[ภาพจากเวป thaishortfilm]
[ภาพจากเวป videogoogle]
อ่านบทสัมภาษณ์ผู้กำกับจาก link ด้านบนแล้วเพิ่งทราบว่านักแสดงทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันจริงๆด้วยค่ะ
แต่มีบทสัมภาษณ์ช่วงนึงที่เล่าว่า คุณยายคนนี้เคยเป็นอัลไซเมอร์จริงๆ อันนี้ ขอแสดงความเห็นว่าคงไม่ใช่อัลไซเมอร์นะคะ เพราะถ้าเป็นแล้วไม่หายค่ะ แต่ถ้าเป็น dementia หรือ delirium ถึงจะหาย (reversible) ได้ค่ะ
คลิกเพื่อชมหนังสั้น "เหมือนเคย" (Always) ความยาว 17 นาที
แนะนำโดย anpanpon via bact via biolawcom.de
(หลายต่อมาก เฮอะๆ)
----------------------------------------------------------
ปล. ขอฝากบันทึกอื่นๆที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยค่ะ
จ๊ะเอ๋ ! ตามมากอดคนวางระเบิดค่ะ ^ ^
เบิร์ดเห็นด้วยว่าน่าจะไม่ใช่อัลไซเมอร์ แต่ความงดงามของความรัก ความเข้าใจ ความเอื้ออาทรที่อบอุ่น อ่อนหวานในหนังก็ทำให้ซาบซึ้งได้มากกว่าความถูกต้องของข้อความเนาะคะ
คำอวยพรที่ว่าให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร..คงมีความหมายแฝงแบบนี้นี่เอง ความดีงามที่ทำให้กันคงเปรียบเสมือนกับทองและเพชรที่ทรงคุณค่าในความรู้สึกทั้งของคุณตาคุณยายและของทุกๆคนที่พบเห็นนะคะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ..กอดอีกทีก่อนไป
ใช่แล้วค่ะ คุณเบิร์ด : )
มัทไปลงความเห็นไว้ที่ blog biolawcom.de ดังนี้ค่ะ copy มาให้อ่านกัน
"ขอบคุณมากๆที่เขียนเรื่องนี้ ขออนุญาตนำไปบอกต่อค่ะ
ดูแล้วนึกชื่นชมทั้งคนทำหนังและนักแสดงค่ะ คิดในใจว่า ไป cast มาจากไหน เก่งจริงๆ
เป็นหนังที่จะช่วยทำให้คนเข้าใจความรักแท้ได้ดีมากๆ
คนที่ดูเรื่องนี้โดยมากอาจ"เศร้า"
แต่ส่วนตัวเห็นว่า มันสื่อถึง ความสุข ความโชคดี (ที่เจอคนที่รักกัน) และ ความเข้าใจในภาวะสมองเสื่อมว่าเราอยู่กับมันได้
สำหรับคนที่ได้เห็นความเป็นจริง(อันยากที่จะทำใจ)ของกลุ่มอาการโรคสมองเสื่อมเป็นประจำแล้ว
เรื่องราวที่นำมาสื่อยังอยู่ในระดับที่ธรรมดามากๆค่ะ เรื่องเศร้ากว่านี้มีอีกมากนัก หนังไม่บีบคั้นหัวใจเท่าไหร่ค่ะ
ซึ่งจริงๆก็กลับกลายเป็นข้อดีของหนังไปอีกแบบค่ะ ไม่ใช่ข้อเสีย
คือดูแล้วไม่ได้รู้สึกว่าคนทำกำลัง "พยายามมากเกินไป"
หนังดูเป็นธรรมดาธรรมชาติดีค่ะ
ถ้ายังได้คุยกับคุณ ศิวโรจณ์ ก็ฝากความชื่นชมไปด้วยนะคะ
การที่จะรู้ว่าเราดูหนังแล้วชอบไม่ชอบ criteria อย่างนึงคือดูตัวเองว่าหนังจบแล้วอ่าน credit รึเปล่า
เรื่องนี่อ่าน credit แล้วยังย้อน rewind กลับไปเพื่อดูรายชื่อนักแสดงด้วยค่ะ"
สวัสดีครับพี่มัท
อ่านแล้วคิดถึงเรื่อง the notebook เลยอ่ะครับ
ต้น
ขอขอบคุณอาจารย์มัทนา...
เมืองไทยน่าจะมีระบบตรวจสอบสุขภาพจิต และสมรรถภาพผู้บริหาร นักการเมือง เพื่อป้องกันพวกเพี้ยนๆ หรือสมองเสื่อมเข้ามาทำลายชาติ...
สวัสดีค่ะ อ.มัท
ตามเข้ามาดูคนเอาบ็อมบ์ ไปวางไว้ที่บันทึกเบิร์ด อ.มัทวางได้ถูกจุด และถูกใจจริงๆจ๊ะ
พี่แอมป์ชอบหนังสั้นหลายๆเรื่องตรงความเป็นธรรมชาติเนี่ยค่ะ และตามเข้าไปดูตามลิงก์สามหนแล้วแต่โหลดมาไม่หมดซักที สงสัย ADSL บ้านพี่แอมป์ย่อมาจาก ...always down and so slow... : )
กำลังบอกให้เด็กๆตามไปดูค่ะ และให้เขียนบทความสะท้อนมุมมองความรักด้วย นอกจากดูหนังรักๆหวานๆด้วยจินตนาการมาหลายเรื่องแล้ว เขาควรได้เห็นความจริงอีกมุมหนึ่งของความรัก ที่แม้จะต้องแลกด้วยรสขมของชีวิต แต่คนจำนวนหนึ่งก็พร้อมที่จะใช้เวลาทั้งชีวิต.... เพื่อดูแลคนที่ตนรัก
.....เพราะรักแท้ๆ......
คิดถึงเพลง "รักยืนยง" ของคุณ "ปั่น" ได้ไงก็ไม่รู้ สมัยนู้นอะ : )
อ.มัทพูดเห็นภาพเลยค่ะ เรื่องอ่านเครดิต เพราะพี่อ่านนับเรื่องได้ อย่าง The Last Emperor , Dead Poet Society สมัยนู้น (อีกเหมือนกัน)อะค่ะ
ขอบคุณ อ.มัทมากค่ะสำหรับบันทึกที่เอามาฝากอย่างตั้งใจเหมือนทุกครั้ง คิดถึงน่าดูเลย และขอให้เสร็จงานไวๆค่ะ
พี่แอมป์เปลี่ยนรูปไม่เป็นแฝดกับพี่หมอนนท์แล้ว! : )
ขอบคุณมากๆนะคะที่แวะมาเสมอ มัทยุ่งมากเลย เพราะใกล้สิ้นปี ช่วงนี้หมอในโครงการลาหยุดไปเที่ยวแล้ว 2 คน มัทเป็นหมอเด็กสุดก็เลยโดนตามไปทำงานแทนซะ ปวดคอปวดหลังเลยค่ะ thesis ตัวเองก็ไม่ได้ทำเพราะไปดูคนไข้ กลับบ้านแล้วเหนื่อยทุกวัน
ช่วงนี้เห็นคุณตาคุณยายเป็นอัลไซเมอร์ทุกวันจริงๆ ที่น่ารักๆอย่างในหนังเรื่องนี้ก็มีไม่น้อยค่ะ หรือที่น่าเห็นใจก็มีหลายคู่มาก
มีคุณตาคนนึงเพิ่งเข้าโรงพยาบาลเพราะล้ม กระดูกสะโพกแตก เดินไม่ได้เลย ในแฟ้มเขียนว่าที่ล้มเพราะทะเลาะกับยายที่เป็นอัลไซเมอร์ นี่เลยจับพลัดจับผลูเข้ารพ.ทั้งคู่แต่อยู่คนละ ward
ตาหน่ะรักยายมาก แต่มันต้องใช่ความอดทนและเข้าใจมากๆที่จะอยู่ดูแลคนที่รัก ที่เปลี่ยนไปขนาดจำอะไรไม่ได้แล้วยัง ไม่เข้าใจอะไรใหม่ๆด้วย พูดไม่รู้เรื่องแล้วว่างั้นอ่ะค่ะ ไม่อยากทะเลาะแต่ก็มีเรื่องจนได้ คุณตาคงทุกข์น่าดู คนที่เป็นอัลไซเมอร์จริงๆไม่น่าทุกข์เท่าคนที่อยู่ดูแลอ่ะค่ะ
อีกคู่ที่เพิ่งเห็นที่บ้านพักคนชรา ไม่ใช่คนไข้มัทแต่ว่ามัทไ้ด้ยินเสียงคุณยายคนนี้ตลอดเพราะท่าน จะตะโกนออกมาว่า liar liar ่เสียงดังลั่นชั้นเลยค่ะ ท่านจะตะโกนชื่อสามีก่อนแล้วก็ตามด้วย liar liar
คิดดูสิค่ะ คนที่จำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ติดอยู่กับความจำเดียวว่าสามีเคยโกหก พยาบาลเล่าให้มัทฟังว่าสามีก็อยู่ที่นี่แหละค่ะ อีกด้านนึงของตึก อยากมาหาเมีย แต่เมียจำหน้าไม่ได้แล้ว
แถมคุณตาถ้ามาหาแล้วได้ยินยายตะโกนว่าว่า ไอ้โกหก ไอ้โกหก ตาก็คงเศร้าไม่น้อย นี่เค้าเลยไม่เจอกันเลยค่ะ ทั้งๆที่อยู่ตึกเดียวกัน
มีเรื่องสารพัดเลยค่ะวันๆ มัทเคยคิดว่าตัวเองเข้าใจทุกข์
แต่มาช่วง 3-4 เดือนที่ดูคนไข้บ่อยๆนี้ถึงรู้สีกว่า ไอ้ที่เข้าใจหน่ะ มันยังไม่ใช่ มาเห็นผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยทั้งกายและใจแล้วตัวเองก็เหี่ยว ต้องคอยฝึกเจริญสติให้ได้จริงๆ
ว่าจะเขียนนิดเดียว ยาวอีกละ : )
ปล. เดาใจพี่แอมป์ถูกหล่ะ คิดว่า dead poet society ต้องเป็นหนึ่งในหนังโปรดพี่แน่ๆ : )
O Captain! My Captain!
เพิ่งได้มีโอกาสดูหนังสั้นเรื่องนี้ผ่าน voice TV ค่ะ
ชื่นชมในความรักจริงๆ
มั่นคงในความรักเหมือน sun of the bride เลยค่ะ