จักรยานแลกด้วยชีวิต


จักรยาน

     ความรู้สึก ที่เลือดอุ่น ไหล หยด ถูกเสื้อ ทำให้รู้สึกว่าบริเวณใบหน้า น่าจะบาดเจ็บ หลังจากสำรวจบาดแผลตามร่ายกายมีรอยถลกตามเข่าแขนและใบหน้า ค่อย ๆ เข็นจักรยาน โบราณคันโปรดเข้าไปที่บ้านชาวบ้านริมทาง ชาวบ้านตกใจ บอกว่า

' ลุง ๆ เป็นมากจัง จมูกหายไปเลย ปากแหว่งด้วย ไป โรงพยาบาลเลยดีกว่า " 

รูกสึกใจเสียเหมือนกัน แต่ไม่รู้สึกเจ็บ รีบขอน้ำสะอาดจากสายยาง และสบู่ก้อนใหม่มาฟอกแผลที่ใบหน้า ดั้งจมูก แขนขา โดยไม่สนใจว่าเลือดกำลังไหลอยู่อีกเท่าไหร่ วันนี้ ศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2551 เวลาประมาณ 17.00 น.  นับเป็นอีกวันหนึ่ง ที่ต้องจำไปอีกนาน เพราะ ก่อนหน้านี้ ได้ประชุมประจำเดือน ชาวสาธารณสุขจังหวัดราชบุรีสัญจร ที่โรงพยาบาลโพธาราม กล่าวปิดประชุมว่า

 "วันนี้ พวกเราทำความดีหลายอย่าง ตอนเช้า โครงการเติมหัวใจให้สังคมชาวราชบุรี ด้วยมูลนิธิ ฉือจี้ ตอนบ่ายประชุมประจำเดือน เร่งทำความดีกันเถอะ ไม่รู้ว่าวันนี้จะเสียชีวิตหรือไม่ เตรียมจักรยานมา ตั้งใจจะขี่กลับประมาณ 30 กม. แต่อาจะไม่ได้ขี่เพราะนัดกับลูกชายไว้ ไม่แน่ขี่จักรยานวันนี้ อาจถึงแก่ชีวิต อาจต้องเสียชีวิต ระหว่างนั่งรถเก๋งแล้วรถคล่ำตาย ป่วยตาย ขี่จักรยานตาย ถ้าตายด้วยจักรยาน อย่างน้อย ชาวจักรยานก็จะรำลึกถึงเราที่งานศพบ้าง ทำให้การขี่จักรยานเพิ่มมากขึ้นบ้าง ยังไง ก็ไม่ประมาท"

         นับเป็นธรรมะจัดสรร โดยแท้ เคยมีความเชื่ออยู่เสมอว่า มนุษย์เกิดมาต้องชดใช้กรรมที่ตนเองทำมา เมื่อสะสมความดีหรือบุญได้ระดับหนึ่ง เจ้ากรรมนายเวรก็จะมาทวงคืน วันนั้นครั้งแรกจะไม่ขี่จักรยานแล้ว แต่ทุกอย่างได้เตรียมการให้ขี่ ต้องขี่ด้วยความรวดเร็ว สติไม่ได้อยู่ที่ความปลอดภัย สติอยู่ที่นาฬิกา และเข็มไมล์จักรยาน หลงทาง อยู่ครู่หนึ่ง ยิ่งทำให้อารมณ์ไม่ดี พอรู้ถนนที่ถูกต้อง ก็เร่งขี่ให้เร็วขึ้น เท้าซ้ายเหยียบที่ถีบจักรยานพาด ทำให้ รถจักรยานแกว่ง และล้มลง นึกว่าเป็นน้อยจะขี่ต่อ ที่ไหนได้ต้องเรียบให้ชาวบ้านไปส่งที่ โรงพยาบาลโพธาราม เย็บแผลบริเวณใบหน้า ทำแผลตามลำตัว ฟันหน้าบิ่น

        ขณะนี่สองอาทิตย์แล้ว หายดีแล้ว กลับไปขี่เพื่อเรียกขวัญตัวเองในเส้นทางเดิมและจุดเดิมเรียบร้อยแล้ว ฝากถึงสมาชิกจักรยานทุกคน ขี่จักรยานทุกครั้ง สติให้อยู่ที่ความปลอดภัย ความปลอดภัยต้องมาก่อนความเร็ว ใจจริง ถึงแม้ว่าตายก็ไม่เสียดายชีวิต คืนแรก ที่ประสบอุบัติเหตุ การภาวนาที่ฝึกไว้ได้นำมาใช้ ทำให้ร่างกายเจ็บแต่ตัวเราไม่ได้เจ็บด้วย คิดอยู่เสมอว่าเลือดที่หลั่งลงดิน ขอให้เป็นการชดเชยให้ชาวจักรยานและครอบครัวทุกคน จงได้ปลอดภัย ดูแลร่างกายให้ดี เพื่อทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินไทยตลอดไป

สวัสดี,

นายแพทย์บุญเรียง ชูชัยแสงรัตน์

นายแพทย์สาธารณสุข จ. ราชบุรี

081-9415586

14/11/2551

จักรยานคันเก่ากับเจ้าของ

ภาพบาดเจ็บตอนอยู่ รพ.โพธาราม  "ยังยิ้มสู้" เหมือนไม่เจ็บ

สองอาทิตย์แล้วแผลเริ่มแห้ง

หมายเลขบันทึก: 222813เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2008 11:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีค่ะ

* นับเป็นผู้พลีชีพเพื่อจักรยานโดยแท้

* หายแล้วลุกขึ้น สู้ ๆ ๆ

* นับถือค่ะ

* ให้สุขกายสุขใจนะคะคุณหมอ

สวัสดีค่ะ...

ใช้จักรยานเช่นกันค่ะ...แต่ทุกวันนี้ปั่นช้าลง ขณะที่ปั่นจักรยานใจจะน้อมลงเบาเบา...ระวังตัวเองมากขึ้น เพราะรถที่สัญจรไปมามักขับกันด้วยความเร็วและเร่งรีบ... ทั้งที่ระยะทางก็ไม่ได้ไกลมากมาย

หลังจากที่มาปั่นจักรยาน... ทำให้เวลาที่ขับรถยนต์ ก็จะระวังเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งเวลาที่ขับสวนกับคนปั่นจักรยาน จะพยายามรบกวนคนปั่นให้น้อยที่สุด เบียดเบียนกันให้น้อยที่สุด และรู้สึกเกรงใจทุกครั้งที่ขับรถสวนคนปั่นจักรยาน เพราะเราพ่นคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ใส่คนปั่นจักรยาน...

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีดีนี้นะคะ

(^___^)

กะปุ๋ม

ขอบคุณสำ หรับกำ ลัง ใจถ้ามี เวลาขอ เชิญมาราชบุรีสว้สดี

เห็นใจชาวจักรยานนะคะ เมื่อไรจะมีถนนจักรยาน

เสียที อยากไปด้วยแต่่กลัวรถยนต์

มาชื่นชมคุณหมอสำหรับ "พลังใจ" อันเข้มแข็งและความตั้งใจมั่น ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงเรื่องนี้นะคะ เห็นแล้วเจ็บเลยค่ะ เจ้าของอาการนี่คงไม่ต้องพูดถึง

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

ความไม่ประมาทเป็นหัวใจของผู้มีสติ

สวัสดีค่ะ อาจารย์....พอลล่าก็ชอบขี่จักรยานแต่ไม่ชอบความเร็วค่ะ ธรรมจัดสรรให้พอลล่าได้พบกับอาจารย์ด้วยค่ะ ..จำได้ไหมคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท