ชุมชนและพลเมืองทุกคนเป็นทูตและเป็นสื่อสร้างสรรค์สังคมได้


'"....จิตใจที่เป็นศัตรูกันนั้น เป็นเงื่อนไขที่ทำให้ทุกอย่างก็แปรเป็นอาวุธสงครามได้หมดทั้งเปิดเผยและสงครามใต้ดิน สงครามคือจิตใจ และกระบี่ก็อยู่ที่ใจ....."

หากเรามีจิตใหญ่ใจกว้างต่อความแตกต่างหลากหลายของสังคมและมุ่งออกไปเรียนรู้โลกกว้างผ่านการทำสิ่งต่างๆในวิถีชีวิตแล้ว ก็มีอีกหลายอย่างที่ผู้คนจะสามารถแลกเปลี่ยนสื่อสารและสร้างความเข้าใจแก่ผู้อื่นในนามสมาชิกของสังคม สามารถเป็นทูตสานสัมพันธ์สิ่งดี และเป็นสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อร่วมสร้างสิ่งดีๆของสังคมไทย เพื่อนบ้าน และนานาประเทศที่เป็นเพื่อนร่วมโลก เป็นพลังการมีส่วนร่วมจากสิ่งที่ทุกคนทำได้

ตัวอย่าง ๑ เพื่อนผมคนหนึ่งเป็นจิตรกรหญิง ในแง่ภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆนั้นก็พอหากินข้าวได้เท่านั้นครับ แต่ในด้านศิลปะ สีน้ำ และการเขียนรูปเพื่อจัดแสดงแบบข้ามประเทศแล้วละก็ เธอสามารถสื่อสะท้อนลมหายใจและจิตวิญญาณทั้งจากสังคมไทยและสังคมที่ไปเยือนทั้งในกลุ่มอาเซียน อินโดจีน และหลายประเทศในยุโรปได้เป็นอย่างดี

โรงแรมชั้นนำบางแห่งทั้งในและต่างประเทศยินดีอำนวยความสะดวกอย่างดีแก่เธอเพียงขอให้เธอไปพักฟรีเป็นเกียรติแก่โรงแรมแล้วขอให้เขียนรูปทิ้งไว้สัก ๑ รูปเพื่อเอาไว้ติดโรงแรมเท่านั้น การดำรงชีวิตโดยอยู่กับการทำงานศิลปะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และในจำนวนที่มีอยู่เป็นจำนวนน้อยของสังคมไทยนั้นก็มีจิตรกรหญิงอยู่เพียงไม่กี่คน ผลงานของเธอจึงมีนัยะต่อการบุกเบิกและเป็นสิ่งหายาก นอกเหนือจากคุณค่าทางศิลปะที่ผู้คนชื่นชอบ

โดยวิธีนี้ เลยทำให้เธอเป็นจิตรกรหญิงในจำนวนไม่กี่คนที่เป็นทูตทางศิลปวัฒนธรรมของไทย-ลาว รวมทั้งร่วมกับนักเขียนต่างประเทศ วาดรูปนครวัดและนครธม วิถีชีวิตของสังคมเวียดนาม ตีพิมพ์เป็นหนังสือเผยแพร่ไปทั่วโลก คนทั่วโลกได้เห็นแง่มุมความสูงส่งและพึงต้องเคารพ ของสังคมและวัฒนธรรมชาวเอเชีย จากภาษาศิลปะและการสื่อจากหัวใจผ่านมือของเธอ

ตัวอย่าง ๒  อีกคนหนึ่งเธอเขียนสีน้ำแล้วแสดงงานและปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมระดับต่างๆทางอินเทอร์เน็ตเพราะในอีกทางหนึ่งเธอต้องดูแลพ่อแม่ผู้ชราและสุขภาพไม่ดีระดับที่ละทิ้งไปไกลหูไกลตาไม่ได้ เธอพูดและเขียนภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ ผมต้องเป็นที่ปรึกษาเธอตอบโต้กับเพื่อนๆต่างประเทศอยู่เป็นเดือน

แต่ความต้องการที่จะสื่อถึงกันเพื่อสร้างความเข้าใจของมนุษย์นั้น แม้แต่ภาษาก็ไม่ทำให้มีข้อจำกัด คนทั่วโลกคุยกับเธอด้วยสารพัดวิธี เพราะจิตใจต้องการเดินเข้าหากัน การสื่อและปฏิสัมพันธ์กันเพื่อสานความเข้าใจอันลึกซึ้งระหว่างกันจึงไม่ได้เป็นแค่ภาษา เลยก็สามารถเคลื่อนไหว ทำงานด้วยกันได้

เดี๋ยวนี้เธอเป็นคนไทยที่เป็นจิตรกรหญิงที่ได้รับการตอบรับเป็นสมาชิกของสมาคมเขียนสีน้ำของอเมริกา ดูเหมือนว่าจะเป็นคนแรกและคนเดียวในขณะนี้ ซึ่งทำให้เธอเป็นเครือข่ายที่มีสมาชิกร่วมเคลื่อนไหวทั้งทางด้านศิลปะและด้านอื่นๆอีกทั่วโลก รวมทั้งในเอเชีย ส่วนในประเทศนั้นก่อนจะหันมาวาดรูป เธอเป็นนักเขียนที่มีนักอ่านระดับประเทศอยู่จำนวนหนึ่ง และเป็นนักเขียนคนดีศรีจังหวัดของบ้านเกิด

ตัวอย่าง ๓  คีตาโร หรือ Kitaro นั้น เป็นชาวญี่ปุ่น ที่ต่อมาอยากเล่นดนตรีด้วยเครื่องดนตรีไฟฟ้าที่เรียกว่าซินติไซเซอร์ (Syntisizer) และเขาทั้งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ อ่านโน๊ตดนตรีไม่ออก เล่นดนตรีตามมาตรฐานไม่เป็น แต่มีหูในการฟังความเป็นดนตรีและสร้างดนตรีเองจากธรรมชาติรอบตัวได้อย่างลึกซึ้ง

เขาสามารถเล่าและถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการให้คนสัมผัสด้วยความรู้สึกด้วยภาษาดนตรี ในขณะที่เพลงและเครื่องดนตรีอยู่ในฐานะเป็นสื่อของเขาเท่านั้น นักดนตรีแบบกระแสหลักขบขันและดูถูกคีตาโรในยุคแรกเริ่มมาก แต่ต่อมาผลงานของคีตาโรก็ทำให้ทั่วโลก รวมไปจนถึงวงการดนตรี ต้องยอมรับและไม่สามารถดูถูกดนตรีจากเครื่องไฟฟ้าได้อีกต่อไป

เขาเป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ผู้แสดงคอนเสิร์ตจากผู้แต่งและผู้เล่นคนเดียว ที่นำเอาการแสดงคอนเสิร์ตด้วยเครื่องดนตรีไฟฟ้า ไปสื่อภาษาจิตวิญญาณระหว่างมนุษย์ด้วยการแสดงดนตรีทั่วโลก และในขณะที่เขาอ่านโน๊ตไม่เป็นนั้น เพลงของเขากลับมีวงแบคอัพที่เป็นนักดนตรีมืออาชีพสุดยอดของโลกเป็นทีม

ทุกครั้งที่แสดงคอนเสิร์ต คีตาโรแก้ปัญหาการสื่อด้วยภาษาอังกฤษไม่ได้โดยการทำคู่มือในการดูและฟังเพลงแต่ละเพลงให้กองบรรณาธิการจำเพาะกิจจัดพิมพ์และแจกจ่ายแก่ผู้ชมให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดง ฉบับที่มีเนื้อหาและรายละเอียดมากก็จัดจำหน่ายแก่บางคนที่สนใจมากกว่าคนอื่น เสวนาและคุยงานทางความคิดผ่านล่าม ไปประเทศไหนก็หาล่ามภาษานั้น และบางครั้งก็ใช้ล่ามสองคน คนหนึ่งเป็นล่ามญี่ปุ่นและอีกคนเป็นล่ามท้องถิ่น

โดยวิธีนี้เขาทำให้ทั้งตนเองและผู้คนทั่วโลกทั้งที่เป็นสังคมที่ใช้ภาษาอังกฤษและสังคมที่มีภาษาของตนเอง ข้ามพ้นความแตกต่างและสื่อภาษาความสะเทือนใจ ทุกข์ร้อน รักและเสียใจเป็นเหมือนกัน ผ่านภาษาความเป็นมนุษย์

เรื่องราวที่สื่อสะท้อนผ่านผลงานเพลง เป็นการศึกษาความคิดและความลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิต ความหมาย และคุณค่าของสรรพสิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวผู้คนของทุกสังคมในโลก

ความเป็นสากลในแง่มุมนี้จึงหมายถึงสิ่งที่มีอยู่โดยพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนที่ต้องค้นพบตนเองและสื่อสะท้อนออกมาอย่างเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุดเพื่อที่ผู้อื่นจะได้ดื่มด่ำและเดินเข้าไปสร้างความสุขและความศานติแห่งจิตใจอันลึกซึ้งด้วยกัน ดนตรี ภาษา จึงเป็นเพียงเครื่องมือและอุปกรณ์ในการไปสู่จุดหมายที่สูงส่งอย่างที่เขาเชื่อเกี่ยวกับศักยภาพของมนุษย์ และความแตกต่างกันทางสังคมก็เป็นเพียงเยื่อบางๆที่กางกั้นอยู่เท่านั้น

คีตาโรแต่งเพลงด้วยการฮัมให้เป็นเสียงพร้อมกับเล่นสดจากเครื่อง Syntisizer แล้วให้เครื่องไฟฟ้าเรียบเรียงโน๊ตเบื้องต้น มอบให้นักดนตรีแกะเพลงของเขาอีกทีหนึ่ง ปัจจุบัน คีตาโรได้ชื่อว่าเป็นคีตกวีของโลกและเป็นแม่บทของดนตรีแนวก้าวหน้ายุคใหม่ของโลก ผมเคยไปดูคอนเสิร์ตของเขาครั้งหนึ่งเมื่อมาเปิดคอนเสิร์ตในประเทศไทยน่าจะกว่าเมื่อ ๒๐ ปีก่อน

บัตรไม่พอขายสำหรับผู้ชมแทบทุกรอบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์แรกๆที่ผู้คนเพิ่งเคยเห็นว่า คนเล่นดนตรีคนเดียวก็แสดงเป็นคอนเสิร์ตได้ และเป็นแม่บทของศิลปินเดี่ยวในหลายด้านในเวลาต่อมา งานของคีตาโรเป็นหนึ่งในตัวแทนทางวัฒนธรรมที่ทำให้สังคมอเมริกาและยุโรปต้องให้การยอมรับคนเอเชียและคนผิวเหลือง

การทำให้ภายในตัวตนของมนุษย์มีความแยบคายต่อกัน และมีจิตใจที่โน้มไปสู่กันก่อน จากนั้น ทุกๆอย่างก็จะถูกเลือกสรรค์ขึ้นมาใช้แก้ปัญหาได้อย่างไม่จำกัด สิ่งที่เป็นปัญหา จิตใจและศักยภาพภายในของมนุษย์ก็จะระดมพลังกันออกมาแก้ปัญหาได้เอง  เหมือน 'รักกันอยู่ฟากฟ้าเขาเขียว เสมือนอยู่หอแห่งเดียวร่วมห้อง ชังกันบ่แลเหลียวตาต่อกันนา เสมือนขอบฟ้ามาป้องป่าไม้มาบัง' (จากโคลงโลกนิต) ในมุมกลับ จิตใจที่เป็นศัตรูกันนั้น ทุกอย่างก็แปรเป็นอาวุธสงครามได้หมดทั้งเปิดเผยและสงครามใต้ดิน ด้วยเช่นกัน 

เพิ่มมุมมองอย่างนี้ขึ้นมาอีก ก็จะทำให้ชาวบ้านทั่วไปก็ยิ่งมีโอกาสร่วมกันเป็นทูตและเป็นสื่อที่สร้างสรรค์ระหว่างสังคมได้มากยิ่งๆขึ้นทุกคน.

หมายเลขบันทึก: 314041เขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2009 08:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

สวัสดีค่ะ

มาเรียนรู้โลกกว้างค่ะ

อาจารย์สบายดีนะคะ

สวัสดียามเช้าครับคุณณัฐรดา สบายดีตามอัตภาพครับ คุณณัฐรดามีงานเขียนออกมาสม่ำเสมอเลยนะครับ คงสบายดีเช่นกันนะครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • การอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยความเข้าใจดีต่อกัน มีความรัก ความเอื้ออาทรต่อกันทำให้สังคมมีความสุขนะคะ
  • บางคนถึงไม่เคยรู้จักกัน  เพียงแค่เห็นรอยยิ้มก็เป็นสุขค่ะ
  • การสื่อสารถึงกัน  ทำได้หลายมิตินะคะ
  • ขอขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีครับคุณครูคิมครับ : การถือหลักใจเขาใจเรา เป็นตัวชี้วัดและเกณฑ์การประเมินสภาวการณ์ต่างๆ รวมทั้งเป็นหลักปฏิบัติต่อกัน เป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้ปัจเจกมีวิธีเปลี่ยนมุมมองจากตัวกู ออกไปเข้าใจจุดร่วมกับ เขา ที่แต่เดิมเมื่อมองจากการเอาตัวกูเป็นตัวตั้งตนคิดว่าเป็นคนอื่น แล้วทำให้เกิดมิติ ความเป็นเรา ที่แผ่ออกเป็นสาธารณะที่กว้างกว่าความเป็นตัวกูของใครของมันของปัจเจก

เมื่อมอง ความเป็นตัวกู | ตัวเขา | คนอื่น | ความเป็นเรา อย่างไม่แยกส่วน แต่มองอย่างเป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลง และมองอย่างเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ก็นับว่าเป็นพัฒนาการของการลดอัตตาตัวกูไปสู่ตัวตนที่มีจิตสำนึกใหม่ๆซึ่งกว้างใหญ่กว่าเดิมเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องเลยนะครับ

เมื่อมองและมีฐานความคิดอย่างนี้ การเรียนรู้ที่บูรณาการการเรียนรู้ทางสังคม ทำให้คนได้ทรรศนะเปิดกว้างต่อตนเองและมีจิตสาธารณะมากยิ่งๆขึ้น อย่างที่เห็นหลายตัวอย่างของคุณครูคิม ก็เหมือนกับเป็นการปฏิบัติธรรมและเป็นการเจริญสติภาวนาที่ผสมผสานอยู่ในการงานและวิถีชีวิตเลยนะครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • การลดความเป็นอัตตา หรือการลอกเปลือกตัวเองให้ถึงแก่น  ทุกคนสามารถทำได้นะคะ  ด้วยความอดทนและฝึกไปทีละน้อย ๆ แต่ขาดสื่อขาดแหล่ง ที่จะมาช่วยเหลือคนบางกลุ่มที่ไม่แสวงหาค่ะ
  • ดิฉันกำลัง  เรียบเรียงการสอนจิตสาธารณะในเด็กค่ะ  ตลอดคนปัญหาอุปสรรคก็คือคนในองค์กรไม่จริงใจในการจัดกิจกรรม 
  • อาจเป็นเพราะจิตสาธารณะเป็นเรื่องติดตัวมาแต่กำเนิด บางคนมีมาก บางคนมีน้อย และบางคนอาจไม่มีเลย  จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืนในการปฏิบัติ
  • ข้อสำคัญ...คนเป็นครูนอกจากจะทำตัวเป็นแบบอย่างแล้ว  ไม่ควรมองข้ามเรื่องการอบรมสั่งสอนเด็กและเฝ้าติดตามผลค่ะ
  • วันนี้ได้ไปอ่านบันทึกของท่าน ดร.แสวง ฯ ก็ได้โจทย์มาคล้าย ๆ กันค่ะ
  • กราบขอบพระคุณค่ะ

ตามมาติด ๆ ครับอาจารย์

อย่าเพิ่งเบื่อก่อนนะครับว่า.......เจ้าหมอนี้เข้ามาทีไร...พูดแต่เรื่องลาว อยู่ตรงชายแดนและอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ก็เห็นจะต้องนำเรื่องใกล้ตัวมาแลกเปลี่ยน และเล่าสู่กันฟัง .......เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสถานการณ์ในขณะนี้ ประเทศเพื่อนบ้านของเราในเวลานี้หรือเวลาไหน ๆ ก็มีก็แต่ลาวนี่แหละครับ ที่ใคร ๆ ก็เห็นตรงกันว่าเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีที่สุด

เพื่อให้ตรงกับหัวข้อนี้.....เรื่องมีอย่างนี้ครับ เมื่อวันที่ 30 เดือนที่แล้ว ผมเข้าไปกรุงเทพฯและทราบว่าพรรคพวกซึ่งทำงานในกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศลาว ได้ย้ายมาประจำสถานเอกอัครรัฐทูตสปป.ลาว ณ บางกอก จึงนัดพบกันและทานข้าวกัน ในระหว่างนั้นได้มีโอกาสสนทนากับท่านเอกอัครรัฐทูตทางโทรศัพท์ด้วย ท่านเชิญให้ผมไปร่วมงานวันชาติลาว (2 ธ.ค.) ซึ่งจะจัดงานในวันที่ 3 บริเวณสถานทูต ในวันดังกล่าวจะมีพี่น้องชาวลาวกลุ่มต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นลาวเวียง/ไทดำ/ไทพวน ฯลฯ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากและทุกปี (หากอาจารย์ทราบและเคยไปร่วมงานแล้ว ผมต้องขออภัยด้วยครับ)

ผมได้เล่าเรื่องของอาจารย์ให้ท่านที่ปรึกษาประจำสถานทูตลาวฟังด้วย และขออนุญาต หากจะเชิญท่านอาจารย์ไปร่วมงาน ซึ่งท่านก็ให้การตอบรับด้วยความยินดี ท่านบอกว่าผมจะเชิญใครไปด้วยก็ได้

การประชุมหรือเข้าร่วกิจกรรมต่าง ๆ กับฝ่ายลาวไม่ว่าจะเป็นทางการ กึ่งทางการหรือแม้แต่ไม่เป็นทางการก็ตามนับว่ามีประโยชน์มาก เราสามารถสร้างความเข้าใจ มีความรัก/ความปรารถนาดีต่อกันได้ แม้ว่าเราจะเป็นประชาชนตามแนวชายแดน เป็นข้าราชการตัวเล็ก ๆ ซึ่งไม่ใช่นักการทูตที่มีการแต่งตั้งไปประจำประเทศนั้น ๆ อย่างเป็นทางการก็ตาม

อีกเวที่หนึ่งซึ่งผมเข้าไปร่วมกิจกรรมด้วยและเป็นเวที่ที่สำคัญ คือ สมาคมไทย-ลาวเพื่อมิตรภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้มีท่านอาสา สารสินเป็นประธานสมาคม และปัจจุบันท่าน ดร.วีระพงษ์ รามางกูร เป็นประธานสมาคม*และเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้แก่รัฐบาลลาวด้วยครับ

สวัสดีครับคุณครูคิม : การให้การเรียนรู้ทางสังคมให้กับชุมชน พลเมือง รวมทั้งการพัฒนาความฉลาดทางสังคมให้แก่เด็กนั้น อาจจะสามารถพัฒนาปัจเจกได้บ้างในแง่วิธีคิดและการสร้างวิถีทรรศนะ ก่อนที่จะออกไปเรียนรู้สังคมและพัฒนาการปฏิสัมพันธ์กับสังคมระดับต่างๆต่อไป

การเรียนรู้บางมิติที่เกี่ยวกับปัจเจกกับความเป็นส่วนรวมนั้น อาจจะต้องขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียนรู้และวิธีเรียนรู้ที่มีลักษณะเฉพาะ เรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นชุมชนและความเป็นสาธารณะนั้น เมื่อเรียนโดยวิธีเรียนรู้คนเดียว เช่นอ่านและศึกษาค้นคว้าจากหนังสือและแหล่งความรู้ต่างๆที่ไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบข้างและความเป็นจริงของสังคม กับการเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นด้วยกระบวนการที่เหมาะสม เช่น เรียนรู้เป็นกลุ่มและชุมชนเรียนรู้ในแนวราบและผ่านการปฏิบัติเชิงสังคม เหล่านี้ จะต่างกันนะครับ

เปรียบได้กับการเก็บข้อมูลเรื่องความเป็นส่วนรวมเหมือนกัน แต่โดยวิธีสัมภาษณ์คนคนเดียว หรือให้คนคนเดียวนั่งกรอกแบบสอบถามแต่โดยลำพังแล้วนำมารวมกัน กับการให้กลุ่มคนระดมความคิดเป็นกลุ่ม ปรึกษาหารือ และสร้างข้อสรุปออกมาร่วมกัน ก็จะให้ผลไม่เหมือนกัน ดังนั้น การทำให้คนได้ประสบการณ์การเรียนรู้ทางสังคม หรือการนำเอาสถานการณ์ทางสังคมมาเรียนรู้ให้ได้ตัวปัญญาที่ดี ก็นับว่าเป็นการเรียนรู้เพื่อการดำเนินชีวิตที่สำคัญมากนะครับ 

ขอบพระคุณคุณสมบัติมากเลยครับ ผมไม่เคยไปหรอกครับ แต่ว่าขอเรียนรู้ผ่านคุณสมบัติก็แล้วกันนะครับ เคยคุยกับเพื่อนและภรรยาเหมือนกันครับว่า จะทำงานสะสมไว้สำหรับจัดนั่งคุยกับหมู่คนที่ชอบเหมือนกัน เมื่อได้พอสมควรแล้ว ก็ค่อยไปเที่ยวลาว เขมร หรือเวียดนามสักนานๆครั้ง พอได้ไปก็เก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆมาจัดนั่งคุยและแบ่งปันกันในหมู่มิตรที่เมืองไทยอีก ทำนองนี้น่ะครับ ตอนนี้ก็เหมือนกับซ้อมทำอยู่ในประเทศไปก่อนน่ะครับ

การเรียนรู้ด้วยการเปิดใจ ให้สังคมเป็นองค์กรการเรียนรู้ตลอดชีวิต

เดี๋ยวนี้เห็นวิทยุชุมชน เปิดโอกาสให้ชาวบ้าน เด็กๆ มีส่วนร่วมนับเป็นนิมิตหมายที่ดีนะคะ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์เรื่องราวเปิดโลกกว้างนี้ค่ะ

ขอบพระคุณคุณpoo ด้วยเช่นกันครับ ผมเองก็ได้เรียนรู้และเปิดโลกกว้างด้วยเช่นกันครับ อย่างกรณีการแลกเปลี่ยนบทเรียนกับคุณครูคิมและคุณสมบัติ ฆ้อนทองนี้ก็เช่นกันครับ อันที่จริงมีแง่มุมที่คุยสร้างความรู้ให้กัน แล้วก็ทำบรรยากาศในนี้ให้คนที่เข้ามาอ่านได้ในสิ่งที่ตนเองเห็นแบบครูพักลักจำได้มากเลย 

มาเยี่ยมอาจารย์ครับ

ผมชอบคีตาโรมากครับ...

แวะมาแจมดนตรีแห่งไมตรีจิตค่ะ..^__^..

สงสัยว่า ใบไม้ฯ จะได้ไปชมคอนเสิร์ตคีตาโรรุ่นเดียวกับอาจารย์ ที่จัดที่สวนหลวง ร.๙ ใช่ไหมคะ จำได้ว่าไปชมกับเพื่อนพ้องน้องพี่ชุมนุมศิลปะการแสดง มธ. สมัยเป็นนักศึกษา ความที่ซื้อบัตรราคาถูก มองเห็นคีตาโรเป็นจุดเล็ก ๆ อยู่ไกล ๆ แต่เสียงดนตรีก็ได้อารมณ์ในท่ามกลางความหนาแน่นของผู้ชม คนเยอะมาก ๆ เลยค่ะ

ตัดตอนคำสัมภาษณ์พระไพศาล วิสาโล จากหนังสือ "ไม่มีคำว่าสายเกินไป" มาฝากค่ะ เห็นว่าเข้ากันได้ดีกับบันทึกนี้ของอาจารย์

"ถาม : เคยอ่านพบหลักธรรมในศาสนาชินะว่า ในการสวด "โอม..สันติ สันติ สันติ" ของเขานั้น หมายถึงการมีสติในสามระดับ คือกับตัวเอง กับสังคมโลก และกับธรรมชาติและจักรวาล ทำให้เกิดความคิดว่าการจะสร้างสันติที่ยั่งยืนในสังคม แรกสุดเลย เราต้องสร้างสันติกับตัวเอง ถ้าเรายังไม่พอใจ โกรธขึ้งบีบคั้นตัวเอง เราจะมีสันติกับคนอื่นได้อย่างไร

ตอบ : ถูกต้อง คนเราถ้ามีความทุกข์ในใจ ความทุกข์นั้นก็จะล้นทะลักออกมาสู่ผู้อื่น  ก็ทำให้ผู้อื่นมีความทุกข์ตามมา คนเราถ้ามีความสุขแล้วย่อมยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อยิ้มแย้มแจ่มใสก็สัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น... ถ้าคนเรามีความสงบสันติกับตัวเอง ความกลมกลืนกับผู้อื่นก็เป็นไปได้ง่าย ทุกวันนี้เราทะเลาะกับคนอื่นเพราะว่าเราทำร้ายตัวเองก่อนเป็นเบื้องแรก ด้วยความโกรธ ความโกรธมันเผาจิตใจ แล้วในที่สุดเราก็ไปอาละวาดกับคนอื่น"

สวัสดีครับหนานเกียรติ : หากไม่คิดว่าเปรียมมวยแบบแบกน้ำหนักคนละไฟต์กันเกินไปละก็ หนานเกียรติมีพื้นความสนใจและวิถีปฏิบัติแบบเส้นทางคีตาโรเหมือนกันนะครับ แต่ผมก็รู้เรื่องราวเขาน้อยมาก

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าเขาเป็นผู้ให้มุมมองและความรู้สึกใหม่ๆชนิดที่กล้าเล่นมากๆเลยคือ การเล่นไวโอลินไฟฟ้า และการบรรเลงกลอง ในส่วนไวโอลินไฟฟ้านั้น เขาทำให้การเล่นดนตรีกับอรรถรสและสุนทรียภาพจากความเป็น Performer ลงตัวอย่างที่สุด มันไม่ใช่การเดี่ยวไวโอลินธรรมดาๆ แต่เป็นการจัดวางที่ออกแบบและเล่นกับองค์ประกอบหลายเรื่อง ซึ่งทำให้ความเป็นดนตรีไม่ได้สื่ออารมณ์ออกมาจากเสียงและจังหวะความเงียบเท่านั้น แต่ออกมาจากความเป็นการ Performance ของนักไวโอลินราวกับการ่ายรำของตัวโน๊ต

การบรรเลงกลองนั้น คีตาโรขนกลองญี่ปุ่นขนาดใหญ่ขึ้นเครื่องบินไปแสดงทั่วโลกด้วย จังหวะที่เขาลั่นกลองและลีลาการตีกลองนั้น โคตรอลังการและเป็นศิลปะอย่างคิดไม่ถึง เสียงกลองของเขาทำให้การนั่งฟังของเราทั้งโรงแสดงคอนเสิร์ต กลายเป็นเหมือนลอยอยู่กลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ เสียงกลองขนาดใหญ่ ทุ้มต่ำ ให้การสัมผัสกับมวลมหึมาและกังวาลเหมือนเสียงของเอกภพ ตั้งแต่นั้นมาผมก็เห็นคนนำเอากลองมาเล่นแบบคีตาโรเพียบจนถึงทุกวันนี้ทั้งในไทยและต่างประเทศ ผมว่าคนที่วางขนบไว้คือคีตาโร

 

มาพร้อมกับเย้นลมหนาวมาเยือนเลยเชียวคุณใบไม้ย้อนแสง สบายดีนะครับ ดีใจจริงๆ

คงจะเป็นคอนเสิร์ตคนละครั้งแหละครับ ครั้งที่ผมไปดูนั้นยังไม่มีสวนหลวง ร ๙ เลย ตอนนั้นไปดูที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยหลังจากเพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปีครับ สภาพรอบๆยังเหมือนเป็นนอกตัวเมืองอยู่เลย ไปดูคนเดียวครับ แต่ดูเหมือนว่าได้เจอศาสตราจารย์นายแพทย์ไกรสิทธิ์ ตันติสิรินทร์ ของมหาวิทยาลัยมหิดลไปดูกับลูกของท่านด้วย ที่จำได้เพราะได้คุยกับท่านรอเวลาการแสดงอยู่เป็นนานและประทับใจตรงที่นึกไม่ถึงว่าจะได้ไปเจอท่านในงานคอนเสิร์ตครั้งนั้นแล้วได้สัมผัสด้านที่เป็นความสุนทรีย์จากคนที่ผมคุ้นเคยแต่ในด้านความเป็นนักวิทยาศาสตร์และเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย

สวัสดีค่ะ มาหาความรู้เพิ่มเติมค่ะ

สวัสดีครับคุณวันเพ็ญแห่งบ้านตะวันฉาย : ผมรู้สึกคุ้นๆนะครับ ไม่รู้ว่าเคยมาศึกษาดูงานกันที่บ้านตะวันฉายและเครือข่าย HIV หรือว่าได้อ่านจากหนังสือนะครับ ยินดีต้อนรับและขอบคุณที่เข้ามาเยือนกันครับ

สวัสดีวันศุกร์ค่ะ

มี Cottage Rose มาฝากค่ะ (เพิ่งโพสต์สดๆร้อนๆเลย)

 

ขอบคุณคุณณัฐรดาจังเลยครับ นานๆได้เห็นงานแนวนี้ของคุณณัฐรดานะครับ

                    

เห็นทีไรก็ต้องบอกว่าเฉียบทุกที ขอให้มีความสุขในวันศุกร์สุดสัปดาห์เช่นกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท