คิดถึงท่านอาจารย์ (อีกแล้ว)


ยังสามารถทำงานสร้างสรรค์ประโยชน์แก่โลกได้ แทนที่จะไปโง่ ไปบ้า "ฆ่าคนตาย" หรือ "ฆ่าตัวตาย"

    ผมกลับไปอยู่ ไชยา มาตั้งแต่ต้นเดือนเมษาที่ผ่านมา  Say Goodbye กับชีวิตในเมืองอันแสนวุ่นวายอย่าง กทม. ที่ผมฝังตัวทนอยู่มากว่า 30 ปี

   ขอบคุณวิกฤติการณ์อันแสนเลวร้ายในชีวิตที่เป็นเสมือนข้อทดสอบ เพื่อตัดสินว่าผมสอบผ่านหรือไม่ในเรื่องของการนำธรรมะของท่านอาจารย์พุทธทาสมาใช้จัดการกับชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของจิตใจ แล้วผมก็ตอบได้แบบดังๆและไม่อายใครว่าผมสอบผ่านครับ

   สิ่งที่ไม่คาดคิดหลายอย่างเกิดขึ้นเมื่อผมกลับไปใช้ชีวิตใหม่ในบ้านเกิด เพราะผู้คนรู้จักเราเป็นอย่างดีว่าทำอะไรมาบ้าง มีประสบการณ์ด้านใด อย่างไร จึงมีเรื่องให้คิด ให้ทำ ให้ช่วยหลากหลายมาก  กลายเป็น "โจทย์วิจัย" รายวันไปก็ไม่น้อย แล้วคนอย่างเรามันเป็นโรค "ทนไม่ได้กับความไม่รู้" เสียด้วย  ก็เลยยุ่งยิ่งกว่าอยู่กรุงเทพฯเสียอีก

   สิ่งที่คิด อยากทำ หลายอย่างจึงต้องระงับ ชะลอ หรือเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด  เพราะมีสิ่งที่ ควรทำ มาแทรกมากเหลือเกิน อย่างน้อยสองเรื่องที่รู้สึกเสียดายที่ยังไม่ได้เริ่มคือการ ปลูกข้าวกินเอง และ การไปช่วยงานสวนโมกข์

   ขับรถผ่านหน้าสวนโมกข์แทบทุกวัน ไปสอนที่มรภ.สุราษฎร์บ้าง  ไปทำภารกิจส่วนตัวที่บ้านดอนบ้าง เกิดความรู้สึกตำหนิตัวเองในใจ คล้ายๆเป็นคนอกตัญญู  ที่เลือกเรื่องอื่นมาทำก่อน แต่ก็คิดอีกที  ถ้าท่านอาจารย์ล่วงรู้ด้วยญาณใดๆว่าผมไปทำอะไร กับใคร อย่างไร ด้วยเจตจำนงใด ที่ม.ราชภัฏสุราษฎร์ธานีในตอนนี้  ท่านคงยิ้มและเอ่ยคำว่า "ดีแล้ว ถูกต้อง พอใจ" เป็นแน่

   
     พูดถึงท่านอาจารย์พุทธทาส ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณท่านมากเหลือเกิน เพราะได้ไปช่วยงานที่สวนโมกข์มาแต่ยังเป็นนักเรียนประถมปลาย ได้ยินได้ฟัง ได้อ่าน ได้เถียงในใจแบบเด็กๆ และได้ค้นพบภายหลังว่าเราโง่อย่างไร  ที่สำคัญได้ใกล้ชิดท่านอีกครั้งช่วงไปบวชและจำพรรษา และถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าพระใหม่ที่นั่นเมื่อปี 31

    วิกฤติในชีวิตผมนั้นเลวร้ายยิ่งนัก ในสายตาผู้คน (ไม่เชื่อให้ถามท่าน อัยการชาวเกาะ ดู เพราะท่านรับรู้อย่างน้อยก็ 50 %) แต่การซึมซับสติปัญญาจากท่านอาจารย์พุทธทาสมายาวนาน ทำให้ผมปลอดภัยในทุกสถานการณ์ “เช่นนั้นเอง" ได้กับแทบทุกเรื่อง และไม่โง่จนปล่อยให้โลกมันทับและบีบคั้นตัวเรามากนัก สามารถมี “ชีวิตที่ไม่กัดเจ้าของ” ได้พอประมาณ

   ขอบคุณ สวนโมกข์ อีกครั้งครับ และกราบในใจงามๆ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาส ที่คำสอนของท่านช่วยให้ผมอยู่รอดปลอดภัย  ยังสามารถทำงานสร้างสรรค์ประโยชน์แก่โลกได้ แทนที่จะไปโง่ ไปบ้า "ฆ่าคนตาย" หรือ "ฆ่าตัวตาย"

 

  

    

หมายเลขบันทึก: 368576เขียนเมื่อ 23 มิถุนายน 2010 05:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีค่ะ

ตอนแรกก็งง ๆ นะคะที่อาจารย์กลับไปสอนที่สุราษฏร์ เห็นหน้าประวัติยังอยู่ที่ กทม. ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ

สินเดือนกันยายนนี้ครูคิมก็คงจะขอถอนตัวออกมาเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ คนหนึ่งแล้วค่ะ  อยากจะออกมาทำอะไรก็ได้ค่ะ

เดือนตุลาคม นัดหมายกับพี่น้องชาวใต้ว่าจะมาเยี่ยม อาจจะแวะมาเยี่ยมครอบครัวของอาจารย์ด้วย หากมีโอกาส

วันนี้แวะมาขอความกรุณาจากอาจารย์ค่ะจำหน่ายเสื้อ "ค่ายจิตอาสา GotoKnow" เพื่อจัดหาทุนสร้างค่าย

ขอเสดงความยินดีด้วยนะครับ

การที่อาจารย์ได้กลับมาอยู่ หนูถือเป็นโชคดีของตัวเอง ที่ได้มีโอกาสได้รู้จักอาจารย์ เพราะสิ่งที่ได้เรียนรู้จากอาจารย์มันมากกว่าวิชาที่เรียน.......

อาจารย์คะ ว่าง ๆ ขอไปดูนาข้าวของอาจารย์หน่อยนะคะ อยากทราบวิธีคะ อยากจะปลูกกินเองด้วยคะ

ใกล้หาดใหญ่มากขึ้น

น่าจะมีโอกาสเชิญอาจารย์มาให้ความรู้ แลกเปลี่ยนสังสรรค์บ้างนะครับ

สวัสดีครับ

ขออภัยที่เข้ามาตอบช้าไปหน่อย

  • น้อง ครูคิม .. ขอบคุณครับ จองเสื้อ 2 ตัว มีเวลาจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มและโอนเงินไปให้ครับ
  • คุณ พีธากร พิพัฒวรางกุล .. ขอบคุณครับ
  • คุณ กีรติ์พร เพ็ชรกรด .. ขอบคุณครับ นาไม่มีแล้ว เขาเอาไปทำสวนปาล์ม สวนยางกันหมด ทุ่งนาที่เคยวิ่งเล่นเหลือแค่ภาพในฝัน  แต่ตั้งใจว่าจะลองปลูก "ข้าวไร่" ระหว่างต้นปาล์มดู เมื่อมีเวลา
  • ท่าน อาจารย์หมอ Phoenix .. ขอบพระคุณครับ .. มีเวลาผ่านไปทางหาดใหญ่ จะต้องไปคารวะให้ได้ครับ ญาติ มอ.ค่อนข้างเยอะอยู่ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท