อย่าให้ "คะแนน" ต้องกลายเป็น "มารร้ายของการเรียนรู้"


ส่วนได้เรียนรู้อะไร มีประโยชน์ มีคุณค่าต่อชีวิตอย่างไรนั้น มักไม่มีใครถามถึง เพราะได้ถึงเป้าหมายสูงสุดของการเรียนไปแล้ว คือ คะแนน หรือ เกรด นั่นเอง

    ผมตื่นมาตีสามกว่าๆ กะว่าจะเข้าไปสำรวจ ดูแลงานขีดเขียนของนักศึกษาที่ไปสอนมาเมื่อสัปดาห์ก่อน และเข้าไปทักทาย บอกกล่าวเรื่องที่น่าจะเติมเต็มให้กัน ก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านในระยะทางประมาณ 70 กม. เพื่อไปสอนนักศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งในวันนี้  แต่แล้วก็มีอันให้ต้องสะดุดหยุดลง ไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจเนื่องจากไปเจอบันทึกใน Blog ของนักศึกษาท่านหนึ่งซึ่ง มีอาชีพเป็นครู และเรียนจบจากสถาบันชื่อดังจาก กทม.เสียด้วย  เขากระทำการอันกระทบกระเทือนจิตใจผมค่อนข้างมากทีเดียวครับ ที่รู้สึกมากกว่าปกตินั้นเพราะเขาไม่ใช่นักศึกษาธรรมดา แต่เป็น ครู ที่มาเรียนต่อในหลักสูตร ป.บัณฑิตวิชาชีพครู ครับ

   ผมไม่มีเจตนาร้ายต่อตัวลูกศิษย์ มีความรัก เมตตา ปรารถนาดีให้เต็มเปี่ยมเสมอครับ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทรมานสังขารตัวเองขับรถและเดินทางไกลๆไปสอนทั้งที่สุราษฎร์ ชุมพร และกระบี่โดยไม่เคยถามถึงค่าตอบแทนหรอกครับ 

   สิ่งที่จะบอกกล่าวในบันทึกนี้ที่จะว่ากันต่อไปนั้น ผมทำไปด้วยเจตนา ชี้ทางสว่าง หรืออีกนัยหนึ่งคือการพยายามดึงคนที่ผมรักออกมาเสียให้ไกลๆจากปากเหวแห่งความเสื่อมเท่านั้นครับ  จึงจะไม่อ้างอิงชื่อบุคคล หรือนำเสนอสาระละเอียดของสิ่งที่พบ แม้จะบันทึกหลักฐานทั้งหมดไว้แล้วก็ตาม เพราะเราอยากสร้าง ไม่ได้อยากทำลายครับ

   ทุกตัวอักษรในบันทึกที่ผมพบ เมื่อตรวจสอบดูแล้วปรากฏว่า เป็นการไป Copy เอาสิ่งที่บุคคลอื่นเขียนแสดงความรู้และประสบการณ์ไว้ใน Web board แห่งหนึ่งครับ โดยเอามาลงเสมือนว่าเป็นเรื่องของตัวเอง และไม่มีการอ้างอิงใดๆ และเมื่อติดตามต่อไปก็ได้พบอาการเดียวกันอีกในบันทึกอื่นของเขา ที่ผมผิดหวังก็เพราะเราได้ใช้เวลาพูดคุยกันไม่น้อยถึงสิ่งพึงปฏิบัติ และละเว้น ใน "การประยุกต์ใช้ ICT เพื่อสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ และจัดการความรู้" ตามหัวข้อที่ผมเสนอไว้ ผมได้ชี้เหตุแห่งความเจริญและความเสื่อมไว้อย่างชัดเจน แต่แล้วมันก็ยังไม่มีพลังพอที่จะเอาชนะอะไรบางอย่างได้

   อะไรบางอย่างได้แก่อะไรบ้าง  ผมมานึกๆดูแล้วน่าจะมีหลายรายการ

  • ความมักง่าย อยากได้รับผล แต่ไม่อยากออกแรงสร้างเหตุเพื่อผลอันนั้น จึงหาทางลัด และกลโกงเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เกิดความสำเร็จ
  • ความเคยชินกับความสำเร็จปลอมๆ ที่ระบบการศึกษามอบให้ อันนี้หมายถึงระบบการประเมินที่หละหลวม ที่ทำให้คนลอกเก่ง เลียนเก่ง Copy เก่ง กลายเป็นคนได้เกรดดีๆ แถมมีเกียรตินิยมมาอวดชาวบ้านได้อีกด้วย
  • การหลงผิดคิดว่าคะแนนคือเป้าหมายสูงสุดของการเรียน ข้อนี้นับว่าเป็นโรคร้ายที่ไม่ค่อยเห็นใครคิดเยียวยารักษา

    จากสิ่งที่พบทำให้ผมรู้สึกว่าจะต้องปรับปรุงคำบอกกล่าวที่ไปทักทายนักศึกษาในบันทึกแรกๆของพวกเขาเสียแล้ว และผมก็ได้ปรุงขึ้นมาชุดหนึ่งดังนี้

"

    สวัสดีครับ

■  มายินดีต้อนรับสู่โลกแห่งการเรียนรู้ นามย่อว่า G2K ครับ
■  พื้นที่ตรงนี้จะมีพลัง บันดาลอะไรได้มากมาย หากเราตั้งใจและใช้มันอย่างถูกต้อง ไม่เชื่อให้ลองติดตามอ่านเรื่องที่ชอบ ตามแนวทางที่สนใจของใครต่อใครดูได้ครับ
■  การไปทักทาย ต่อยอดความรู้ความคิดกับ "ญาติๆ" เหล่านั้นด้วย มิตรภาพอยู่สม่ำเสมอ ก็จะยิ่งทำให้เครือข่ายเหนียวแน่นและขยายวงกว้างยิ่งขึ้น
■  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็จะยิ่งขยายวงกว้างออกไปไม่สิ้นสุดครับ
■  สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความสุจริต ความจริงใจและให้เกียรติผู้อื่น เช่นมีการอ้างอิงเสมอเมื่อนำข้อมูลจากแหล่งใดมาเผยแพร่
■  เราต้องจะไม่ "ชุบมือเปิบ" เช่นไปยกข้อความอันเป็นความคิดเห็นหรือข้อเขียนของผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นอันขาด เพราะตัวอย่างของความเสื่อมเพราะเรื่องแบบนี้มีมาหลายรายแล้วครับ 
■  พึงระลึกไว้เสมอว่า ในโลกอินเตอร์เน็ต เก็บความลับได้ยากครับ   "

   

     เมื่อพูดถึงเรื่องคะแนน ผมรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา  มาถามว่าทำอย่างไรถึงจะได้คะแนนดีๆ  และบ่อยครั้งมากที่เห็นเขากุลีกุจอกันทำงานเพื่อส่งอาจารย์แบบทุ่มเทกำลังกายใจและทุนทรัพย์ชนิดไม่อั้น เพียงเพื่อ เข็นอะไรบางอย่างที่จะต้องดูดี เข้าตากรรมการ และให้เสร็จทันเวลาที่กำหนด แล้วความสุขสูงสุดก็คือการได้รู้ว่าได้คะแนนมากๆหรือ ได้เกรดดีๆ .. ส่วนได้เรียนรู้อะไร มีประโยชน์ มีคุณค่าต่อชีวิตอย่างไรนั้น มักไม่มีใครถามถึง เพราะได้ถึงเป้าหมายสูงสุดของการเรียนไปแล้ว คือ คะแนน หรือ เกรด นั่นเอง

    ช่วยกันหน่อยเถอะครับ คนละไม้คนละมือ อย่าให้ "คะแนน" ต้องกลายเป็น "มารร้ายของการเรียนรู้" เลย  สักวันหนึ่งเราอาจช่วยให้นักศึกษาเขาปลดแอกอันหนักอึ้ง และสร้างทุกข์มาให้เขายาวนานได้เสียที เขาจะได้เรียนเพื่อเข้าถึงความรู้และจัดการอย่างเหมาะสมจนเป็นความรู้ที่สามารถใช้แก้ปัญหาในชีวิตและการงานได้ ไม่ใช่ไล่คว้าความว่างเปล่าแห่งตัวเลขคือคะแนนอย่างเช่นที่เป็นมา 

  

หมายเลขบันทึก: 395372เขียนเมื่อ 18 กันยายน 2010 06:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 15:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (75)

สวัสดีค่ะ

การสอนให้คนมีความภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีและการกระทำความดีของตนเองให้มาก ๆ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับครูเช่นกันค่ะ

หน่วยงานของครูก็มีมากนะคะการคัดลอก  การแอบลอกเลียนโยเจ้าของเขาไม่อนุญาต  การยึดรูปแบบของคนอื่นมาเป็นของตนเอง  เพราะอับจนด้วยการคิดด้วยตนเอง

เมื่อวานมีการตรวจประเมินกลยุทธ์การจัดการฯ  ตรวจไปเถอะค่ะกระดาษทั้งนั้น  นำเสนอกระดาษ ที่มีตัวบ่งชี้ส่งมาให้เป็นการล่วงหน้าว่าคุณต้องทำตามนั้น 

หากโรงเรียนคิดได้ดีกว่านั้น  ก็คงไม่มีความหมายค่ะ  การนำเสนอ...ไม่มีนอกจากการตอบคำถามตามกรอบ ไม่เพราะคะแนนหรือคะ

ตอนสุดท้ายครูคิมจึงไปหยิบผลงานของเด็กมา  นำเสนอเองตั้งแต่การบริหารจัดการลงไปสู่ผลผลิตคือเด็ก ครู โรงเรียนและชุมชนค่ะ  (นอกเหนือจากตัวบ่งชี้แต่จำเป็นต้องทำค่ะ)

ขออภัยค่ะ

การแอบลอกเลียนโยเจ้าของเขาไม่อนุญาต   การแอบลอกเลียนโดยเจ้าของเขาไม่อนุญาต 

อาจเป็นเพราะเดี๋ยวนี้คนเราชอบบริโภคความรู้สำเร็จรูป

ประเภท Canned Knowledge !

อะไรคว้ามาได้ง่ายๆ ก็รีบฉวยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอื่น

ไม่ต้องดูไกลหรอกครับ..ใน G2K นี่ก็ทำเป็น Case study ได้..

G2K ก็เหมือน Knowledge Pool ...เสียแต่ว่า...

มันเป็นบ่อสำหรับคนที่รู้ คิดว่ารู้ หรือแม้แต่ลอกความรู้ มาโยนลงไป

แต่มีน้อยมากครับที่จะมาตักความรู้เหล่านี้ไปใช้

สังเกตุได้ง่ายๆครับ....

...มีแต่คน Post แต่หาคนอ่าน คน comment แทบไม่ได้เลย !

สวัสดีคะ...

ที่เป็นแบบนี่ก็น่าจะมาจากสังคมเปลี่ยนไป....ที่เน้นการยอมรับบุคคลจากผลการเรียน

ระดับการศึกษา.....สถาบันการศึกษาที่จบ

..มากกว่าความรู้ ความเข้าใจที่มีในตัวบุคคล

..จึงทำให้นักเรียน.นักศึกษา..สนใจคะแนน...ระดับเกรดเฉลี่ยที่ได้รับ

มากกว่าความรู้หรือประสบการณ์ที่ผู้สอนถ่ายทอดให้..จึงได้ทำทุกวิถีทางที่ให้งานตัวเองออกมาดี

โดยไม่ได้คิดถึงความถูกต้องค่ะ

อาจารย์สบายดีนะครับ ;)...

ในกระบวนการสอน ณ ปัจจุบันของผมก็สอดแทรกเรื่อง "การไม่รู้จักให้เกียรติมันสมองของคนอื่น" อยู่เป็นระยะครับในทุกใบงานที่กำหนด

"คะแนน" เป็นเพียงเป้าหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่ได้คะแนนเยอะจะเป็นคนดี และไม่ใช่หมายความว่า คนที่เรียนวิชานี้ได้คะแนนดี จะเป็นคนดีหรือได้คะแนนดีในวิชาอื่น

ผมมักจะสอนเรื่อง "การส่งกระดาษคำตอบเปล่า" คือ ถ้าคุณทำข้อสอบไม่ได้ คุณก็ต้องยอมรับว่า คุณก็ไม่สมควรจะได้รับคะแนนอะไรไป ให้แสดงความนับถือตนเองและยอมรับความเป็นจริง โดยการส่งกระดาษเปล่าดีกว่าที่จะพยายามสอดส่ายสายตาในการลอกเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ หรือ คิดกระทำทุจริตมากกว่านั้น

ผมมักจะเลือก "ขุดบ่อล่อปลา" ให้งานที่นักศึกษามีโอกาสคัดลอกมาได้ แล้วหลังจากตรวจพบก็จะแจ้งให้ทราบในห้องทันที พร้อมกับบอกว่า "ไม่ถามว่าใครคือต้นฉบับ ใครคือคนลอก แต่ทั้งสองคนไม่ได้รับคะแนนทั้งคู่"

ทำให้งานต่อ ๆ มา เด็กเริ่มเข้าใจมากขึ้น

เมื่อเด็กเห็นผลสำเร็จของงานด้วยตัวของเขาเอง เขาจะเปลี่ยนนิสัยการเป็นคนขี้โกงให้น้อยลง หรือเลิกไปเลย

ผมทำได้แค่นี้ครับ เพื่อสังคมที่ดีขึ้น

บันทึกนี้มีคุณค่าสำหรับครูอย่างผมครับ ;)

เรียน ท่านพี่ นำภาพตอนหกโมงเช้ามาฝากครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ ปัจจุบันนี้นักศึกษาแต่ละคนล้วนแต่จะมุ่งเอาแต่คะแนน และเกรดดีๆ ไม่ได้มุ่งที่จะรับความรู้จากอาจารย์เลยค่ะ

อ.แฮนดี้เอ้ย ไม้แก่ดัดยาก เราปล่อยปละละเลยจนเป็นเรื่องที่น่าละอายที่สุด มันควรจะต้องยกเครื่อง สอนกันตั้งแต่ชั้นอนุบาล เรื่องเคารพตัวเอง และการให้เกียรติผู้อื่น อะไรที่ไม่ใช่ของเราไปหยิบยืมมาใช้จากที่ไหนก็ควรขอนุญาตเจ้าของ พ่อแม่สอนไว้...อิอิอิ ถ้าครูเขาลืมสอน เห็นมามากต่อมากแล้ว เจอกับตัวเองเรื่องที่เราเขียนรูปของเรา ส่งต่อๆ กันมาให้เราเฉย...55555 อนิจจังอนิจจา ระดับผู้ทรงปัญญา(นิ่ม)เขาทำกันได้

สวัสดีค่ะอาจารย์

ผมก็มีความคิดคล้าย ๆ กับอาจารย์เลยครับ ขอบคุณที่ช่วยย้ำเตือนความคิดนี้ก่อนที่จะตัดเกรดนักศึกษา

จึงอยากเรียนถามอาจารย์ว่า หากการตัดเกรดนั้น จะยึดความประพฤติ จริยธรรมเป็นหลักด้วย จะดีมั้ยครับ

เช่น นักศึกษาคนที่เรียนอ่อน ทำผลงานได้น้อย แต่มีความตั้งใจสูง ความประพฤติดี ก็จะเทคะแนนจริยธรรมให้มากกว่าเกณฑ์

ส่วนนักศึกษาอื่น ๆ ก็ให้คะแนนตามเกณฑ์ปกติ มุ่งเน้นการให้พิเศษสำหรับผู้ปฏิบัติดี

ที่ผมปฏิบัติอยู่คือการ "บริหารคะแนน"

แยกคะแนนออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ

แล้วบอกเกณฑ์การได้คะแนนแต่ละชิ้น

ที่ทำให้เกิดความเข้าใจในเบื้องต้น และการสร้างผลงานที่ตรงกับเกณฑ์ในขั้นถัดไปครับ

ขอแจมแบบคนไม่รู้เรื่อง ผิดพลาดขออภัยด้วยครับ

+ สวัสดีค่ะ อ.Handy....

+ ประทับใจบันทึกนี้ของอาจารย์มากค่ะ...บ่อยมากที่หนูต้องคำนึงถึงเรื่องราวทำนองนี้

+ หนูขอร่วมแลกเปลี่ยนด้วยนะค่ะ...หนูก็เป็นครูบ้านนอกคนหนึ่ง...รู้ว่าครูมีภาระกิจมากและหนักหน่วงที่ต้องทำในแต่ละวัน...

+ ที่โรงเรียนมีการจัดทำ SAR ของตนเองในการจัดการเรียนการสอนหลังจากสอนไปแล้วในแต่ละเทอม โดยการให้ครูชำแหละนักเรียนตัวเองทุกคนทุกชั้นที่สอนว่ามีจุดเด่น  จุดด้อย  และวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร อ.เชื่อไหมค่ะว่า ที่โรงเรียนหนูมีครู อยู่ 3  กลุ่ม แต่ละคนสอนต่างชั้นต่างวิชา แต่ผลจากการชำแหละเด็กของครูในแต่ละกลุ่มของตนเองเหมือนกันเด๊ะเลยค่ะ...ซึ่งในความเป็นจริงเด็กส่วนใหญ่จะมีปฎิกิริยาในต่างครูต่างวิชาที่แตกต่างกันค่ะ

+ หนูก็เศร้าใจค่ะ...เพราะการชำแหละนักเรียนที่ตนเองทำการสอนส่งผลดีมากมายมหาศาลค่ะ...ในการแก้ไข  ส่งเสริม  นักเรียนให้เรียนรู้ได้เต็มศักยภาพต่อไป

+ ครูทุกคนรู้  เข้าใจ วัตถุประสงค์เรื่องนี้ดี ...แต่ด้วยภาระกิจที่มากมายเลยขอลอกส่งให้ทันเวลาก่อนแล้วกัน...นี่คือการแก้ปัญหาของครู...

+ หนูส่งหลังจากวันที่กำหนดประมาณ  3  วัน แต่หนูทำด้วยตนเอง...หนูต้องชำแหละเด็ก ๆ ถึง 180  คน คือ ตั้งแต่ชั้น ป.1 - ป.6  เพราะหนูสอนวิทย์ชั้น ป.1 - ป.6 ค่ะ...หนูเดินเข้าไปพบ ผอ.และชี้แจงให้ท่านทราบถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้ส่งไม่ทันกำหนด...และชี้ให้ท่านเห็นว่า SAR ดังกล่าวเราจะนำมาใช้แก้ไขปัญหานักเรียนตอนเปิดเทอมใหม่ดังนั้นถ้าหนูขอส่งช้ากว่ากำหนด 3 วันคงไม่มีปัญหา ซึ่งท่าน ผอ.ก็ยินดี...

+ ถ้าครู...ซึ่งเป็นคนสอนคน...มีวิธีการแก้ปัญหาที่ง่าย ๆ และขอไปที...นี่ขนาดว่าเป็นการชำแหละเด็กที่ตัวเองสอน...ยังไม่อยากคิด...ขอลอกแล้วกัน...น่าเศร้าใจมากมายค่ะ

+ หนูมองว่า...คนส่วนใหญ่ในสังคมมักจะคิดง่าย ๆ ขอไปที...แต่ตัวเองดูดีเช่นนี้เหมือน ๆ กันหมด...ทั้งนี้เพราะเราไม่รู้จักคุณค่าของตนเองโดยแท้

+ อาจารย์ค่ะ...หนูขอแก้ไข ขอเรียบเรียงความคิดท่อนนี้ "คนส่วนใหญ่ในสังคมมักจะคิดง่าย ๆ ขอไปที...แต่ตัวเองดูดีเช่นนี้เหมือน ๆ กันหมด...ทั้งนี้เพราะเราไม่รู้จักคุณค่าของตนเองโดยแท้ใหม่เป็นแบบนี้นะค่ะ..." คนบางคนมักจะคิดง่าย ๆ ขอไปที...ลอก...ส่งให้ทันเวลา..เพื่อให้ตัวเองดูดี...มีความรับผิดชอบ...เป็นเช่นนี้เหมือน ๆ กันหมด...ทั้งนี้เพราะเราไม่รู้จักคุณค่าของตนเองโดยแท้  "

สวัสดีค่ะอาจารย์

หนูอ่านแล้วรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูกค่ะอาจารย์ หนูเข้าใจอาจารย์นะคะ แต่หนูคิดว่านักศึกษาส่วนใหญ่มักเห็นความสำคัญของคะแนนเป็นหลัก(ในกรณีนี้เกินไปรึปล่าวนะคะ) หนูเองก็เพิ่งทำบล๊อกเป็นเมื่อไม่กี่วันมานี้เองค่ะ พอดีที่บ้านและที่ทำงานของหนูห่างไกลความเจริญไม่มีอินเตอร์เน็ตค่ะต้องขับรถออกมาระยะทางกว่า 20 กิโลกรัม เฮ้ยกิโลเมตรกว่าจะถึงร้านอินเตอร์เน็ตค่ะ แต่ถ้าหนูมีอินเตอร์เน็ตหนูจะคุยกับอาจารย์ทุกวันเลยนะคะ หนูยอมรับว่าอาจารย์เก่งจริงๆ หนูอยากจะเก่งให้ได้สักเศษเสี้ยวของอาจารย์เท่านั้นเองนะคะหวังว่าอาจารย์คงจะช่วยได้โปรดกรุณาดึงหนูเข้าบล๊อกด้วยนะคะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ผ่านบล๊อกของหนูนะคะ

สวัสดีคะอาจารย์

เมื่อวานได้เรียนกับอาจารย์นำอ้อยรู้สึกสนุก ผ่อนคลาย อาจารย์น่ารักกว่าที่คิดไว้เยอะ อาจารย์ให้ดูวีดีโอเกี่ยวกับการเรียนการสอนของโรงเรียนไทยรัฐวิทยา84 (ชุมชนบ้านคีรีวง) ทำให้ได้รู้ถึงวิธีการในการสอนนักเรียนให้รู้จักการคิดหาคำตอบด้วยตนเองไม่ใช่รอให้ครูบอกอย่างเดียว โดยครูต้องใช้วิธีการสังเกตนักเรียนว่านักเรียนแต่ละคนมีความสนใจด้านใดบ้างและจะนำไปประยุกต์ใช้ในการสอนต่อไป

ขอบคุณค่ะ.............ป.บัณฑิตวิชาชีพครูกระบี่

ดีครับ อาจารย์ที่ไห้ความรู้ครับ ผมจะได้นำไปใช้บ้าง

     สวัสดีคุะอาจารย์  อาจจะช้าไปหน่อยในการส่งงาน แต่ก็คงไม่สายเ้กินไปนะคะอาจาย์

     ชื่อ พัชราภรณ์  สกุล ฐานขันแก้ว ป.บัณฑิตวิชาชีพครูกลุ่ม 4 รุ่น 11

     ชื่อบล็อก  http://learners.in.th/blog/patcharapron

     ชื่อ ผุสดี  สกุล สุขสาร ป.บัณฑิตวิชาชีพครูกลุ่ม 4 รุ่น 11

     ชื่อบล็อก  http://gotoknow.org/blog/pussadee058

    

สวัสดีค่ะอาจารย์....

ขอแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อาจารย์เขียนหน่อยค่ะ ...จริงอยู่ที่เค้าทำอย่างนั้นถือว่าผิด...แต่ที่จริงโทษใครไม่ได้หรอก เค้าคงไม่ได้คิดอะไรมากหรอก นอกจากคิดว่าจะทำอย่งไรให้คะแนนของเค้าออกมาดี...แต่เค้าอาจมักง่ายไปหน่อยตรงที่เค้าลอกของคนอื่นมา ....

อันที่จริงแล้ว....การอยากได้คะแนนดีๆ มันก็ไม่ได้ผิดหรอก....ถ้าเค้าได้ทำด้วยตัวเค้าเองไม่ได้ลอกเขามา ....

บางครั้งการเรียนให้ได้คะแนนดีๆ...เกรดดีๆ...มันไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง...เป็นเพียงความต้องการอยากเอาชนะเท่านั้น..

การเรียนไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต...เรียนเก่งแค่ไหนก็ไม่สำคัญหรอก...ถ้าหากเรียนแล้วนำมาใช้ไม่ได้/เรียนแล้วไม่ได้ใช้

ความรู้ที่เรียนมา....

จาก จันทร์ ป.บันฑิตวิชาชีพครูสุราษฎร์ กลุ่ม 3

อนงค์นาถ บุญประสงค์

         สวัสดีค่ะอาจารย์ ขอบคุณค่ะที่ให้ความรู้ หนูจะจดจำไว้และจะพยายามปลูกฝังไม่ให้เด็กนักเรียนที่หนูไปสอนยึดติดกับเรื่องเกรดจนหลงลืมถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการเรียนค่ะ  

 


เห็นด้วยกับวิธีการ "บริหารคะแนน" ของ ท่านอาจารย์ ดร. แสวง รวยสูงเนิน ครับ ;)

สวัสดีครับอาจารย์ ผมอ่านแล้วรู้สึกไม่ดีเลย แต่ยังไงผมจะพยายามนำความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์ไปปลูกฝังเด็กที่ผมกำลังสอน

ขอบคุณครับ

สวัสดีคะอาจารย์

จากที่อาจารย์เขียนมาหนูณุ้สึกไม่ดีเลยคะ...เพราะ ตอนนี้สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

ทุกคนแก่งแย่งยิงดี มีการแข่งขันกัน หนูคิดว่า ส่วนใหญ่พื้นฐานมาจากครอบครัวและสิ่งแวดล้อมรอบข้างคะ

ขอบคุณคะอาจารย์ที่นำมาฝากให้ได้อ่านกัน

สุดท้ายขอให้อาจารย์มีสุขภาพดีนะคะ

สวัสดีค่ะ ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ

สิ่งที่อาจารย์พูดมา มันก็ถูก แต่คนเรามันย่อมจะผิดพลาดได้เสมอค่ะ เขาอาจจะไม่ทันคิดไปว่าสิ่งที่ทำมันผิด ก็เลยทำลงไป ยังไงก็ให้อภัยเถอะค่ะ อย่าถือสาเลย

แต่ที่สมควรคิดเป็นอย่างยิ่งน่ะค่ะ คือการอย่างเอาเยี่ยงอย่างคนที่ทำไม่ดี

สวัสดีค่ะอาจารย์

ของคุณมากค่ะสำหรับบันทึกนี้

เห็นด้วยกับอาจารย์นะค่ะว่าถ้าคนที่จะออกไปเป็นครูยังหวังแค่คะแนน

แล้วเวลาสอนนักเรียนก็คงต้องสอนให้นักเรียนทำงาน หรือทำอะไรก็ตามเพื่อแลกกับคะแนน

เห็นแก่คะแนน ไม่สนใจว่าเรียนไปแล้วจะรู้อะไรบ้าง??????????

ขออย่างเดียว "ให้กรูได้คะแนน...คนเค้าจะได้คิดว่ากรูเก่ง"

แล้วเด็กในวันนี้จะเป็นผู้ใหญ่อย่างไรในวันหน้า

น่าคิดนะคะ!!!!

อ่านแล้วรู้สึกได้เลยค่ะว่าสมัยนี้คนเรามักง่ายเพียงเพราะได้มีให้เหมือนๆกับคนอื่น เอาแบบขอไปที ไม่ได้มีความรู้สึกภาคภูมิใจกับสิ่งที่ตนเองทำ น่าสงสารเยาวชนรุ่นหลังที่ในอนาคตข้างหน้าก็อาจจะซึมซับสิ่งเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัวนะค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

หายไปหลายอาทิตย์เลยค่ะเพาะต้องออกพื้นที่ สบายดีนะคะ อ่านเรื่องที่อาจารย์เขียนแล้วคงได้แต่ปรงนะคะ ตอนนี้มันก็มีเรื่องแบบนี้เยอะมาก ความเห็นแก่ตัวของคนมีสูงขึ้นเพราะต้องแข่งขันกับคนอื่นมากขึ้น ทั้งนี้และทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคนค่ะ บางคนเรียนเพื่อต้องการคะแนนมันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิดเพราะเป็นสำคัญต่อเค้า (บ่อยเค้าไปเถอะคะ) แต่บางคนเค้ามองว่าการเรียนรู้ของเค้าไม่ได้อยู่ที่คะแนะ แต่มันเป็นประสบการณ์ เป็นการเรียนรู้ที่แสดงออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้ และไม่สามารถที่จะประเมินได้ เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีคะอาจารย์ หนูขอส่งงานเป็นครั้งที่ 2 นะคะ เนื่องจากครั้งแรกที่หนูส่งงาน หนูไม่ได้ทำลิงค์ไปยังบล็อกของต้นเองคะ

์ ชื่อ นางสาวอธิพร สกุล จันทร์ทองแก้ว ป.บัณฑิตวิชาชีพครูกลุ่ม 4 รุ่น 11

ชื่อบล็อก http://gotoknow.org/blog/athiphon

ชื่อ นางสาวภูรดา สกุล ภู่ระหงษ์ ป.บัณฑิตวิชาชีพครูกลุ่ม 4 รุ่น 11

ชื่อบล็อก http://gotoknow.org/blog/purada770

  • แวะมาอ่าน...
  • อาจารย์สบายดีนะครับ
  • สู้ๆ..

 

 

สวัดีครับอาจารย์

การที่คนเราเอาความคิดของคนมาอ่านแล้วแปรเปลี่ยนความคิดและลงมือกระทำด้วยตนเองเป็นการดี ที่ว่าเมื่อเรียนแล้ว ลงมือปฏิบัติ ก็จะก่อให้เกิดผล แต่ตราบใดที่เอาความคิดของคนอื่นมาคัดลอก และไม่ยอมบอกถึงแหล่งอ้างอิง ผมว่าก็หนักใจอยู่ครับ

การเรียนจะก่อให้เกิดผลได้ต้องลงปฏิบัติเองอย่างที่อาจารย์ว่าละครับ

ขอบคุณอาจารย์ มาก สำหรับคิดดี ๆ ที่คนเราทุกคนจะอยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุข

ผม ป.ชีพ กระบี่

    อาจารย์พินิจค่ะ หนูอยากเขียน Blog เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ให้เก่งเหมือนอาจารย์ แต่หนูก็เขียน Blog ไม่ค่อยเก่ง หนูควรจะทำอย่างไรดีค่ะ

สวัสดีค่ะ....ในฐานะที่ดิฉันเป็นนักศึกษาป.บัณฑิต

ดิฉันมีความเห็นกับเรื่องนี้ว่า จริงอย่างที่อาจารย์ว่าค่ะ แต่บางครั้งอาจเกิดจากความผิดพลาดหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่ทราบนะค่ะ เพราะดิฉันก็เคยเหมือนกันที่ลืมอ้างอิงถึงบุคคลที่เขียนเหมือนกัน แต่ใจจริงแล้วไม่ได้คิดว่าจะลอกของเขามาหรอกค่ะ แค่อยากเอามาให้อ่านเห็นว่าน่าสนใจ และบางคนอาจจะยังไม่ได้อ่าน จึงหวังดี

มันเป็นประสบการณ์การผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ เข้ากับเรื่องที่อาจารย์เขียนพอดี เลยเข้าใจอาจารย์ค่ะ และจดจำจนวันตาย

นางสาวจิรภัทร กิจชำนาญ

นกศึกษาป.บัณฑิตวิชาชีพครู รุ่นที่11 กลุ่ม 4

http://gotoknow.org/blog/users/chiraphat1025/view

ขอกล่าวคำว่า ....." ขอโทษ"

ดิฉันขอเป็นตัวแทนนักศึกษาป.บัณฑิต......ขอกล่าวคำว่าขอโทษจากใจจริง

และขอขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่ให้คำแนะนำดี....แก่พวกเราและคิดว่า

คงมีเพื่อนอีกหลายคนที่มีความรู้สึกเหมือนกัน...............

ดิฉันคิดว่าคำตักเตือนคร้งนี้ คงจะทำให้หลายคนจดจำและไม่ปฎิบัติเช่นนั้นอีก..............

ขอบคุณที่อาจารย์ตั้งใจกับพวกเรา.....ขอบคุณค่ะ

ดิฉันเองก็เป็นนักศึกษา ป.บัญฑิตคนหนึ่ง ก่อนอื่นต้องขอบคุณท่านอาจารย์ที่ได้ให้แนวทาง ในการแสวงหาความรู้ที่กว้างไกล ทำให้ได้รู้สิ่งที่อยู่รอบๆตัวหรือสิ่งที่เรามองข้ามไป ขอขอบคุณอาจารย์พินิจอีกครั้งค่ะ

นางสาวธนิษฐา ทำการเหมาะ นักศึกษา ป.บัญฑิต รุ่นที่ 11 กลุ่ม 4

http://gotoknow.org/blog/handyman/395372

สวัดดีคะ อาจารย์ ขอบคุณความรู้ที่มอบให้ และวิธีการสอน

รวมถึงภาษาในการเขียน คำที่เป็นทางาการ และสิ่งที่ควรทำ

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดียามบ่ายค่ะอาจารย์

   ตอนนี้หนูกำลังนั่งเรียนของอาจารย์อยู่ก็ฟังคอมเม้นของอาจารย์และสาระดี ๆ ที่นำมาพูดคุยกับนักศึกษา และแอบแวะมาอ่านบทความของอาจารย์..ก็รู้สึกเหมือนอาจารย์ว่าคะแนนจะเป็นตัววัดความรู้ของนักเรียนได้จริงหรือไม่ เพราะถ้ามีแต่เกณฑ์การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาแล้วใช่คะแนนเป็นตัวตัดสิน...คงไม่สามารถวัดความรู้ของเด็กได้จริง....

    นี้คือประสบการณ์ที่หนูเจอมาค่ะ...

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ ที่แนะนำแนวทางในการเรียนนะคะ

ดิฉันก็กำลังเรียนอยู่ในหลักสูตร ป บัณฑิตวิชาชีพครู เหมือนกันค่ะ

นาวสาวณัฎฐิณี วงศ์สันติวัฒน์

ป บัณฑิตวิชาชีพครู รุ่น 11 กลุ่ม 4

http://gotoknow.org/blog/nattineenaka

ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่า"สวัสดีอาจารย์ค่ะ"  ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบความคิดของอาจารย์ในการให้แง่คิดกับการเรียนในวิชาและสาขาต่างๆ ในปัจจุบันนี้  ดิฉันเองเป็นคนหนึ่งที่คิดเสมอว่าที่ทุกคนเข้ามาเรียนเพื่อหาคำว่า"วุฒิการศึกษา" กันมากมายในทุกวันนี้สิ่งที่เรียนกันไปนั้นจะเอาความรู้ไปปรับใช้กับการทำงานของตนตามที่ต้องการจริงหรือเปล่า?  มันเป็นสิ่งที่ดิฉันให้ความสนใจมากเพราะในปัจจุบันในการทำงานไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการหรือเอกชนต่างๆ  ในส่วนใหญ่ไม่ได้เน้นคุณวุฒิที่ตรงตามความต้องการในการทำงานนั้นๆ แต่สิ่งที่พิจารณากันมากคือ "เส้นสาย"  ยิ่งหน่วยงานราชการในปัจจุบยิ่งเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ  ก่อนหน้านี้ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบสอบตามหน่วยงานต่างๆ ที่ตนสนใจทำงานและวุฒิตรงความต้องการของหน่วยงาน  ทำให้ตั้งใจอ่านหนังสือ  ค้นคว้า  อย่างทุมเท  เพื่อหวังเข้าทำงานในสิ่งที่ตนรัก  แต่สิ่งที่เจอคือสอบไม่ผ่านไม่ใช่ทำข้อสอบไม่ได้แต่ดิฉันไม่มีเส้นสายในการทำงานนั้นๆ จึงต้องการสอบไปอย่างผิดหวัง  จึงทำให้คิดได้ว่าทุกวันนี้ที่ประเทศของเราเจอปัญหาต่างๆ  มากมายคงเพราะบุคลากรอาจไม่มีคุณภาพด้วยปัญญาแต่มีคุณภาพด้านเส้นสายมากกว่า

   วันนี้ดิฉันได้มีโอกาสเข้ามาเป็น"ครู "  ดิฉันจึงรู้ว่าในทุกวันการศึกษาของเราเริ่มด้อยคุณภาพลงเรื่อยเพราะทางหน่วยงานส่งงานทางราชการที่เป็นเอกสารต่างๆ ให้ครูเป็นผู้ทำ  ครูจึงไม่ค่อยมีเวลาในการทุ่มเทในการเรียนการสอนอย่างเต็มที่  ทำให้เด็กได้รับการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพมากนัก  และการสอนในหลักสูตรใหม่ก็ไห้มีเวลาการเรียนการสอนน้อยลงกว่าเดิมจึงทำให้เด็กมีเวลาทำในสิ่งที่ไม่มีประโยชเพิ่มมากขึ้นแทนที่เราจะเอาเวลาที่มีอยู่มาให้ความรู้แกนักเรียนมากขึ้น

  ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่สอนไม่เคยเอาหนังสือเป็นหลักในการเรียนการสอนเพราะจะเน้นให้เด็กนักเรียนได้เห็นจริงและสามารถปฎิบัติจริงๆได้  วันนี้ได้มาอ่านความคิดเห็นของอาจารย์จึงทำให้คิดได้ว่าในฐานะที่เป็น"ครู"  ดิฉันต้องพยายามให้มากกว่าเดิมเพื่อเน้นให้เด็กนักเรียนของตัวเองมีความรู้ในทุกด้านและสามรถนำไปใช้ในชีวิตได้จริงๆ  โดยไม่เน้นการใช้เส้นสายในการทำงานในอนาคตของตนเอง

ที่อาจารย์เขียนเรื่อง "การให้คะเป็นเเนน" หนูก็เห็นด้วยค่ะ เเต่ว่ามันเป็นการเปลี่ิยนเเปลงไปตามสมัยนิยม เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้เราหรือนักศึกษาก็ขี้เกียจมากขึ้น อยากให้จบเเบบสบายๆโดย ใช้เเค่เงินเท่านั้น ถึงเเม้ว่าการให้คะเเนนจะมาจากการทำรายงานส่วนหนึ่ง เเต่เราไม่ได้รู้หรอกว่ารายงานเล่มนั้นทำเองหรือจ้างให้คนอื่นทำ ใช่ค่ะ สำหรับการให้คะเเนนเป็นเรื่องลำบาก เมื่อเราให้เด้กไม่ผ่านเด็กก็ต้องมาเเก้ จะทำให้เสียเวลามาสอบเเก้ เสียเวลาครูผู้สอนอีก นี่หนูพูดเพราะหนูสอนเหมือนกัน หนูเข้าใจค่ะ เวลาเด็กสอบไม่ผ่าน ตัวครูก็คิดว่า "เราสอนไม่ดีเหรอทำไมเด็กถึง ทำไม่ได้ หรือเราสอนมากเกินไป ยากเกินไป"

หนูสอนเคมี เรื่องเด้กมาถามว่าทำไงถึงจะได้คะเเนนดีๆ หนูก็บอกนะคะ ว่าอ่านหนังสือเยอะ แต่เด้กก็อ่านไปงั้นๆค่ะ แล้วพอสอบไม่ผ่านก็ขออยากเเก้ตัวเดี๋ยวเกรดเฉลี่ยไม่ถึง มีผลต่อการเข้ามหาลัยอีก ทำให้ครูบางครั้งก็หนักใจเเละเหนื่อยใจ สั่งเด้กค้นคว้าหาข้อมูล เเต่ก็ส่งไม่ทันเวลา สงสารเด็กอยากให้เค้าผ่านๆ เเต่บางครั้ง ตัวครูก็มีภาระ หลายๆอย่างมันมีผลให้เเนวคิดเราเปลี่ยนไป เด็กก็ถามว่าทำไง ให้ได้คะเเนนดีๆ เพื่อเข้ามหาลัย ส่วนผู้ใหญ่อย่างเรา เมื่อเรียนไปด้วย ทำงานด้วยเราก้อยากได้คะเเนนดีๆ เพื่ออนาคตทางการงานเเละการเงิน ในเมื่ออนาคต การคอรัปชันมันเยอะ ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน มันก็พูดยาก เเต่หนูเข้าใจค่ะ

เพราะหนูเองก็เป็นเเบบอาจารย์เหมือนกันค่ะ

ป.วิชาชีพ กระบี่

ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ที่ได้ให้ข้อคิดจากการเรียน จากการตัดเกรดในปัจจุบันมีครูจำนวนไม่น้อยที่เอางานจากเด็กมาโดยที่ไม่สนว่าเด็กได้มาจากที่ใดขอให้มีงานส่งเป็นพอ ก็เลยกลายเป็นค่านิยมที่ผิด ๆ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อที่จะได้สิ่งที่ตนต้องการ คือเกรด A ได้แล้วมีความสุข แต่ในชีวิตจริง A ไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่มีใครคอยถามว่าตอนเรียนได้เกรดอะไร ขอให้ตอนนี้คุณเป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ ต่อหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายแค่นี้ก็หรูแล้วค่ะ

ขอฝากคุณครูทุกท่านนะค่ะที่คุณเป็นผู้กุมอนาคตของชาติไว้ในมือ

สวัสดีค่ะ..อาจารย์พินิจ

หนูเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของอาจารย์ค่ะ....หนูขอโทษแทนทุก ๆ คน ถ้าทำสิ่งใดให้อาจารย์ผิดหวัง และรู้สึกหดหู่ใจทุกครั้งที่เกือบทุกหน่วยงานในสังคม วัดการรับคนเข้าทำงานจากคะแนนสอบ หรือเกรดดีดี..จากมหาวิทยาลัย หนูจึงตั้งใจเรียนเสมอ

ถ้าทุกคนในสังคมคิดได้อย่างที่อาจารย์คิด คงเป็นโชคดีของเด็กรุ่นหลัง หวังไว้ว่าจะให้เป็นจริงได้ ไม่ใช่ให้คะแนนมาตัดสินทุกอย่างในชีวิต ..ขอบคุณอาจารย์สำหรับทุกความรู้ ความตั้งใจ ที่ทุ่มเทเพื่อพวกเรา ป.บัณฑิต วิชาชีพครูทุกคน

หนูจะเป็นคุณครูที่ดีให้ได้.

ลูกศิษย์ ป.บัณฑิต กลุ่ม 4 รุ่น 11 มรส.

สวัดดีคะอาจารย์ ตอนหัวค่ำนะค่ะ

จากเรื่องการให้คะแนนนะ บางคนทำไม่ถูกคิดไม่ออก ก็เลยใช้วิธีการคัดลอกมา เขาอาจจะเป็นเพราะเขามีนิสัยแบบนั้น เป็นคนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ถ้าถามเรื่องคะแนนไม่มีคัยไม่อยากได้หรอกคะอาจารย์ ทุกคนส่วนใหญ่จะคิดเสมอ ว่าคะแนนคือ ผลที่วัดความสามารถของตัวเองและเป็นความคิดที่ว่าถ้าเราได้คะแนนน้อยจะอายเพื่อนเขา หรือบางคนคิดว่า จะต้องมีงานส่งอาจารย์แต่คัดลอกมาอาจย์เขาคงไม่รู้หรอก ทำเป็นเพราะต้องการจะมีงานส่งอาจารย์เหมือนเพือนคนอื่นนะคะ

แต่ส่วนใหญ่คนสมัย ยุคนี้ (ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะคะ) จะมีความคิดที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่สนความรู้ของบุคคลอื่นว่าเขาจะรู้สึกเช่นใด อาจเป็นเพราะการอบรมเลี้ยงดูจากทางบ้าน หรือ ปัญหาสังคมที่กำลังเกิดอยู่ตอนนี้ ทำให้ผู้คนมีแต่ความคิดที่เป็นของตัวเองส่วนใหญ่ และ สอนให้เป็นคนเห็นแก่ตัว ทำอะไรก็ได้ เพื่อให้ตัวเองมีความสุข ถึงแม้ว่าความสุขจะอยู่บนความทุกข์ของบุคคลอื่น จริงไม่คะ

สวัสดีคะ อาจารย์  

      จากบทความข้างต้น  หนูเห็นด้วยกับอาจารย์นะค่ะ  เพราะคะแนนตัวเดียวสามารถทำให้ทุกอย่าง  โดยไม่คิดถึงความถูกต้อง  ความละอาย

ป.บัณฑิต รุ่น 11 กลุ่ม 3  (มรส.)

 

    สวัสดีค่ะอาจารย์........ในฐานะคนที่กำลังจะเป็นครู

           จากการที่ได้อ่านดูแล้วมันเป็นความเคยชินมากกว่าค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้ปลูกฝังสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่ต้น สังเกตุได้ว่าตอนเราทำรายงานครูหรืออาจารย์มักจะบอกให้เขียนอ้างอิง แต่น้อยมากที่จะบอกเหตุผลว่าทำไมเราต้องเขียนอ้างอิง ดิฉันเชื่อว่าถ้าลองถามเด็กสมัยนี้ดูเด็กจะตอบว่าไม่รู้ ครูบอกให้ใส่ เพราะดิฉันเคยลองถามหลานดูแล้วตอนมีโอกาสค้นหารายงานให้ (หลานอยู่ ม.1)

        แต่อยางไรก็ตามการขโมยเป็นสิ่งไม่ดีอยู่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขโมยความคิด

นักศึกษาป.บัณฑิต กลุ่ม4

  • หลายๆ คนคงติดนิสัยการ copy
  • คิดไปว่า แค่ ใช้นิ้วคลิกแปบเดียว อะไรๆ หลายอย่างก็เสร็จ จนลืมสิ่งดีๆ ระหว่างทาง ก่อนที่จะไปถึงจุดหมาย เ
  • ค้าแค่คิดว่า คะแนนๆ ให้จบๆ ผ่านๆ
  • มันเป็นความมักง่ายค่ะ อาจารย์
  • ขออภัยแทนบุคคลผู้นั้นด้วยนะคะ ไม่อยากให้อาจารย์ผิดหวังในตัวลูกศิษย์รุ่นนี้
  • มีอีกหลายคนที่อยากจะเขียน blog เก่งๆ เหมือนอาจารย์
  • หนูก็จะเข้ามาให้บอ่ยที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • ^^ 

สวัสดีค่ะ หลายครั้งที่การทำงานต่างๆ สำเร็จเพราะการ copy แต่ไม่ได้อ้างอิงที่มา

เป็นการเตือนสติที่ดี่สำหรับหลายๆ คนที่เข้าม่อ่านค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

จากการอ่านเรื่องราวของอาจารย์ เห็นด้วยกับข้อความข้างบน คะแนนเป็นเพียงตัวบ่งชี้ให้รู้ว่าเราผ่านในแต่ละวิชา

แต่บางครั้งไม่ได้วัดพฤติกรรม หรือความดีงามของแต่ละคน ซึ่งบางคนเรียนเก่งแต่เห็นแก่ตัวก็มีเยอะ ดังนั้นการเรียน

ให้เก่งต้องเรียนควบคู่กับการมีคุณงามความดีด้วย รู้จักแบ่งปันให้ผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัว ประเด็นนี้แหละจึงถือว่า

เป็นคนดีและเป็นคนเก่ง

ดังนั้นครูทุกท่านควรสอนนักเรียนให้เรียนเก่งโดยสอนคุณธรรมจริยธรรมควบคู่ด้วย

ป.บัณฑิตวิชาชีพครู รุ่น 11 กลุ่ม 3 (มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี)

ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยต่อเติม เสริมความรู้และความคิดเห็นครับ

lสวัสดีค่ะอาจารย์

จากการอ่านข้อความของอาจารย์ การลอกเลียนแบบของคนอื่นเป็นนิสัยของคนไทยชอบใช้ ไม่อยากใช้ความคิดของตนเองเพราะเสียเวลา จึงทำให้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ทำอะไรก็ได้ให้ได้มาซึ่งความสะดวกสบายไม่นึกถึงความเดือดร้อนของคนอื่น

การที่เราทำอะไรได้ด้วยตนเองนั้นถือเป็นความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง จะได้ฝึกสมองไปในตัวด้วย อดทนสักนิดนะคะแล้วเราจะมีความรู้ความชำนานมากขึ้น

สวัสดีครับ

คิดถึงคุณลุงจัง จริงอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นครับ สิ่งที่คุณลุงสอนสิ่งที่คุณลุงแนะนำให้พวกเราได้รู้จักกับบล็อก ต้องถามตัวเองก่อนว่าเราเข้ามาในนี้้เพื่ออะไร เข้ามาทำไม ได้อะไรกลับออกไปบ้าง อย่าให้คำว่าคะแนนมาปิดบังสิ่งที่เราจะได้รับ อย่างผมทุกครั้งที่เข้ามาในนี้ ผมได้ความคิดและกำลังใจดีๆ ออกไปด้วยเสมอ รู้สึกได้ถึงความจริงใจ ความปรารถนาดีที่ทุกคนในที่นี้มีใ้ห้แก่กัน และเราเองก็ได้แบ่งปันความรัก ความรู้สึกดีๆ ให้กับคนอื่นด้วย ขอบคุณครับ

สวัสดีครับอาจารย์

ขอบคุณอาจารย์.........ที่มาให้ความรู้ อาจรย์เดินทางไกล 70 กม. เหนื่อยไหมครับ ที่มาสอน แต่ผมรู้ดีใจมากที่ได้เรียนกับอาจารย์ สิ่งที่ไม่ได้เรียนก็ได้เรียน........ขอบคุณครับ

     สวัสดีค่ะ  อยากบอกว่าเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เรื่องที่คะแนนเป็นสิ่งที่ทำลายการเรียนรู้ แต่ระบบการศึกษาก็ยังวัดคะแนนอยู่อีกไม่เข้าใจเลยว่า ทำไม จึงเปลี่ยนแปลงยากจัง  ไม่ว่าจะเป็นระบบ หรือพฤติกรรมคน

     ขอบคุณค่ะสำหรับแนวคิดดี ๆ ที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีได้  จะใช้เป็นแนวทางในการคิดต่อไปนะคะ  (พยายามใส่คะ/ ค่ะ ไม่ให้ผิด)  

สวัสดีค่ะ..คุณครูพินิจ พันธ์ชื่น

หนูดีใจมากที่ได้มีโอกาสเรียนกับคุณครูพินิจ เพราะสิ่งที่ครูสอนไม่ใช้เพียงแค่การทำบล็อกเพียงสิ่งเดียวแล้ว

แต่สิ่งที่ได้รับและสามารถนำไปเป็นครูที่ดีต่อไปในอนาคตได้คือ การมีคุณธรรมจริยธรรม เป็นพื้นฐานของการเป็น "ครู"

ที่ดีต่อไปในอนาคต หนูไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสเรียนกับครูพินิจอีกหรือไม่ แต่ถึงไม่ได้เรียน การเข้ามาอ่านบันทึกของ

"ครู" ก็เสมือนหนูได้เรียนกับครูในทุก ๆ ครั้งที่อ่านอยู่แล้ว..........ขอบคุณครูจริง ๆ ค่ะ............

สวัสดีคะ อาจารย์ เรื่องการให้คะแนนเห็นด้วยนะ ถ้าคนผู้นั้นทำงานแบบนั้น ถือว่ามักง่าย คนอื่นทำงานแถบตาย แต่ตัวเองมาคัดลอกไป ไม่ไหวเลย

สวัสดีค่ะ อาจารย์

ขอบคุณนะคะที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับการให้คะแนน และการเขียน blog

ถ้ามีเรื่องราวดีก็จะนำมาเขียนใน blog เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กัน

ป.บัณฑิตวิชาชีพครู กลุ่ม 3 รุ่น 11

สวัสดีคะ อาจารย์

    จากที่อ่านบันทึกข้างต้นนี้ดิฉันเห็นว่าในปัจจุบันนี้มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นจริงๆ และก็เกิดมานานแล้วด้วย

     ตอนนี้ในโรงเรียนของดิฉันก็ยังมีอยู่ เห็นได้จากเหตุการณ์ต่อไปนี้ คือ ดิฉันบอกให้นักเรียนช่วยเก็บขยะหน่อยแต่นักเรียนก็นิ่งเฉย แต่พอบอกว่าเก็บแล้วได้คะแนนนักเรียนก็ถามว่าครูให้จริงมั๊ยและให้กี่คะแนน นักเรียนจึงจะเก็บขยะ

      จากเหตุการณ์นี้ก็สื่อให้เห็นว่าคะแนนมีอิทธิพลต่อนักเรียนมากในความคิดของเขาจริงๆ

       ดังนั้นครูควรจะปลูกฝังความคิดใหม่ให้นักเรียนได้แล้วเรื่องคะแนน

ป.บัณฑิต รุ่นที่ 11 กลุ่ม 3 คะ

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เรียน ป. บัณฑิตวิชาชีพครู มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับเพื่อนหลาย ๆ คน คือ คนในปัจจุบันนี้มีความมักง่ายเพิ่มมากขึ้น โดยไม่นึกถึงจิตใจของคนอื่น ดิฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องปลูกฝังในเรื่องคุณธรรม และจริยธรรมเป็นการด่วน เพราะทุกองค์กรและเกือบทุกสถาบันก็เผชิญกับการถูกคัดลอกความคิด หรือภูมิปัญญาของคนอื่น และที่สำคัญเราต้องปลูกฝังเรื่องนี้ให้กับเด็ก ๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด ขอเป็นกำลังใจให้คุณครูทุกคนค่ะ

(นักศึกษา ป. บัณฑิตวิชาชีพครู กลุ่ม 4 รุ่น 11)

ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวคำว่า "สวัสดีค่ะ" อาจารย์  จากที่ได้อ่านบทความของอาจารย์  มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันคะ เพราะว่า คะแนน ตัวเดียวเป็นการวัดถึงว่าเราสามารถผ่านวิชาต่างๆ นั้นไปได้  แต่มันไม่สามารถแสดงถึงพฤติกรรมบางอย่างที่อยู่ภายในตัวบุคคลได้เลย

เช่นการวัดถึงคุณธรรมจริยธรรมในตัวของบุคคลได้

นักศึกษา ป.บัณฑิตวิชาชีพครู รุ่น 11 กลุ่ม 3 (มรส)

จากข้อความของอาจารย์ดิฉันเห็นด้วยที่คะแนนนั้นเป็นบ่งชี้ให้เด็กต้องทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ในส่วนที่ดิฉันก็เป็นนักศึกษาป.บัณฑิต (วิชาชีพครู)รุ่น 11 กลุ่ม 3 คนหนึ่ง

จากข้อความข้างต้น คะแนนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กทำไม่ถูกต้อง เพราะคะแนนเป็นตัวบ่งชี้ให้เด็กทำไม่ถูกต้อง

ในส่วนหนึ่งที่ดิฉันกำลังศึกษา ป.บัณฑิตวิชาชีพครู รุ่น 11 กลุ่ม 3 ค่ะ

จากที่ได้อ่าน blog ของอาจารย์ ผมคิดว่าคะแนนก็เป็นตัวบ่งชี้ที่ทำให้นักเรียนทำผิดได้

ป.บัณฑิตวิชาชีพครู กลุ่ม 3 รุ่น 11

สวัสดีคะ การเอาคะแนนมาเป็นเครื่องมือในการวัดผลมันก็เป็นเพียงแค่องค์ประกอบของเรื่อง

แต่เนื้อหาสาระที่ดี อยากจะสอนจิตรวิณญานคนนั้น มันต้องดูที่พฤติกรรม จากเบื้องลึกของเขาเอง....

http://gotoknow.org/blog/handyman/395372

สวัสดีคะ อาจารย์

        จากเรื่องที่อาจารย์ได้เล่ามานั้น บางครั้งนักศึกษาท่านนั้นคงเห็นคะแนนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับตนเอง แต่อาจารย์คะถ้าเรามองอีกมุมหนึ่งของนักศึกษาท่านนั้น หนูคิดว่าถ้านักศึกษาท่านนั้นไม่ต้องการคะแนนก็คงไม่ทำแบบนี้ แต่คำว่าคะแนนคงบีบคั้นตัวของเค้าและทำให้เค้าเกิดความคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้ได้คะแนนเยอะๆ และจะทำให้ได้เกรดดีๆ และสิ่งทำให้เค้าคิดแบบนั้นก็คือ การใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเป็นเครื่องมือในการ coppy ข้อมูลของคนอื่นมาเป็นของตนเองโดยไม่มีการอ้างอิงถึงเจ้าของ

     อาจารย์ค่ะตราบใดที่การเรียนยังคงใช้คะแนนและเกรดในการตัดสินนักศึกษา และคงไม่มีใครไม่อยากได้คะแนน คงมีไม่น้อยแน่นอนคะ เราจะทำอย่างไรดีค่ะเพื่อไม่ให้คะแนนเป็นมารร้ายมาทำลายตัวเราเอง

      นักศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู รุ่น 11 กลุ่มที่ 3

   http://gotoknow.org/blog/suree031/398067

 

 

สวัสดีคะ อาจารย์

        จากเรื่องที่อาจารย์ได้เล่ามานั้น บางครั้งนักศึกษาท่านนั้นคงเห็นคะแนนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับตนเอง แต่อาจารย์คะถ้าเรามองอีกมุมหนึ่งของนักศึกษาท่านนั้น หนูคิดว่าถ้านักศึกษาท่านนั้นไม่ต้องการคะแนนก็คงไม่ทำแบบนี้ แต่คำว่าคะแนนคงบีบคั้นตัวของเค้าและทำให้เค้าเกิดความคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้ได้คะแนนเยอะๆ และจะทำให้ได้เกรดดีๆ และสิ่งทำให้เค้าคิดแบบนั้นก็คือ การใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเป็นเครื่องมือในการ coppy ข้อมูลของคนอื่นมาเป็นของตนเองโดยไม่มีการอ้างอิงถึงเจ้าของ

     อาจารย์ค่ะตราบใดที่การเรียนยังคงใช้คะแนนและเกรดในการตัดสินนักศึกษา และคงไม่มีใครไม่อยากได้คะแนน คงมีไม่น้อยแน่นอนคะ เราจะทำอย่างไรดีค่ะเพื่อไม่ให้คะแนนเป็นมารร้ายมาทำลายตัวเราเอง

นักศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู รุ่น 11 กลุ่มที่ 3

http://gotoknow.org/blog/suree031/398067

 

ขอโทษค่ะที่เข้ามาคอมเม้นหลายครั้งเกินไป

 ข้อความด้านบนที่คุณสุรีย์คอมเม้นมาเห็นด้วย การที่มีคะแนมาตัดเกรดนักเรียนก็ต้องแข่งแย้งกันอยู่แล้ว มันคือสิ่งกระตุ้นการทำงานำได้ดี แต่เด็กจะได้แต่คะแนนเท่านั้น ถ้าจะให้วัดด้านพฤติกรรมหรือนิสัยใจคอคงวัดกันไม่ได้  ยังไม่มีหน่วยไหนมาแก้ไขได้สักที

แล้วจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปไหมคะ เฮ้อ....

http://gotoknow.org/blog/sirinach/398004

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ ดิฉันเห็นด้วยกับเพื่อน ๆ ค่ะ เพราะในปัจจุบันมีการคัดลอกทางความคิดเยอะมาก โดยไม่นึกถึงคุณธรรม และจริยธรรมกันเลย ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องเน้นในเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวซักที เพราะคุณธรรม จริยธรรม สำคัญมาก

(นักศึกษา ป. บัณฑิตวิชาชีพครู กลุ่ม 4 รุ่น 11)

อาจเป็นเรื่องถูก ที่เด็กไม่ควรคัดลอกงานมาส่ง อ. แต่นั้นก็ไม่ควรที่จะไม่ให้คะแนนเด็ก ควรจะเรียกเด็กมาถามเหตุผลก่อนว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ เพราะอะไร ไม่ใช่ตัดสินการกระทำของเด็กโดยการตัดคะแนนเลย

     สวัสดีค่ะ...

     คำว่า คะแนน อาจทำให้ใครหลายคนเห็นแก่ตัวก็จริง แต่อาจารย์คะตั้งแต่หนูเรียนมาก็จะได้ยินคำๆนี้ตอกและย้ำอยู่บ่อยๆ เช่นว่าเธอต้องทำแบบนี้นะไม่งั้นจะโดนตัดคะแนน

ต้องทำแบบนี้ถึงจะได้คะแนนดีๆ คะแนน คะแนน และคะแนน จนผู้เรียนหลายๆคนอาจจะเข้าใจว่าคะแนนคือสิ่งสำคัญที่สุดของการเรียนรู้ไปแล้ว...ในฐานะที่กำลังศึกษาในศาสตร์ที่จะจบออกไปเป็นคนสอนคนหนูจะนำข้อคิดของอาจารย์ไปใช้...ขอบคุณนะคะ

ธิดารัตน์ ชัยวิเศษ

...สวัสดีค่ะอาจารย์...

จากที่ได้อ่าน blog ของอาจารย์แล้ว หนูคิดว่าถ้ายังใช้คะแนนในการวัดผลประเมินผลกันอยู่ การแข่งขันก็ยังเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ ทั้งการแข่งขันกับคนอื่น ทั้งกับตัวเอง และความเห็นแก่ตัวก็ต้องตามมาด้วยเช่นกัน เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ คือการได้คะแนนดีๆ ได้เกรดสูงค่ะ

แต่การได้คะแนนที่ดีมานั้นกลับต้องทำลายกระบวนการเรียนรู้ที่ถูกต้อง แล้วจะทำอย่างไรดีละค่ะที่จะไม่ให้คะแนนเป็น "มารร้ายของการเรียนรู้"

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีอีกมุมหนึ่งจากอาจารย์ค่ะ...

นักศึกษา ป.บัณฑิตวิชาชีพครู กระบี่

I am a reader for teacher evaluation for several years. Most of them copy each other jobs because:

1. they did not do those tasks on themselves. I found one teachers has big income by writing 30 reports for 30 teachers and those bad quality 30 teachers passed evaluation.

2. wrong policy of gov to force them to have big report was wrong.

3. key performance index that forced me to swallow was wrong.

4. good teachers if write report by themselves will always fall but the one in number 1 always pass evaluation.

5. etc.

Those are reasons why TH EDU was won and I got used to it.

55555.

zxc555

I forget to give solution:

Simply applied Reverse Threshold Model Theory (RTMT) to the evaluation.

I sent 30 students score using RTMT and 25 students got 10 while 5 students got ZERO.

The same will happen to teachers evaluation.

Unfortunately, TH EDU forced me to use their own KPI so, I have to follow it and let bad teachers to pass evaluation. :(

zxc555

สวัสดีค่ะ

  • ครูตาอาชีพครูค่ะ   และเป็นนักศึกษาป.โท
  • เห็นด้วยกับท่านอาจารย์มากเลยที่นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นเลย   จะเอาแต่คะแนน  เกรด  ขอให้จบ  แต่ขาดองค์ความรู้  ขาดการพัฒนาตนเอง  แล้วจะเป็นต้นแบบผุ ๆ ของนักเรียน  และ แวดวงการศึกษาไทย  ...เศร้านะคะ ..
  • มีโจทย์ต่อไปว่า...จะทำอย่างไรจึงจะส่งเสริมให้เด็กไทยรักการเรียนรู้ (คนเป็นครูควรตระหนักค่ะ)

 

สวัสดีค่ะ อาจารย์

คะแนนก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับนักเรียน นักศึกษา ในปัจจุบันมาก หลาย ๆ คน มุ่งเรียน เพื่อให้ได้เกรด หรือ คะแนนสูง ๆ โดยลืมไปว่า เราได้เรียนรู้ได้ประสบการณ์อะไรบ้างมากน้อยแค่ใหน เกรด หรือ คะแนน สูง ๆ ไม่ได้ทำให้เค้าเป็นคนเก่ง และฉลาดมากขึ้นซักเท่าไหร่ กลับ ตรงข้ามคือความเห็นแก่ตัวมากกว่า ทำเพื่อให้มีส่ง

บล็อก คือที่ซึ่งเข้ามาศึกษาหาความรู้ เเลกเปลี่ยนประสบการณ์ ดิฉันคิดว่า ถ้าไม่มีเรื่องที่จะนำเสนอ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เราก็เข้ามาศึกษาหาความรู้จากบล็อก ได้ใช่ใหมค่ะ เมื่อไหร่ที่ เรามีเรื่องที่จะแลกเปลี่ยน ก็เข้ามาบันทึก คงไม่เป็นการเห็นแก่ตัวจนเกินไปน๊ะค่ะ

ขอขอบคุณสำหรับคำชี้แนะที่ดีค่ะ

นักศึกษา ป.บัณฑิตวิชาชีพครู กระบี่

ขอบคุณครับ สำหรับข้อคิดดีๆ ว่างๆ เข้าไปเยี่ยมผมบ้างนะครับ ด้วยความเคารพ

http://gotoknow.org/blog/preechapol009

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท