- เสริมพลัง ปลุกสำนึก-จิตวิญญาณ ของคนในสายวิชาชีพครู คือนักศึกษาที่นั่งอยู่เบื้องหน้าผมทุกคน (+เพื่อนอาจารย์ที่นั่งฟังอยู่ด้วย โดยเจตนาของผู้พูด)
- ปลุกวิญญาณ "ราชภัฏ" ในฐานะ "คนของพระราชา - ข้าของแผ่นดิน" โดยเน้นไปที่เครื่องหมาย คือดวงตราประจำพระองค์ ที่พระราชทานมาให้ใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของสถาบันพร้อมกับชื่อพระราชทาน นาม "ราชภัฏ" ที่มีติดตัวนักศึกษาทุกคน
- ต่อท้ายด้วยเรื่องบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการชี้ชวนให้นักศึกษามาสนใจสร้าง Blog เพื่อขยายเครือข่ายการเรียนรู้ และสร้าง Portfolio แบบ Online 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
แล้วผมก็ได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็มๆ ทำตามที่คิด โดยในช่วง เสริมพลัง ปลุกวิญญาณ นั้น ผมมีภาพ Slide จาก Powerpoint ของเดิมๆมาประกอบการพูดด้วยจำนวนหนึ่ง ผมอินมากกับเรื่องที่พูด จึงพูดโดยไม่มีโพย ไม่มีกระดาษโน้ตอะไรติดมือขึ้นไปแม้แต่ชิ้นเดียว ดูปฏิกิริยาคนฟังทั้งนักศึกษาและอาจารย์แล้ว ผมรู้ตัวว่าสอบผ่าน และผ่านชนิดเหนือความคาดหมายด้วย ถ้าจะว่าทุกคำพูดผมจำไม่ได้ แต่ Flow ของมันเป็นดังนี้ครับ
* วิกฤตการณ์มากมาย เหมือนดั่งไฟเผาโลก และสังคมอยู่ในปัจจุบัน
* การศึกษา - การเรียนรู้ที่ถูกต้อง คือเครื่องมือวิเศษที่จะช่วยพลิกฟื้นโลกให้น่าอยู่ มีสันติสุขส่วนบุคคล และสันติภาพของสังคมเกิดขึ้นอย่างแท้จริงและยั่งยืนได้
* การศึกษา เพื่อไต่เต้าชนชั้นทางสังคม แก่งแย่งชิงดีกันตั้งแต่ในห้องเรียนอนุบาล จนถึงอุดมศึกษา ก่อนที่จะจบ ออกมาเบียดเบียนกันต่ออย่างถูกต้องในสังคม โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ น่าจะพอกันได้แล้ว
* ครู คือผู้ที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะทำการเปลี่ยนแปลงโลก เพราะอาชีพของพวกเราคือ " ยกระดับวิญญาณมนุษย์ ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน ครูคือผู้สร้างสมอุดมการณ์ มีดวงมานเพื่อปวงชน ใช่ตนเอง " .. (กลอน อมตะ ของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
* นักวิทยาศาสตร์ดี 1 คน กับ ครูดี 1 คน ใครกันที่มีโอกาสทำงานยิ่งใหญ่ดังกล่าวได้มากกว่า .. จึงไม่ควร ท้อ หรือ หงอ พอมีคนบอกว่าพวก คบ. อ่อนด้อย กว่า ของใหม่ และขอให้มั่นใจว่าไม่มีศาสตร์ใด เป็นเทวดา แท้จริงอยู่ที่ว่าเรารู้จัก ผสม ศาสตร์-ศิลป์-กุศล ให้ลงตัว พอเหมาะ พอดี ไม่ขาด ไม่เกิน แล้วนำมาใช้ทำหน้าที่การงานให้สำเร็จด้วยดี ขอย้ำ คิดเลขเก่ง สมองไว ไม่ใช่เครื่องบ่งบอกคุณค่าในตัวคน เก่งมากแต่ขาดคุณธรรม จริยธรรม หาแผ่นดินอยู่แทบไม่ได้ก็มีให้เห็นกันอยู่
* หมอ เป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่ ช่วยให้คนรอดพ้นความตาย มีชีวิตหายใจอยู่ได้ .. แต่โจรเข้าโรงพยาบาล กลับออกมาก็คงมีวิญญาณโจรอยู่นั่นเอง แต่ครูรักษาได้มากและลึกซึ้งกว่านั้น
* คำยั่วยุจากโลกตะวันตกมีมากมาย ชักชวนให้เราแข่งขัน โดยมีคำสำคัญที่แสนกระจอก เช่น .. prosper .. rich .. make more money .. win .. winner ฯลฯ โดยละทิ้งเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้อยู่ในภาวะของ .. loser .. poor .. poverty .. no money .. ฯลฯ
* แล้วผมก็นำเสนอภาพในหลวงด้วยเครื่องทรงเต็มยศ เพื่อบ่งบอกสถานะสูงสุด พร้อมกับถามให้คิดว่า ท่านประสูติ และทรงใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน แวดล้อมด้วยความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุและเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่แทนที่จะเสวยสุขอยู่ในรั้วในวัง ด้วยการเสพ บริโภค วัตถุส่วนเกินของโลกยุคใหม่ กลับกลายเป็นว่าภาพที่หาง่ายและพบเห็นทั่วไปคือภาพพระองค์ทรงงานอยู่กลางดิน ในทุ่งนา ป่าเขา
.. (ใช้ภาพประกอบหลายภาพ รวมทั้งภาพที่ทรงนั่งพับเพียบกลางดิน สนทนากับชาวบ้าน ขณะทรงบันทึกข้อมูลไปด้วย)
* นักศึกษาคงไม่เคยทราบ แต่ผมจะพูดให้ฟังจากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บางท่านว่า
- ชื่อเดิมที่ขอพระราชทานขึ้นไปคือ "ราชพัฒนา" แต่พอพระราชทานลงมาทรงเปลี่ยนเป็น "ราชภัฏ" แปลว่า คนของพระราชา หรือ คนที่พระราชาชุบเลี้ยง .. คือ ลูก นั่นเอง
- ดวงตราที่พระราชทานลงมา คือตราประจำพระองค์เอง ... ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ว่ามีพระมหากษัตริย์พระองค์ใด พระราชทานตราประจำพระองค์ ให้เป็นตราสัญลักษณ์ของสถาบันการศึกษา นอกจากคราวนี้ .. แถมยังมีเรื่องเล่าว่าทรงสนพระทัย ทรงเห็นแม้กระทั่งความผิดพลาดที่คนราชภัฏทำไปโดยไม่เข้าใจ นั่นคือมีการดัดแปลงดวงตราให้มีริ้วเพลิง เป็น 36 ริ้ว เท่ากับจำนวน ราชภัฏที่มีอยู่ 36 แห่งในขณะนั้น .. กลับขึ้นไป ทรงทักท้วงว่า " ของฉันมัน 32 " ก็ต้องแก้กลับตามนั้น .. ทราบมาว่า 32 คือ ลักษณะ 32 ประการของมหาบุรุษ .. ผมบอกนักศึกษา และอาจารย์ที่อยู่ตรงนั้นว่า ผมคิดเองว่าท่านคงเห็นว่า ไม่มีสถาบันอุดมศึกษาใด จะครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ ทั่วแผ่นดินไทยเหมือน ราชภัฏ .. จึงทรงให้เป็น ลูก หรือ คน ของพระองค์ .. คำถามก็คือ เรา ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ ทำอะไรกันบ้างแล้วหรือยัง และควรจะทำอย่างไรต่อไป ให้สมกับเกียรติ และศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ ที่ได้รับพระราชทานมา .. พ่อเป็นแบบอย่าง ทำให้ดู และเหนื่อยมามากแล้ว .. มาเดินตามรอยเท้าพ่อกันเถอะ อย่าหลงไปไหนอีกเลย .. โลกกำลังหันมาหาเส้นทางนั้น .. ทางแห่งความรอด .. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นตัวอย่าง. ฯลฯ
เมื่อผมลงจากเวที นอกจากนักศึกษาจะแสดงสีหน้าอิ่มใจ ยินดีแล้ว เหล่าอาจารยที่นั่งอยู่ก็บอกว่าพูดดีมาก .. อยากให้พูดกับนักศึกษากลุ่มอื่นๆทั้งหมดด้วย .. อ.ติ๊ก วิลาวัณย์ ถึงกับบอกว่า " ได้ยินเขาว่าอาจารย์พูดเก่ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะพูดได้ดีขนาดนี้ "
การคุยโม้ของผมก็จบลง .. แต่หวังว่าคงไม่มีใครเอียน ถึงกับอ้วกนะครับ .. ถ้าจะอ้วกก็เช็ดเองก็แล้วกัน ส่วนผมยังอยู่สบายดีกับคาถา "ถูกต้อง - พอใจ" ที่ท่านอาจารย์พุทธทาสให้ไว้ เพื่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน