มัทนา
มัทนา (พฤกษาพงษ์) เกษตระทัต

compassion | กฎทองของทุกศาสนา


http://z.about.com/d/chineseculture/1/0/A/e/5/zi00118.gif

ภาษาจีนอ่านว่า เร็น (rén)

  • แปลว่า กุศล การทำความดี ทำสิ่งที่มีประโยชน์ (benevolence)
  • แปลว่า มนุษยธรรม (humanity)
  • แปลว่า ความกรุณา,ความเมตตา,ความใจดี,ความปรานี,ความโอบอ้อมอารี (kindness, love)
  • แปลว่า เมตตาจิต ความดี human-heartedness, human goodness
  • แปลว่า charity, mercy

ภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า จิน (jin) - [เป็น code ของ ซามูไร และ bushido ด้วย]

  • แปลว่า Thoughtfulness, Affection [love] , and Compassion [sympathy].
  • แปลว่า humanity, virtue
  • แปลว่า kernel หรือ แก่นแท้

น่าสนใจที่ตัวอักษรจีนตัวซ้าย แปลว่า คน ตัวขวาแปลว่า สอง

คุณ แคเร็น นักเขียนในดวงใจเราพูดไว้ว่า

คนเราจะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า หรือ รู้แจ้งได้ก็ด้วย "ความเห็นอกเห็นใจ" ด้วย compassion นีี่แหละ ไม่ว่านับถือศาสนาไหน คำสอนสำคัญของทุกศาสนาคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา

เพราะเมื่อเราเอาใจเข้ามาใส่ใจเราแล้วนั้น เราจะกำจัดตัวกูออกไป โยนเอาความคิดที่ว่าเราเป็นศูนย์กลางของโลกออก แล้วเอาผู้อื่นเข้ามาในใจแทน

และเมื่อใดเราไม่มี ego แล้ว เราก็พร้อมที่จะรับรู้อะไรซักอย่างที่มันยิ่งใหญ่มากๆ (ready to see the Divine)

กฎทองของทุกศาสนาคือข้อนี้แล

  • พระเยซูสอนว่า "Do unto others as you would have them do unto you"
  • มีเรื่องของศาสนายิวเล่าไว้ว่า มีคน pagan คนหนึ่งที่มาท้า Rabbi Hillel ว่าข้าจะเปลี่ยนศาสนาเลยถ้าท่านสามารถยืนขาเดียวสอนข้าจนจบว่า Judaism สอนอะไรบ้าง  Rabbi ก็ยืนขาเดียวแล้วก็ตอบว่า "That which is hateful to you, do not do to your neighbor -- that is the Torah. The rest is commentary. Go and study it."
  • ชาวมุสลิมก็สอนเรื่อง ramah, rahm ว่าคนเราไม่สามารถมี compassion ได้เลยถ้าไม่ sensitive ต่อความต้องการหรือ condition ต่างๆของผู้อื่น  Allah เองก็มีชื่อว่า Rahmân  หรือ Rahîm ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า compassionate หรือ merciful

คำสอนทั้งหมดเหมือนกับที่ขงจื้อ (Confucius) สอนไว้ 500 ปีก่อนพระเยซูว่า

"Do not do unto others what you would not like them to do to you."

"อย่าทำกับผู้อื่นอย่างที่เราไม่อยากให้เขาทำกับเรา"

มนุษยธรรมจึงไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว แต่เหมือนอักษรจีน มันคือสิ่งที่อยู่เชื่อมระหว่างคนสองคนนั่นเอง

 

ที่มา:

  • http://chineseculture.about.com/library/character/bl_zi00118.htm
  • http://blog.ted.com/2008/03/karen_armstrong_1.php#more
  • http://japanesekanji.nobody.jp/others/humanity_and_justice.htm
  • http://www.friesian.com/confuciu.htm
  • http://www.orientaloutpost.com/benevolence.php
  • http://dict.longdo.com
หมายเลขบันทึก: 180798เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2008 03:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 15:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ชอบจังเลยค่ะ

อธิบายได้ดีจัง แล้วก็ชอบตัวหนังสือจีนนี้ด้วยค่ะ ไม่เคยคิดว่าตัวข้างหน้าเป็นคน ตัวข้างหลังเป็นเลขสองเลยนะคะ แต่ถ้ามองแบบนี้ก็ไช่เลยค่ะ ^ ^

ขอบคุณค่ะอ. กมลวัลย์

มัทก็ชอบมากจนต้องมาเขียนบันทึกเลยทั้งๆที่งานยังไม่เสร็จ! : P

พอดีไปอ่าน transcript ที่คุณแคเร็นมาพูดไว้ที่ TED talks แล้วได้แรงบันดาลใจอย่างแรง hahahahaha

ไปทำงานต่อแล้วค้าาา : )

ขอบคุณครับ

น่าสนใจมากครับ

สวัสดีค่ะคุณหมอมัท

  • เข้ามาอ่านแล้วชอบมากเช่นกันค่ะ
  • วิเคราะห์ได้น่าฟังและลึกซึ้ง
  • กฎทองของทุกศาสนาคือ compassion นี่เอง
  • ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันสิ่งดี ๆ
  • ทำงานให้สนุกนะคะ
  • ดีจังเลยครับ
  • เหมือนศาสนาพุทธไหมครับที่ว่าเรื่องของ
  • อิทัปปัจจัยตา
  • สรรพสิ่งทั้งหลายต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผลกัน
  • พุทธศาสนา สอนว่า
  • Not to do evil
  • To increase good
  • To purify the mind 
  • มา ลปรร. ครับ
  •    :)

สวัสดีค่ะหมอมัท

อ่านแล้วสบายใจจัง

ขอบคุณค่ะ :)

วิธีเจริญเมตตา

1. เราต้องเข้าใจก่อนว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรานั้น สมเหตุสมผลทุกกรณี กรรมเราทำไว้ก่อนทั้งนั้น ความโกรธ ความโลภ ความหลงในจิตใจเป็นต้นเหตุ เราต้องรับผิดชอบ 100 % ด้วยตัวเอง

2. พยายามเข้าใจ เห็นอกเห็นใจเขาว่า เขาก็กำลังทุกข์เหมือนเราเหมือนกันทุกชีวิต ทุกข์จากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ผิดหวัง ไม่สมปรารถนาต่างๆ ยิ่งคนที่กำลังด่านินทาเรา เขาทุกข์ก่อนเราอีก สงสารเมตตาเขา ถึงแม้ว่าเขากำลังได้เปรียบ เราเสียเปรียบก็ตาม ไม่ต้องอิจฉาเขา ไม่ต้องน้อยใจอะไรเลย ถ้าเขากำลังได้เปรียบมีความสุขที่ได้มาจากอกุศลกรรม บาปกรรม แล้วไซร้ เปรียบเทียบได้ว่าเขากำลังมีความสุขอยู่ชั้นบน แต่ชั้นล่างไฟกำลังไหม้บ้าน ควรสงสารเขาตั้งแต่บัดนี้เดี๋ยวนี้ขณะนี้ เราไม่ต้องสร้างกรรมสร้างเวรกับใครอีกต่อไป ให้ตั้งอยู่ในความดี ความถูกต้องด้วยกายวาจาใจดีกว่า............

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

ขอบคุณทุกท่านค่ะ


เขียนต่อนิดนะคะ

เมตตาธรรมเป็นจุดเริ่มของพรหมวิหาร 4 ทั้งหมด เป็นธรรมค้ำจุนโลก ทำให้โลกสงบสุข

ศาสนาพุทธเด็ดตรงที่สอนต่อไปจากนั้นอย่างละเอียดอีก ว่าจะพ้นจากโลกียะอย่างไร

แต่มัทคนนึงที่เชื่อว่าคนศาสนาอื่นที่เค้าไม่ติดที่ doctrine เข้าถึงแก่นจริงๆ เค้าพบโลกุตระได้เช่นกันแต่เค้าพบเอง ไม่มีทางชัดอย่างศาสนาพุทธ

มัทไม่ชอบที่จะพูดว่าศาสนาพุทธเท่านั้นคือทางออก เพราะมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลยในโลกปัจจุบัน มัทเห็นด้วยกับการเข้าถึงแก่น หาความเหมือนของศาสนาต่างๆ

ศาสนาอื่นเค้าก็สอนเรื่อง การเจริญสติเช่นกัน แต่คนละแบบ และอาจจะไปไม่สุดทาง อย่างละเอียดเท่าที่พระพุทธเจ้าสอน เพราะเค้าติดที่ doctrine มากเหลือเกิน

แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นสาเหตุที่เราจะไปบอกว่าของเขาผิดของเราถูก

ควรจะช่วยกันพากันไปให้พ้นทุกข์มากกว่า

เช่น

มัทเคยฟัง Rabbi Zalman Schachter-Shalomi พูด มัทเชื่อว่าอย่างน้อยเค้านี่แหละที่เป็นยิวแต่เข้าถึงพระธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน

ท่านแปลคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นภาษา Hebrew แล้วไปสอนต่อด้วย ท่าน meditate ด้วย 

ท่านพูดว่า God "เป็นสภาวะธรรม" ไม่ได้เห็นเป็นผู้ชายหน้าตาใจดีหรืออะไรที่เป็นตัวตนเลย

cool! ดีนะ เขียนแบบนี้ดี เปิดโลกทัศน์และเปิดใจ พี่ไม่ถนัดเรื่องศาสนาเปรียบเทียบ คือถ้าจะเขียนต้องศึกษาอีกเยอะ เลยเลือกทำสิ่งที่ตัวเองถนัดก่อน ตัดสินใจได้แล้ว เขียนเชิงอิงประวัติศาสตร์ดีกว่า ให้ความรู้และไม่ค่อยเกิดข้อถกเถียงด้วย แล้วไว้ค่อยลงเรื่องที่เป็นแก่นอีกที คืออย่างศาสนาคริสต์พูดแล้วก็ยังเข้าใจยากสำหรับคนไทยนะ เพราะมันไกลตัวในเรื่องของพื้นฐานทางวัฒนธรรมด้วย แทบจะไม่มีอะไรที่โยงกันให้เข้าใจง่ายขึ้นได้ ถ้ามีการปูพื้นฐานให้เห็นภาพรวมกว้างๆ ก่อน แล้วค่อยลงรายละเอียดอาจจะทำความเข้าใจได้มากขึ้น ส่วนศาสนาอื่นด้วยความรู้ที่น้อยจัดเลยไม่รู้ว่าจะนำมา compare ยังไง แค่อันเดียวก็จะแย่แล้วง่ะ - - "

ที่สำคัญไม่ได้ตั้งใจจะมาเผยแผ่ศาสนาด้วย อยากแค่ถ่ายทอดสิ่งที่รู้ให้คนอื่นได้อ่าน ส่วนเรื่องอื่นต้องไปคิดเอง ปรึกษาได้ถ้าสงสัยแต่ไม่ชี้นำ จริงๆ คิดแบบนี้นอกคอกนะ คริสเตียนคนอื่นมาเห็นอาจจะประนามว่าไม่ทำตามคำสั่งสอน แต่พี่ก็เป็นงี้ล่ะ ไม่เคยเปลี่ยนความคิดมานานแล้ว เชื่อว่าถ้าคนมีความรู้ ได้รับข้อมูลเพียงพอ ศึกษาจนเข้าใจ เลื่อมใส เปิดใจยอมรับ และเกิดปฎิสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณโดยตรงเอง อันนั้นก็เป็นเรื่องประสบการณ์ระหว่างเขากับ God เราไม่เกี่ยว แบบนั้นถึงจะเป็นของจริง ไม่ใช่เชื่อแบบมึนๆ คล้ายแบบอุปทานหมู่หรือถูกป้ายยา ซึ่งสักวันมันก็จืดจางลงได้ ไม่ถาวร แต่ถ้าได้ข้อมูลแล้วไม่เชื่อก็ถือว่าได้เรียนรู้เพิ่ม มีแต่กำไรล้วนๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าเสียหาย คือพี่ถือว่ามีหน้าที่แค่นำสาร บอกสิ่งที่เรารู้ เราได้รับก็พอแล้ว เป็น messenger นั่นเอง

สวัสดีค่ะพี่ซูซาน

พี่เจตนาดี ไม่ต้องกังวล ถ้าเค้าไม่เข้าใจเราก็ทำไปเรื่อยๆแสดงความจริงใจ

ชอบที่พี่เขียนมากค่ะ "ปรึกษาได้ถ้าสงสัยแต่ไม่ชี้นำ" แล้วก็ "เกิดปฎิสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณโดยตรงเอง ...เป็นเรื่องประสบการณ์ระหว่างเขากับ God เราไม่เกี่ยว แบบนั้นถึงจะเป็นของจริง"

ถูกใจใช่เลย

มัทเชื่อว่าการสอนที่ดีที่สุดไม่ใช่การ preach แต่เป็นการพูดและทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งมัทว่าพี่ทำได้ดีแล้ว ไม่ต้องไปกลัวคริสเตียนคนอื่น

เป็นเรื่องประสบการณ์ระหว่างพี่กับ God ...คนที่เข้าใจเค้าจะมาเกี่ยวกับพี่แบบเชื่องโยงสรรพสิ่งในโลกเข้าด้วยกันอย่างมีความรักที่เต็มเปี่ยม....คนที่ไม่เข้าใจ....ก็ช่างเค้า....ไม่เกี่ยว : )

ขอบคุณพี่มากค่ะ ไว้มัทมีอะไรสงสัยจะถามพี่แน่นอนค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท