- นิวรณ์ น. สิ่งห้ามกันจิตไว้มิให้บรรลุความดี มี ๕ ประการ คือ ความพอใจ รักใคร่ ๑ ความพยาบาท ๑ ความง่วงเหงาหาวนอน ๑ ความฟุ้งซ่าน รําคาญ ๑ ความลังเลใจ ๑. (ป.).
- อาวรณ์ [วอน] ก. ห่วงใย, อาลัย, คิดกังวลถึง, นิยมใช้เข้าคู่กับคำ อาลัย เป็น อาลัยอาวรณ์. น. เครื่องกั้น, เครื่องกําบัง. (ป., ส.).
น้ามัทลองตอบต่อนะคะ น้องภูคิดถึง (อาวรณ์) และอยากอยู่กับคนที่เรารักอยากให้อยู่ใกล้ๆ การทำงานของจิตเลยทำให้เกิดมโนภาพ (ภาพในใจ) โดยการใช้สัญญา (คือการจำได้) ว่าความรู้สึกเวลาที่เค้าอยู่ใกล้ๆเป็นอย่างไร เอามันมาเป็นข้อมูลป้อนให้จิตและกายทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามีคนนั้นอยู่ใกล้ๆ
อาวรณ์ก็เลยกลายเป็นนิวรณ์ไปซะเพราะว่าการที่เราหลอนว่ามีคนที่คิดถึงอยู่ใกล้ๆนี้มันก็ยังเป็นการยึดติดอย่างหนึ่งใช่มั้ยเอ่ย เป็นนิวรณ์แบบกามฉันทะ (ความพอใจรักใคร่ในอารมณ์ที่ชอบใจมีรูปเป็นต้น) นั่นเอง
เราควรมองให้เห็นว่า.... การจากกันกับสิ่งที่รักเป็น "เรื่องธรรมดา" เป็นอนิจจัง ไม่แน่นอน : )
ความรักเป็นสิ่งที่งดงาม ความกตัญญูยิ่งงดงาม แต่ก็ต้องรักให้ครบพรหมวิหาร 4 แบบ และ กตัญญูแบบที่ไม่ไปเป็นเจ้าเข้าเจ้าของของคนที่เรารัก คือ รักแบบไม่มีข้อแม้นั่นเอง
ทีนี้้อาจมีคนถามว่า อ้าว แล้วจะต้องห้ามไม่ให้คิดถึงเลยเหรอ พระท่านตอบว่า .. เปล่า...คิดถึงได้ หลอนได้ แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น เราส่งใจออกไปโหยหาถึงคนที่เราคิดถึง เราควรมีสติ "มองกลับมาในใจ"ตัวเองแล้วก็มีสติ "รู้" ว่าเรากำลังรู้สึกแบบนี้อยู่ เท่านี้ก็เป็นการฝึกที่เยี่ยมแล้วจ้า
คือวันๆนึงเราส่งใจส่งจิตออกนอกตัวไปหาสิ่งโน้นสิ่งนี้มาก ขอให้น้อมกลับเข้ามาหาด้านในบ่อยๆ ยิ่งบ่อยยิ่งดี ก็เหมือนมีสติตลอดว่าเรารู้สึกอย่างไร มีอะไรมาเป็นตัวกระตุ้น
น้ามัทเชื่อว่าน้องภูเข้าใจสิ่งที่น้ามัทเขียน ถ้าไม่เข้าใจหมดในตอนนี้ก็ไม่เป็นไร (เพราะน้ามัทเพิ่งมาเข้าใจตอนโตแล้วนี่เอง!) ให้จำไว้นำกลับมาไตร่ตรองเรื่อยๆจ้า ให้มันแว๊ปเข้ามาให้หัวปีละหนสองคนในช่วงที่ภูกำลังจะโตเป็นวัยรุ่นนี้ น้ามัทก็ดีใจแทนพ่อแม่น้องภูแล้ว : )