ชื่นชมกับความสำเร็จก้าวหน้าของชาวโกทูโนส่วนใหญ่ แต่ระวังความสำเร็จจะทำร้ายตัวเอง ถ้าไม่ออกนอกเรื่องงานเสียบ้าง
การตื่นตัวที่จะทำงานให้สำเร็จเป็นอย่างดี และก็ต้องดีขึ้นอีกในครั้งต่อไป ต้องยืนอยู่แถวหน้า ปิ๊งไอเดียใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ถ้าคนที่สุขภาพไม่ค่อยดี จะรู้สึกว่า พลังงานในตัวสูญเสียไปอย่างมหาศาล รู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าแต่ก่อน กลับบ้านไป ก็หงุดหงิด รำคาญไปหมด แม้แต่ภรรยาหรือสามี ก็รำคาญ บางทีรู้สึกเจ็บหน้าอกแปล๊บๆ แต่ก็ปลอบใจตัวเอง ว่าอาจจะเกิดจากท้องอืด แก๊สมาก แต่ถ้าความกดดันจากงานมีมากขึ้น เราก็จะเจ็บป่วย ความสำเร็จทำให้ชีวิตของเราเสียสมดุลย์ไป
ทราบไหมว่ามีปัจจัยอยู่ 4 ตัวที่จะช่วยได้
คือ:-1. การจัดให้มีเวลาว่างให้ตัวเองและครอบครัวในวันหยุด ไม่ใช่ให้งานมาจับจองเวลาไปหมด ซึ่งหมายรวมถึง การจะทำงานอื่นใดเพิ่มเติม เป็นอาชีพเสริมหรืองานอดิเรก เช่น วาดรูป ถ่ายรูป เปิดบ้านสังสรรค์กับเพื่อนฝูงคอเดียวกัน เป็นครั้งคราว อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ หรือไปวัดเป็นต้น อะไรก็ได้ดีๆ ที่ทำแล้ว ผ่อนคลาย
2. มีความพึงพอใจในสถานภาพของตัวเอง ของครอบครัว ของงาน สิ่งแวดล้อม และสังคมของเรา ไม่มีการชิงดีชิงเด่นกับใคร แต่ละคน แต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน มีความพอใจกับตรงนี้ ไม่ต้องดิ้นรนจนเกินเหตุ เกินความสามารถไป เราต้องการกำลังใจและการสนับสนุนจากคนที่เรารักเขา และเขารักเรา มองโลกในแง่บวก
3. เราต้องทราบจุดประสงค์ ความมุ่งหมายในชีวิตที่แท้จริงของเราด้วย และต้องมองภาพนี้ให้ชัด มิฉะนั้น เราจะเบลอ ไม่รู้ว่า ทำอะไรไปเพื่ออะไร แต่ขณะเดียวกัน เราก็ยังมีอิสระที่จะปรับปรุงเปลี่ยนชีวิตของเราได้ ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะชีวิตและโอกาสที่มีมา
4. ควรเริ่มที่ ความพอดีก่อน กินอาหารพออิ่ม ออกกำลังกายพอเหมาะ จะรู้สึกว่า ถ้าเราควบคุมตัวเราและเวลาได้ ไม่มีความกดดันมากเกินไป ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆในทางที่ดี ก็จะเกิดขึ้นโดยง่าย
การผ่อนคลาย เป็นกิจกรรมทางธรรมชาติ แม้แต่สัตว์ สุนัขหรือแมว ยังผ่อนคลายยืดแข้งยืดขา เมื่อเรารู้สึกผ่อนคลาย สมองเราจะกระแสคลื่นออกมา 4 ชนิด แต่ละชนิด มีจังหวะแตกต่างกันไป
1. คลื่นเบต้า จังหวะเมื่อเราตื่นอยู่เป็นปกติ
2. คลื่นเดลต้า จังหวะ เมื่อเราหลับและฝัน
3. คลื่นตีต้า จังหวะเมื่อเราต้องการแยกตัวออกจากความเป็นจริง สภาพกึ่งฝัน
4. คลื่นแอลฟ่า จังหวะเมื่อเราอยู่ในความผ่อนคลายอย่าลึกซึ้ง ทั้งกายและใจ สมองสงบขณะยังตื่นอยู่การผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง และระหว่างนั่งสมาธิ ทำให้กิดคลื่นแอลฟ่า และตีต้า
ในภาพ เป็นการ 1.ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์กับครอบครัว ในช่วงนั้นรู้สึกผ่อนคลายมากๆและสนุก เหมือนย้อนเวลาไปเป็นเด็ก
2.ไปเที่ยวน้ำพุร้อนที่เชียงใหม่ ไปอาบน้ำแร่ ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบ การไปเที่ยวกับครอบครัว เป็นเรื่องที่วิเศษที่สุดค่ะ ไม่ว่าจะไปที่ไหนในโลก
3.อยู่บ้าน ร้องคาราโอเกะกันเอง ก็ไม่เลว ทำอาหารง่ายๆทานกันด้วยก็ได้
4.จะไปร่วมก๊วนชาววัดที่กำลังหาที่เปิดสาขาสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่ก็ได้ๆบุญดีมาก ในภาพคือ สีคิ้ว ปากช่อง สวยไม่แพ้สวิสเซอร์แลนด์
5.จะฝึกปรือฝีมือถ่ายรูปก็ได้ แต่ต้องรอแสงเงาหน่อย ภาพนี้ ถ่ายโดยช่างภาพมืออาชีพจริงๆ ชาวต่างประเทศ สวยมาก
6.จัดปาร์ตี้เด็กๆ ผู้ใหญ่ก็ต้องมาอยู่แล้ว เฮฮา สนุกดี ซึ่งต้องเตรียมห้องให้เด็กนอนด้วย ในภาพผู้ใหญ่อยากมาคุยกัน แต่ เอาหัวข้อ ฉลองวันเกิดอายุ 1 ขวบให้ลูกมาเป็นเหตุผล
การพักผ่อน มีความสำคัญที่สุดสำหรับสุขภาพ การได้พักผ่อนหลังเลิกงานตอนเย็น หรือในช่วงสุดสัปดาห์หลังจากทำงานมาตลอดอาทิตย์ จะทำให้เราสามารถ ทำงานได้มากขึ้น เมื่อเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ เพราะเราได้พักผ่อน และชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มพลังใหม่ ที่พร้อมจะแล่นต่อไปได้อีกครั้ง มนุษย์ทุกคน จำเป็นต้องมี ความสมดุลย์ ระหว่างานกับความผ่อนคลาย
เคยได้ยินว่ามีเครื่องมือช่วยลดความเครียดนะครับ ลืมเสียแล้ว
ค่ะ เรียกว่า BIO-FEEDBACK เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาอยู่2-3 ปี และมีการทำวิจัยด้วยนะคะ ตามมหาวิทยาลัยประเทศเราและญี่ปุ่น
เครื่องมือที่ใช้มากคือ Galvanic Skin Response เป็นเครื่องมือปรับกระแสไฟฟ้าที่ผิวหนัง ถ้าอยู่ในสภาพผ่อนคลายผิวหนังจะแห้ง ถ้าตื่นเต้น ผิวหนังจะชื้น
การผ่อนคลายที่ดีที่สุด คือการนั่งสมาธิ การควบคุมการหายใจ เป็นหัวใจหลักของการผ่อนคลายค่ะ
ดิฉัน ไม่ได้ไปวัดบ่อย แต่นั่งสมาธิที่บ้าน มีมุมสงบหลายมุมให้เลือก และสมาชิกครอบครัวก็น้อย ไม่ค่อยมีอะไรวุ่นวายเลย ง่ายหน่อย ดูมุมโปรดของดิฉันซีคะ
การเลี้ยงลูก ไม่เครียด แต่เหนื่อยแบบมีความสุข จนไม่เหนื่อย เพื่อลูกยอมเหนื่อย
Your child can be a child only once! อ่านแล้วคุณจะไม่ท้อ ไม่เหนื่อยค่ะ
จริงๆคนเราก็ยึดติดกันทุกคน แต่ต้องพยายามบอกย้ำเตือนกับตัวเองตลอดเวลาว่า อย่าให้มากนัก สิ่งใดที่เราเอาใจเข้าไปผูกพัน จะไม่ให้โทษเลยคงไม่มี อันไหนให้โทษนัก ก็พยายามทำใจ ตัดๆมันไปบ้าง นานๆเข้า ก็ตัดได้เอง ไม่มากก็น้อย
อย่างเรื่องการออกแบบ คุณใช้เวลาสร้างงานออกมา คุณก็รักผลงาน ใครมาวิจารณ์แบบอื่น คุณอาจไม่ชอบนัก ถ้าไปยึดติดในงานนักก็จะหงุดหงิดค่ะ
ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อคิดดีๆ ที่เสริมสร้างพลังใจ พลังชีวิตให้กันและกัน อืม... เคยพยายามเรียบเรียงความคิดตัวเองว่า จะจัดระเบียบอะไรให้ชีวิตบ้าง เช่น
แต่รู้สึกว่าข้อสุดท้ายนี่ ตัวเองยังทำไม่ได้ซักที ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของชีวิตก็ว่าได้
เข้ามาดูรูปบ่อยๆ ในไฟล์อัลบั้มค่ะ เคยเซฟรูปสวนข้างบ้านที่มีทางเดินน่ะค่ะ ชอบมากๆ กะว่าจะปลูกต้นไม้สูงๆ ข้างบ้านแบบนี้เหมือนกัน แต่คงต้องใช้เวลา
ขอบคุณครับ ได้อ่านทำให้เตือนใจว่าควรระวังเรื่องการเสียสมดุลย์ ผมไม่ค่อยได้พักเป็นเรื่องเป็นราว แต่ใช้การเจริญสติ สมาธิ ทุกวันๆละประมาณ ๒๐ นาที ได้พักใจนิดหน่อย เวลาส่วนใหญ่ต้องทำงานและเรียนหนังสือ การใช้เวลาการงานมากเกินไปกลัวเสียสมดุลย์เหมือนกันครับ แต่คิดว่าการเจริญสติ สมาธิคงช่วยได้บ้าง
กฤษณา |
การทำสมาธิมีหลายวิธี แต่ละวิธีมุ่งกระแสจิตนิ่งและมุ่งไปที่จุดๆเดียว แต่ต้องมีปัจจัย4ประการค่ะ
ขณะทำสมาธิ ร่างกายจะเผาผลาญน้อยลง หัวใจเต้นช้าลง ความดันลดลง ควรนั่งสมาธิวันละ ครึ่งช.ม.จิตใจจะไม่ฟุ้งซ่าน แจ่มใสขึ้นค่ะ เป็นการผ่อนคลายที่ดีมาก
พี่ sasinanda ครับ
ค่ะ ตราบใดที่เรารู้สึกผ่อนคลายและไม่เครียด ก็ได้อยู่แล้วค่ะ ถ้าเราปลดพันธะได้ระดับหนึ่ง เราก็ใจสบายค่ะ
อ่านบันทึกของคุณหมอบ่อย สนุกค่ะมีวิธีเขียนให้คนยิ้มคลายเครียดด้วยนะ
เขาไม่ว่าอู้หรอก ทุกคนต้องมีเบรก แบบcoffee breakนะ และคุณก็ได้เรียนรู้ ในหลายแง่มุมจากที่นี่ด้วยค่ะ
คนเราความคิดจะเกิด ตอนเราไม่เครียดนะคะ
ดีใจจังที่ได้เข้ามา blog นี้ค่ะ
- ผู้ดูแลสวยจังเลยคะ
- เคยเครียดคะ แต่จริงๆเป็นความกังวลมากกว่าค่ะ เล่นซะเป็นไทรอยด์เลย แต่ชอบคลายเครียดด้วยการเม้าท์ใน blog เรื่องเม้าท์คนใกล้ตัว นี่ล่ะคะ นินทาลูกบ้าง สามีบ้างแล้วก็ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ สนุกดีค่ะ ปลอดภัยด้วย...อิ๊ อิ๊
สวัสดีครับ
ผมใช้เวลาอ่านบันทึกนี้ 3 ครั้ง จึงได้ตัดสินใจแวะมาฝากรอยความคิดไว้...
....
การผ่อยคลายของผมที่ผมคิดว่าดีที่สุด เหมาะที่สุดในช่วงนี้คือการนอน..นอนให้เต็มที่...ดูหรืออ่านหนังสือ...เล่นกับลูก ๆ ..ในส่วนของสมาธิยังไม่ลองลงมือปฏิบัติซะที และ G2K ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการคลายเครียดของผม
เราต้องทราบจุดประสงค์ ความมุ่งหมายในชีวิตที่แท้จริงของเราด้วย ...
ขอบคุณประโยคแห่งความคิดนี้มากครับ...ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ ผม
สำหรับประโยคที่ว่า "ความสำเร็จจะทำร้ายตัวเอง" น่าคิดมากครับ ทำให้ผมนึกถึงความไม่สมดุลย์ของชีวิต ที่จะพาไปสู่ความล้มเหลว เสียสมดุลย์ของชีวิต
ผมเองพยายามทำให้ชีวิตสมดุลย์ หลายๆคนบอกผมว่า ผมเป็นพวก "สุขนิยม" ก็จริงๆครับ
ผมนิยมสุขแบบง่ายๆ และหันมาพัฒนาตนเองจากภายใน เรียนรู้และดูจิตบ้าง
ขอบคุณบันทึกงาม เจ้าของบันทึกก็ดูสวยสง่ามากครับ
สวัสดีค่ะอ.จ.คะ อ่านบันทึกของอ.จ.บ่อยๆ ชื่นชมค่ะ
ตอนจบใหม่ๆ จากอักษรศาสตร์ เพื่อนๆเป็นอาจารย์กันหลายคน แล้วได้ทุนไปเรียนต่อ แต่ดิฉันเองไปทำงาน อีกพักใหญ่ เพราะอยากจะออกไปโลกกว้าง จึงกลับไปเรียนต่อ บริหารธุรกิจที่ต่างประเทศ มีลูกแล้ว 1 คน เป็นแม่บ้านเต็มตัว 2 ปี พอกลับมาจึงมารับงานหนักตลอดมา มาถึงตอนนี้ จึงได้พัก และสบายขึ้นมาก
บันทึกนี้ จริงๆ เขียนจากประสบการณ์ตัวเองที่ทำงานหนัก6วัน/อาทิตย์มานาน ซึ่ง ไม่ดีค่ะ ความรับผิดชอบและความต้องการความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงเป็นตัวบังคับ เราบังคับตัวเอง ไม่โทษใคร แต่ ย้ำ ไม่ดีค่ะ ต้องเดินสายกลาง
ป.ล.เป็นเกียรติ์มากๆค่ะ คุณราณี ที่จะไปอยู่ในplanet
ของอ.จ.ค่ะ
|
เคยมีรุ่นพี่คนหนึ่ง ทำพจนานุกรมชาวเขาไว้ด้วย และก็มีเพื่อนสนิทมาก ไปทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับ ต้นกำเนิดของคนไทยแถวเชียงราย จีนตอนใต้
คุณมีโอกาสดีมากกว่าหลายๆคน ที่จะกลั่นใจให้ใสๆ เพราะอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ จะตามไปอ่านบันทึกคุณด้วยค่ะ
ตอบอ.จ.ค่ะ
|
การได้อยู่ใน G2K ก็เป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งค่ะ... เคยคิดเรื่องการดูแลสุขภาพ แต่ไม่ค่อยสำเร็จค่ะ... โชคดีที่ไม่ค่อยป่วย แต่ตอนนี้เนื่องจากนั่งนานหน้าคอม จึงเริ่มมีอาการที่บอกว่าสุขภาพเริ่มแย่ค่ะ...คงต้องหาเวลาพักผ่อนให้กับตัวเองค่ะ... ขอบคุณมากค่ะ
การผ่อนคลายเป็นกิจกรรมทางธรรมชาติค่ะ อยู่ในG2Kได้ความรู้และมุมมองต่างๆไป ส่วนใหญ่น่าสนใจด้วยค่ะ
จริงๆแล้วการผ่อนคลายมีหลายแบบมาก ไปเรียนวาดรูปก็ผ่อนคลาย มีสมาธิดีด้วย
การเป็นอาจารย์ เป็นความโชคดี ได้พบปะนักเรียนหลากหลาย มีปัญหาให้แก้เกือบทุกวัน แต่เมื่อเขาจบไป ได้ดีกัน เราก็ภูมิใจนะคะ
อ่านบันทึกในโรงเรียนพ่อแม่ สนุกนะคะ เข้าใจเขียน มีอารมณ์ขันดี
คุณบอกเป็นคนขี้กังวล เหมือนดิฉันเลย กังวลเรื่องโน้น นี้ ไปหมด คอยตรวจทานจุดนั้น จุดนี้ เกรงมีปัญหา เลยกลายเป็นที่น่ารำคาญไปบางครั้ง แต่พอมีปัญหาเกิดขึ้น ตามที่เรากลัวไว้ก่อน เราค่อยได้ที ขี่แพะไล่ ให้ใครต่อใคร หน้าจ๋อยไปได้เหมือนกัน
แต่สรุป ตอนนี้อุเบกขา เตือนแล้วไม่ฟัง ก็ต้องทำใจค่ะ อย่าเครียดค่ะ ไม่ดีมากๆ ต่อตัวเราเอง เชื่อเถอะ
เห็นด้วยครับ
ไม่หนี ไม่สู้ ไม่อยู่ ไม่ไป ไม่ไล่ ไม่ตาม
ไม่เอาสักอย่าง ทำจิตให้ว่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง
ใช่ค่ะอาจารย์ ถ้าเราพิจารณาว่า สิ่งทั้งปวงเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย แล้วปล่อยวางความยึดมั่นเสียบ้าง ความร้อนใจก็น้อยลง และจะค่อยๆน้อยลงไปอีก ถ้าเราฝึกจิตไปเรื่อยๆค่ะ
ตอนนี้ดิฉันเอง ก็น้อยลงไปมากๆแล้ว
ไปอาบน้ำแร่ ดีกับสุขภาพตรงไหนคะ
เป็นลูกน้องเก่า จำได้ไหมคะ สวัสดีค่ะ
จอมใจ |
การอาบน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ ที่มีอุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส โดยการแช่เป็นเวลา 8-10 นาที จะทำให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ทั่วถึง
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต และทำความสะอาดผิวหนังให้ปราศจากเชื้อโรค
รวมทั้งช่วยรักษาโรคผิวหนัง บำรุงผิวพรรณให้สดใสเต่งตึง ความร้อนของน้ำจะทำให้เหงื่อออก ช่วยขับสิ่งอุดตันใ้ต้ผิวหนัง
สามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อย บำบัดรักษาโรคไขข้อและกระดูก ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายดีขึ้น จึงทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง ช่วยกำจัดความเครียดของร่างกายและจิตใจ
นี่ว่าตามbrochureที่เขาแจกค่ะ
เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ สำหรับคำแนะนำให้ปล่อยวาง เพราะเดี๋ยวนี้ก็พยายามใช้วิธีนี้อยู่คะ เริ่มหนีไปเที่ยวช่วงสงกรานต์โดยทิ้งงานบ้างได้แล้ว ...เพราะเราก็ต้องเติมแบตเตอรี่ให้ตัวเองเหมือนกันคะ แต่ก็กลับมาตาเหงือก clear งานอีกตั้งนึง เฮ้อ! ไม่รู้คุ้มหรือเปล่าเลยคะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
แต่ก่อนดิฉันก็เป็นแบบอาจารย์ แต่ตอนหลังดีขึ้นมากๆเพราะ
ตามมาอ่านครับ...
เป็น 4 ปัจจัยหรือปัจจัย 4 ของความสมดุลย์ในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ...
ขอบคุณมากครับ...
สวัสดีค่ะ
ที่สีคิ้ว อากาศค่อนข้างเย็นในหน้าหนาวค่ะ สดชื่น ตอนนีญาติ ไปซื้อที่ ปลูกสำนักสงฆ์ มีพระ2-3 รูปประจำ และมีคนหนุ่มๆสาวๆ ไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิกันเป็นกลุ่มๆค่ะ เวียนกันไป
สวัสดีครับ
ผมคลายเครียดในงานด้วยการไปเที่ยว ใกล้ๆ ไม่ไปไกลครับ แถวๆบางแสน ศรีราชา มีบ้านเพื่อนอยู่ ก็สนุกดี กลับมา ทำงานว่องไวขึ้นครับ ขอบคุณที่แนะนำ
พี่
เอ....ไม่ทราบว่าพลาดบันทึกนี้ไปได้อย่างไร
ช่วงนั้นคงหน้ามืดตามัวกับการทำงานค่ะ
ขอบคุณนะคะ สำหรับบันทึกดี ๆ
ว่าแต่วันหยุดนี้จะไปไหนดีค่ะเนี่ย
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
คนที่ทำความลงตัวได้ระหว่างงานกับการพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ ทำได้ยากครับ นี่เป็นบันทึกที่อ้างอิงได้ดีทีเดียว
"คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็คือคนที่มีเวลาพักผ่อนมากกว่าเวลาทำงาน" หรือเปล่าครับ เคยได้ยินเขาพูดกันน่ะครับ
สวัสดีค่ะ
จะสำเร็จได้ คงต้อง50/50ละค่ะ ต้องมีจุดสมดุลย์
แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันค่ะ
ตามอ่านมาจาก บล็อก คุณดิเรก.......
ขออนุญาต คุณ sarinnanda นำเข้าแพลนเนต นะครับ
ชุมชนนี้ ให้ความรู้ มุมมองที่ไม่เคย รู้มาก่อนเลย....
อบอุ่นมากมาย ..... จะติดตามอ่านประจำ.....
( มือใหม่ อยากมีบล็อก ...)
อ่านบทความคุณพี่ทีไร ได้ข้อคิดและความรู้สึกดีๆ ทุกครั้ง ขอบพระคุณนะคะ ...
btw; Life is Beautiful .... enjoy your time ค่ะ
การทำงานเหมือนกับการเดินทางไกล ถ้าเหนื่อยนักก็แวะพักระหว่างทาง เมื่อหายเหนื่อยค่อยเดินต่อ และดีกว่าท้อแล้วเดินถอยหลัง
ขอบคุณค่ะสำหรับบทความดีๆแบบนี้
ตามทฤษฎี .. การยึดติด แนะนำให้ปล่อยวาง ในหลักปฏิบัติดูคล้ายจะง่ายนะคะ แต่ในความเป็นจริงมันมีปัจจัยมากมายให้บางครั้งเราไม่อาจจะปล่อยวางได้เอาเสียเลย
บางทีที่รู้สึกเหนื่อย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ก็มีความรู้สึกอยากจะหยุดพัก แม้จะแค่ได้นั่งนิ่ง ๆ หายใจช้า ๆ ก็คงจะพอ แต่ก็อย่างที่เกริ่นไป มันไม่ง่ายเลยค่ะ
เมื่อคืนอ่านหนังสือธรรมะจบไป 2 เล่ม .. แต่เป็นการอ่านที่แทบจะไม่ได้อะไรเลย หนังสือดีค่ะ แต่เพราะคนอ่านไร้สติจึงแทบจะอ่านจับประเด็นไม่ได้มากนัก ทำให้นึกถึงคำโบราณที่ว่า " สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ " ได้จริง ๆ
รู้สึกเหมือนชีวิตของตัวเองสูญเสียความสมดุลย์ยังไงก็ไม่รู้ ล่ะค่ะ
ดีใจที่เปิดเวบนี้ขึ้นมาเจอข้อคิดดี ๆ ของคุณ sasinanda ..
สวัสดีค่ะคุณ Sasinanda
เคยได้ยินหลักการแบ่งเวลาอันนึง ประทับใจและจำได้ขึ้นใจว่า
ความจะแบ่งเวลาเป็นสามส่วน
1. ครอบครัว
2. การงาน
3. ส่วนตัว
สร้างเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่าค่ะ บางท่านอาจจะให้เวลากับ ครอบครัว + ส่วนตัว = การงาน
บางท่านอาจจะ ครอบครัว = การงาน + ส่วนตัว
ก็ไม่ว่ากัน แต่ขอให้อย่าลืมด้านใดด้านนึง เพราะมันจะไม่เป็นสามเหลี่ยม มันจะเป็นเส้น เส้น เฉยๆค่ะ
แล้วคุณ Sasinanda แบ่งแบบไหนคะ
^__^
นี่แหละครับความสุข
การได้อยู่กับครอบครัว เที่ยวกับครอบครัว
ผมขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกและภรรยาอยู่บ่อยๆ หลายครั้งก็จะพ่วงพ่อตา แม่ยาย หรือแม่ผมเองไปด้วย เสียดายพ่อไม่อยู่ เพราะไปสวรรค์เสียตั้งแต่ก่อนคุณแป้งจะเกิด
ตอนขับรถเที่ยวนั้น เหนื่อยจริงๆครับ แต่หายเร็วมาก คุณลูกก็ช่างว่าง่ายเมื่อยามเที่ยว เธอสามารถนั่งรถได้เป็นชั่วโมงโดยไม่บ่นเลย ตั้งแต่เล็กๆ สงสัยจะเข้าใจ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ และจะไปอ่านบันทึกคุณด้วยค่ะ
โห หนิงพลาด blog นี้ไปได้ยังไงเนี่ย...
หนิงเองก็ได้ G2K นี่แหละค่ะ ช่วยคลายเครียด ได้พักผ่อนในนี้ อ่านเรื่องราวมากมาย ได้สาระและสนุกสนานค่ะ
ขอบคุณนะคะ
สวัสดีค่ะคุณพี่ที่รัก
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ
การคลายเครียดของคนเรามีได้หลายแบบ และการเขียนบันทึกใน G2K และอ่านของเพื่อนๆคนอื่นๆ ก้เป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่งค่ะ
ในขณะที่เราผ่อนคลาย ร่างกายเราจะผลิตสารเมีชนิดหนึ่งออกมา ที่ทำให้อารมณ์เราดีขึ้นด้วยค่ะสวัสดีค่ะคุณดวงใจ
ขอบคุณที่มาอ่าน และบอกว่าพยายามไม่เครียด ไม่ว่าเรื่องอะไร พยายามคิดว่า ไม่มีสิ่งใดดีหรือเลว มีแต่ความคิดเราต่างหากที่ไปคิดว่า ดีหรือเลวเอง
มีการพูดมานานแล้วค่ะว่า การหัวเราะ เป็นยาอายุวัฒนะ ดังนั้น คนที่อารมณ์ดีเป็นนิจ ส่วนใหญ่ จะชอบหัวเราะ และมีอารมณ์ขันค่ะ การหัวเราะ และการยิ้ม ส่งผลทางบวก ร่างกานจะผลิตออร์โมนความสุขออกมาที่เรียกว่า เอนดอร์ฟิน ค่ะ ซึ่งจะเป็นอาวุธ ที่จะไปต่อสู้กับความเครียดและความกลัวค่ะ
แต่ความเครียดนี่ บางที เราก็มีบ้างนะคะ แต่พยายาม อย่าให้อยู่กับเราถาวรก็แล้วกันค่ะ
สวัสดีค่ะคุณนุ้ยcsmsu
เรื่องการผ่อนคลายนี้ มีตัวอย่างที่ดี คือ เรื่องหัวใจของเราค่ะ เป็นอวัยะวะที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกาย ทำหน้าที่ 24 ช.ม.ไม่มีวันหยุด บีบตัว วันละเป็น 100,000 ครั้ง
แต่จริงๆแล้ว กล้ามเนื้อหัวใจ ก็บีบตัวและคลายตัวไปเป็นระยะๆนะคะ โดยบีบตัวประมาณ 1/10 วินาที และคลายตัวประมาณ9/10 วินาทีค่ะ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจ มีเวลาพักฟื้นตัว ชั่วขณะหนึ่ง โดยไม่หมดแรงไปเสียก่อนค่ะ
สวัสดีค่ะ
ตามมาอ่านอีกรอบด้วยความคิดถึงคะ อิอิ ขอบคุณมากคะ ( อยากบอกว่านอนดึกจ้งเลย รักษาสุขภาพนะคะ)
ไม่ใช่แต่ผู้ใหญ่ค่ะ เด็กๆก็เครียด
จิตแพทย์เผยการบ้านเป็นสาเหตุเด็กเครียด
ความเครียดของเด็กสามารถแบ่งออกเป็นได้ 3 ระดับอาการ ซึ่งระดับแรกเด็กอาจจะเครียด วิตกกังวล ไม่มีสมาธิ แต่ไม่กระทบกับผลการเรียน และไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง อาจจะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น
ส่วนระดับที่สองก็จะเริ่มรุนแรงขึ้นมาอีก โดยส่งผลกระทบต่อการเรียน การทำงาน และความสัมพันธ์ของคนรอบข้างแล้ว
และระดับที่สามถือว่าเป็นระดับที่รุนแรงและมีผลกระทบอย่างมาก ทำให้เด็กไม่มีสมาธิ ผลการเรียนตก ซึมเศร้า เหม่อลอย อยากตาย ร่างกายไม่มีพละกำลัง
เนื่องจากทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ ฟังก์ชั่นของเด็กผิดปกติไปด้วย เช่นสมองไม่มีความสมดุล เมื่อเจอความเครียดระบบสมองก็จะลดน้อยถอยลงไป การทำงานของเซลล์ติดขัด ทำให้การทำงานของสมองเปลี่ยนแปลงไป
อ่านรายละเอียด ที่นี่ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ ranee
ดีใจจังที่คุณราณี เข้ามาทักทาย
การที่คนเราเป็นโรคเป็นภัย ก็เพราะร่างกายเสียสมดุลไป และความเครียดจากการงาน ก็เป็นสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งค่ะ
ดังนั้น ถ้าเรามีวิถี ชีวิตที่เรียบง่าย และคล้อยตามธรรมชาติ เราก็น่าจะมีสุขภาพดีกันพอควรค่ะ