินเดีย (ส่วนทางตะวันออก เป็นอ่าวไทย ที่ออกทางทะเลจีนใต้ )

    มีเกาะเล็ก เกาะน้อยอยู่ทั่วไป ทั้งทางตะวันออกและทางตะวันตกค่ะ

    ไปเที่ยว ที่เกาะแตน  ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 ตำบลตลิ่งงาม บริเวณตอนใต้ของเกาะสมุย เป็นเกาะที่งดงามด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ ชายหาดยาวทิวมะพร้าวเรียงราย ทางฝั่งตะวันออกของเป็นชายหาดยาวขนานกับแนวปะการังชายฝั่ง เรียกว่า อ่าวออก ส่วนฝั่งตะวันตกเป็นอ่าวปิด มีป่าชายเลนไม่กว้างนักและหาดหิน เรียกว่า อ่าวตก มีแนวปะการังและชายฝั่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์

    มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 4 เส้นทาง ซึ่งทุกเส้นทางนักท่องเที่ยวจะเห็นความแตกต่างของสภาพภูมิประเทศและความเป็นอยู่ของชาวเกาะแตน โดยเฉพาะ 3 เส้นทางแรกจะได้พบกับนกหลากชนิดที่อาศัยอยู่บนเกาะแตนค่ะ

    ส่วนผู้ที่ชอบธรรมชาติทางทะเล  และสนใจจะไปเที่ยว

    จะมีเส้นทางที่ศึกษาชายฝั่งรอบเกาะ ให้ผู้สนใจได้สัมผัสชีวิตสัตว์น้ำ พืชน้ำและปะการังสวยงาม ตลอดจนสภาพธรรมชาติใต้ท้องทะเลเกาะแตน ระยะทาง 14 กิโลเมตร เป็นเส้นทางรอบเกาะ 

     เส้นทางนี้ต้องเดินทางด้วยเรือหางยาว ในช่วงลมสงบและเหมาะที่จะดำน้ำ การศึกษาควรจะเตรียมอุปกรณ์ เช่น หน้ากากดำน้ำ ชูชีพ และกล้องถ่ายรูปใต้น้ำ เพื่อจะได้เก็บความประทับใจกลับบ้านด้วยนะคะ

     

    เหตุการณ์ซึนามิเมื่อปลายปี 2547 เข้าใจว่ามีผลกระทบกับเรา แตคงไม่มากนักนะครับ เพราะอีกไม่นาน คนก็เข้ามาเที่ยวอีกเหมือนเดิม

    สวัสดีค่ะคุณ.. นัฐพร จันทร์ส่งสิงห์

    ยินดีที่ได้ต้อนรับคุณนะคะ

     ทราบว่า ขณะนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังคงสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มคนไทยที่เคยท่องเที่ยวอยู่แล้วและกลุ่มที่ไม่เคยเดินทางท่องเที่ยวหันกลับมาสนใจแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของไทยค่ะ

    เท่าที่เห็น มี  การส่งเสริมโครงการวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา  โครงการสวรรค์ที่พักของนักเดินทาง  โครงการท่องเที่ยววันเดียวเที่ยวสนุก  โครงการเที่ยวไทยข้ามภูมิภาค

      นอกจากนี้หน่วยงานในท้องถิ่นก็มีการรวมตัวกันเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ การจัดระบบรักษาความสะอาด  จัดระเบียบพื้นที่ในแหล่งท่องเที่ยวของตนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยงามมากที่สุดโดยรณรงค์ให้คนในพื้นที่เห็นความสำคัญ/ประโยชน์ที่เกิดขึ้นในอนาคต

    นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมทางด้านการพัฒนาสินค้าท้องถิ่น OTOP ทั้งรูปแบบการบรรจุ กรณีเป็นสินค้าทางด้านการบริโภค

      รูปแบบของผลิตภัณฑ์กรณีเป็นสินค้าที่ระลึกโดยเน้นหนักทางด้านการเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ความสะดวกในการขนส่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวระลึกถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เดินทางไปแต่ละครั้งด้วยค่ะ

    เอารูปที่ไปกาญจนบุรีมาฝากค่ะ ที่นี่มีที่เที่ยวเยอะมากๆค่ะ

                     The%20bridge%20 

    สวัสดีค่ะ คุณ เอื้องแซะ

    อากาศที่แม่ฮ่องสอน  จะหนาวช่วงดึกๆ  และช่วงเช้า 

  •    ช่วงบ่ายๆ ก็ร้อนอบอ้าวมาก   และคงจะร้อนยาวไปถึง
  •    เดือนเมษายน  -  พฤษภาคม
  • ขอบคุณที่มาบอกข่าวว่า แม่ฮ่องสอนร้อนค่ะ ช่วงนี้ แต่กลางคืน สบายดี

    ปัจจุบัน ตามข่าว นโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน กล่าวว่า ไทยเรามีโครงการจะเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคและศูนย์กลางด้านสุขภาพในเอเซีย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมค่ะ

     ถ้าจะดูที่กลุ่มผู้ซื้อ  ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คงได้แก่

    (1) นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ตัดสินใจจะท่องเที่ยว  และจัดการเดินทางด้วยตนเอง  หรือผ่านทางบริษัทจัดนำเที่ยวต่าง ๆ 

    (2) กลุ่มที่มีอิทธิพลทางตลาดต่อการการท่องเที่ยว Influence ได้แก่ กลุ่มผู้จัดประชุม พวกConvention ต่างๆ  กลุ่มผู้ซื้อเพื่อจัดเป็นรางวัลแก่พนักงาน  Incentive และกลุ่มตลาดองค์กรอื่น ๆ

    ผู้ผลิต  ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่

    (1) ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวภาคเอกชน ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก บริษัท รถเช่า  สายการบิน ฯลฯ  ซึ่งดำเนินการทางธุรกิจเพื่อให้เกิดการซื้อขายสินค้าและบริการของตนโดยเฉพาะ

    (2) ผู้ผลิตภาครัฐบาล  มีการเสนอขายสินค้าและบริการในลักษณะการส่งเสริม เผยแพร่          การวางนโยบาย มาตรการ การควบคุม การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและชื่อเสียงให้แก่ประเทศ ภูมิภาค จังหวัด และท้องถิ่น ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว

      โดยมีผู้รับผิดชอบเป็นระดับ ๆ ไป สำหรับประเทศไทย คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา       โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

    ดำเนินการวางนโยบายการตลาดท่องเที่ยว   เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เช่น     การสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เพิ่มปริมาณ และวันพักของนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ และความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับนานาประเทศ เป็นต้น

    เห็นไหมคะว่า การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ๋มาก และครอบคลุม ไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆมากมายเลยนะคะ จึงมีความสำคัญสำหรับเศรษฐกิจประเทศเราเป็นอย่างมากค่ะ

  • แวะมาคุยเรื่องท่องเที่ยวครับ

    พูดถึงเรื่องการท่องเที่ยว อินเดียมีส่วนในอนาคตการท่องเที่ยวไทยครับ เพราะนับวันจะมีคนอินเดียมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น จากสถิติเกือบ 5 แสนคน น่าจะเพิ่มได้อีกมาก ขึ้นอยู่กับจำนวนเที่ยวบินที่มีจากอินเดียไปไทยด้วย

    จุดท่องเที่ยวยอดนิยมของไทยสำหรับคนอินเดียคือ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต ฯลฯ

    นิตยสาร Conde Nast Traveler ซึ่งเป็นนิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำของสหรัฐฯและของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ค ได้ประกาศว่าอินเดียได้รับการลงคะแนนจากผู้อ่านทั่วโลกให้เป็นประเทศที่น่าไปท่องเที่ยวมากที่สุดด้วยคะแนนสูงลิ่วสำหรับปี 2007 ครับ

    การให้คะแนนมีหลายด้านเช่น โรงแรม สายการบิน บริษัททัวร์ สปา เรือท่องเที่ยว เมืองและประเทศ ซึ่งอินเดียได้คะแนนนำโด่งโดยเฉพาะด้านวัฒนธรรม 97.17 จากเต็มร้อย ความคุ้มค่าของเงิน 94.78 และความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว 96.30 http://gotoknow.org/blog/poldejw/128141

     

    อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ความเก่งในการบริหาร อันจะสร้างรายได้ที่รวดเร็วและยั่งยืนให้กับทุกประเทศที่มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว

    หากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการท่องเที่ยวเป็นผู้บริหารที่เก่ง ระดับนานาชาติ ประเทศไทยจะได้ประโยชน์มากขึ้นอีกเยอะและตลอดไปครับ

    ปัญหาอยู่ที่ว่าผู้บริหาร...เก่ง มีวิสยัทัศน์และมีคุณธรรมนั้นมีหรือไม่....หายากนะครับ

    สวัสดีค่ะคุณ ขจิต ฝอยทอง

    ขอบคุณที่มาเยี่ยมยามดึกค่ะ ปกติ จะนอนประมาณ 23-24.00 น. ตื่นสายหน่อยค่ะ

     ตอนนี้ ถ้าการไปเที่ยว มีระยะทางไกลมาก  ราคาแพง  นักท่องเที่ยวคนไทย  อาจมีแนวโน้มในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้บ้านมากขึ้นค่ะ

      การท่องเที่ยว  มีลักษณะเป็นสินค้าการบริการจะต้องประกอบด้วยสินค้าหลายประเภทรวมกัน ไม่ใช่สินค้าหน่วยเดียวที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถบริโภคได้  จึงทำให้ต้องมีผลิตภัณฑ์เสริม  มีการแถมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เราจึงเห็นแคมเปญ แถมโน่นนี่กันมากมายนะคะ

    ทุกประเทศ ก้จะเอาเรื่องการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษบกิจด้วยกันทั้งนั้นค่ะ

     ประเทศไทยและสิงคโปร์เป็นคู่แข่งขันโดยตรงในตลาดอเมริกาในลักษณะผลิตภัณฑ์ต่างกัน   โดยมีอินโดนีเซียเป็นคู่    แข่งขันในอนาคต

     โปรแกรมการท่องเที่ยวไปสิงคโปร์จึงรวมมาเลเซีย และอินโดนีเซียด้วย เพื่อเน้นรูปแบบการเดินทางไปหลายแหล่งท่องเที่ยวในเวลาเดียวกัน (Multi Destination)

    ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน  ต้องมีการส่งเสริมกับประเทศในกลุ่มอินโดจีนด้วยกันในลักษณะเป็นประตูไปสู่อินโดจีน (Gateway to Indochina) มากกว่า

    และไทยก็ต้องเร่งพัฒนาเป็นศูนย์กลางการซื้อสินค้าและการประชุมเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย Tourism Capital of Asia ให้ได้ค่ะ

    สวัสดีค่ะ ท่านทูตคะ

    ดีใจจังที่แวะมาเยี่ยม อยากให้มาบ่อยๆค่ะ

    ดีใจค่ะ ที่อะไรๆดีๆ ย้ายฐานมาอยู่ทางเอเซียเสียบ้างแล้ว

    แต่การจัดอันดับ แต่ละสำนักก็ไม่เหมือนกันบ้างนะคะ แล้วแต่ การวิเคราะห์เหมือนกัน

    อย่างเช่น มาเลเซีย ได้อันดับเหนือเราหน่อยนึง ทั้งๆที่ เราน่าจะไม่มีอะไร ด้อยกว่า แต่มาดุแล้ว จริงๆอยู่ที่ Infrastructures เขาดีกว่าเรา และกฏระเบียบเคร่งกว่า การตลาดอาจจะดีกว่าหน่อย

    ที่สำคัญที่สุด การเมืองค่อนข้างนิ่ง และรัฐบาลอยู่ยาว ทำให้นโยบายต่อเนื่องค่ะ

    ไปดูที่.....http://www.concierge.com/bestof/readerschoice/top100_1/top100_1

    เขาก็มีแบ่งย่อยๆหลายหัวข้อเหมือนกัน เราก็มีติดหลายอย่างค่ะ เช่น...Reader's  Choice  Awards 2007 --The best of the best.   เรื่อง โรงแรมที่พัก

    Hotel La Scalinatella, Capri, Italy 100.0 (Hotel) View Guide
    2.Oberoi Udaivilas, Udaipur, India 99.6 (Hotel) View Guide
    3.Oberoi Vanyavilas, Ranthambhore, India 97.7 (Resort) View Guide
    4.The Peninsula, Hong Kong, China 97.5 (Hotel) View Guide
    5.Burj Al Arab, Dubai, United Arab Emirates 97.4 (Resort) View Guide
    6.Oberoi Amarvilas, Agra, India 97.3 (Hotel)  
    7.Four Seasons George V, Paris, France 97.1 (Hotel) View Guide

    8.Banyan Tree, Phuket, Thailand

    96.8-Resort

    22.The Oriental, Bangkok, Thailand 95.4 (Hotel)

     Top cities ในโลก

    Civilization reaches its heights here. From Neolithic Damascus to neon New York, from tiny Bruges to sprawling Shanghai, from seaside Auckland to sky-high Cuzco-your 50 favorite cities cover a breathtaking range of locations, legacies, and languages.

     Sydney wins, with San Francisco, Florence, Cape Town, and Bangkok also taking votes.

    ข้างล่างนี้ นับเฉพาะทวีปเอเซียค่ะ

    1.Bangkok 82.6 View Guide
    2.Hong Kong 80.9 View Guide
    3.Chiang Mai 80.0 View Guide
    4.Singapore 79.9 View Guide
    5.Kyoto 77.9 View Guide
    6.Shanghai 75.2 View Guide
    7.Jaipur 73.8 View Guide
    8.Tokyo 73.5 View Guide
    9.Hanoi 69.9 View Guide
    10.Kathmandu 67.5

    Top transportation.Airlines.

    Singapore Airlines dominates international routes. JetBlue takes domestic. And for the first time, we offer a new category: foreign airlines with no flights to U.S. airports. Hertz nails the number one spot among car rental agencies. Crystal Cruises reclaims its position as favorite cruise line featuring large ships.

    AIRLINES
    International
    1. Singapore Airlines    90.4
    2. Emirates    79.4
    3. Virgin Atlantic Airways    76.3
    3. Cathay Pacific Airways    76.3
    5. Japan Airlines (JAL)    72.0
    6. Thai Airways International    71.4
    7. Air New Zealand    71.2
    8. Qantas Airways    70.1
    9. Air Tahiti Nui    69.4
    10. ANA (All Nippon Airways)    68.6

    Top resorts in Asia.2007

    Domestic
    1. JetBlue    62.4
    2. Midwest    60.0
    3. Hawaiian    45.2
    4. Frontier    44.0
    5. Alaska Airlines    43.9
    6. USA 3000 Airlines    41.4
    7. Sun Country Airlines    41.1
    8. Aloha    39.8
    9. Continental    38.8
    10. Southwest Airlines    33.4
    1.Oberoi Vanyavilas, Ranthambhore, India 97.7 View Guide
    2.Banyan Tree, Phuket, Thailand 96.8 View Guide
    3.Four Seasons Resort at Sayan, Bali, Indonesia 96.1 View Guide
    4.Four Seasons Resort Jimbaran Bay, Bali, Indonesia 93.3 View Guide
    5.JW Marriott Phuket Resort & Spa, Phuket, Thailand 92.6 View Guide
    6.Four Seasons Resort, Chiang Mai, Thailand 91.8 View Guide
    7.Ritz-Carlton, Bali Resort & Spa, Bali, Indonesia 89.1 View Guide
    8.Mandarin Oriental Dhara Devi, Chiang Mai, Thailand 88.7 View Guide
    9.Amanpuri, Phuket, Thailand 87.2 View Guide
    10.Sheraton Grande Laguna Phuket, Phuket, Thailand 85.5 View Guide

    แต่ถ้าเป็นTop of the Top Resorts in the world.Indiaมาที่ 1 ค่ะ

    Of 225 properties around the world, more than one-fourth score in the 90s. India owns the overall winner:

     The Oberoi Vanyavilas, in Rajasthan. Not far behind, the rising stars of Dubai are beginning to shine: the Burj Al Arab shares honors with the Jumeirah Beach Hotel. Closer to home, Hawaii earns its first dedicated list.

    http://www.concierge.com/bestof/readerschoice/top_resorts/topresorts_asia

    สวัสดีค่ะคุณเดช

    ยินดีที่มาเยี่ยมค่ะ

    เหตุการณ์สึนามิเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 มีผลต่อการท่องเที่ยวของไทยมากค่ะ แต่ก็ไม่ยืดเยื้อมากนักค่ะ

    ในการนี้ จำได้ว่า ทางจังหวัดภูเก็ต และศาลเจ้าในภูเก็ต รวมทั้งหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดงานประเพณีถือศีลกินผักระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคม 2548 อย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี

    ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมสิริมงคลแก่เกาะภูเก็ตหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 และเพื่อเป็น 1 ในกิจกรรมสำคัญที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวภูเก็ตในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 48 ด้วยค่ะ

     อย่างไรก็ตาม  นักท่องเที่ยวด็เริ่มทยอยกลับมาเที่ยวภูเก็ตในช่วงฤดูท่องเที่ยว และมีการจัดเทศกาลกินเจกันอย่างคึกคักในหลายพื้นที่เมืองท่องเที่ยวชายทะเลของไทย อาทิ พัทยา และชุมพร เป็นต้น

    ซึ่งปรากฎว่า  มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาพำนักท่องเที่ยวในภูเก็ตระหว่างช่วงเทศกาลถือศีลกินผักปี 2548  ลดลงร้อยละ 30 จากปี 2547

     และก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องในภูเก็ตประมาณ 2,500 ล้านบาทลดลงกว่าร้อยละ 30

    ส่วนใหญ่ ในฤดูกาลนี้  นักท่องเที่ยวจะชอบ เข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆที่ศาลเจ้าแต่ละแห่งจัดขึ้น และชมขบวนแห่พระรอบเมือง รวมทั้งพิธีกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ อาทิ พิธีลุยไฟ และพิธีไต่บันไดมีด เป็นต้นค่ะ

    มีภาพทะลสวยๆมาฝาก ไปเที่ยว เกาะ Maldive มา3 ปีแล้วค่ะ สวยแจ่มมากค่ะ

     

    • ตัวอย่างโฮมสเตย์ ที่ผ่านการประเมินมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยค่ะ
    •   1. บ้านสาไรโฮมสเตย์                      พระนครศรีอยุธยา
        2. โฮมสเตย์คลองรางจระเข้               พระนครศรีอยุธยา
    •   3.โฮมสเตย์หมู่บ้านช้าง บ้านหนองบัว          สุรินทร์
        4. โฮมสเตย์หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง        สุรินทร์ 
        5 บ้านสีกายเหนือโฮมสเตย์              หนองคาย 
        6 บ้านถ้ำกลองเพลโฮมสเตย์              หนองบัวลำภู 
        7 บ้านห้วยเดื่อ โฮมสเตย์              หนองบัวลำภู 
         8 โฮมสเตย์บ้านสวนสวรรค์              หนองบัวลำภู 
        9กลุ่มโฮมสเตย์เบิ่งวัฒนธรรมหมอลำบ้านปลาค้าว         อำนาจเจริญ
        10 ชมรมโฮมสเตย์เชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมบ้านเชียง     อุดรธานี 
        11 บ้านเดียมโฮมสเตย์              อุดรธานี
        12 บ้านซะซอม/กลุ่มกินข้าวซาวเฮือน          อุบลราชธานี
    •    13โฮมสเตย์บ้านลาดเจริญ             อุบลราชธานี
        14 โฮมสเตย์บ้านปะอาว              อุบลราชธานี
    • ลาหู่ไทรเบิลโฮมสเตย์              เชียงราย 
        15 ศูนย์วัฒนธรรมโฮมสเตย์บ้านจะคือ          เชียงราย 
        16ห้วยขี้เหล็กโฮมสเตย์             เชียงราย     
        17อาข่าฮิลล์ เฮ้าส์โฮมสเตย์              เชียงราย 
        18 โฮมสเตย์บ้านกลาง              เชียงราย 
        19โฮมสเตย์บ้านจะบูสี              เชียงราย 
        20 โฮมสเตย์บ้านแม่เต๋อ              เชียงราย
        21 ชมรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านโปง          เชียงใหม่
        22 โฮมสเตย์บ้านปางแดงใน              เชียงใหม่ 
        23โฮมสเตย์บ้านผานกกก              เชียงใหม่ 
        24 โฮมสเตย์บ้านแม่กำปอง              เชียงใหม่
        25 โฮมสเตย์กลุ่มไทลื้อบ้านดอนมูล          น่าน
        26 โฮมสเตย์บ้านหาดผาขน              น่าน 
        27 ภูน้ำหนาวโฮมสเตย์              เพชรบูรณ์ 
        28 โฮมสเตย์บ้านข่วงบุก              แพร่ 
        29 กลุ่มท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยชุมชนบ้านห้วยฮี้      แม่ฮ่องสอน 
        30 กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่      แม่ฮ่องสอน
       
        31 กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านแม่ละนา      แม่ฮ่องสอน 
        32 กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านห้วยตองก๊อ          แม่ฮ่องสอน 
        33 โฮมสเตย์บ้านเมืองปอน              แม่ฮ่องสอน
        34โฮมสเตย์บ้านป่าเหมี้ยง              ลำปาง
        35 โฮมสเตย์บ้านห้วยทรายขาว              ลำพูน
        36 โฮมสเตย์บ้านหาดสองแคว             อุตรดิตถ์

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ จะได้สบายใจขึ้น เผื่อจะไปพักที่โฮมสเตย์ เพราะท่าทางจะสนุก จะปิดภาคเรียนอยูแล้วด้วย

    สวัสดีค่ะคุณ สุนันท์

    ดูเหมือนคุณจะเป็นนักศึกษาอยู่นะคะ ใกล้ปิดเทอมแล้ว มีแนะนำที่เที่ยวให้ที่หนึ่งค่ะ เคยไปบ่อย

     ปีนี้เป็น"ปีท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2551" หรือ "Amazing Prachuapkhirikhan 2008" 

    มีที่เที่ยวหลากหลายด้วยหาดทราย ชายทะเล ถ้ำ น้ำตก แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และศิลปะวัฒนธรรม มีจัดขึ้นตลอดปี ตั้งแต่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2551 

    ชายหาดหัวหิน ก็สวยค่ะ 
    ถ้าจะขึ้นเขาห่มพระก็ดีค่ะ มีเขาช่องกระจกด้วย

    ถ้าชอบเรื่องดาราศาสตร์จรดโลกใต้ทะเล ก็ไปที่อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ      เป็นการเดินทางแบบใกล้กรุงเทพฯดีค่ะ

    ถ้าจะหาข้อมูลเพิ่ม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเตรียมตัว และตัดสินใจก่อนการเดินทางได้ที่  ททท.สำนักงานภาคกลางเขต 2  www.tat.or.th/central02  โทร. 0 3247 1005-6 

    เที่ยวให้สนุกค่ะ

    ตอนนี้ คนที่อยากไปเที่ยวเมืองนอกโดยใช้เงินดอลล่าร์  ก็ใช้เงินน้อยลง เพราะค่าเงินบาทแข็งขึ้น  ก็น่าจะเป็นโอกาสดีนะคะ

     สวัสดีค่ะคุณ Tan

    ค่ะ ก็เป็นอย่างที่คุณTan เข้าใจค่ะ ตอนนี้เราใช้เงิน 32- 33 บาทไปแลกกับดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ

     แต่ที่เมืองไทยเรานี่ ก็มีที่เที่ยวให้คุณมากมายเลยนะคะ

    ยิ่งที่ภาคใต้  ธันวามคม 2550 เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของฝั่งอันดามันแล้ว มีนักท่องเที่ยวมา338,629 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 จากธันวาคมปี 2549 จากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่ภูเก็ตและยะลา แต่อย่างไร ก็น้อยกว่าที่ประมาณการไว้ค่ะ

    ข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองภาคใต้ และจากธนาคารแห่งประเทศไทยค่ะ

     เรื่องค่าเงินบาทแข็งนี้   ก็มีส่วนดีอีกส่วนคือ  ช่วงที่ผ่านมาที่ในบางช่วงที่แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ จะแพงขึ้น      แต่ราคาน้ำมันในประเทศในรูปของเงินบาทไม่ได้ปรับขึ้นตาม ส่วนหนึ่งก็เพราะค่าเงินบาทที่แข็งช่วยให้ราคาในการนำเข้าไม่แพงขึ้นนั่นเอง

    แต่คนเสียประโยชน์    คือคนที่ส่งออกในด้านความสามารถในการแข่งขัน เช่น แต่ก่อนชาวต่างชาติเคยซื้อของจากเราในราคาหนึ่ง

    แต่ หากค่าเงินบาทแข็งขึ้น และเขาเอาเงิน ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่าเดิมมาซื้อ คราวนี้จะไม่ได้ของในปริมาณเดิม    แต่จะได้น้อยกว่านั้น เพราะฉะนั้น เวลาที่ค่าเงินบาทแข็ง สินค้าของเราก็จะดูว่าแพงขึ้น ชาวต่างชาติก็อาจจะหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทนค่ะ 

    ข้อมูลเศรษฐกิจ

    27 ก.พ. 51

    26 ก.พ. 51

    28 ธ.ค. 50

    แหล่งข้อมูล

    อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$)

     

    32.266

    33.747

    ธปท.

    อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$)

     

    32.0535/32.3993

    33.5519/33.8850

    ธปท.

    อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ)

     

    3.26500

    3.35406

    รอยเตอร์

    ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท)

     

    834.67/22.66

    858.10/17.36

    ตลท.

    ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ)

    14,400/14,500

    14,200/14,300

    13,100/13,200

    สมาคมค้าทองคำ

    ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล)

    92.68

    93.29

    88.13

    ปตท./รอยเตอร์

    ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท)*ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 21 ก.พ.  51 

    33.19*/29.54*

    33.19*/29.54*

    32.89/29.34

    ปตท.

    ดังนั้น ในภาพรวม เราช่วยกันเที่ยวในบ้านเราก่อนจะดีกว่าค่ะ


    • สวัสดีครับP
    • เป็นบล๊อกที่ผมเข้ามาใช้เวลานานที่สุด
    • เป็นบล๊อกที่เข้ามาแล้ว
    • มีความสุข เพลิน
    • สวยงาม  ได้สาระ สดชื่น
    • ต้องขอชื่นชม ด้วยความจริงใจ
    • นอกจากมีความรู้  มีเทคนิคการนำความรู้มาบันทึก
    • มีเทคนิคการทำภาพด้วยคอมแบบมืออาชีพ
    • แต่ละภาพดูแล้วก็อยากดูอีก
    • ยอดเยี่ยมจริงๆๆ ครับ
    • ให้โล่ บล๊อกยอดเยี่ยมได้เลย

    สวัสดีค่ะคุณ ประจักษ์ ขอบคุณในคำชมค่ะ

    ไม่ได้ดีขนาดนั้นค่ะ เป็นมือสมัครเล่นมากๆ ทั้งในการเขียนและเทคนิคต่างๆ แต่ก็พยายามเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เพราะชอบด้วยค่ะ

    เมื่อเห็นว่า มีข่าวสาร หรือเรื่องใดที่น่าสนใจก็มานำเสนอบล็อกนี่ค่ะ

    ดิฉันก็ตามไปอ่านที่บล็อกของคุณประจักษ์บ่อยๆนะคะ

    ปี 2551 นี้ ประเทศเราอาจมีผลกระทบจากวิกฤติซับไพร์มของอเมริกาบ้าง

    แต่เรายังมีเวลาที่จะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ที่มุ่งสร้างกำลังซื้อภายในขึ้นมาแทนตลาดภายนอก

    เราต้องพึ่งตัวเอง และสร้างการจ้างงาน สร้างกำลังซื้อภายใน เช่น งบประมาณของการท่องเที่ยว  ควรจะเพิ่มและนำมาใช้ปฏิสังขรณ์หรือปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวของเราที่มีแหล่งท่องเที่ยวดีๆอยู่มากมาย  เหมือน เช่น ยุโรปที่ปฏิสังขรณ์เมืองโบราณ และสถานที่โบราณของเขา

    เช่น ตลาดร้อยปี ที่สุพรรณ ให้คืนชีพขึ้นมาเหมือนเดิม ทำให้เกิดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร ร้านของชำร่วย โรงงานของชำร่วย อุตสาหกรรมเสื้อผ้าบูติค โรงแรมขนาดเล็ก ฯลฯ เป็นต้น

    จะทำให้เกิด การจ้างงานรวมๆ กันแล้ว  อาจมากกว่าการส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนแล้วเอาเปรียบแรงงานไทยเสียอีก

    ดูอิตาลีเป็นตัวอย่างซึ่งมีนักท่องเที่ยวปีละกว่า 100 ล้านคน

     ถ้าพวกเราคนไทย นำเงินไปจับจ่ายใช้สอยกันที่  อยุธยา สุโขทัย เชียงใหม่ และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมืองทั่วทุกภาคน่าจะทำให้ประเทศเรามีเศรษฐกิจดีขึ้นแน่นอนค่ะ

    • วันนี้ได้มาชมอีกครั้ง
    • สดชื่น แจ่มใส
    • คลายเครียดได้จริงๆๆ
    • เหมือนกับแสดงวิสัยทัศน์ของ
    • รมต.การท่องเที่ยว......
    • ถ้าผม เป็นผู้พิจารณาตัดสิน
    • นี่แหละใช่เลย รมต.การท่องเที่ยว..ต้องแบบนี้

    สวัสดีค่ะท่านผอ.นายประจักษ์

    ปากหวานเหลือเกินนะคะ เคราะห์ดีทานข้าวเย็นแล้ว ไม่งั้น อิ่มลูกยอค่ะ ไม่ต้องทานอะไรเลยไปมื้อนึงเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ อย่างน้อยก็ทำให้ชื่นใจมากๆค่ะ

    ฟังข่าวตอนนี้ รตม.ท่องเที่ยวคนใหม่ได้ประกาศนโยบายยกระดับแหล่งท่องเที่ยวไทยให้เข้าสู่ระดับ World Class และจะไม่เน้นจำนวนนักท่องเที่ยว แต่จะหันมาเน้นด้านรายได้แทน ทำให้ผู้อยู่ในวงการต่างถอนหายใจโล่งอกไปตามๆ ว่ากันว่ามาถูกทางแล้วค่ะ

    สำหรับนโยบายที่มุ่งจะเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้นนั้น นับว่าดีจริงค่ะ

     เพราะประเทศไทยมิใช่แหล่งท่องเที่ยวของคนรวย เป็นนักท่องเที่ยวปานกลางค่ะ  ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น อ่านตามสถิติของการท่องเที่ยวนะคะ  จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    ถ้าเปรียบเทียบกับมาเลเซียทั้งๆ รายได้ต่อหัวเรามากกว่า ทั้งที่มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมากกว่าไทย

    นั่นก็เพราะว่านักท่องเที่ยวที่ไปมาเลเซียส่วนใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นการเดินทางแบบวันเดียวกลับ หรือบ้างก็ขับรถไปกินข้าวเย็นแล้วกลับ ทำให้ตัวเลขค่าใช้จ่ายต่อหัวของมาเลเซียต่ำ ซึ่งก็เป็นธรรมดาค่ะ

    อยากให้มีการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาด้วยนะคะ

    เช่น ให้เด็กไทยทุกคนได้เที่ยวอยุธยา สุพรรณ นครปฐม เป็นต้นเพื่อเป็นทัศนศึกษาค่ะ อาจจะเป็นทุกวันศุกร์ สำหรับนักเรียนมัธยม ส่วนเด้กประถม ก็ให้เที่ยวภายในกรุงเทพฯ ซึ่งรู้สึกจะมีจัดกันอยู่แล้วค่ะ

    ข้อด้อยของเราตอนนี้ คือระบบโลจิสติคส์ที่ดีสำหรับผู้ท่องเที่ยวอิสระ  ระบบขนส่งมวลชนของเรายังไม่ได้มาตรฐานโลก และไม่มีการเชื่อมต่อสถานีระหว่างการคมนาคมรูปแบบต่างๆ เช่น สถานีรถไฟ รถเมล์ เรือบิน จึงทำให้เป็นอุปสรรคอยู่พอควรต่ะ

     

    • การวิเคราะห์ได้แบบนี้
    • ต้องไม่ธรรมดา  ไม่ใช่คนธรรมดา
    • นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆ  บางลี่
    • จะส่งรถไปรับมาเป็นวิทยากร
    • เด็กบางลี่ไปโลดเลย
    • ผมไม่ค่อยพบ ที่แสดงวิสัยทัศน์เรียบง่าย ทำได้จริงๆ
    • แล้วที่สำคัญชัดเจนมาก
    • เสียดายน่าจะส่งให้ รตม. อ่านจัง
    • ประเทศชาติคงเจริญพัฒนาขึ้นแยะเลย
    • เขียนผมจะคอยอ่าน

    สวัสดีค่ะอาจารย์ นายประจักษ์

    อาจารย์ชมเกินไปค่ะ เขินจัง ไม่ดีอะไรขนาดนั้นค่ะ มีความรู้อยู่บ้างก็นำมาแบ่งปันกัน ถ้าไม่ทราบก็ค้นคว้ามาให้ค่ะ

     เพราะมีหลายๆคนเข้าใจว่า เป็นนักศึกษาอีเมลมาถามอะไรอยู่บ้าง เลยมีอะไรก็เล่าไปเลย เผื่อเขาจะนำไปใช้ประโยขน์ได้ค่ะ

    มีข่าวเรื่องท่องเที่ยวกรุงเทพมหานครค่ะ

    ตอนนี้บุกหนัก  นำแคมเปญการท่องเที่ยว เสน่ห์บางกอก “Saneh Bangkok” อวดโฉมให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวชาวยุโรป ในงาน International Tourismus Borse (ITB 2008) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 มี.ค. 51 เวลา 10.00 -18.00 น. ณ ศูนย์แสดงสินค้ากรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีค่ะ

     เป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เสน่ห์บางกอก หรือเสน่ห์กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร ทั้ง 5 ด้าน

    ประกอบด้วย เสน่ห์ด้านวัฒนธรรม... เสน่ห์การท่องเที่ยวแม่น้ำลำคลอง... เสน่ห์อาหารไทย.... เสน่ห์การจับจ่าย... และเสน่ห์งามยามราตรี ให้เป็นที่รู้จักของผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

     สำหรับงาน International Tourismus Borse (ITB 2008) เป็นงานส่งเสริมการขายการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญในระดับโลก เปิดโอกาสให้หน่วยงานภาคเอกชนต่างๆ เข้าร่วมงานในฐานะ Exhibitor หรือ Seller

    โดยจัดหาพื้นที่เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์สินค้าทางการท่องเที่ยวของตนเองต่อสื่อมวลชนด้านการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการนำเที่ยว และนักท่องเที่ยวจากท่องเที่ยว โดยการจัดงานในระหว่างวันที่ 5-7 มี.ค. 51 เปิดสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว วันที่ 8-9 มี.ค. 51

    เปิดสำหรับผู้ซื้อและประชาชนทั่วไป การจัดงานในปีนี้ 2008 นี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 43 โดยในแต่ละปีมีประเทศต่างเข้าร่วมงานกว่า 150 ประเทศ

     สำหรับการจัดงานในปีนี้มีจะมีกิจกรรมด้านการส่งเสริมการการขายทางการท่องเที่ยว กิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมทางวิชาการ โดยเฉพาะความคืบหน้าทางเทคโนโลยีในการดำเนินกลยุทธ์การตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณพี่Sasinandaที่เคารพรัก

    • ได้ความรู้มากค่ะ
    • รูปก็สวย
    • ความเห็นเพิ่มเติมน่ะค่ะ ควรเน้นเรื่องของจริยธรรมและความรู้ของผู้มีอาชีพนำเที่ยว ด้วยค่ะ..เช่น เวลาฝรั่งมาก็พาไปสถานบันเทิง..ที่มีหญิงขายบริการ..เป็นสำคัญ..จนทำให้เขาเห็นภาพ หรือจำในสิ่งที่ไม่ดีๆออกไป ซึ่งควรจะอธิบายให้เขาเข้าใจว่า..ตรงนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ประเทศไทยยังมีอะไรดีๆอีกเยอะแยะมาก..แล้วความรู้ทางวิชาการในเรื่องราวต่างๆเช่น การพาชมสถานที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็ควรถ่ายทอดความรู้ที่ถูกต้อง..เป็นต้น..
    • เคยได้ยินฟังยกตัวอย่างว่าประเทศไทยเป็นเมืองโสเภณี..ฟังแล้ว..รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรค่ะ..
    • จึงมองว่าเรื่องของจริยธรรม และความรู้ต่างๆรวมถึงวิธีการในการประชาสัมพันธ์ประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวอยากกลับมาเที่ยวอีก ก็เป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ ที่ผู้มีวิชาชีพด้านนี้ต้องตระหนัก..

    ด้วยความเคารพรักและนับถือ

    หนูหมูอ้วนเองค่ะ

     

     

    สวัสดีครับ

    รูปสวยมากครับและได้รับความรู้มากเลยทีเดียว 

    คุณ J. Maglinคะ

    ความเห็นของคุณมีประโยชน์มากค่ะ เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งเลยค่ะ   เรื่องของจริยธรรม และความรู้ต่างๆรวมถึงวิธีการในการประชาสัมพันธ์ประเทศ

    ซึ่งรู้สึกว่าทางการท่องเที่ยวฯจะมีเปิดอบรมมัคคุเทศน์ท้องถิ่นขึ้น และให้ประกาศนียบัตรรับรองด้วย สามารถนำไปประกอบอาชีพได้  หาละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. ส่วนการขึ้นทะเบียนมัคคุเทศน์ ต้องติดต่อที่ กองทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ โทร. 0 250 5500 ต่อ 2431 ค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณพี่Sasinandaที่เคารพรัก

    ขอบพระคุณมากค่ะ

    ด้วยความเคารพรักและนับถือ

    หนูหมูอ้วนเองค่ะ

     

    สวัสดีและขอต้อนรับคุณ วัชรา ทองหยอด ค่ะ

    ยินดีที่ได้รู้จักและขอให้เข้ามาอ่านบ่อยๆนะคะ

    มีข่าวของประเทศอื่น ในช่วงเงินบาทแข็งค่ะ.....

    การท่องเที่ยวฮ่องกงเผยยอดนักท่องเที่ยวประจำเดือนมกราคม ปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,518,566 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมปีที่ผ่านมาถึง 16.2% ส่วนนักท่องเที่ยวไทยรับค่าเงินบาทแข็งแห่เยือนฮ่องกงเพิ่มขึ้นอีก 9.4%

              ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่าฮ่องกงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ไม่ได้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่สูงขึ้นถึง 12.6% อาทิ ตลาดที่มีศักยภาพสูงอย่างเกาหลีใต้ (28.2%) และตลาดใหม่ เช่น รัสเซีย (+44.2%) และตะวันออกกลาง (+22.9%) ในขณะที่ยอดนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญหลักของฮ่องกง มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นสูง 19.1% ด้วยจำนวน 1,441,667 คน 

              จากตัวเลขนักท่องเที่ยวในเดือนมกราคม ปี 2551 มีนักท่องเที่ยวที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ คิดเป็น 57.2% และนักท่องเที่ยวที่มาจากภูมิภาคอื่นๆ คิดเป็นมากกว่า 40% ดังนี้

     

    ตลาดภูมิภาค

    สัดส่วน (%)

    จีนแผ่นดินใหญ่

    57.2%

    มาเก๊า

    2.0%

    ภูมิภาคอื่นๆ

    เอเชียเหนือ

    8.7%

    เอเชียใต้และตะวันออกเฉียงใต้

    8.1%

    ไต้หวัน

    7.5%

    ยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง

    7.5%

    อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้

    6.1%

    ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแปซิฟิคใต้

    2.9%

    รวม

    100%

     

    ยอดนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักค้างคืนในฮ่องกง ประจำเดือนมกราคม 2008
              ในเดือนมกราคม ปี 2551 มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนในฮ่องกง 59.5% ต่ำกว่าเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา 2.3% และมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักค้างคืนในฮ่องกง โดยเดินทางกลับหรือแวะพักเปลี่ยนเส้นทาง คิดเป็น 40.5% โดยนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันเป็นกลุ่มที่ไม่ได้พักค้างคืนสูงสุด คิดเป็น 65.9% โดยแวะเปลี่ยนเส้นทางระหว่างทางไป-กลับจีนแผ่นดินใหญ่

    อัตราการเข้าพักโรงแรมของเดือนมกราคม 2551
              ส่วนอัตราการเข้าพักโรงแรมในฮ่องกงในเดือนมกราคมปีนี้ คิดเป็น 87% เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา 2% โดยโรงแรมในย่านเยามะไต๋/มงก๊ก มียอดผู้เข้าพักสูงสุดคิดเป็น 91% ของอัตราการเข้าพักทั้งหมด ราคาห้องพักโดยเฉลี่ยของโรงแรมในฮ่องกงอยู่ที่ 1,245 เหรียญฮ่องกง เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา 5.7%

    ปี 2551 นี้ จะมีคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เพราะมีปัจจัยต่างๆเกื้อหนุน โดยเฉพาะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นค่ะ

    บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่าจะมีคนไทยเดินทางไปต่างประเทศรวมทั้งสิ้นประมาณ 4.1 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 จากปี 2550 ทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ช่วยเกื้อหนุน

    1. โดยเฉพาะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

    2.การขยายการให้บริการในเส้นทางบินระหว่างประเทศของสายการบินต้นทุนต่ำ

    3.และการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้นในตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศจากบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวต่างประเทศที่ต่างมุ่งขยายฐานตลาดลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับกลาง

     

    การใช้จ่ายในต่างประเทศของนักท่องเที่ยวคนไทยในปี 2551 มีแนวโน้มก่อให้เกิดเงินไหลออกนอกประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 125,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 จากปี 2550

    เม็ดเงินส่วนใหญ่ คือ ประมาณร้อยละ 32.8 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 41,000 ล้านบาทเป็นค่าที่พัก

     รองลงมาคือ ร้อยละ 30.4 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 38,000 ล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าในต่างประเทศ

    โดยค่าใช้จ่ายที่ซื้อสินค้าในต่างประเทศส่วนใหญ่คือ เกือบร้อยละ 80 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาทเป็นการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออก รองลงมาคือ ร้อยละ 13 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาทเป็นการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าในกลุ่มประเทศแถบยุโรป

     

    แหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้ในเอเชียตะวันออกยังคงได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวคนไทย โดยมีลาว เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นปลายทางท่องเที่ยวที่มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวระยะไกลในยุโรปและอเมริกาเหนือได้รับความนิยมลดลง คงมีเฉพาะตลาดผู้มีกำลังซื้อสูงที่ยังคงนิยมเดินทางไปเที่ยวเป็นประจำ

    สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์

    • อ่านแล้วเต็มอิ่มมากค่ะทั้งเนื้อหาและภาพประกอบ
    • คนไม่มีรากว่า น่าจะรวมและจัดพิมพ์เป็นเล่มได้นะคะ มีทั้งเนื้อหาสาระและบทวิเคราะห์
    • น่าส่งให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้อ่านเพิ่มวิสัยทัศน์ค่ะ

    สวัสดีค่ะ อาจารย์ คนไม่มีราก

    ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมนะคะ และปลื้มใจมากๆจากน้ำคำที่ไพเราะ ให้กำลังใจ หายร้อนเลยค่ะ

    วันนี้ กลางวัน ไม่ค่อยมีแดด แวะไปเดินเล่นที่สวนเบญจสิริค่ะ ใกล้ๆบ้าน มีคนมาเดินเล่นกันพอควร ส่วนใหญ่มาทั้งครอบครัวค่ะ มาออกกำลังกายก็มี นำภาพมาฝากให้คลายร้อนนะคะ

    Benjasirigarden

    ข่าวจากศูนย์วิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด 

     21 เม.ย.2551....

    จากกระแสความนิยมเที่ยวต่างประเทศที่ได้หวนกลับมาทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับในหมู่คนไทย โดยในปี 2550 มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 3.85 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 จากปี 2549 ที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 10.8 ทั้งนี้โดยได้แรงเกื้อหนุนสำคัญจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ทำให้การใช้จ่ายของคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศในปี 2550 มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 โดยมีมูลค่าสูงถึง 105,000 ล้านบาท จากแนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้รายได้สุทธิด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปี 2550 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 11 เทียบกับในปี 2549 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 35

    ตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตในอัตราสูงต่อเนื่องจากครึ่งหลังปี 2550 มาในปี 2551 ทั้งนี้ด้วยแรงเกื้อหนุนจากปัจจัยสำคัญๆ ดังนี้   

    เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวคนไทยมีแนวโน้มถูกลง

    แพ็กเกจทัวร์ต่างประเทศระยะใกล้ๆมีราคาต่างจากแพ็กเกจทัวร์ในประเทศไม่มากนัก -     

     การท่องเที่ยวทางรถยนต์ในเส้นทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีน อาทิ ลาว เวียดนาม และจีน ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น

         การขยายเส้นทางบริการของธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำทั้งในภูมิภาคเอเชีย และระหว่างภูมิภาคเอเชียกับภูมิภาคอื่นๆ เกื้อหนุนต่อการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ -         

      การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง 2008 มีแนวโน้มกระตุ้นการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศของไทยปี 2551

    บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่า ในปี 2551จะมีคนไทยเดินทางไปต่างประเทศรวมทั้งสิ้นประมาณ 4.43 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.0 จากปี 2550

    และใช้จ่ายในต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 115,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากปี 2550 ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวกลับมาเติบโตในอัตราปกติในปี 2551

     

    โดย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 15.6 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 จากปี 2550 สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 585,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5

    จากแนวโน้มดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้รายได้สุทธิด้านการท่องเที่ยวของไทยในปี 2551 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช้าลงต่อเนื่องจากปี 2550 โดยมีมูลค่าประมาณ 470,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6จากปี 2550 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 ดังนั้น เพื่อที่จะกระตุ้นให้รายได้สุทธิด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้แก่ประเทศ

    จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องประสานความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในตลาดต่างประเทศ

    โดยมุ่งเน้นการขยายตลาดท่องเที่ยวเฉพาะด้านที่มีกำลังซื้อสูงและมีลู่ทางขยายตัวอีกมาก เพื่อเพิ่มพูนรายได้ด้านการท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าประเทศได้อย่างรวดเร็ว

    ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กับการสร้างกระแสความนิยมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในหมู่นักท่องเที่ยวคนไทย  เพื่อสงวนเงินตราให้หมุนเวียนสะพัดภายในประเทศแทนการรั่วไหลออกนอกประเทศ

     

    เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกทำให้ได้ความรู้ รูปสวยมากและประทับใจมากๆค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณหมอ  พ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช

    ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ ตอนนี้อากาศร้อน และฝนฟ้าคะนอง ส่วนใหญ่ จะตกช่วงเย็นๆ คุณหมอระวังเป็นหว้ดด้วยนะคะ

    คิดถึงคุณหมอเสมอค่ะ ลองคลิกชมรูปแบบข้างบนนี้บ้างไหมคะ

    คุณหมอ  พ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช

    ลืมไปค่ะ ถ้าคุณหมอไปเชียงใหม่ช่วง 1-5 พ.ค.นี้ ลองแวะชมงานนี้ค่ะ....

    เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์ผู้นำในด้านการอนุรักษ์กล้วยไม้ไทย อีกทั้งเพื่อเผยแพร่ข้อมูล ความหลากหลาย คุณค่าของพรรณกล้วยไม้ไทย และพัฒนาส่งเสริมการใช้ประโยชน์กล้วยไม้ไทยอย่างยั่งยืน แก่ประชาชน

     สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์(อ.ส.พ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงกำหนดจัดงานประกวดกล้วยไม้ เทิดไท้ 75 พรรษามหาราชินี ขึ้นในระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม 2551 ณ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (คือสวนที่ผู้เขียนนำชมในบันทึกนี้ค่ะ)

    ภายในงานดังกล่าวมีการจัดแสดงกล้วยไม้ไทยที่หลากหลายกว่า 100 สายพันธุ์จากทั่วประเทศ อาทิ สกุลรองเท้านารี สกุลซิมบิเดียม สกุลคัทลียา

    การประกวดกล้วยไม้นานาชนิดและการประกวดจัดสวนกล้วยไม้ในรูปแบบเลียนแบบธรรมชาติ ในลักษณะการจัดสวนรวมพันธุ์กล้วยไม้พื้นเมือง ชนิดพันธุ์แท้ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการจัดสวนรวมพันธุ์แบบสวยงาม

     

    16:00 น.-10-07-2008

    ทราเวล แอนด์ เลเชอร์ นิตยสารการท่องเที่ยวชื่อดังจากอเมริกา เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์ ระบุว่า...
    กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รับเลือกเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลกประจำปีนี้
    ขณะที่หมู่เกาะกาลาปากอส ในเอกวาดอร์ รับเลือกให้เป็นหมู่เกาะที่ดีที่สุด
    ทั้งนี้ ผู้อ่านนิตยสารฉบับนี้ยังเลือกโรงแรมซินกิตา ซาบิน แซนด์ ในอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ แอฟริกาใต้ให้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของโลก
    ด้านสิงคโปร์ แอร์ไลน์ คว้าตำแหน่งสายการบินยอดเยี่ยมที่ดีที่สุดไปครองอีกครั้ง

    นางแนนซี โนโวกรอด หัวหน้ากองบรรณาธิการทราเวล แอนด์ เลเชอร์ กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ และหมู่เกาะกาลาปากอสคว้ารางวัลสูงสุด โดยขอแสดงความยินดีที่มีเมืองใหม่ติดอันดับจำนวนมากในปีนี้ ทั้งธรรมชาติและการผจญภัยนับเป็นปัจจัยดึงดูดสำคัญในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยว

    อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้ว กรุงเทพฯ ติดอยู่ในอันดับที่ 3 ส่วนหมู่เกาะกาลาปากอสอยู่ในลำดับที่ 8 สำหรับเมืองและเกาะที่ดีที่สุดในปี 2550 คือ เมืองฟลอเรนซ์และเกาะบาหลีร่วงลงสู่อันดับ 5 และอันดับ 2 ตามลำดับ 

    Rank 2007 Name Score
    1 3 Bangkok 87.61
    2 2 Buenos Aires 87.24
    3 10 Cape Town 86.59
    4 5 Sydney 86.49
    5 1 Florence 86.24
    6 - Cuzco, Peru 86.15
    7 4 Rome 85.12
    8 6 New York 85.03
    9 8 Istanbul 84.61
    10 9 San Francisco 84.42

    ข่าวดี  อ่านข่าวจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
    ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ย.) มีชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.49%    แม้จะประสบกับปัญหาราคาน้ำมันแพงและภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยก็ตาม
    มีตัวเลขของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  ในช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้  มีนักท่องเที่ยวเป็นบวก 3.49% เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ติดลบ โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกเดือน 
    จุดเด่นด้านการท่องเที่ยวของไทย  คือ นิสัยใจคอที่มีน้ำใจไมตรีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว และอาหารที่อร่อย  แต่ความความสวยงามตามธรรมชาตินั้น ก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆ

    ปัจจุบันประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยมีสัดส่วนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 6 แสนล้านบาท นักท่องเที่ยวในประเทศอีก 3.85 แสนล้านบาท 

    ระบบ e-Commerce จะช่วยได้มาก  เนื่องจากเป็นช่องทางตลาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะนักท่องเที่ยวในปัจจุบันนิยมแสวงหาข้อมูลด้วยตัวเอง ลดการพึ่งพาบริษัทนำเที่ยวแล้ว

    อาหารที่อร่อยเป็นจุดเด่นในด้านการท่องเที่ยวของไทย  อย่างหนึ่ง นอกเหนือจาก นิสัยใจคอที่มีน้ำใจไมตรี ของคนไทย

    ยังไงๆ....ในสถานการณ์....ใดๆ...เมืองไทยของเราก็ยังน่าเที่ยวกว่าที่อื่นอีกมากครับ ทั้งความสวยงามทางธรรมชาติ ความร่ำรวยศิลปวัฒนธรรม และอัธยาศัยไมตรี บวกด้วยน้ำใจ..............แถมมีการชุมนุมที่น่ารักๆให้ศึกษาอีกด้วย

     99. หมูอ้วน ...

    ขอโทษ ตอบช้าไปค่ะ วันที่ 13-01- 2008 มีข่าวอีกค่ะ
    มีรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงลอนดอนว่า หนังสือพิมพ์ Sunday Mirror และสำนักข่าว Press Association News Wire ได้เสนอข่าวว่า ประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวสหราชอาณาจักร 

    โดย สื่อทั้งสองแห่งได้นำเสนอข้อมูลจากหน่วยงาน Post Office Travel Services ของสหราชอาณาจักร ซึ่งได้ทำวิจัยเกี่ยวกับความคุ้มค่าของสถานที่ท่องเที่ยว โดยเปรียบเทียบราคาสินค้าที่นักท่องเที่ยวมักจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งราคาอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 8 รายการ ใน 15 ประเทศที่ชาวสหราชอาณาจักรนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว ผลสำรวจในแง่ระดับราคาพบว่าประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งของการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยวสหราชอาณาจักร ตามด้วยแอฟริกาใต้ มาเลเซีย และเคนยา ตามลำดับ

    ส่วนใ นเ ดือนกุมภาฯ 2552 มีข่าวว่า   แม้ว่า เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศเรา จะไม่ค่อยดีนักในปี 2552 นี้ แต่ก็พอสบายใจขึ้นนิดหน่อยที่    มาสเตอร์การ์ดเปิดผลสำรวจลูกค้าทั่วโลก พบไทยติด อันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวต่างชาติชอบเดินทางเข้ามามากที่สุด 
    คือ...ญี่ปุ่น 26%    ส่วนไทยอยู่อันดับสอง  ประมาณ 20% และออสเตรเลีย อันดับ 3 ประมาณ 19% ก็ เป็นข่าวที่ดีไม่น้อย

    บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี2552 จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เทียบกับครึ่งแรกของปี 2551 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1
     และในช่วงครึ่งหลัง ของปี 2551 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เทียบกับครึ่งหลังของปี 2551 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5
    ทำให้โดยรวมตลอดทั้งปี 2552 คาดว่าจะมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศรวมทั้งสิ้นประมาณ 87.2 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9
     และ ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดสู่ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวใน ประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 400,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เทียบกับปี 2551 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2

    เรียกว่า การท่องเที่ยวนี่ เป็นรายได้หลักอย่างหนึ่ง ของไทยเราเลยนะคะ

    111. พิสูจน์
    สวัสดีค่ะ ดีใจที่มาอ่านค่ะ  ตอนนี้ รัฐบาลพยายาม เน้น ที่การท่องเที่ยวมากๆนะคะ....

    เรื่องเงินช่วยค่าครองชีพ 2,000.00 บาท  มีหวัง คงได้ต่อยอดมากกว่า 2000.00 บาทแน่ๆ 
    เพราะทั้ง โรงแรม ท่องเที่ยว ต่างทำการตลาด หวังเจาะลูกค้ารายได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน ไว้ในกำมือ เช่น  บางโรงแรม ก็รับเช็ค 2,000.00 แต่ให้อยู่ห้อง ราคา 3,000.00 บาท เป็นต้น  

    แคมเปญ "เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคักผ่านทางสื่อต่าง ๆ เยอะแยะ
    ตอกย้ำให้คนไทยทั้งประเทศหันมาเที่ยวไทยด้วยกัน และกระตุ้นสภาพคล่องทางเศรษฐกิจของไทย 
    ชวนทุกคนออกไปเที่ยวกัน ไปพบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ไปพบกับความสนุกสนาน ไปพบกับรอยยิ้มจริงใจของคนไทยที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว และไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น 

    ขณะเดียวกัน ยังได้จัดกิจกรรมขยายผลการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเปิดโอกาสให้คนไทย ได้ร่วมประกวดภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวผ่านทางเว็บไซด์ โดยนำภาพถ่ายพร้อมเขียนข้อความประทับใจส่งมา     เพื่อชิงรางวัลเที่ยวไทยทัวร์ยกไฟลท์ จำนวน 20 รางวัลๆ ละ 2 ที่นั่ง
    โดย สื่อโฆษณาทั้งหมดที่ผลิตขึ้นภายใต้แคมเปญนี้ มุ่งหวังที่จะกระตุ้นให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวไทยในการช่วยฟื้นเศรษฐกิจชาติ
    ดีนะคะ ช่วยๆกัน เงินทอง อย่าให้ออกนอกประเทศ ให้หมุนเวียนอยู่ที่ในประเทศก่อน ดีที่สุด

    หน้านี้ มะยงชิดออกมาเยอะ ชวนไปเที่ยว นครนายกกันค่ะ ที่นั่น เป็นแหล่งมะปราง มะยงเลยค่ะ

    มีนาคม 2552 มีข่าวว่า ไทยได้อันดับ 1 สุดยอดหาดทรายชายทะเลยอดฮิต กทม.ติดอันดับ 1 ใน 6 เมืองน่าเที่ยวจากทั่วโลก

    นายมานิตย์ บุญฉิม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสตอกโฮล์ม เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ว่า ล่าสุดประเทศไทยได้รับการโหวตความนิยมแหล่งท่องเที่ยวประเภทหาดทรายชายทะเลติดอันดับ 1 ในกลุ่ม Sun and Beach Outside Europe ประจำปี 2552
     จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์ Aftonbladet ประเทศสวีเดน โดยได้จัดทำแบบสอบถาม สำรวจความคิดเห็นสมาชิกของหนังสือพิมพ์ดังกล่าว จำนวน 30,093 คน เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว ประเภทเมืองน่าเที่ยว และหาดทรายชายทะเล ซึ่งตั้งอยู่ในและนอกทวีปยุโรปที่นักท่องเที่ยวมีความประทับใจ และต้องการจะเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนในปี 2552

    ผอ.ททท. กล่าวต่อว่าา การโหวตจัดขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค.ของปี 2551 ผลการสำรวจทราบว่า ประเทศไทยได้รับการโหวตให้เป็นอันดับที่ 1 ในฐานะสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวประเภทหาดทรายชายทะเลที่อยู่ภายนอกทวีปยุโรป โดยได้รับคะแนนโหวตสูงถึงร้อยละ 31.3 ตามติดด้วยประเทศบราซิลและมาเลเซีย โดยได้คะแนนร้อยละ 10.6 และร้อยละ 10.4 ตามลำดับ

    นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครของไทยยังติด 1 ใน 6 ของการจัดอันดับประเภทเมืองน่าเที่ยวจากทั่วโลก (Big - City Worldwide) โดยผลการโหวตได้เผยแพร่ผ่านเอกสารชื่อ Aftonbladet Resa ซึ่งเป็นเอกสารแนบของหนังสือพิมพ์ Aftonbladet ฉบับประจำวันที่ 13 - 14 ม.ค. ที่ผ่านมา

    สวยมากเลยค่ะ

    ไปมาแล้วสนุทมากเลยค่ะ

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท