มัทนา
มัทนา (พฤกษาพงษ์) เกษตระทัต

แนะนำภาพยนตร์ The Visitor


"ในโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนหกพันล้านคน คนเพียงคนเดียวสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้"

http://images.rottentomatoes.com/images/movie/custom/93/1187793.jpg

ดูตัวอย่างหนังได้ที่ official movie site (คลิก)

Walter เป็นอ.สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ในวิทยาลัยแห่งหนึึ่ง เขาหมดไฟในการทำงานไปนานแล้วหลังจากที่ภรรยาเค้าตาย Walter มีชีวิตแบบไม่มีความหมายมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเขาต้องกลับมา New York เพื่อร่วมงาน conference เค้ากลับไปที่ apartment เก่าที่เคยอยู่กับภรรยาก่อนเธอเสีย ปรากฎว่ามีคนหัวหมอรู้ว่า Walter ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เลยปล่อยห้องเช่าให้ ตัวแสดงเอกอีกคู่หนึ่ง แล้วเรื่องราวก็เริ่ม ณ จุดนั้น...

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สะท้อนปัญหาคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในอเมริกาได้เนียนแต่ชัดเจนมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

นักแสดงทุกคนเล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะตัวเอก Walter เป็นผู้ชายหน้าเซ็งกะตายได้ได้อารมณ์มาก

  • แนะนำให้ดูถ้าชอบแนว Comedy Drama
  • แนะนำให้ดูถ้าคุณหมดไฟในชีวิต
  • แนะนำให้ดูถ้าคุณมีดนตรีในหัวใจ
  • แนะนำให้ดูุถ้าคุณสนใจปัญหาการเมืองระดับโลก
  • แนะนำให้ดูถ้าคุณสนใจวัฒนธรรมหลากเชื้อชาติ

เป็นหนังที่ชอบมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในปีนี้เลยค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #ภาพยนตร์
หมายเลขบันทึก: 185495เขียนเมื่อ 31 พฤษภาคม 2008 22:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 17:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)
  • สวัสดีครับ อ.มัทนา
  • แวะเข้ามาเยี่ยมครับ
  • นานแล้วนับจากครั้งแรกที่ผมแวะมาทักทาย อ.มัทนา ถ้าจำไม่ผิดน่าจะบันทึกที่อาจารย์เขียนเกี่ยวกับหนังสือ...
  • ในบันทึกนี้ที่แวะเข้ามาไม่ใช่เพราะหมดไฟหรือเพราะหัวข้อตามลิสต์ที่อาจารย์เขียนหรอกครับ...
  • แต่เพราะชื่อเรื่องครับ the visitor แม้ผมจะเกิดที่นี่แต่หลายๆครั้งก็มักถูกเรียกว่าvisitor บ่อยๆ
  • ผมคลิ๊กเข้าไปดูแล้ว ประทับใจมากครับ แม้จะนำเสนอไตเติลสั้นๆแต่ก็สื่อหัวใจของเรื่องได้อย่างดีและครบถ้วนกระบวนความ
  • ผมชอบประโยคที่โปรยไว้ในไตเติลครับ

you can live your whole live

and never know who you are

until you see the world

through the eyes of others

                  the visitor

  • ขอบคุณอาจารย์มัทนามากครับสำหรับคำแนะนำ
  • แม้ผมจะเลิกดูหนังนานมากแล้ว แต่คิดว่าคงต้องหา the visitor มาดูครับ
  • ชีวิตยังไม่สิ้นเฉกกลองยังไม่ขาดวิ้น ยังไงก็ต้องตีกลองต่อไป ตีกลองตามจังหวะหัวใจที่ยังเต้นอยู่ แม้อาจจะแผ่วลงตามวัย ไม่ดังดั่งสมัยวัยหนุ่ม วัยสาว แต่ตราบที่ยังมีชีวิต ไปหยุดตีกลองทำไม? ขอบคุณอีกครั้งครับอาจารย์มัทนา

 

ขอบคุณมากค่ะอ.อาลัม

ตัวเอกของเรื่อง 3 ใน 4 คนเป็นมุสลิมด้วยค่ะ แต่เค้าก็ต่างกัน

แม่และลูกชายมาจาก Syria
ส่วนแฟนลูกชายมาจาก Senegal

มัทเห็นอาหารที่แม่ทำให้ทานในเรื่องแล้วนึกถึงเพื่อนที่ชื่อ Mouna เหมือนกับตัวละคร เค้าเคยทำอาหารให้ทาน เหมือนในหนังเลย (แต่เพื่อนมัทเป็น Palestinian ที่มาจากLebanon) เห็นแล้วก็อยากทานข้าวแบบนั้นอีก มัทชอบอาหารแถบนั้นมาก ตอนนี้เพื่อนมัทย้ายไปเมืองอื่นแล้วค่ะ

ขอบคุณครับ

(ขอบคุณ อ.อาลัม ด้วยครับ ผ่านมาทางลิงก์ที่อาจารย์ติดในบล็อก)

 

ขอบคุณค่ะคุณพันคำ

ลืมเขียนไปว่าคำว่า visitor ในเรื่องนี้มีหลายความหมายมาก เค้าเข้าใจตั้งชื่อหนังจริงๆค่ะ ตัวละครทั้ง 4 เปลี่ยนกันเป็น visitor ในบริบทต่างๆกันไปทั้งเรื่อง ชอบจังค่ะ

น่าดูจัง สนใจเกือบทุกข้อยกเว้นหมดไฟในชีวิตค่า ^ ^ มีไฟเสมอ ชอบแนว Comedy Drama หรือพวก Romantic Comedy อยู่แล้ว ยิ่งเพลงเพราะยิ่งชอบใหญ่ ไว้ว่าจะทำลิสต์แนะนำหนังดีที่ชอบเผื่อคนอื่นจะได้หามาดูบ้าง คือดูหนังเยอะมาก แต่บางเรื่องก็ไม่ใช่แนว hollywood หนังยุโรปหรือหนังเอเซียบางทีทำได้ดีกินใจทีเดียว ติดตรงที่หาดูยากไปหน่อยเท่านั้น

Little Jazz \(^o^)/: คุณซูซานคะ สไตล์เดียวกันเลยค่ะ : )

มัทเคยทำ list หนังที่ชอบมากไว้ที่นี่ค่ะ ว่าจะเขียนของปี 2007 อีกบันทึกเร็วๆนี้

ส่วนเรื่องนี้ดนตรีเป็น purcussion ซะมากนะคะ แต่มัทชอบมากเพราะมัทว่ามันเป็นชิ้นดนตรีที่ primitive ที่สุด มาจากจังหว่ะในใจคนเรามากที่สุด

น่าสนใจมากๆ เพิ่งทราบจากหนังเรื่องนี้ว่า กลอง African ตีแบบ 3 จังหวะลงตัว ในขณะที่ ดนตรี Classical 4 จังหวะ ดนตรีไทยก็ 4 จังหวะ

 

ส่วนหนังหาดูยากที่บ้านเราก็ได้ Lido และ House ช่วยเราไว้ : ) ก็ยังดีค่ะ ยังไงถ้าไม่รีบก็รอ DVD ออกเอาด้วยค่ะ

ผ่าน มา เพราะ กำลังหาเรื่อง visitor พอดีเจอหน้านี้เข้า ดีใจมากที่เจอคนคอหนังเดียวกันเข้า ผมเป็นนักศึกษาหาคนที่ดูแนวเดียวกันไม่ค่อยมี ดีจังที่เจอ มีหลายเรื่องที่อยากแนะนำ ไม่ทราบว่าอาจารย์ ชอบหนังของ สตีเฟ่น คิงไหม

ดีใจเหมือนกันค่ะ means

ส่วน Stephen King นั้น ชอบแค่ Stand by me กับ The green mile ค่ะ

แต่ชอบมากกกกกนะคะ ไม่ได้ชอบธรรมดา : )

ไม่รู้จะติดต่ออาจารย์ผ่านทางไหนเลยมา

ที่กระทู้นี้

พอคนเราเจอคนที่เหมือนหรือมองโลกหรือชอบอะไรเหมือนกัน

แล้วคนอื่นๆที่อยู่รอบข้างเราไม่ได้เป็นแบบเรามานรู้สึกดียังไงบอกไม่ถูก

ในความคิดของอาจารย์อาจเป็นเรื่องธรรมดาเพราะผู้ใหญ่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นแบบนี้คือคิดคล้ายๆกันอยู่แล้ว

มีเรื่องอยากถามอาจารย์หน่อย อาจารย์ แบ่งเวลายังไง ในที่นี้คือ อาจารย์เริ่มแบ่งเวลาเป็นได้อย่างไร

ตอนนี้ทำอะไรแล้วต่อไปจะทำอะไร ชีวิตมานวุ่นวายอะคับ ถ้าสิ่งที่เราเป็นหรือกำลังทำ มันไม่ใช้เราละ

เรารู้ว่าควรทำอย่างไรให้ได้หรือเป็นในสิ่งที่เราเป็น แต่เราจะเริ่งอย่างไร ในเมื่อตลอดเวลาทั้งชีวิต คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้น

อีกเรื่องที่อยากเรียนถาม ผมชอบมากเวลาเห็นไดอะรี่ของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบได ได้เห็น matana_gotoknow ของอาจารย์

แล้วมานรู้สึกดีลึกๆในใจ อยากมีแบบนี้บ้าง และไม่ใช้ว่าไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะมีแต่เริ่มไม่ได้

ผมซื้อสมุดไดอะรี่ สวยมากมาเล่มหนึ่งว่าจะเขีนยมัน ผ่านมา เกือบ 1 ปีแล้วผมยังไม่ได้เขีนยเลย

มานคงรู้สึกดีที่เราได้มีอะไรไว้ให้เราได้เห็นอดีตของเราบ้าง อย่างมากผมก็แค่ ย้อนคิดไปในแต่ละวันว่าวันนี้เราทำอะไรบ้าง

มันจะดีแค่ไหนถ้าเราได้รู้ทุกๆสิ่งที่เราเคยทำในอดีตแล้วทำให้เราได้รู้ว่ามันดีพอหรือยังขาดหรือไม่ดีตรงไหน

คนที่ไม่รู้น่าจะดีกว่าคนที่รู้แต่ไม่เริ่ม

และน่าจะยากและก็ยากจิงๆ สำหรับการเริ่มที่จะรู้ หรือเริ่มที่จะทำ ไม่ว่าเรื่องอะไร

.... means .....

หวัดดีค่ะ means

มีหลายประเด็นเลย ค่อยๆไล่คุยไปนะ

1. ดีใจ ชื่นใจทุกครั้งที่เจอคนคุยภาษาเดียวกัน เห็นเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆค่ะ คือ ธรรมดาที่เมื่อถูกใจก็ดีใจมีความสุข เมื่อไม่ได้ดังใจ เจอสิ่งที่ไม่อยากเจอ หรือไม่ได้เจอสิ่งที่อยากเจอก็ทุกข์ ไม่ใช่เพราะว่า "ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่คิดคล้ายๆกันอยู่แล้ว" จนทุกวันนี้พี่ก็ยังถูกรายล้อมไปด้วยคนที่คุยคนละภาษา คิดว่าตัวเองเป็นส่วนน้อยด้วย เพียงแต่ว่าเรารู้ของเราว่าพวกเราอยู่ไหน มิตรเราอยู่ไหน ยิ่งเวลาผ่านไปเราก็จะเจอพวกเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ ไม่ต้องห่วง 

2. แต่การที่คนเราคิดไม่เหมือนกันนั้น พี่มองว่า diversity คือ beauty นะ จะให้มาเหมือนกันหมดไม่มีทาง คนเรามีเรื่องราว มี background ทุกคน ไม่ว่าคนๆนั้นเราจะมองว่าดีหรือเลว มองแบบนี้แล้วจะไม่ทุกข์นะ เวลาเจอคนที่เราไม่เห็นด้วยก็เก็บเป็น port folio ไว้ว่า เออ คนแบบนี้ก็มีด้วย แล้วเวลาผ่านๆไปก็จะเห็นว่า คนเรามันหลากหลายจริงๆ

3. อาจารย์เริ่มแบ่งเวลาเป็นได้อย่างไร: อันนี้ต้องให้ credit พ่อแม่มั้ง มันคงเริ่มเป็นเพราะพ่อแม่สอน อย่างเช่น ถ้าเรารู้ว่าตอนเช้าๆเราจะง่วง ไม่อยากทำอะไร แล้วก็รีบๆกลัวสาย เราก็ต้องจัดของที่จะใช้ตั้งแต่ก่อนเข้านอน บ้านพี่นี่ถ้าไปโรงเรียนแล้วลืมอะไร พ่อแม่ไม่กลับบ้านไปเอาให้นะ เพราะสอนไว้แล้วแบบนี้ (แล้วมันก็ไม่มีอะไรสำคัญมากพอที่จะไม่มีไม่ได้ด้วย - นอกจากเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ให้โป๊)

4. การจัดการวางแผนว่าจะทำอะไรก่อนก็คือการ list มาให้หมดว่าต้องทำอะไร แล้วก็เรียนความสำคัญ มีกฎในใจว่า อะไรทำเสร็จภายในครึ่งชั่วโมงให้ทำเดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องดอง งานใหญ่ๆเรามักจะห่วงกว่า แต่มันยาก มันใช้เวลา ทำงานเล็กๆ หรือแบ่งงานใหญ่ๆให้ย่อยยิบเป็นขั้นเล็กๆก่อน อะไรทำได้ก่อนก็ทำ อย่ามัวไปกังวลงานใหญ่จนงานเล็กไม่ได้ทำ มันจะกลายเป็นไม่เสร็จซักอย่าง

5. อย่างเรื่องเขียน diary มันใช้เวลาไม่มากเลย หาสมุดมาซักเล่ม ที่พกได้ตลอดเวลาก็ได้ ไปไหนว่างเมื่อไหร่ก็เขียน เขียนทีละประโยค 2 ประโยคก็ได้ มีช่วงนึงพี่จะเขียนเก็บว่า "วันนี้ได้เรียนอะไรใหม่ ที่ไม่เคยรู้บ้าง" เอาแม่งทุกอย่างเลย ได้กินอะไรที่ไม่เคยกิน ได้เจอคนแบบที่ไม่เคยเจอ ได้ดูหนังแล้วรู้จักอะไรใหม่ๆ เอาหมด แต่นี้ก็เขียนได้แล้ว แล้วไม่ต้องกลัวไม่สวย การเขียนอะไรเละๆ เยอะๆ แต่เขียนเต็มหน้าก็ดู art ไปอีกแบบ

6. ส่วนเรื่องการทำสิ่งที่คิดว่าไม่ใช่ตัวเองอยู่นั้น พี่ว่าน้องลองเขียน diary สะท้องความรู้สึก ความคิดและ idea ตัวเองเรื่อยๆแล้วน้องจะเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆว่าตกลงจะเอายังไงดี เราต้องนิ่งก่อน เห็นภาพให้ชัด แล้วถึงจะตัดสินใจได้ น้องเป็นคนที่คุยกับตัวเองบ่อยอยู่แล้ว พี่เชื่อ แต่ให้ลองเขียนดู แล้วการเขียนจะทำให้น้องคิดอะไรออก ตกผลึกได้อีกเยอะเลย : )

7. พี่แนะนำให้ดูหนังเรื่อง....Finding Foresster ดูไปรึยัง? ที่ Sean Connery เล่น

 

thank of anythink ขอบคุณมากคับที่ช่วยตอบปัญหาผม

เรียกพี่ได้ช่ายไหมคับ อาจารย์ อายุ 34 ปี ผมอายุ 20 ปี น่าจะเรียกได้ เรียกอาจารย์แล้วทำให้พี่ดูแก่ขึ้น

ขอบคุณอีกครั้งนะคับ พอเห็นวิธีการตอบปัญหาของพี่แล้ว มีปัญหาอีกมากมายเลยที่อยากจะถาม

ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่ถ้าไปถามคนอื่นแล้วจะไม่ได้รับคำตอบ เป็นปัญหาที่ทุกคนเจอและแก้ไขไม่ได้

แต่ไม่มีใครสนใจ แต่มีบางคนเท่านั้นที่คิดว่ามานเป็นเรื่องใหญ่ที่จำเป็นสำหรับชีวิต เพราะมานเป็นปัญหาในเชิงความคิด ทัศนคติ และการใช้ชีวิต

พี่คิดถูกแล้วคับ ผมคุยกะตัวเองบ่อยคับเกือบทุกครั้งที่ต้องทำอะไรก็ต้องคุยกับตัวเองว่าจะทำยังไงและก็บางครั้งหาบทสรุปไม่ได้จึงปล่อยเป็นไปตามน้ำ นี่น่าจะเป็นปัญหาที่ทำให้ผมเริ่มทำอะไรได้ยาก และไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร แต่ทุกๆปัญหามีทางออกถ้าคุณ

เริ่มแก้ปัญหา มันก็ต้องมีสักวันที่มันจะแก้ได้ แต่ขอเน้นคุณต้องเริ่ม ผมต้องเริ่มก่อน

ส่วนเรื่องความคิดหรือทัศนคติ ที่แต่ละคนมีนั้น เห็นด้วยเลยคับ พี่ตอบได้ดีมากก ความแตกต่าง ไม่ใช้ แตกแยก ความหลากหลาย ทำให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น และทำให้โลกนี้สวยงาม แต่ผมอยู่ทามกลางคนที่คิดและคุยกันคนละภาษา และหาที่ที่คนคิดและคุยภาษาเดียวกันยาก ผมเจอพี่ และเจออีกไม่กี่คน

เรื่องเขียนไดอะรี่ ผมจะลองทำดูนะคับเริ่มจากเขียนทุกอย่างที่อยากเขียน นะคับ

พ่อแม่ผมก็คล้ายกับของพี่แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ผมมักจะชอบทำอะไรที่คิดว่ายาก หรือต้องใช้เวลาก่อนเสมอ เหมือนมันท้าทาย และถ้าเราทำของยากได้ของง่ายจะเป็นอะไรที่...........

เรื่อง Finding Foresster ที่พี่แนะนำดีมากเลย พี่รู้ได้ไงว่าผมเป็นแบบชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบคนมาก ชอบความสงบ แต่ผมก็ยังไม่ได้ดู กำลังหาอยู่คับ พีเป็นแบบนี้ด้วยหรือป่าว ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบคนมาก ชอบความสงบ แต่ผมว่าไม่น่าใช้ หมอฟันน่าจะมีสังคมที่กว้าง ชอบพบปะผู้คน และด้วยการเป็นอาจารย์ คงต้องเป็นการบังคับให้ชอบการสื่อสารกับผู้อื่นไปในตัว

อีกไม่นาน ถ้าสิ่งที่ผมหวังเป็นจริง ผมคงมีเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่งในชีวิตมาถามพี่ และพี่ตอบได้แน่นอน

เพราะพี่ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งนี้มาทั้งชีวิต

สุดท้ายของครั้งนี้อยากถามถึงทัศนคติต่อการดำเนินชีวิตของพี่หน่อยคับ

ทำงานเพื่อ ตัวเอง อยู่ให้สบาย สงบ ใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำในสิ่งที่อยากทำ อยู่กับคนที่เรารัก

ทำในสิ่งที่มีความสุขอยู่ในที่ที่มีความสุข

กับ

มีความสามารถ ทำงานเพื่อ ผู้อื่น ชีวิตก็มีความสุข บางครั้งไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ บางครั้งก็ไม่มีความสุข บางครั้งต้องพบกับคนที่เราไม่ชอบ แต่ก็อยู่ได้

พี่ว่าแบบไหนดีกว่า

ขอโทษที่เหมือนจะถามเรื่องที่..........

เอาง่ายๆ คืออยากถามว่าชีวิตในความคิดของพี่แล้วคิดว่าจะเดินไปในแนวไหน ผมสับสนว่าเราทำเพื่อตัวเองแล้วมันผิดด้วยหรอ

แต่การทำเพื่อ ผู้อื่นก็จำเป็น

ผมทำทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความสุขของตัวเอง สิ่งที่เลือกทำได้ เพราะบางสิ่งเราเลือกไม่ได้ แต่ความสุขของผมมาจากการที่คนรอบข้างมีความสุข แต่เมื่อถึงจุดต่าง เมื่อความสุขของคนรอบข้าง กับความสุขของเรามันเดินสวนทางกันเราจะเลือกอย่างไรดี

ครั้งนี้คงจบเท่านี้ ขอบคุณมากคับ

[email protected] เมล์ผมคับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท