ปกติในหนึ่งสัปดาห์ผมจะมีผู้เฒ่าหรือผู้อาวุโสวัย 75 ปีที่เป็นที่เคารพนับถือกันแวะเวียนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเป็นประจำ ท่านเป็นผู้ทรงภูมิปัญญาในความคิดผม อดีตเคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัดพัทลุง(สจ.)เขตอำเภอเขาชัยสน และท่านรอบรู้หลายอย่างเช่นเรื่อง การเมือง การเกษตรโดยเฉพาะเรื่องยางพารา ทั้งพันธ์ยาง การปลูก การแปรรูปยางแผ่นรมควัน และการตลาดของยางพารา เวลานั่งคุยกันบางครั้งผมต้องตะโกนเพราะสังขารมันอยู่นานแล้ว หูมันไม่ค่อยได้ยิน ท่านบอกว่ายมบาลส่งจดหมายมาเตือนแล้ว และเกือบทุกครั้งผมจะบันทึกเรื่องราวไว้ในแผนที่ความคิด วันนี้ผมขอถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในพุงของ "น้าหนิด" คือ คุณสนิท ณ พัทลุง กัลยาณมิตรผู้สูงวัยของผม
การปลูกยางพาราเท่าที่คุยกับน้าหนิดนั้นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือลักษณะดิน ต้องมีน้ำมันดินหรือที่เรียกว่าอินทรีย์สารหรือฮิวมัส ส่วนใหญ่ที่อำเภอตะโหมดบริเวณแนวเทือกเขาบรรทัดจะเป็นป่าใหญ่หรือป่าที่อุดมสมบูรณ์ทั้งพันธ์ไม้ พันธ์สัตว์ และดินชั้นล่างถัดจากหน้าดินเป็นดินลูกรังสีแดงสด ดินลักษณะนี้เหมาะกับการปลูกยางพาราหลายพันธ์เช่น 600 พันธ์ 24 พันธ์พีบี ฯ (เรียกกันในภาษาถิ่นใต้) และอีกอย่างการปลูกยางพาราทางใต้ไม่ต้องรดน้ำ ฝนตกบ่อยมาก
การปลูกพืชคลุมดินจำพวกพืชตระกูลถั่วน้าหนิดว่าเป็นสิ่งจำเป็น ได้ปุ๋ยโดยไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องออกแรงใส่ แต่อาจจะต้องเข้าไปดูแลบ่อยขึ้นเพราะเถาพืชคลุมจะเลื้อยพันต้นยางอ่อน อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง แต่เดี๋ยวนี้เขานิยมปุ๋ยเคมีมากว่าเพราะง่ายต่อการใส่และก่อนใส่ปุ๋ยก็ฉีดยาฆ่าหญ้าลูกเดียวไม่ต้องยั้ง ผลก็คือดินไม่มีชีวิตตายถาวร ที่ผมสนใจมากก็คือน้าหนิดว่าต้นยางพารา ต้นต้องได้ขนาดวงรอบ 60 เซนติเมตรขึ้น ไปถึงกรีดได้ ดี ใบต้องมากรากแก้วต้องลึกและรากฝอยที่โผล่พ้นดินต้องเยอะ ถึงน้ำยางจะข้นและได้มากต่อวัน ผมก็ไม่ค่อยเชื่อตามไปดูที่สวนน้าหนิด นำยางออกมากจนล้น จอกเบอร์ 1 ถ้าให้ดีต้องตัดวันเว้นวันและต้องคัดเลือกคนตัดที่มีฝีมือด้วย
พอไปถึงบ้านน้าหนิดท่านก็หยิบสมุดเก่าๆให้ผมดูปรากฏว่าเป็นตัวเลขน้ำหนักน้ำยางในแต่ละสวนที่บันทึกไว้อย่างละเอียดทุกวันเป็นเวลาหลายปี เพื่อเอาไว้ดูการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักน้ำยางและการเปลี่ยนแปลงราคาในแต่ละวัน ผมทึ่งมากจึงไม่แปลกเลยที่น้าหนิดจะรู้เรื่องกลไกตลาดยางด้วย เป็นกระบวนการของงานวิจัยอย่างหนึ่งของน้าหนิดที่มีความรู้เดิมแค่ ป.4
ผมคุยเรื่องยางพารากับน้าหนิดบ่อยครั้ง พอดีมีที่ดินนาว่างอยู่แปลงหนึ่งก็ชวนกันไปดู และเริ่มปลูกตามวิธีที่ได้ ลปรร.กับน้าหนิดคิดว่าน่าจะได้ผล โดยหลักๆ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้ยาฆ่าวัชพืช ปลูกกล้วยน้ำว้าแซมระหว่างต้นยางเพื่อเพิ่มความชื้นให้ดินและปลูกพืชคลุมเพิ่มปุ๋ยที่ไม่ต้องซื้อไม่ต้องใส่ อาจจะมีไม้เนื้อแข็งโตเร็วประเภทสะเดาช้าง กระถินเทพา หรือต้นตำเสา ฯ หรือไม้ไผ่ป่าด้วยก็น่าจะดี ไม้ไผ่ก็ได้ขายลำ ขายหน่อ ไม้อื่นๆ สัก 20 ปี ก็ได้เอาไว้ทำบ้านให้ลูก ๆ ส่วนกล้วยได้ขายก่อนเสริมรายได้ และเป็นอาหารเสริมด้วยโดยมีแนวคิด ว่า พืชก็ต้องมีสังคมพืช ไม้ต่างเรือนยอดกันต้องการแสงแดด แร่ธาตุอาหารต่างกัน และไม้ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เรียกว่าเป็นการปลูกป่าแต่เป็นการปลูกป่ายางพารา ฟื้นให้ดินมีชีวิต ฟื้นเศรษฐกิจให้ครอบครัว เป็นความยั่งยืนที่น่าเรียนรู้ในยามที่ยางพาราแพงทั้งต้นทั้งน้ำยาง
บอกก็ทำไม่ถูกอยู่ดีขอเวลาเรียนรู้สักหน่อยส่วน F2F น้าหนิดเดี๋ยวจัดให้ รับรองติดใจ
รูปน้าหนิดให้ดูกันเต็มๆๆๆ
เป็นกัลยาณชนที่น่ารักมากครับ เรื่องราวของท่านยังมีอีกเยอะจะพยายามถ่ายทอดมาให้หมดพุง ครับ
ขอบคุณ อ.ขจิต มากครับที่พยายามช่วยเหลือ สงสัยคงต้อง F2F กับทีมงานเร็ว ๆ นี้ แล้วสาธิตกันเลยสักครั้งนะครับ
ขอบพระคุณอาจารย์หมอมากครับ แต่อาจารย์เรียกผมว่าพี่หรอย ผมตอบถูกไม่เลยครับ จะพยายามเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และจะทยอยเรื่องราวที่บันทึกไว้ในแผนที่ความคิด ออกมาตีพิมพ์ ใน gotoknow ครับ
การใช้ ไคโต-พลัสในสวนยาง
ประโยชน์และการใช้งาน
1. ช่วยให้ต้นยางเล็กเจริญเติบโตเร็วขึ้น
2. ช่วยแก้ปัญหาหน้ายางแห้งด้วยการผสมกับดินแดงทาหน้ายาง
3. ทำให้หน้ายางนิ่มกรีดง่าย น้ำยางออกดี น้ำหนักยางมากขึ้น
4. ลดการเกิดปัญหาจากราดำ ราขาว และหน้ายางแตก
อัตราการใช้
1. ต้นยางอายุ 1 ปี ใช้อัตรา ไคโต-พลัส 10 ซี.ซี.+ไบโอฟาร์ม 20 ซีซี /น้ำ 20 ลิตร พ่นที่ใบและลำต้น เดือนละครั้ง
2. ต้นยาง อายุ 2-5 ปี ใช้ไคโต-พลัส 10 ซี.ซี.+ไบโอฟาร์ม 20 ซีซี /น้ำ 20 ลิตร พ่นที่ใบและลำต้น เดือนละครั้ง เสริมด้วยวาฬน้ำเงินอัตรา 20 ซี.ซี. / น้ำ 20 ลิตร พ่นลงดิน รอบๆบริเวณทรงพุ่มเดือนละครั้งเช่นกัน
3. ต้นยางที่กำลังกรีดยาง ใช้ไคโต-พลัส 10 ซี.ซี.+ไบโอฟาร์ม 20 ซีซี /น้ำ 20 ลิตร พ่นที่ลำต้น และลงดินรอบๆบริเวณทรงพุ่ม ( ห่างจากโคนต้น ~ 1 - 1.5 เมตร ) เดือนละครั้ง
4. การทาหน้ายาง ใช้ไคโต-พลัส 5 ซีซี. / น้ำ 200 ซี.ซี ผสมกับดินแดง 1 ก.ก. ทาหน้ายาง พร้อมทั้งฉีดพ่นลำต้นและลงดิน รอบๆ ทรงพุ่ม ใช้ไคโต-พลัส 20 ซี.ซี.+ไบโอฟาร์ม 20 ซีซี /น้ำ 20 ลิตร
ปลูกยางโดยไม่กำจัดวัชพืชได้หรือไม่