เวทีมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๕
ผมเพิ่งได้ไปร่วมเวทีมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ในครั้งที่ ๕ นี้นี่เอง ต้องขอขอบคุณทางทีมงาน GotoKnow ที่ได้ชักชวนให้ได้ไป ผมไปสายนิดหน่อยเพราะได้เข้าไปที่มหาวิทยาลัยและไปผ่านเรื่องร้องขอต่างๆในการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในคณะฯให้กับกรรมการที่เกี่ยวข้องที่เขาจะต้องพิจารณาต่อไป เสร็จแล้วจึงค่อยได้รีบไปยังที่ประชุมที่บางกอกคอนเวนชั่น ห้างเซนทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว แต่ก็โชคดีไปอย่าง เนื่องจากพอเกินเก้าโมงเช้าแล้วรถในกรุงเทพฯก็จะไม่ค่อยติด ทำให้ไปถึงที่ประชุมก่อน ๑๐ โมงและยังทันได้เข้าไปฟังการบรรยายพิเศษของศาสตราจารย์อิคุจิโร โนนากะ Professor Dr.Ikujiro Nonaka [๑] ในช่วงที่กำลังสรุปแนวคิดที่สำคัญๆและแนวโน้มการบูรณาการกันของการจัดการความรู้กับการบริหารจัดการในองค์กรสมัยใหม่ทั้งภาคธุรกิจของอุตสาหกรรมและในสถาบันวิชาการแถวหน้าของโลกและของญี่ปุ่น
ภาพที่ ๑ : ทีมผู้จัดจาก GotoKnow จัดข้อมูลภาพแสดงบรรยากาศของเวทีเทือกเขาปันปันผ่านติดรูปแนะนำวิทยากรและกิจกรรมที่ทุกท่านทำ เป็นการทำ Community Profile ที่พัฒนาการสื่อแสดงด้วยภาพถ่ายและการดิสเพลย์ในแนว Creative มาก
ผมได้เจอกับครูของผมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.เนาวรัตน์ พลายน้อย หัวหน้าภาควิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งหลังจากได้ร่วมกิจกรรมการแนะนำสาระการเรียนรู้บนเวทีมหกรรมต่อจากการบรรยายพิเศษของศาสตราจารย์โนนากะแล้ว ก็เลยได้เดินสำรวจไปทั่วบริเวณรอบๆก่อน อาจารย์เป็นทีมประเมินและจัดการความรู้ให้กับเครือข่ายที่เข้าร่วมเวทีมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติในครั้งนี้หลายหน่วยงาน ทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิต มูลนิธิสยามกัมมาจล และธนาคารไทยพาณิชย์ ปตท. สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา และอีกหลายองค์กรที่มาร่วมเวที ระหว่างที่เดินก็ได้เจอผู้คนมากมายไปด้วย ได้คารวะ ดร.สุวัฒน์ เงินฉ่ำ จากกระทรวงศึกษาธิการและสภาการศึกษาแห่งชาติ ได้เจอพี่ใหญ่ : พี่นงนาท สนธิสุวรรณ มูลนิธิสยามกัมมาจล และน้องๆ พี่ๆ กับคนทำงานแนวนี้จากทั่วประเทศอีกหลายคน
ภาพที่ ๒ : ซ้าย รองศาสตราจารย์นายแพทย์จิตเจริญ ไชยคำภา จากภาควิชารังสี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และขวา ดร.ชิว : ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสมาชิกก่อตั้งชมรมคนรักมวลเมฆ ของประเทศไทย
ภาพที่ ๓ : ทีมงานของ GotoKnow ซึ่งเป็นคนรุ่นเยาว์แต่ทำงานเก่งมาก โดยเฉพาะการประสานงานเพื่อกิจกรรมวิชาการและการจัดเวที ขวาสุด : เอก จตุพร วิศิษฐ์โชติอังกูร นักศึกษาปริญญาเอก สาขาประชากรศึกษา คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อดีตเคยเป็นหมออนามัยอยู่ในหมู่บ้านชาวเขาในแหล่งกันดารอยู่ ๗ ปี เป็นหมอที่ชาวเขาในหมู่บ้านหลายดอยให้ความเคารพนับถือ ทำคลอดให้กับเด็กๆทุกคนในหมู่บ้านชาวเขาและชาวเขาขอให้เขาตั้งชื่อให้ลูกเป็นเครื่องแสดงความรำลึกถึง ลูกหลานชาวเขารุ่นใหม่เกือบทั้งหมดจึงคลอดจากมือของเขาและมีชื่อที่เขาตั้งให้ จตุพรเป็นบล๊อกเกอร์ GotoKnow และเป็นผู้ดำเนินการเสวนาแทนอาจารย์ ดร.จันทวรรณ ปิยะวัฒน์ซึ่งติดภารกิจกระทันหัน
ภาพที่ ๔ : ดร.ชิวพับกระดาษเป็นรูปนกเพนกวินให้ผมหนึ่งตัว เสร็จแล้วเราก็คุยกัน ดร.ชิวเล่าถึงความเป็นมาของวิธีพับนกเพนกวินนี้ว่ามาจากนักฟิสิกส์ญี่ปุ่นคนหนึ่ง[๒] ดร.ชิวเป็นคนอ่างทอง และโดยความเชี่ยวชาญนั้น ดร.ชิวเชี่ยวชาญทางวัสดุศาสตร์ ทว่า ก็มีความสนใจรอบด้านและเชื่อมโยงกันไปสู่การใช้งานต่างๆได้เป็นอย่างดี จึงเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความบูรณาการอยู่ในตนเองอย่างยิ่ง ที่สำคัญคือความเป็นผู้มีอัธยาศัย นอบน้อม และเป็นสภาพแวดล้อมที่มีพลังให้ความบันดาลใจมากอย่างยิ่ง คุยกับ ดร.ชิว ๕ นาทีจะเหมือนอ่านโลกหนังสือหรือเนชั่นแนลจีโอกราฟิค ๕ ปีและดูการแสดงงานศิลปะ ๕ งาน
เดินได้สักครู่หนึ่งก็พอจะประมาณได้ว่าไม่มีทางที่จะเดินได้ทั่วหากไม่เดินอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักครึ่งวัน พอดีกับทีมงานของ GotoKnow ก็ชวนเชิญให้วิทยากรและกลุ่มที่จะขับเคลื่อนเวทีเสวนาของเทือกเขาปันปัน : ยิ่งให้ยิ่งได้รับ ไปนั่งเตรียมการเสวนาด้วยกัน การเสวนากันของเวที GotoKnow ๑ ชั่วโมงในช่วงบ่ายจึงค่อนข้างจะลงตัว พอดีๆ และเสร็จสิ้นลงด้วยความประทับใจ จากนั้น ผมก็เดินออกไปดูบอดร์ดนิทรรศการ ร้านหนังสือ แต่ก็ไม่สามารถแวะเวียนเข้าไปดูในเวทีย่อยได้อย่างทั่วถึง ซึ่งดูแนวคิดที่เขาแนะนำบนเวที รวมทั้งดูรูปแบบในการจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อม จำลองวิธีจัดการความรู้ในเงื่อนไขแวดล้อมต่างๆแล้วก็เป็นที่น่าสนใจมาก
ผมเคยไปร่วมการประชุมและจัดนิทรรศการทางวิชาการในลักษณะที่ทำเป็นมหกรรมอย่างนี้อยู่บ้างที่ศูนย์ประชุมไบเทคบางนาบ้าง ศูนย์ประชุมของเมืองทองนิเวศน์บ้าง ห้องประชุมของเอสแค็ปบ้าง และอื่นๆ ซึ่งมีความพร้อมของสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการจัดประชุมและการแสดงออกทางวิชาการมาก ทว่า เมื่อเห็นการจัดขึ้นที่ห้องประชุมในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองหลวงอย่างนี้ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดและแออัดกว่ามาก แต่ก็เห็นนัยสำคัญของการจัดกิจกรรมทางความรู้ที่รุกเข้าไปในพื้นที่สำหรับการดำเนินชีวิตของคนในเมือง และเห็นสัญญาณแผ่วๆของการบูรณาการกันระหว่างกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนารสนิยมทางสุขภาพ ตลอดจนการพัฒนาการเรียนรู้และการแสวงหาความรู้ เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คน
ความเป็นห้างสรรพสินค้าในสังคมของประเทศกำลังพัฒนานั้น มิใช่เป็นที่เดินซื้อของเท่านั้น ทว่า เป็นแหล่งที่สามารถสนองตอบและให้หลายอย่างแก่คนทั่วไปในเวลาเดียวกัน ทั้งเพื่อทำกิจกรรมใช้เวลาว่าง ทำภารกิจส่วนตัว เห็นความเคลื่อนไหวของสังคม ได้ประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต ได้หาแรงบันดาลใจเพื่อออกไปสู่วงจรการทำการงานและดำเนินชีวิต ทั้งของปัจเจก กลุ่มปัจเจก และครอบครัว จึงเป็นแหล่งเข้าถึงรสนิยมของการใช้ชีวิตและพัฒนาไลฟ์สไตล์ของผู้คนได้เป็นอย่างดี การบูรณาการความรู้และวัฒนธรรมทางปัญญาในบรรยากาศและกาละเทศะอย่างนั้น บางที อาจจะดีกว่าทุ่มเทอัดทุกอย่างลงไปในห้องเรียนของเด็กๆและกดดันคนหนุ่มสาวในมหาวิทยาลัย ก็ได้
น่าเสียดายที่ถ้าหากไม่เพียงใช้เป็นที่ประชุม แต่ร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าไปเลยในการจัดให้เป็นเทศกาลที่กลมกลืนกับเนื้อเดียวกันกับการเดินห้างและการออกมาใช้ชีวิตกับกิจกรรมนอกบ้านของคนในสังคมเมือง ความรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ก็จะเริ่มเข้าไปให้ความหมายใหม่ๆกับการออกมาเดินซื้อและบริโภคสินค้า ก็จะเพิ่มโอกาสให้งานจัดการความรู้และวัฒนธรรมการเรียนรู้ผสมผสานไปกับไลฟ์สไตล์ของคนในสังคม ทำให้มีการปฏิสัมพันธ์และมีโอกาสเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และเข้าถึงความรู้ได้มากยิ่งๆขึ้น
ภาพที่ ๔ : ศาสตราจารย์ ดร.อิคูจิโร โนนากะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความรู้ระดับโลก เป็นผู้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับทุนมนุษย์ ทุนทางสังคม และทุนทางความรู้ที่ร่วมสมัยกับการนำเสนอแนวทฤษฎีสังคมวิทยาและความเป็นชุมชนกับทุนมนุษย์ในองค์กรสมัยใหม่หลังยุคอุตสาหกรรมของปีเตอร์ ดรัคเกอร์ Peter Drucker แต่วิธีคิดของศาสตราจารย์โนนากะจะสะท้อนวัฒนธรรมญี่ปุ่นและของโลกตะวันออกซึ่งไม่ได้ผ่านขั้นตอนความเป็นสังคมอุตสาหกรรมแบบอเมริกาและยุโรป อีกทั้งเป็นแนวทฤษฎีที่ทำให้องค์กรทำงานมีมิติความเป็นชุมชน เป็นแหล่งให้ชีวิตเติบโตงอกงาม มีความเป็นมนุษย์และเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
ความเคลื่อนไหวและแนวโน้มของภาคการผลิต ภาคปฏิบัติ กับการจัดการความรู้
ศาสตราจารย์ ดร.อิคูจิโร โนนากะ ถ่ายทอดทั้งแนวคิดและนำเอาความเคลื่อนไหวของสังคมที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งสร้างความรู้และการจัดการองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อบูรณาการกระบวนการเรียนรู้และงานสร้างทุนทางปัญญาเข้ากับกระบวนการผลิตอย่างกลมกลืน ท่านแสดงให้เห็นวิธีคิดในการให้ความหมายต่อภาคแรงงานในทรรศนะใหม่ๆ โดยมองแรงงานการผลิตเป็นทุนมนุษย์[๓] พร้อมกับผสมผสานแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการแรงงานและกรรมาชีพที่ให้นัยสำคัญบางประการต่อการพัฒนาแนวคิดและวิธีบริหารจัดการองค์กรในแนวทางใหม่ๆ
ภาพที่ ๕ : มุมมองใหม่ต่อแรงงานและการยกระดับของทฤษฎีความรู้ในแนวของกลุ่มความคิดและกลุ่มทฤษฎีปฏิบัตินิยม
ภาพที่ ๖ : การก่อเกิดเป้าหมายร่วมและวิถีผู้นำในการสร้างความมีเห้าหมายร่วมกันผ่านการให้เหตุผลที่บูรณาการไปกับกระบวนการปฏิบัติและการสนทนากันของคนทำงาน
ในภาพรวมของประเทศ การจัดการความรู้ทั้งในภาาครัฐและภาคเอกชนยังคงดำเนินไปในแนว Goal Oriented และ Specific Objective-Based หรือการถือเอาเป้าหมายและวัตถุประสงค์เฉพาะกิจ เฉพาะสถานการณ์ทั้งในระดับองค์กร ระดับประเทศ และระดับสากล เป็นตัวตั้ง โดยเฉพาะการมุ่งสู่การบรรลุกรอบมาตรฐานแบบต่างๆ ซึ่งก็เหมือนกับเป็นกลไกการควบคุมตนเองให้สะท้อนประเด็นสังคมไปบนการมุ่งผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้นในการดำเนินงานขององค์กร
กระนั้นก็ตาม ก็เริ่มมีบางองค์กร เช่น การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยที่ใช้รูปแบบผสมผสานและเริ่มให้น้ำหนักการจัดการความรู้เพื่อบริหารจัดการอย่างเป็นพลวัตร มีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปทั้งระบบอยู่ตลอดเวลาเพื่อก่อเกิดพัฒนาการที่สื่อสะท้อนสังคมและสภาพแวดล้อมในมิติต่างๆอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์สำคัญในสถานการณ์หนึ่งๆก็เปลี่ยนแปลงไปในเชิงคุณค่าและความหมายไปด้วยได้เสมอ
อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้ว การจัดการความรู้ของหน่วยงานและองค์กรภาคธุรกิจเอกชนในเวทีมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๕ นี้ เริ่มเห็นภาพของความเป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมต่อการรับผิดชอบสังคมในทิศทางและแนวโน้มใหม่ๆทั้งหลากหลายและเข้มข้น องค์กรสาธารณะขนาดใหญ่ดำเนินงานการจัดการความรู้ที่ไปได้ไกลมากกว่าการสร้างความสัมพันธ์กับความเป็นส่วนรวมด้วยโครงการที่แสดงความรับผิดชอบในเชิงการตลาดและโฆษณาโน้มน้าวอย่างไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะเห็นการดำเนินงานที่เป็นการลงทุนสร้างคน สร้างทุนมนุษย์ ลงทุนสร้างเด็ก สร้างความรู้และกิจกรรมทางปัญญา ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่อิสระออกจากภารกิจเพื่อบรรลุจุดหมายเชิงธุรกิจขององค์กร และนับว่าเป็นสัญญาณความเคลื่อนไหวของการจัดการความรู้ เพื่อสนองตอบต่อภาวะอันพึงประสงค์ในแนวทางใหม่ๆของสังคม
ภาพที่ ๗ : หมู่มิตร ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องน้องพี่ทางจอคอมพิวเตอร์ เมื่อเจอกันก็เสวนากันกันราวกับเป็นเวทีทำงานบุญทางความรู้ของผู้ที่คุ้นเคยและเคารพนับถือกัน จากซ้าย : หนานเกีนรติ, พี่ใหญ่ : นงนาทสนธิ สุวรรณ, ภรรยา หนานเกียรติ อาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร ทับแก้ว, ครูคิม ทิพวรรณ เจริญพงศ์,คุณอุ้มบุญ บล๊อกเกอร์ GotoKnow และสมาชิกคนปลูกผักกินได้ และขวาสุดคือป้าแดง บล๊อกเกอร์ของ GotoKnow
เวที GotoKnow
เทือกเขาปันปัน :
ยิ่งให้ยิ่งได้รับ
บทบาทของบล๊อกเกอร์และเทคโนโลยีการจัดการความรู้บูรณาการสังคมออนไลน์กับชุมชน
ผมได้ปัญญามากมายจากการเสวนาและการได้พบปะแหล่งประสบการณ์หลากหลายจากเวที ในการเสวนาของเวที GotoKnow นั้น กล่าวจำเพาะในแง่การเรียนรู้ไปด้วยกันในบริบทของสังคมไทย ผมก็เห็นวิธีการที่พอเพียง เหมาะสม ค่อยเป็นค่อยไป ของการบูรณาการวิทยาการและเทคโนโลยีในการจัดการความรู้ และการระดมพลังชุมชนระดับต่างๆเพื่อสร้างความเป็นส่วนรวมดังที่พึงประสงค์ด้วยกันของกลุ่มคนหลากหลาย ผมเห็นวิธีเรียนรู้เพื่อทำงานวิชาการและวิธีจัดการความรู้เพื่อเดินออกจากโลกความเป็นศูนย์กลางของผู้เชี่ยวชาญไปหาชาวบ้านทั่วไปผ่านการเรียนรู้สภาพแวดล้อมธรรมชาติของทุกคนดังเช่นเครือข่ายชมรมคนรักมวลเมฆ
ชมรมคนรักมวลเมฆทำให้ทรัพยากรวิชาการอย่าง ดร.ชิว เพียง ๑ คน สามารถใช้ความรู้และประสบการณ์ของตนเองซึ่งมีอยู่ในคนเพียงจำนวนไม่มากนักของประเทศ พร้อมกับเข้าถึงและจัดการความรู้ในแหล่งต่างๆจากทั้งโลก จากนั้น ก็เลือกสรรย่อยอย่างพิถีพิถันเข้าสู่สังคมไทยด้วยวิธีการนำเสนอที่รอบด้านและชวนให้ใคร่เรียนใคร่รู้อย่างน่าอัศจรรย์ เชื่อมต่อสามัญสำนึกและจิตวิญญาณรากเหง้าของผู้คนทั่วไปได้อย่างสนิทแน่น ขณะเดียวกัน การปฏิบัติการผ่านวิธีสร้างเครือข่ายนั้น ก็ทำให้เห็นผู้คนจากหลากหลายสาขาทั่วประเทศ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ได้พากันร่วมกับ ดร.ชิว ทำให้ใต้ท้องฟ้าของประเทศไทยกลายเป็นห้องเรียน ที่ใครก็ได้ ก็สามารถเข้ามาสื่อสารและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องราววิทยาศาสตร์ธรรมชาติผ่านการดูเมฆบนท้องฟ้าด้วยกันแทบทุกวัน พร้อมกับเชื่อมโยงไปสู่ความสนใจต่างๆอีกรอบด้าน บล๊อกและสื่อออนไลน์อย่างGotoKnow ช่วยให้ทำอย่างนี้ได้
ผมเห็นวิธีการของอาจารย์หมอ JJ รองศาสตราจารย์นายแพทย์จิตเจริญ ไชยคำภา แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการสอนนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาทั้งหลักสูตรปริญญาและหลักสูตรบุคลากรประจำการเพื่อให้มีทักษะความเข้าใจปรากฏการณ์ปัญหาและความเป็นจริงในโลกของสรรพสิ่งบนความเป็นมนุษย์ วิชาและวิธีคิดในลักษณะนี้ผมเคยได้ยินครูแพทย์เก่าๆ เช่น ท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ ดร.ณัฐ ภมรประวัติ (ถึงแก่กรรมแล้ว) แห่งมหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงในโอกาสต่างๆอยู่เสมอว่าเป็นวิชา Human Skill ที่จะทำให้แพทย์และคนมหิดล มีความเข้าใจผู้อื่นและทำงานเพื่อเป็นมหาวิทยาลัยแห่งปวงชน อาจารย์หมอจิตเจริญท่านมุ่งอุทิศตนสอนด้วยความเป็นครูแห่งชีวิต และเนื่องจากหลายอย่างต้องทำไปด้วยใจ อีกทั้งวางอยู่บนเงื่อนไขจำเพาะของกรณีต่างๆที่มีพลวัตรไปอยู่เสมอ อาจารย์ก็ใช้บล๊อกและสื่อออนไลน์เป็นคลังเก็บบันทึกประสบการณ์และสร้างเป็นคลังความรู้สำหรับพัฒนาการเรียนการสอนในแนวทางที่ต้องพึ่งตนเองเป็นอย่างสูงในลักษณะดังกล่าว
ภาพที่ ๘ : ผู้เขียน, พี่นงนาท สนธิสุวรรณ, คุณหมู เพื่อนดร.ชิว, เอก จตุพร วิศิษฐ์โชติอังกูร, และ ดร.ชิว บัญชา ธนบุญสมบัติ
ผมได้เห็นครูหยุย ถึงความมีอาวุโสทั้งประสบการณ์ วัยวุฒิ และความมีบทบาทต่อสังคมไทยทั้งในภาคประชาชนและในภาคการเมืองที่เพิ่งเข้ามาเขียนบล๊อกและใช้สื่อออนไลน์เพื่อถ่ายทอดบทบาท และใช้ความเป็นผู้มีประสบการณ์มากแล้วในอีกบทบาทหนึ่งเหมือนกับเป็นครูอาจารย์และพี่เลี้ยงหรือ Mentor ของมหาวิทยาลัยเปิดบนสื่อ GotoKnow ครูหยุยอิ่มตัวและมีสื่อเป็นเครือข่ายเคลื่อนไหวสังคมในเรื่องสาธารณะต่างๆด้วยกันมากมาย ทว่า ในบล๊อก GotoKnow นี้ ก็ได้ใช้เป็นช่องทางในการเข้าไปปฏิสัมพันธ์กับผู้เริ่มต้นและผู้มีแววในการเดินออกมาจากความเป็นส่วนตัวของตนเองมาเชื่อมต่อกับโลกกว้างใน GotoKnow ครูหยุยกำลังส่งไม้ต่อกับผู้คนที่ได้มีโอกาสแบ่งปันเรียนรู้กันในบล๊อกและทอดตนเองลงเพื่อเดินเป็นเพื่อนกับอีกหลายคนให้ได้เติบโตทางประสบการณ์เพื่อริเริ่มและทำสิ่งดีๆในสังคมด้วยตนเองในอนาคต
ในส่วนบทเรียนจากประสบการณ์ของผมนั้น ผมเสนอวิธีออกไปเชื่อมต่อกับคนที่กำลังทำงานและชาวบ้านในชุมชนต่างๆผ่านการเป็น Mentorship และ Facilitator บนสื่อออนไลน์ในรูปแบบเว็บบล๊อก เพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และสร้างความรู้ขึ้นจากวิถีชุมชนในเงื่อนไขใหม่ๆ พร้อมกับเรียนรู้เพื่อพัฒนาวิธีนำเสนอและบันทึกเก็บรวบรวมไว้ในเว็บบล๊อก ด้านหนึ่งก็จะทำให้มีประสบการณ์ตรงของสังคมอย่างกว้างขวางเอาไว้สอนนักศึกษาและพัฒนาการวิจัย ซึ่งก็ย่อมสะท้อนสภาวการณ์ความเป็นจริงของสังคมและดีกว่าสอนความรู้อย่างเดียว ถ้าหากออกไปแสวงหาด้วยตนเองนั้น ก็ไม่มีทางที่จะได้ทั้งความรอบด้านและสามารถลงลึกไปถึงบทเรียนของชุมชนหลากหลายทั่วประเทศ อีกทั้งเป็นปัจจุบันไปกับพลวัตรของสังคมได้อยู่ตลอดเวลา ดังที่กำลังทำได้ผ่านเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ได้ใช้ GotoKnow ช่วยบูรณาการและค่อยๆเชื่อมโยงให้หลายสิ่งดำเนินไปอย่างส่งเสริมเกื้อหนุนกันได้นี้
ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็เป็นรูปแบบใหม่ๆของการบริการทางวิชาการแก่สังคมที่เราอาจเลือกสรรและเสริมกำลังการเรียนรู้ของสังคมและชุมชนระดับต่างๆในอันที่จะใช้ความรู้ที่สร้างขึ้นได้เองและการตัดสินใจที่ดีนำการเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ เพื่อทำให้โลกแห่งความรู้และการเรียนรู้ทั้งในและนอกความเป็นมหาวิทยาลัย มีความบูรณาการและเข้าไปเสริมกำลังการพัฒนาตนเองของสังคมเหมือนกับการเตรียมวัตถุดิบและทรัพยากรวิชาการให้คนทั่วไปได้ใช้เมื่อนึกถึงและเกิดความจำเป็น ในส่วนที่เราทำได้และสะสมมาจากประสบการณ์ชีวิตของตนเอง
ผมได้ใช้บล๊อกสะสมภาพได้มากกว่า ๒,๐๐๐ ภาพ ทั้งภาพถ่าย การ์ตูน ภาพวาดและรูปเขียนจากข้อมูลวิจัย ที่สามารถทำเป็นสื่อการเรียนการสอน สื่อสิ่งพิมพ์ อีกทั้งเป็นข้อมูลทำวิจัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็บันทึกสะสมความรู้เชิงกระบวนการต่างๆไว้อีกกว่า ๑๕๐ บันทึกใน ๑๒ หัวข้อ ซึ่งยินดีให้คนทำงาน เด็กนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ นักวิจัย และคนทั่วไป นำไปใช้ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งเชื่อมโยงทรัพยากรทางวิชาการในมหาวิทยาลัยและคนที่มุ่งทำงานแนวนี้ ให้เข้าไปใกล้ชิดกับชุมชนและสังคมท้องถิ่นเพื่อเสริมเข้ากับแนวทางอื่นๆในการเป็นกำลังพัฒนาตนเองของปัจเจกและชุมชนโดยเฉพาะในชนบท ให้สอดคล้องกับความจำเป็นต่างๆได้มากยิ่งๆขึ้น นึกได้ก็ทำมากกว่าที่จะเรียกร้องให้ใครต้องทำ แต่หากมีผู้สนใจเข้ามาอ่านศึกษาค้นคว้า ก็จะได้ต่อเติมและเสริมพลังปฏิบัติให้กันไปเอง ซึ่งก็จะเพิ่มโอกาสและทางเลือกอันหลากหลายให้แก่สังคมได้มากยิ่งๆขึ้น
เป็นการสร้างเครือข่ายผ่านการให้วิธีคิด ให้ทักษะเชิงกระบวนการ และให้เครื่องมือทำงานความรู้ที่ผ่านการใช้ทำงานได้จริงในทางปฏิบัติ เพื่อยกระดับสิ่งที่กำลังทำด้วยตนเองของคนจำนวนหนึ่งที่เข้าอินเทอร์เน็ตและเขียนบันทึกในเว็บบล๊อกได้ รวมทั้งสนใจทำชีวิตให้เป็นวิถีแห่งการเรียนรู้ ให้สามารถสร้างความรู้และบันทึกประสบการณ์ รวบรวมความรู้ท้องถิ่นและภูมิปัญญาจากฐานชีวิตชุมชน จัดว่าเป็นการให้ความสามารถและวิธีปฏิบัติ ในสิ่งซึ่งปรกติหากไม่มีวิธีการและเทคโนโลยีที่จะสามารถผสมผสานกันได้หลายมิติและหลายระดับเข้าช่วยอย่างนี้ ก็มักจะต้องจำกัดตนเองให้ถ่ายทอดได้ก็แต่กับคนเรียนมหาวิทยาลัยและคนทำงานในบางสาขา ทว่า เมื่อช่วยกันทำได้อย่างนี้ ก็ยิ่งจะเป็นการร่วมกันทำบุญและให้ทานทางปัญญาแก่สังคมได้ด้วยตนเองให้มากยิ่งๆขึ้น ก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมส่วนรวมในที่สุดอีกทางหนึ่งนั่นเอง.
.......................................................................................................................................................................
เชิงอรรถและหมายเหตุบทความ :
[๑] ศาสตราจารย์ ดร.อิคูจิโร โนนากะ จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ เป็นคณบดีศูนย์วิจัยด้านความรู้และนวัตกรรม (CKIR) ที่ Helsinki School และอีกหลายแห่ง เป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดการความรู้ของญี่ปุ่นและระดับโลก แนวคิดที่สำคัญมี ๗ ประการ คือ ๑.สร้างวิสัยทัศนเกี่ยวกับความรู้ ๒.สร้างทีมจัดการความรู้ ๓.สร้างบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเข้มข้นในกลุ่มพนักงานระดับล่าง ๔.การจัดการความรู้บูรณาการไปกับกิจกรรมพัฒนาสินค้า ๕.เน้นการจัดการองค์กรที่มีพนักงานระดับกลางเป็นพลังขับเคลื่อน ๖. เปลี่ยนองค์กรไปเป็นแบบพหุบท และ ๗.สร้างเครือข่ายความรู้กับโลกภายนอก
แนวคิดของ ศาสตราจารย์โนนากะ เป็นการผสมผสานแนวคิดของ ปีเตอร์ เซงเก้ (Peter Senge) และ ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ (Peter Drucker) ผู้นำเสนอแนวคิดองค์กรแห่งการเรียนรู้ซึ่งเป็นที่ยอมรับแพร่หลายทั่วโลก โดย ปีเตอร์ เซงเก้ เป็นผู้นำเสนอโมเดลการจัดการความรู้ด้วยวิชา ๕ อย่าง (The Fifth Disicpline) และ ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ เป็นนักกฏหมายแต่นับว่าเป็นผู้บูรณาการสังคมวิทยาและศาสตร์หลายแขนงสู่การบริหารจัดการองค์กร แนวคิดทั้งของศาสตราจารย์อิคูจิโร โนนากะ ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ และปีเตอร์ เซงเก้ มีจุดเน้นที่สอดคล้องกันคือเน้นสร้างคน พัฒนาการเรียนรู้และให้ความเข้าใจตัวตนของคนอย่างถ่องแท้ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการจัดการความรู้เพื่อสร้างนวัตกรรมขึ้นจากกลุ่มบุคลากรที่เป็นแรงงานกับผู้บริหารระดับกลาง รวมทั้งเน้นภาวะผู้นำเป็นกลุ่มก้อนและมิติชุมชนในองค์กรสมัยใหม่ ซึ่งไอทีและเทคโนโลยีต่างๆจะถูกระดมมาใช้อย่างบูรณาการในภายหลัง
[๒] ผู้เขียนเคยไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นและได้เข้าร่วมกิจกรรมการจัดดอกไม้แบบอิเคบานะ ของญี่ปุ่นซึ่งเป็นกิจกรรมทางศิลปะที่เป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นและมีผู้สนใจทั่วโลก ทำให้ได้ทราบวิธีคิดของคนญี่ปุ่นอย่างหนึ่งว่า การพัฒนาตนเองไปอย่างสูงสุดนั้น จะให้ความสำคัญกับภาวะ ซาโตริ มาก ภาวะซาโตริ นั้น เทียบได้กับความเป็น สุญญตา นิพพาน ความเป็นอิสรภาพหลุดพ้นจากความเป็นวัตถุและความเป็นเหตุผล บางแห่งจะเรียกว่าความไร้ซึ่งเหตุผล ไม่ใช่ความไม่มีเหตุผล แต่เป็นภาวะไร้ซึ่งเหตุผลด้วยวิถีแห่งปัญญา ซึ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่นจะมีวิถีปฏิบัติเหมือนกับวิถีแห่งมรรค ๘ เพื่อเป็นการศึกษาและฝึกฝนปัญญาระดับที่เกินจะเข้าถึงได้ด้วยวิธีการทางวัตถุและวิธีการทางเหตุผลโดยสร้างเงื่อนไขให้ปัจเจกเข้าสู่ภาวะดังกล่าวด้วยตนเอง เรียกว่าเป็นวิถีแห่งมรรค หรือวิธีซึ่งเน้นกระบวนการอันเป็นปัจจัยเชิงสาเหตุตั้งแต่การทำความคิดและการทำในใจ หากเทียบกับหลักคิดในพุทธธรรมก็คือวิธีคิดซึ่งเน้นการปฏิบัติที่มาจากการคิดให้แยบคายแล้ว ซึ่งมีอยู่หลายวิถี เช่น การเขียนบทกวีให้เห็นภาวะย้อนแย้งและหลุดกรอบ วิถีจัดดอกไม้ วิถีแห่งชาและการชงชา วิถีกระบี่ซามูไร เหล่านี้เป็นต้น แต่ละคนและในสาขาอาชีพต่างๆก็อาจจะมีวิธีการที่เหมาะสมไปตามเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป การฝึกเขียนพู่กันและอักษร การเขียนบทกวี การจัดงานพบปะและกิจกรรมชงชา การทำงานศิลปะพับกระดาษและพับผ้า การเล่นดนตรี เหล่านี้ จึงเป็นวัฒนธรมที่มีอยู่ในหมู่ปัญญาชนและในครอบครัวของชาวญี่ปุ่นทั่วไป เพราะถือว่าเป็นวัฒนธรรมการกล่อมเกลาปัญญาและฝึกฝนความเป็นศิลปะวิทยาให้ลึกซึ้ง
การพับกระดาษ หรือ Origami อย่างที่ ดร.ชิว เผยแพร่ให้กับผู้สนใจทั่วไปไปด้วยนี้ เป็นวิถีแห่งศิลปะ ซึ่งในญี่ปุ่นนับว่าเป็นการปฏิบัติทางปัญญาที่พัฒนาก้าวหน้าเป็นอย่างสูง เป็นการฝึกฝนระดับการจัดวางทางความคิดและการออกแบบองค์ประกอบทั้งหมดให้ลงตัว ทุกสิ่งมีความหมาย มีคุณค่า และมีความสมบูรณ์อยู่ในตนเอง ขณะเดียวกันก็เป็นองค์ประกอบสร้างมิติความเป็นซึ่งกันและกันให้เป็นองค์รวมเหนือความเป็นส่วนย่อยทั้งหมด ซึ่งจะเหนือกว่าความเป็นทฤษฎีและเหตุผล ผู้มุ่งความเป็นเลิศสูงสุดของตนเองในทุกแขนงจะใช้เป็นวิธีทำงานความคิด ก่อนที่จะออกแบบและแปรสู่การปฏิบัติระดับทฤษฎีหรือการจัดวางองค์ประกอบทางวัตถุและกายภาพอีกทีหนึ่ง ความสำคัญในการฝึกและพัฒนาการศึกษาเรียนรู้ให้แก่พลเมืองในวิถีทางดังกล่าวของญี่ปุ่นจะเห็นจากการสะท้อนอยู่ในการ์ตูน อิกคิวซัง : เณรน้อยเจ้าปัญญา ซึ่งก่อนการตัดสินใจต่างๆทุกครั้งนั้น อิกคิวซังจะต้องนั่งสมาธิและมีวงแหวนสัญลักษณ์ทางปัญญาญาณผุดขึ้นเหนือศีรษะ สื่อการ์ตูนดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อเป็นสื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้ประชาชนเข้าถึงวิธีคิดต่อกระบวนการทางปัญญาในระดับเหนือความเป็นเหตุผล รวมทั้งส่งเสริมให้พลเมืองใช้วิถีแห่งวิจารณญาณและปัญญาในการแก้ปัญหา (อย่างไรก็ตาม ในหลักการนั้นจะสอดคล้องกับวิธีคิดแบบเซน แต่แนวทางของเซนนั้น จะไม่ส่งเสริมวิธีนั่งสมาธิ แต่จะเน้นวิธีการที่ผสมผสานกับการงานและการดำเนินชีวิตจริงๆ)
[๓][๔] ในทางเศรษฐศาสตร์การเมืองและทางสังคมวิทยาการผลิตนั้น'แรงงาน' ถือเป็นพลังการผลิตและพลังอำนาจของมนุษย์ที่ติดตัวมาอยู่โดยธรรมชาติทุกคน แต่แนวคิดดังกล่าวก็อาจจะไม่เป็นจริง เพราะในความเป็นจริงนั้นกำลังการผลิตกลับจะไปอยู่ที่การสะสมทุน จากนั้น จึงใช้ทุนที่เหนือกว่าลงทุนภาคการผลิตต่างๆเพื่อทำผลกำไรมากยิ่งๆขึ้นต่อๆไปอีก การมีโอกาสและเข้าถึงสิ่งต่างๆได้มากจึงไม่ใช่หมายถึงการเป็นผู้ได้ทำมาก แต่กลับเป็นการทำแต่น้อยให้ได้กำไรสะสมมาก ในที่สุดก็จะมุ่งแต่ผลประโยชน์ ลดการลงทุน เพิ่มผลกำไร และมองข้ามการดำรงอยู่ของคนส่วนใหญ่ การต่อสู้กันระหว่างทุนกับแรงงานจึงเป็นแรงกดดันและมีธรรมชาติที่จะก่อเกิดโครงสร้างความรุนแรงอยู่ในระบบของสังคมทุนนิยมได้อยู่เสมอ แนวคิดทฤษฎีทุนมนุษย์ (Human Capital) และความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization : LO) จึงจัดว่าเป็นแนวคิดหนึ่งของการทำให้เป้าหมายการมุ่งผลกำไรทางธุรกิจได้พัฒนาการไปสู่การถือเอาคนและสังคมเป็นตัวตั้ง สามารถบูรณาการเป้าหมายทางธุรกิจกับมิติอื่นๆของสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ไปด้วยกันอย่างสมดุลมากขึ้น
สวัสดีค่ะ
ยายคิมกลับถึงบ้านแล้วเมื่อตี ๔ ค่ะ ไม่ใช่เวลานอนอีกด้วย จึงมาเปิดหน้าจอพบบันทึกของอาจารย์พอดี
ดีใจมากค่ะที่ได้เจออาจารย์ จากการที่ตั้งใจมานานแล้วก็พลาดไปทุกครั้ง งานนี้ยิ่งใหญ่มากในการแบ่งปันค่ะ
ได้รับความรู้จากศาสตราจารย์โนนากะ "การจัดการความรู้" ไม่มีเครื่องแปลแต่อ่านจากหน้าจอค่ะ
ได้เข้าไปชมและฟังอาจารย์วรภัทร และ อาจารย์ประพนธ์ ห้อง "ศิราณี" เก็บเกี่ยวเต็มที่เลยค่ะ
ตอนที่เข้าไป "เทือกเขาปันปัน" ยังไม่ได้พบอาจารย์เลยนะคะ แต่ฟังอาจารย์พูดถึงบนเวที "คิดว่าจะให้ยืนโชว์ตัวเสียแล้ว" ฮา ๆ ๆ ๆ
ได้แต่สาระวนกับการลากไปลากมาให้เข้ากล้อง จึงมีเวลาทักทายกันน้อยมาก สำหรับอาจารย์วิรัตน์ "ยายคิมได้โจทย์การบ้านที่พอใจ" มากค่ะ
ไม่ทราบจะเขียนบันทึกตอบแทนการแบ่งปันได้อย่างไรดี
ยิ่งให้ ยิ่งได้รับจริงๆค่ะ
ชอบอ่านงานของอาจารย์ อ่านแล้วได้ข้อคิดดีดีเสมอค่ะ
ขอบคุณนะคะ
สวัสดีครับคุณครูคิมครับ
สวัสดีครับคุณแก้วครับ
สวัสดีค่ะ อ.วิรัตน์
ดีใจมากๆ ค่ะ ที่งานในครั้งนี้ได้มอบสิ่งดีๆ ให้แก่ผู้ร่วมงาน
หนูเองก็เสียดายมากๆ ที่ไม่ได้ไปร่วมงานนี้ เพราะคิดว่าต้องพลาดโอกาสเจอ Blogger หลายท่าน
หนูและทีมงานต้องขอบคุณวิทยากรทุกท่านที่ได้เข้าร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ ในงานเสวนาครั้งนี้
ขอบคุณอาจารย์วิรัตน์ด้วยเช่นกันค่ะ
ขอบคุณค่ะ :)
อ่านบันทึกของอาจารย์แล้ว เหมือนได้สัมผัสอยู่ใกล้ๆขอบเวทีเลย
สวัสดีค่ะอาจารย์
ไม่ได้มาร่วมงาน
ตามอ่านอย่างเดียวเลยค่ะ
มีกุหลาบมาฝากด้วยค่ะ
อ้าว รูปไม่ขึ้น ฝากอีกรอบค่ะ
สวัสดีครับคุณมะปรางเปรี้ยว
ทีมของ GotoKnow ใช้ได้เลยนะครับ สมาร์ทครับ เรียนรู้และพัฒนาวิธีทำงานในแนวอย่างนี้นั้นน่าชื่นชมมากนะครับ ดูปราดเปรียว มีความเป็นธรรมชาติ รู้เรื่อง ตื่นตัว และจัดการได้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆอยู่เสมอ ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นคนรุ่นเยาว์ก็จริงแต่ภาวะผู้นำดีและเป็นงาน
เรียน ท่านพี่อาจารย์ วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ;)
ผมอ่านบันทึกนี้ทุกตัวอักษรด้วยความอิ่มเอมใจ
และรู้สึกถึงคุณค่าที่ได้รับอย่างมากมาย
ให้ 5 ดาว (ไก่ย่าง) เลยแล้วกันนะครับ
มีหลายอย่างที่ผมเพิ่งทราบ เช่น เรื่องการทำคลอดของคุณเอก พี่ชิวเป็นคนอ่างทอง คำว่า ครูแห่งชีวิตของอาจารย์หมอ JJ ความเป็นพี่เลี้ยงคนในวงการการศึกษาและอื่น ๆ ใน G2K และ การเก็บความจากการรับรู้ รับสาร และถ่ายทอดโดยท่านพี่เอง
ครบถ้วน น่าติดตาม และหัวใจพองโตอย่างที่สุดของความงดงามที่ยังมีอยู่ในสังคมเรา
ขอบคุณครับท่านพี่ ;)
สวัสดีครับอาจารย์ขจิตครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแลครับ
อาจารย์วิรัตน์ สวัสดีครับ
บันทึกได้แจ่มสุดๆ เลยครับ ทั้งภาพใหญ่ & รายละเอียดปลีกย่อย อาจารย์นอกจากจะทำ KM ได้แล้ว ยังจัดการเวลา (TM = Time Management) ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย (ตอนอาจารย์เขียนบันทึกนี้ ผมไปเฝ้าพระอินทร์อยู่...อิอิ ;-))
สวัสดีครับคุณณัฐรดาครับ
สวัสดีครับอาจารย์ Wasawat Deemarn ครับ
สวัสดีครับ ดร.ชิวครับ
สวัสดีครับอาจารย์ขจิตครับ
ตอนนี้ ผมกำลังบ้า ปิแอร์บูดิเยร์อยู่ครับ แนวคิดแฮปิตัท
อยากอ่าน-อยากอ่าน เล่าให้ฟังหน่อยครับ มันเป็นยังไงล่ะครับ
*ขอบคุณค่ะ..พี่ยินดีที่ได้พบอาจารย์และกัลยาณมิตร G2K อย่างอบอุ่นราวกับคุ้นเคยกันมานานมาก..
*นับเป็นช่วงเวลาที่ได้ทั้งการแบ่งปันความความรู้ และการสนทนาประสาพี่-น้อง ที่เกิดอย่างธรรมชาติของมิตรภาพดีๆนะคะ..
ภาพบนเวทีจากกล้องน้องคิม
สวัสดีครับพี่นงนาทครับ
ดีใจมากๆครับที่ได้พบและคุยกับพี่ รู้สึกได้ถึงความเย็นและความเต็มออกมาจากข้างในเพื่อแบ่งปันออกมาให้น้องๆและคนรอบข้างเลยนะครับ เห็นประสบการณ์ งาน และกิจกรรมต่างๆที่พี่ทำ โดยเฉพาะการมีจิตใจให้กับคนรุ่นอ่อนอาวุโสไม่ว่าจะเป็นใครอย่างพิถีพิถัน ทั้งถ่ายทอดความคิดและเป็นพี่เลี้ยงให้ได้คิดและทำสิ่งต่างตามความสนใจอย่างเป็นตัวของตัวเอง ก็พูดได้อย่างเดียวว่านับถือและขอคารวะครับ
ทราบจากเข้าไปอ่านบันทึกของครูคิมว่าพี่ได้พาน้องๆไปนั่งคุยและกินข้าวด้วยกันด้วย ดีจังเลยนะครับ
ติดตามอ่านบันทึกของอาจารย์ เเละ เพื่อนๆก่อนครับสำหรับคืนนี้
วันนี้ผมเป็นผู้ดำเนินรายการ session สุดท้ายที่โซนประภาคารเกื้อกูล..
รู้สึกเหนื่อยมากครับ ทั้งๆที่ไม่ได้ออกเเรง(กาย)
กลับมาก็ต้องพักผ่อนเเล้วครับ
วันนี้ผมก็กะว่าจะได้ไปสักหน่อย แต่ช่วยนักศึกษาแก้ไขวิทยานิพนธ์และทำอื่นๆจิปาถะ ทำไปทำมาก็เกือบบ่ายสองโมงแล้ว กว่าจะเดินทางถึงก็คงจะเลิกงานแล้ว เลยไม่ได้ไป เสียดาย
สวัสดีค่ะ
ฝากภาพมาให้ค่ะ ซูมสุด ๆ และมาแก้คำผิดด้วยค่ะ ชื่อ "นพวรรณ พงษ์เจริญ" ค่ะ
วันนี้ ต้องออกเดินทางไปหนองบัว จ.นครสวรรค์ ครับ
แวะมารายงานตัว ครับ
ขอบคุณสำหรับกิจกรรมดี ให้ได้ติดตามตลอดครับ
สวัสดีครับป้าแดงครับ
สวัสดีครับคุณครูคิมครับ
สวัสดีครับคุณต้นกล้า
เออาบล๊อกมาฝากป้าแดงนะครับ
ชอบชื่อที่ทำงานของป้าแดงที่หนองคายนะครับ 'ศูนย์พัฒนาคุณภาพการคิดและจิตใจ'
เรียน ผศ.ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ครับ...
สวัสดีค่ะ
Krudala เข้ามาอ่านบันทึกของอาจารย์ ได้ความรู้มากมาย และได้รู้จักกับบล๊อคเกอร์ Gotoknow หลายท่าน
ขอบคุณบันทึกดีๆค่ะ
ฝากภาพเมฆจาก"ฟ้างามที่ลำพูน"ค่ะ
สวัสดีครับครูดาหลาครับ
บรรยากาศยามเย็นอย่างนี้ขณะเดินทางหรือเสร็จการงานนี่ เหมือนกับเป็นช่วงถอนหายใจเลยนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ดีใจที่ได้พบอาจารย์นะค่ะ ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของการให้นะค่ะงานนี้หนูได้รับอะไรหลายๆอย่าง หนูจะเขียนบันทึก AAR นะค่ะ
สวัสดีครับคุณอาร์ม ทีมงานของ GotoKnow ทำงานหนักเลยนะครับ เป็นทีมงานที่เล็กกระทัดรัด แต่ถือว่าทำงานเวทีระดับชาติได้ความสำเร็จอย่างงดงามนะครับ
ขอบคุณรูปถ่ายที่นำมาแบ่งปันนะครับ
ผมไม่ค่อยมีจังหวะถ่ายรูปเองเลย ต้องขออนุญาตรวบรวมไว้เป็นที่ระลึกความประทับใจนะครับ
ยินดีเลยค่ะอาจารย์ ยังมีภาพความประทับใจอีกหลายๆภาพ แล้วหนูจะนำมาฝากนะค่ะ
ขอบคุณหลายเจ้าอาร์ม
สวัสดีค่ะ อ.วิรัตน์
ดีใจมากค่ะ ที่ได้มีโอกาสไปร่วมงานในครั้งนี้ได้รับสิ่งดีๆ มากมาย
ต้องขอบคุณวิทยากรทุกท่านที่ได้เข้าร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ ในงานเสวนาครั้งนี้
ขอบคุณอาจารย์วิรัตน์มากค่ะ ที่รวมรวมองค์ความรู้ ได้เป็นบทสรุปถึงการได้รับมาวันนั้นค่ะ
เป็นน้องใหม่ในวงการ ที่พยายามสมัครเข้ามาแลกเปลี่ยนหลายรอบแล้วไม่สำเร็จ
ขอบพระคุณมากค่ะ
ยินดีต้อนรับ
และขอให้ป้าพลอยมีกำลังใจมากๆครับ
สวัสดีครับท่านสิงห์ป่าสักครับ
ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ ขออภัยที่ไม่ได้ไปร่วมงานค่ะ http://gotoknow.org/blog/think/411139
น้องๆทีมทำงานของอาจารย์ทำงานกันเก่งและวางใจได้เลยนะครับ คงทำกันเต็มที่เพื่อให้กำลังใจและช่วยแบ่งเบาความทุกข์ใจของครอบครัวอาจารย์ทั้งสองท่านนี่เอง
เจ้าสาวถาม :แหวนนี้ท่านได้แต่ใดมา
ผมตอบ : อาจารย์วิรัตน์ท่านให้ ฮ่าๆๆ
เจ้าสาวถามอีก : ทำชอบสิ่งไดฤา ไม่เห็นบอก
ท่านอาจารย์ก็ตอบอีก : เราเห็นตัวอักษร ว ตกหาย ท่านเลยให้ไปหา ม? ฮ่าาาาา
สวัสดีค่ะอาจารย์ พลาดงานครั้งนี้เลยได้มาติดตามสาระจากการประมวลของอาจารย์ ขอบพระคุณค่ะ
ได้ยินชื่ออาจารย์จากคุณเอก-จตุพรมานาน ขอถือโอกาสคารวะมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ตัวเองได้ใช้ SECI Model ของโปรเฟสเซอร์โนนากะในงานวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกในการอ่านพลวัตภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย ซึ่งโปรเฟสเซอร์ที่เป็น Director of Thesis นั้นเป็นคนฝรั่งเศสที่ชื่นชมแนวคิดโปรเฟสเซอร์โนนากะ และ กำลังแปลแนวคิดเรื่อง Phronetic เป็นภาษาฝรั่งเศสอยู่ ขนาดนุชจบมาหลายปีแล้วท่านยังเมล์มาให้ศึกษาแนวคิดนี้ท่านบอกว่าคล้ายกับแนวคิด Local Wisdom ของไทยมาก แต่ก็ไม่ได้ขวนขวายหาอ่านได้มาอ่านทราบว่าแนวคิดเป็นอย่างไรจากอาจารย์นี่แหละค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
ขอคารวะอาจารย์ ดร.ยุวนุชเช่นกันครับ
ผมได้อ่านงานวิจัยวิทยานิพนธ์ของอาจารย์ด้วยนะครับ
ดูเหมือนจากที่นำมาออนไลน์ในนี้หรืออย่างไรนี่แหละครับ
ชอบการเขียนถ่ายทอดในทุกเรื่องของอาจารย์ดร.ยุวนุชมากนะครับ
เหมือนดูงานศิลปะและอ่านงานวรรณกรรมเลยละครับ
ขอบพระคุณที่มาเยือนกันครับ