เจงกีสข่าน ตอนที่ 4 จากท่านพ่อข่านสู่ลูกข่าน


ผมคิดว่าคงมีหลายๆท่านที่เป็นเหมือนผมนะครับ คือเขียนจะเสร็จแล้ว แต่กดปุ่มผิดไป มันก็เลยหายไปหมดเลย

ตอนที่ 3 นั้นพูดถึงความแตกร้าวของครอบครัวท่านข่าน แล้วก็คำสอนของท่านข่านต่อลูกๆ เพื่อที่จะยังคงความสามัคคีไว้ในตระกูลท่านข่าน ก่อนจะจบตรงที่ว่า เจงกีสข่านนั้นได้ตายท่ามกลางสนามรบแบบแค่อีกไม่กี่วันก็จะชนะศึกแล้วเชียว

วันนี้ตอนที่ 4 เรามาต่อกันด้วยจักรวรรดิ์มองโกลหลังเจงกีสข่านนะครับ

หลังจากที่เจงกิสข่านเสียชีวิตแล้ว ลูกคนที่ 3 ก็ได้ขึ้นมาเป็นท่านข่านสูงสุด เนื่องจากว่าลูกคนโตและลูกคนรองนั้นทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ตามที่ได้พูดถึงในตอนที่ 3 นะครับ

สร้างเมืองหลวง 

ท่านข่านสูงสุดคนใหม่ที่ชื่อโอโกไดข่าน (Ogodei) นั้นพอเป็นข่านปุ๊ปก็แทบจะเรียกว่าปฏิวัติรูปแบบความเป็นอยู่ของมองโกลปั๊ป เพราะว่าพอเป็นข่านสูงสุดแล้ว ก็ประกาศจะสร้างเมืองหลวง ไม่อยู่แบบเป็นเผ่าเร่ร่อนแล้ว

พอตัดสินใจได้ ก็หาทำเลสิครับ ทำเลของชาวมองโกล ก็คือขอที่ที่อยู่กลางทุ่งหญ้า steppe แล้วก็เอาแบบลมแรงๆด้วยนะ แล้วก็ขอให้มันไกลแหล่งน้ำหน่อย

แต่ทำเลที่ตั้งเนี่ย มันดูจะเป็นวิธีการเลือกแบบเผ่าเร่ร่อนไปหน่อย เพราะว่าไม่ได้สนใจเลยว่าที่ตั้งนั้นจะอยู่ใกล้เส้นทางการค้าหรือเปล่า เพราะว่าการมาตั้งที่กลางทุ่งหญ้านี่ มันไกลก็ไกล มาตั้งทำไมก็ไม่รู้ แต่สำหรับมองโกลแล้ว ตั้งกลางทุ่งหญ้า ลมแรงนี่แหละ ใช่เลย ยุงไม่เยอะ

ส่วนที่ไม่ตั้งใกล้แหล่งน้ำก็เพราะว่า สิ่งปฏิกูลจะได้ไม่ไหลไปในแหล่งน้ำ

เพราะฉะนั้น Dr. Weatherford เลยบอกว่า เนี่ยท่านโอโกไดข่านนั้นพลาดไปแล้ว เพราะว่าการมาตั้งเมืองหลวงไกลขนาดนี้ ก็ไม่ค่อยมีคนอยากมาค้าขาย แต่มองโกลหลังเจงกีสข่านนี้มีแต่ชีวิตหรูหรา สุขสบาย ไม่มานั่งเลี้ยงม้า ล่าสัตว์แล้ว แล้วจะทำยังไง นอกจากไปเอาพ่อค้ามาขายที่เมืองหลวงมองโกล

โอโกไดข่านก็แก้ง่ายๆครับ จ่ายพ่อค้าสองเท่าสำหรับราคาสินค้า พ่อค้าก็เปรมสิครับ แต่มองโกลนะจนลงๆๆๆๆๆ ทุกวัน 6 ปีให้หลังตังค์ก็หมด โอโกไดข่านพอเงินหมด ก็สั่งทหารเตรียมหาเหยื่อในการปล้นเพื่อคงการใช้ชีวิตที่หรูหราของมองโกลต่อไป มองไปมองมา มองมามองไป ก็มีตัวเลือก 4 แห่ง

  1. อินเดีย ที่เจงกีสข่านนั้นไปเคาะประตูมาแล้ว แต่ว่าอากาศมันร้อนเลยถอยทัพมาก่อน
  2. ราชวงศ์ซ่งของเปาบุ้นจิ้น
  3. เปอร์เซีย แบกแดด และดามัสคัส
  4. ยุโรป

บุกยุโรปโลด ภาคแรก จอเจีย

การบุกยูโรปครั้งแรกนี้ได้รับการสนับสนุน จากท่านนายพลตาเดียวที่เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจงกีสข่านมานานที่ชื่อว่า Subodei (ซุโบได) ทำให้โอโกไดข่านนั้นตัดสินใจบุกยุโรป

การบุกของมองโกลนั้นเป็นไปด้วยดีครับ ดียิ่งกว่าดีซะอีก เพราะว่าก่อนบุกนั้นมองโกลนั้นส่งทหารไปสืบข่าวครับ การหาข่าวของมองโกลนั้น ไม่ใช่เล่นๆนะครับ หาข่าวอย่างละเอียด รู้ไปหมดว่า มีคนกี่คน การเมืองเป็นยังไง ไม่ถูกกับใครบ้าง

ส่วนยุทธวิธีการรบนั้นก็เหมือนกับที่ผมได้เขียนไว้ในตอนที่ 2 ส่วนมากก็คือการหลอกให้คู่ต่อสู้ตายใจแล้วก็ฆ่าทิ้ง

การบุกยุโรปนั้นมีความสำคัญมากครับ เพราะนี่เป็นการสิ้นสุดของยุคเกราะเหล็กเลยทีเดียว Dr. Weatherford เล่าว่าตอนที่บุกจอเจียนั้น พวกคริสเตียนได้รวมตัวกันต่อต้านมองโกล นำโดยเจ้าชายแห่งเมืองเคียฟ

ทหารจอเจียนที่มีมากกว่าทหารมองโกล 2 เท่า พอเห็นทหารมองโกลหนี เจ้าชายแห่งเมืองเคียฟนั้นก็สั่งบุกแหลก แต่ไล่เท่าไรก็ไม่ทันครับ จนมองโกลนั้นถอยไปเจอแม่น้ำสายหนึ่ง

ทหารชาวจอเจียนนั้นดีใจยิ้มร่า ไล่มองโกลจนแล้ว เจ้าชายก็สั่งตั้งแถวครับตามประสาอัศวินยุโรป รบต้องมีศักดิ์ศรี ทหารจอเจียนนั้นก็ตั้งแถวไป แต่ภาพที่ทหารจอเจียนเห็นนั้น ไม่ได้มีท่าทีว่าทหารมองโกลจะดูกลัวหรืออะไรเลย กลับร้องรำทำเพลงไปเรื่อย ทหารจอเจียนคงคิดว่าทหารมองโกลนั้นทำใจดีสู้เสือครับ

ทันใดนั้นเองครับ พอธงโบก เสียงร้องรำทำเพลงของทหารมองโกลก็หยุดลง ทหารมองโกลนั้นก็รีบรุกเข้าไปโจมตีทหารราบของพวกจอเจีย ทหารมองโกลนั้นยิงธนูไปครับ แล้วระยะธนูทหารมองโกลนั้นไกลมาก ไกลขนาดที่พ้นระยะอาวุธทหารราบชาวจอเจียน พอเห็นดังนั้น เจ้าชายแห่งเคียฟ ก็รีบสั่งพลธนูยิงธนูครับ แต่โอละพ่อ ไม่ถึงทหารมองโกลอีกเหมือนกัน ดังนั้นทหารจอเจีย ก็มีแต่ถูกฆ่าครับ

ความโกลาหลก็บังเกิดครับ ทหารจอเจียนก็หนี เจ้าชายก็หนี แต่เจ้าชายทรงเกราะเหล็กทั้งม้าทั้งคน ถ้านึกไม่ออกดูรูปครับ  http://www.globaleffects.com/B_pages/03_ArmsArmor/Period/horsemanh.JPG

ภาพจากhttp://www.globaleffects.com/B_pages/03_ArmsArmor/Period/horsemanh.JPG

แต่ทหารมองโกลนั้น ใส่เกราะหนังเบาๆ เจ้าชายนั้นหนีไม่พ้นครับ ถูกเจื๋อนกลางสนามรบ เรียกว่าเกราะเหล็กนั้นแทบจะหมดยุคไปเลยทีเดียว

Dr. Weatherford บอกว่า พวกจอเจียน อาเมเนียน ที่ถูกตีแตกไปนั้น ไม่รู้จักมองโกลครับ เชื่อว่าการแพ้เละเทะแบบ ไป 10 กลับมา 1 นั้นเป็นเพราะพระเจ้าท่านลงโทษ

ถึงแม้การบุกยุโรปนั้นจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ให้ประโยชน์ทางการค้ากับมองโกล เรียกว่าสินค้านั้นไม่ค่อยมีจะไปถึงมองโกลครับ โอโกไดข่าน ก็เลยบอกบุกจีนกับบุกยุโรป แต่การบุกจีนนั้นไม่ประสบความสำเร็จเลย ก็เลยต้องมาเน้นที่การบุกยุโรป

บุกยุโรปต่อ ภาคสอง เคียฟ

การบุกยุโรปครั้งนี้นั้นนำโดย Batu (บาตู) ลูกชายของโจชิลูกชายคนแรกของเจงกีสข่าน การบุกครั้งนี้ใช้ทหารมองโกล ห้าหมื่นคน ทหารพันธมิตร อีกประมาณหนึ่งแสน

การรบเริ่มจากการบุกเผ่าบัลการ์ (Bulgar) ตรงแม่น้ำวอลการ์ (Volgar) คราวนี้มองโกลนั้นพัฒนาแล้วครับ มียุทธวิธีใหม่ คือการแบ่งทหารออกเป็น สองกอง คุมเชิงสองเมือง ทำให้เมืองที่โดนคุมเชิงนั้น ไม่กล้าจะส่งกำลังให้กัน ไม่มีการเสริมกำลังก็เสร็จมองโกลสิครับ

ต่อจากชนะเผ่าบัลการ์ มองโกลก็บุกเคียฟ คราวนี้นั้นมองโกลก็มาแผนใหม่อีกรอบ คือสร้างกำแพงล้อมเมืองเคียฟอีกที ทำให้คนในเมืองนั้นสับสนวุ่นวาย ก่อการจราจล ส่วนมองโกลนั้น นู่นครับไปสร้างเครื่องดีดหิน เตรียมบุก เมืองอยู่ด้านนอกกำแพงที่ตนเองสร้างนู่น ไม่นานครับ เคียฟก็แตก

นอกจากวิธีประหลาดๆแล้ว มองโกลยังสร้างระเบิดอีกนะครับ โดยการผสมผสานระหว่างเครื่องยิงไฟ (Flamethrower) กับดินปืนเข้าด้วยกัน ซึ่งเครื่องยิงไฟ หรือเครื่องพ่นไฟนั้นมาจากมุสลิม ส่วนดินปืนนั้นมาจากเมืองจีน

แต่ขณะที่บุกอยู่ในยุโรปนั้นก็มีการเรียกประชุมเพื่อหาว่าใครจะเป็นข่านสูงสุดต่อจากโอโกไดข่าน ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่ตกลงกันไม่ได้ ระหว่างบาตู ที่ตอนนี้เป็นข่านหรือซาร์แห่งรัสเซียไปแล้ว กับลูกของโอโกไดข่านอีกสองคน

ลูกของโอโกไดข่านตกลงกับบาตูไม่ได้ ก็หนีกลับมองโกลไป พอโอโกไดข่านรู้นั้นก็ด่าแหลกครับ แล้วก็ไล่กลับไปข่วยบาตูรบที่ยุโรปต่อ

บุกยุโรปภาคสาม ฮังการี โปแลนด์ เยอรมัน

การบุกครั้งนี้นั้นมองโกลได้แบ่งกองทัพไปตี ฮังการี โปแลนด์และเยอรมัน การบุกนั้นก็ใช้วิธีเดิมคือหลอกให้ตายใจแล้วก็ฆ่า การรบครั้งนี้นั้นทหารยุโรปตายไปเป็นแสน สร้างความสะพรึงกลัวไปทั่วยุโรป

พวกนักบวชคริสตร์ก็พยายามหาเหตุผลครับว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งนักบวชก็คิดว่าทหารมองโกลนั้นเป็นคนยิว แล้วคิดว่าพวกทหารมองโกลนั้นจะมาเอากระดูกของ The three kings (นักบวชสามคนที่ไปเฝ้าตอนพระเยซูเกิด) ซึ่งพวกเยอรมันนั้นได้เอามาเก็บไว้ที่โบสถ์เมืองโคโลญจน์จากสงครามครูเสด

แต่แล้วอยู่ๆครับ คนยุโรปก็งงเป็นไก่ตาแตก เพราะว่ามองโกลไม่ไปเมืองโคโลญจน์ พวกนักบวชก็ต้องหาคำอธิบายใหม่ครับบอกว่า อ้ออออ ไอ้พวกนี้อ่ะ ยิวพลัดถิ่น ที่ต้องรีบกลับไปต้อนรับศาสดา แล้วรู้ไหมครับทำไมต้องพลัดถิ่น เพราะว่าจะได้อธิบายว่าทำไมทหารมองโกลนั้นพูดภาษายิวไม่ได้ไงครับ

พอคำอธิบายมั่วๆนี้ออกมา เกิดอะไรขึ้นทราบไหมครับ เกิดการฆ่าล้างชาวยิวขึ้นครับ เพราะคนยุโรปนั้นอยากล้างแค้นทหารมองโกลที่ได้ฆ่าทหารยุโรปไปเยอะเหลือเกิน น่าสงสารจริงๆนะครับ เผ่าพันธุ์ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเลือกไว้เนี่ย

เมื่อผู้หญิงเป็นใหญ่

ต่อมาไม่นานโอโกไดข่านก็ได้ตายไป พวกภรรยาของข่านทั้งหลายก็พยายามสนับสนุนลูกของคนให้ขึ้นมาเป็นข่านสูงสุด การนำของผู้หญิงนั้นมีถึง 10 ปีทีเดียวนะครับ ต่อมาด้วยการแก่งแย่งอำนาจให้ลูกของตัวเองอีก และการแย่งอำนาจครั้งนี้นั้นก็ทำให้สายเลือดของลูกคนที่สองและคนที่สาม ซึ่งก็คือโอโกไดข่านนั้นได้ตายไปทั้งหมด จากการฆ่ากันของคนในครอบครัว

ส่วนสายเลือดของลูกคนโตของเจงกีสข่านนั้นไปอยู่ดีมีสุขที่รัสเซีย แล้วครับ ไม่ค่อยมายุ่งกับทางนี้เท่าไร เมื่อสายเลือดของลูกคนที่สองกับคนที่สามไม่มี สายเลือดของลูกคนที่ 4 ก็ผงาดขึ้นมาเมื่อ มองเก้ (Mongke) ได้มาเป็นข่านสูงสุด

จากปู่สู่หลาน 

มองเก้ข่านนั้นเป็นหลานของเจงกีสข่าน แล้วก็อยากจะนำมองโกลกลับไปเหมือนยุคที่เจงกีสข่านนำมองโกล ไม่เหมือนโอโกไดที่รักสบาย มองเก้ข่านนั้นพอเป็นข่านสูงสุด ก็รีบสั่งสำรวจสำมะโนครัวประชากรทันที เพื่อวางแผนเก็บภาษี เกณฑ์ทหารและใช้แรงงาน

แต่ปัญหาหนึ่งก่อนที่มองเก้ข่านจะออกรบได้คือไม่มีเงินครับ สมัยโอโกไดข่านนั้น มีการออกแบงค์และออกบอนด์ด้วย ทำให้เงินในคลังนั้นไม่มี มองเก้ข่านนั้นก็ต้องมาแก้ปัญหาในจุดนี้ คือการใช้หนี้บอนด์ออกไป และตั้งกระทรวงการคลังขึ้นมาควบคุมการออกบอนด์แล้วก็แบงค์เพื่อไม่ให้เงินนั้นเฟ้อ

นอกจากวิวัฒนาการเรื่องเงินแล้ว มองเก้ข่านยังออกระบบอัตราแลกเปลี่ยนด้วย โดยการเอาแผ่นเงินมาแบ่งเป็น 500 ส่วน แล้วก็แบ่งเหมือนค่าเงินเหมือนแบ่งเค้กครับ

พอทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อย มองเก้ข่านก็สั่งบุกทั้งมุสลิมและจีนพร้อมกัน โดยมุสลิมนั้นพุ่งเป้าไปที่แบกแดดและดามัสกัส ให้ Hulega (ฮูเลก้า) เป็นผู้นำ ส่วนเมืองจีนนั้นให้กุบไลเป็นผู้นำ

บุกมุสลิม

เฮลูก้านั้นยกพลบุกมุสลิมก็มาเจอตอแรกกับพวก hashashin (แฮชชาชิน) ซึ่งพวกนี้นั้นเป็นนิกายหนึ่งในอิสลาม ที่คอยลอบฆ่าผู้นำสำคัญๆ เพื่อต่อรองสถานภาพตัวเอง มาถึงตรงนี้อาจจะร้องอ๋อ ว่าแล้วคุ้นๆกับคำว่า assassin ไหมครับ

เฮลูก้านั้นก็ต้องสู้กับพวกแฮชชาชินนี่แหละครับที่ชอบอยู่ตามซอกหลือเขาระหว่างอัฟกานิสถานกับซีเรีย (ประวัติศาสตร์นี่มันซ้ำรอยได้จริงๆนะครับ)

ซึ่งเฮลูก้านั้นถือคติจับโจรให้จับหัวหน้า ก็พุ่งเป้าไปจับหัวหน้าก่อน พอจับได้ก็พาหัวหน้านี่แหละไปบอกให้ลูกน้องนั้นหยุดการกระทำซะ

ต่อจากปราบพวกแฮชชาชินแล้ว ก็ไปแบกแดดครับ แบกแดดยุคนั้นนี่เป็นศุนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจของชาวมุสลิมเลยทีเดียว ผู้นำแห่งแบกแดดนั้นก็ดำรงตำแหน่งทางศาสนาด้วยครับ เป็นคาลิปแห่งแบกแดด

ตามธรรมเนียมมองโกลครับ จะบุกใครจะสุภาพก่อน ถามว่ายอมไหม ถ้าไม่ยอมก็จะบุก แต่คาลิปแห่งแบกแดดนั้นไม่ยอมครับ ไม่ยอมไม่ว่าแถมมาด้วยการฆ่าทูตอีก (ธรรมเนียมไม่ฆ่าทูตนี่เริ่มจากมองโกลนะครับ เพราะแต่ก่อนนั้นฆ่าทูตลูกเดียวครับ)

ฮาลูก้าพอรู้ก็โมโหครับ ก็เลยเล่นของทั้งมิซไซร์ บาซูก้า ระเบิด เต็มไปหมด เพื่อถล่มดินแดนอาหรับราตรี พวกมิซไซร์ บาซูก้า นั้นพวกมองโกลก็ปรับปรุงมาเรื่อยครับ ก็แสดงคนว่าคนผิวเหลืองอย่างเราๆก็เก่งไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะครับ

แค่เล่นของอย่างเดียวไม่พอครับ มีการทดน้ำมาท่วมเมืองด้วย และการทดน้ำท่วมเมืองนี่แหละครับที่ทำให้คาลิปแห่งแบกแดดนั้นยอมแพ้

การยึดแบกแดดได้นี้ Dr. Weatherford นั้นชื่นชมมองโกลมากครับเพราะว่ามองโกลนั้นยึดแบกแดดได้โดยใช้เวลาแค่ 2 ปี ผิดกลับพวกนุโรปที่รบกับมุสลิมในสงครามครูเสดเป็นร้อยๆปีก็ยึดไม่ได้ กับพวกเติร์กที่จ้องจะยึดแบกแดดเป็นร้อยๆปีก็ยึดไม่ได้เหมือนกัน  

ต่อจากแบกแดด มองโกลก็ไปบุกดามัสกัสต่อเลยครับ แต่คราวนี้พวกคริสเตียนครูเสดและชาวเติร์กนั้นหัวใสครับหาประโยชน์จากมองโกลโดยการยอมเป็นพันธมิตรไปยึดดามัสกัสด้วย ทำให้ไม่นานดามัสกัสก็แตก

แต่การบุกจีนของกุบไลนั้นไม่ได้เรื่องครับ ไม่เหมือนการบุกมุสลิมของฮาลูก้า ทำให้มองเก้ข่านนั้นโมโหมากครับ เลยยกทัพมาเองเลย แต่ยกมาได้ไม่นาน มองเก้ข่านก็ตาย

พอตายก็เกิดศึกสายเลือดอีกครับ แต่คราวนี้วงแคบแล้วคือเหลือระหว่างกุบไลกับน้องคนสุดท้องเท่านั้น เพราะว่าเฮลูก้านั้นพอใจกับการได้ครองแบกแดดแล้ว แล้วท้ายที่สุดกุบไลก็ชนะ พร้อมกับตั้งตัวเป็นกุบไลข่านครับ

ตอนหน้าเราจะพูดถึงเรื่องกุบไลข่านบุกจีนครับผม แต่ขอตัวไปอ่านก่อนนะครับ แล้วก็ตอนหน้าอาจจะอัพเดทช้าหน่อยเพราะว่ามีงานมารอครับ

 ที่มา: Weatherford, J. Genghis Khan, Three river press, NY, 2004. ISBN: 0-609-80964-4

หมายเลขบันทึก: 84000เขียนเมื่อ 14 มีนาคม 2007 14:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 16:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ไปอ่านหนังสือ  ....

ตอนใหม่กำลังสนุก...ก็คุยต่อจากครั้งก่อน

คุณโยมอ้าง ฮันนิบาล... ตามที่เคยอ่านมาบ้าง ฮันนิบาล ล้อมโรมไว้ได้ แต่ขาดกำลังบำรุง เพราะพวกไม่ส่งมาให้ จึงจอด.... เคยคุยกับใครบางคนในเน็ตราว ๒-๓ ปีก่อน มีความเห็นเหมือนกันว่า ฮันนิบาลเก่งกว่าอเลกซานเดอร์ เพราะบุกกรุงโรมซึ่งมีความเจริญสูงสุดของยุคนั้น แต่อเลกซานเดอร์บุกพวกที่ด้อยกว่า..ทำนองนี้...(ได้ข่าวว่าเค้าจะสร้าง หรือกำลังสร้างหนังเกี่ยวกับ ฮันนิบาล ด้วย)

หลวงพี่สงสัยว่า มองโกลกับตาดหรือดาดาร์นี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร...เคยอ่านเล่มหนึ่งจำเรื่องไม่ได้แล้ว เค้าว่า ตาด นี้แปลว่า แซ้ พวกนี้กินอยู่หลับนอนบนหลังม้า ที่ก้นจะมีปานแดงเป็นสัญลักษณ์... อะไรทำนองนี้แหละ...

ว่างๆ คุณโยมก็ช่วยเล่าเรื่องนี้ด้วย จะติดตามไปเรื่อยๆ...

เจริญพร   

กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ

เรื่องฮานนิบาลผมไม่ทราบมากครับ เคยอ่านประวัติคร่าวๆและดู History channel ครับ

ฮานนิบาลนี่เป็นนักรบชาวแอฟริกันที่ใช้ทัพช้างบุกข้ามเทือกเข้าแอลป์อันหนาวเหน็บ เพื่อมาตีกรุงโรม

ถ้าความจำผมไม่ผิดนัก จริงๆแล้วเหตุผลที่ฮานนิบาลยึดกรุงโรมไม่ได้นั้นมีหลายสาเหตุครับพระคุณเจ้า

อย่างหนึ่งก็คือว่าไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มาใช้โจมตีกรุงโรมได้

อีกอย่างก็คือชาวโรมันนั้น แอบบุกไปตีตลบหลังที่เมือง คาเทจ Carthage ครับ หลังจากที่ฮันนิบาลนั้นล้อมเมืองอยู่เป็นสิบปี ทำให้ฮันนิบาลนั้นต้องถอยทัพกลับไปป้องกันเมืองครับ

แต่จุดจบฮันนิบาลไม่สวยนะครับ เพราะตอนหลังนี่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปเรื่อย โดนจับขังคุกแล้วก็ฆ่าตัวตายในคุกครับ

ต่อข้อคำถามพระคุณเจ้าเรื่องเผ่า Tartar นะครับ

ในหนังสือเรื่อง Ghenghis Khan ที่เขียนโดย Dr. Weatherford นั้น กล่าวแค่ว่า Tartar นั้นเป็นเผ่าเร่ร่อนในดินแดนแถบมองโกลครับ

ตอนหลังเผ่าTartar ก็ถูกเตมูจินหรือเจงกีสข่านยึดได้ครับ นอกเหนือไปจากนี้นั้นผมต้องขอประทานโทษจริงๆครับ เพราะไม่ทราบครับพระคุณเจ้า

กราบนมัสการพระคุณเจ้าด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งครับ

เรื่องชื่อ

  • มาอ่าน เจงกีสข่าน
  • ขอบคุณที่แนะนำเรื่องติดต่อมหาวิทยาลัยครับ
  • ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับอาจารย์ขจิต

ขอบพระคุณที่ติดตามครับ แล้วก็ยินดีเสมอครับ :D

ว่าง ๆ อ่านหนังสือเกี่ยวกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนของที่ต่าง ๆ ทั่วโลกมาลองเล่าแบ่งปันกันบ้างสิครับ

สวัสดีครับคุณ คนเมืองนรา

ผมคงต้องขออนุญาตตอบว่า ผมคงทำไม่ได้ครับ เหตุผลหลักๆมีดังนี้ครับ

  1. ผมยังไม่เคยเจอหนังสือแนวนั้น
  2. เรื่องการแบ่งแยกดินแดนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ ที่สำคัญแต่ละที่นั้นก็แตกต่างกันไปตามภาวะและปัจจัย เช่นไอร์แลนเหนือกับสหราชอาณาจักร หรือแคว้นบาสก์ในสเปน เคิร์ดในอิรัค ผมว่าในฐานะคนนอกอย่างเรา เราอ่านได้รู้ได้ แต่หนังสือที่เขียนมาก็มีอคติทางความคิด ซึ่งยากที่จะเชื่อครับว่าฝ่ายไหนจะดีกว่ากัน
  3. เรื่องการแบ่งแยกดินแดนนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ผมไม่คิดว่ามันเหมาะกับการเอามาพูดเปิดเผย ในบล็อกสาธารณะครับ

การอ่านหนังสือแล้วเอามาเล่าต่อนั้น เสี่ยงต่อการเจออคติทางความคิดของผู้เขียนหนังสือ และผู้ที่เล่าต่อ ดังนั้นด้วยความที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและผมไม่ลึกซึ่ง ผมคงต้องขออนุญาตขอตัวคร้บ

ขอบพระคุณที่ติดตามครับ

    ตามมาอ่านอีกแล้วค่ะ  บางครั้งการทำอะไรก็ต้องทำให้เราคิด 2ด้าน เผื่อได้เผื่อเสีย (เฮ้อได้แง่คิดอีกแล้วเรา)

    สวัสดีครับอาจารย์Ranee

    ขอบพระคุณอาจารย์มากครับที่ได้ติดตามอ่านมาตลอดครับ :D

    เป็นหน้าใหม่น่ะค่ะ แวะเข้ามาอ่านเพราะค้นหาคำว่า คาเทจ   บังเอิญไปดูภาพยนตร์ ฮันนิบาล rising มาแล้ว ค้นพาคำแปลในพจนานุกรม ทราบว่าเป็นนักรบและเสิร์ช คาเทจ อีกที ก้อเจอ บทของคุณ ในอีก 9 บท เหมือนบุญนำกรรมแต่ง สิ่งที่ค้างคาในวัยเยาว์อย่างเตมูจิน เจงกิสข่าน ได้พอกระจ่างออกมาบ้าง ขอบคุณน่ะค่ะที่คุณสละเวลามาทำงานด้านนี้ ขอมากไปไหม ถ้าขอให้ทำ ทำเนียบข่าน และช่วงปี เทียบกับคริสจักร แล้วจะแวะมาชมอีก

    ยังไม่มี email ให้เบอร์ไว้ก่อน 086-9539319 ฮัสมา

     

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท