สวัสดียามเช้าครับ
เมื่อวานก่อนออกเดินทางผมเล่าอะไรบางอย่างไว้บ้างแล้วในบันทึกชื่อ เตรียมตัว เตรียมใจ ไปไชยา และผมก็ได้นั่งรถไฟมาจนไกล้ถึงอำเภอไชยา สุราษฎร์ธานี อันเป็นจุดหมายสำคัญในอีกไม่เกิน 2 ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว
ผมเพิ่งย้ายที่นั่งจาก #40 คันที่ 5 มายัง # 40 คันที่ 4 หลังผ่านสถานีชุมพรมาได้สัก 10 นาที เป็นเรื่องบังเอิญที่ที่นั่งว่างในตู้ใหม่เกิดไปเป็นเลข 40 เหมือนกับที่นั่งเดิมครับ เหตุที่ต้องย้ายเพราะพบว่ารถคันที่ 4 มีไฟฟ้า 220 โวลต์ ในขณะที่คันที่ 5 มี ปลั๊กแต่ไม่มีไฟ ถามเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าตู้นั้นมันเก่าแล้ว ที่ต้องทิ้งพี่ชายให้นั่งคนเดียวก็เพราะเจ้า โน้ตบุ้คเขาออกอาการหมดแรง คือแบตฯกำลังจะหมดครับ อยากเขียนอะไรสักเล็กน้อย รับอรุณ ก่อนถึงบ้านจึงหอบเจ้า Acer Aspire 2920Z มานั่งที่ใหม่เพื่อใช้ไฟเลี้ยงเครื่องครับ
ผมไม่ได้นั่งรถ Sprinter มานานแล้ว พบว่ามีอะไรเปลี่ยนไปหลายอย่างเช่น มีการเสริฟอาหารว่างทั้งตอนค่ำ และตอนเช้า ส่วนที่เคยวิ่งยาวโดยจอดเพียง 3-4 สถานีตลอดทางก่อนถึงไชยา ก็เปลี่ยนเป็นมาจอดรับผู้โดยสารนับสิบสถานี เรื่องนี้ต้องยกความดีให้ท่านพี่ชาย นาย Augustman ที่ Print รายการจาก Internet ออกมาดู และคอยเช็คเวลาจริง กับเวลาที่ระบุในตารางว่ารถจะถึงสถานีไหน เวลาใด ซึ่งก็มักจะช้ากว่าที่ระบุเสมอ แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นปัญหาอะไร
การเดินทางเมื่อวานนี้พี่เขานั่งรถจากศรีราชามาลงเอกมัยตอนหัวค่ำ เพื่อพบกับลูกสาวด้วยมีภารกิจบางอย่างที่ต้องทำเล็กน้อย และไปขึ้นรถที่หัวลำโพง ส่วนผมนั้นพยายามเคลียร์งานที่จำเป็นต้องเร่งทำให้เสร็จอยู่ที่บ้าน ว่าไปจน 3 ทุ่มครึ่งจึงได้จัดกระเป๋าเตรียมเดินทาง นั่ง Taxi ออกจากบ้านราว 4 ทุ่มครึ่ง เพื่อมาขึ้นรถใต้ดินไปสถานีบางซื่อ ความจริงจากจันทรเกษม สถานีลาดพร้าวที่อยู่แถวแยกรัชดา-ลาดพร้าวจะใกล้ที่สุด แต่ผมให้รถข้ามสะพานทางแยกไปแล้วชิดซ้ายเพื่อขึ้นรถที่สถานีรัชดาภิเษก เพราะจะเร็วกว่ารอรถติดไฟแดงเพื่อเลี้ยวไปขึ้นที่สถานีลาดพร้าว .. เวลาจำกัดก็ต้องไม่ประมาทไว้ก่อนครับ
ที่สถานีบางซื่อมีระยะทางเดินจากรถใต้ดินถึงทางขึ้นยาวที่สุดเท่าที่เคยเจอตามสถานีรถใต้ดินของ กทม. เดินไปจนถึงสถานีรถไฟก็ 5 ทุ่มตรงพอดี มีเวลาอีกกว่า 10 นาที เพราะเวลาตามที่ระบุในตั๋ว รถจะเข้าบางซื่อ 23.12 น. ทุกอย่างไม่มีปัญหา ก้าวขึ้นมาก็เห็นพี่ชายยืนโบกมือเรียกให้ไปยังที่นั่ง 39-40 ซึ่งอยู่แถวหน้าสุดของตู้ 5 หยิบหนังสือธรรมะ 5 เล่มที่เลือกซื้อมาให้พี่ช่วยดูเพื่อพิจารณาเลือก ก็ดูจะได้คำตอบคร่าวๆแล้วว่าควรจะเป็นเล่มใด แล้วผมก็เข้า Blog เพื่อติดตามตอบความเห็นของญาติๆที่เข้ามาทักทายในบันทึกล่าสุด อ่านอะไรเล็กๆน้อยๆก็ง่วงมากเลยปิดเครื่องและหลับไปจนมาตื่นเอาใกล้ตี 5 คิดทบทวนเรื่องของตัวเอง กับแม่ ว่าเช้าวันนี้เมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว แม่ได้ให้กำเนิดชีวิตผมมา และเลี้ยงดู เอาใจใส่อย่างดีมาโดยตลอด เหนื่อยยากเท่าไรไม่เคยบ่น แม่มีแต่ให้ ให้ และ ให้เรื่อยมา รายละเอียดปลีกย่อยอันเป็นสิ่งที่แม่ปฏิบัติต่อผม ไม่ว่ายามปกติ หรือเจ็บป่วย ไม่สบาย ปรากฏชัดเจน มีโอกาสคงได้ทะยอยนำมาบอกกล่าวกันว่าภาพความจริงเหล่านั้นได้แก่อะไรบ้าง
จากการพูดคุยโทรศัพท์กับพี่สาว และหลานชาย ทราบว่าแม่ไม่ทานอะไรมาหลายวันแล้ว และพี่บอกว่า คงไม่ถอยหลังแล้ว แต่แม่ก็ยังมีสติ แม้กระทั่งพอบอกว่าผมกับพี่ชายกำลังเดินทางมาหา แม่ยังบอกว่ามาทำไมอีกล่ะ ก็เพิ่งกลับไปมิใช่หรือ วันนี้ผมเชื่อว่าคงยังจะคุยกับแม่ได้อีก แม้แม่จะอ่อนล้าไปมากแล้ว ส่วนอะไรจะเกิด จะเป็นไปอย่างไรตามธรรมชาติ ทั้งผมและแม่ต่างยอมรับมันแล้ว .. พร้อมที่จะ "เช่นนั้นเอง" กับมันอย่างดีที่สุด
พบกันในบันทึกหน้าครับ ... อีกไม่กี่นาทีรถจะเข้าสถานีไชยา พี่ชายและหลานต่างโทรมาว่าพร้อมที่จะรับพวกเราไปพบแม่เช้านี้แล้ว
สวัสดีครับ
มันเป็นเช่นนี้ กันทุกคน
ตามมาติดๆ จะลงสถานีใจ ไปด้วย อยู่ข้างๆ มิห่างหาย
ขอบคุณมากครับ คุณน้อง พิชชา .. อยู่กับแม่แล้วครับ .. ทุกอย่างราบรื่น อบอุ่น เช่นเคย .. เราอยู่กันด้วยความรักครับ
ขอบพระคุณท่าน ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
ติดตามข่าวคราวอาจารย์ ติด ๆ ชอบคนรักแม่ค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์