"๖๐ ปีในหลวงบนดอยไตแลง" คือคำตอบว่า คนไทยควรรักในหลวงมากกว่าและดีกว่าที่คนอื่นรักไหม ?


หลังจากการเดินทางข้ามอำเภอ ผมเองยังไม่ได้กลับบ้านพักผ่อน แต่เลือกขี่รถตรงมายังร้านหนังสือประจำตัวในอำเภอเมือง เชียงใหม่

ผมเลือกต้อนรับค่าตอบแทนการสอนภาคพิเศษให้กับตัวเองโดยการเลือกซื้อหนังสือที่ตัวเองอยากอ่านจะกี่เล่ม ก็ต้องดูว่า มีความอยากอ่าน อยากรู้เรื่องราวในหนังสือเล่มนั้นแค่ไหน

เอาล่ะ หลังจากการเดินอยู่ 1 ชั่วโมงเศษ ผมเลือกได้แล้ว 3 เล่ม ยื่นบัตรสมาชิก จ่ายค่าหนังสือ และขอใช้บริการเข้าปกพลาสติกกับทางร้านด้วย

ในระหว่างการรอการห่อปกหนังสือ ผมเดินไปเล็งหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่อาจจะผ่านตาไป

หนังสือเล่มหนึ่ง เหมือนไม่ค่อยมีคนจะสนใจมันเท่าไหร่ วางอยู่ชั้นโชว์ด้านใน ปกสีม่วงซีด ๆ ขอบหนังสือมีร่องรอยความเก่าเห็นได้ชัด หยิบมาแล้วเปิดดูเรื่องราวภายใน

 

 

 

คนเขียนผมรู้จักดี เขาคือ ผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ อีกท่านก็เป็นนักเขียนสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ อีกท่านยังไม่ค่อยรู้จักนัก

ด้วยความบังเอิญที่พลิกแล้วไปพบกับตอน "๖๐ ปีในหลวงบนดอยไตแลง" ที่เขาพูดถึงในหลวงของเรา

ไหน ๆ ก็อ่านแล้ว ไหนลองอ่านสิว่า เนื้อหามันเป็นอย่างไรบ้าง

เชื่อไหมครับว่า คำว่า "อ่านแล้ววางไม่ลง" มันเกิดขึ้นกับผม ผมอ่านไป ใจเต้นแรงไป ด้วยความปลาบปลื้มที่ใครก็ไม่ทราบ คนไทยก็ไม่ใช่ ยังรักเคารพในหลวงของเราขนาดนี้

ผมอ่านยังไม่จบ และยังเก็บความไม่ละเอียดมากนัก ผมตัดสินใจด้วยหัวใจพองโตว่า ผมจะซื้อเล่มเป็นเล่มที่ 4 ด้วยความเต็มใจ ถึงแม้จะเสียเงินเพิ่ม แต่นี่มันเป็นเรื่องพระเจ้าอยู่หัวของเรา เราต้องซื้อ ผมคิดแค่นั้น

 

อยากนำท่านทั้งหลายได้ลองอ่านเนื้อความบางตอนที่ผมถอดออกมาจากหนังสือ ไม่ครบ แต่ได้ความรู้สึกที่เขามีให้กับพระเจ้าอยู่หัวของเรา

  

 

๖๐ ปีในหลวงบนดอยไตแลง

โดย นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว

 

พายุฝนทั้งวันและคืนในต้นเดือนมิถุนายนพัดกระหน่ำยอดดอยไตแลง รัฐฉาน บนสันเขาสูง ประชิดชายแดนอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ตั้งของกองบัญชาการสูงสุดกองทัพกู้ชาติไทใหญ่ (SSA) จนโลกที่นั่นเปลี่ยนเป็นสีขาวของเมฆและฝนอยู่ตลอดทั้งวัน ยามอรุณรุ่นไอหมอกอวลหนาวเยียบเย็นปิดคลุมทั้งดอย ระยะการมองเห็นมีเพียงเคลื่อนกายเข้าใกล้สักสามสี่เมตร เงาไม้สลัวและเงาร่างตะคุ่มเลือนถึงค่อย ๆ ปรากฎออกมาจากความขาวมัว ครั้งยามสาย เสียงค้อนกระหน่ำไม้โป้กเป้กดังกังวาน เวทีด้านนอกและในอาคารเต็มไปด้วยหนุ่มน้อยทหารไทใหญ่ ช่วยกันตกแต่งประดับธงชาติไทใหญ่ ธงประจำกองทัพ SSA และตะหง่านสง่าที่สุดก็คือ รูปเคารพขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงอันชัดเจนและงดงามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทหารไทใหญ่บนยอดดอยไตแลงกำลังเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติครบรอบการครองราชย์ ๖๐ ปีของในหลวง ที่ทางกองทัพ SSA ถือเป็นงานพิธีสำคัญ และจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่างานพิธีใด ๆ อันเคยมีมาบนฐานที่มั่นแห่งนี้

งานพิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘ - ๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๙ โดยความตั้งใจของคนเมืองไทใหญ่ กองทัพ SSA และสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน RCSS (Restoration Council Of the Shan State) ซึ่งมีพันเอกเจ้ายอดศึกเป็นประธาน ทั่วบริเวณงานจึงมีทั้งกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ ผู้อพยพ เด็กกำพร้า ประชาชนไทใหญ่ จากเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ที่พำนักอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเข้าร่วมพิธีหลายพันคน

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับผู้พบเห็นอย่างยิ่ง ทำไมกองทัพกู้ชาติไทใหญ่ SSA นอกเขตประเทศไทย มาจัดพิธีเทิดพระเกียรติในหลวงอย่างศักดิ์สิทธิ์และโอฬาร? และที่น่าสนใจที่สุดก็คือ พิธีกรรมต่าง ๆ ทั้งพิธีทางศาสนา และพิธีถวายเครื่องราชสักการะในงานเฉลิมพระเกียรติการครองราชย์ครบ ๖๐ ปีของในหลวงครั้งนี้ ทางกองทัพกู้ชาติไทใหญ่ได้ปฏิบัติตามแบบพระราชพิธีโบราณที่ประชาชนและข้าราชสำนักไทใหญ่ได้เคยจัดถวายเจ้าฟ้าเมื่อครั้งอดีต และพระราชพิธีนี้ได้สูญหายจากบ้านเมืองไทใหญ่ไปแล้วร่วมห้าสิบปี!

"...ที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งก็คือ พิธีเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวครั้งนี้ ทางกองทัพ SSA ไม่ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่กระทำต่อเนื่องกันมาหลายปี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๘ แล้ว!..."

 

พันเอกเจ้ายอดศึก ผู้นำสูงสุดของ SSA และ RCSS ประธานในพิธี ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ตนเองและประชาชนไทใหญ่เคารพศรัทธาพระเจ้าอยู่หัวของคนไทยเป็นอย่างยิ่งว่า

"ตั้งแต่ผมเป็นผู้นำกองทัพไทใหญ่และมาตั้งฐานอยู่ที่ดอยไตแลง เมื่อปี ๒๕๔๒ เป็นต้นมา ผมจัดพิธีบูชาคารวะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระราชินีฯ มาตลอดทุกปี ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา อันที่จริง ผมเริ่มคิดมาตั้งแต่ยุค MTA (พ.ศ.๒๕๒๘ - ๒๕๓๘) ที่ขุนส่าเป็นผู้นำแล้ว แต่ผมยังเป็นนายทหารเล็ก ๆ ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่เคารพพระองค์ท่านอยู่ในใจ"

ความนับถือในพระราชวงศ์ไทยของผม มีเหตุมาตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ เจ้ากอนเจิง ผู้นำไทใหญ่ ตอนนั้นคัดเลือกผมกับเพื่อนทหารไทใหญ่ ประมาณ ๑๐ คน ไปเป็น รปภ.ร่วมกับหน่วย ตชด.๓๒๗ ของไทย ไปถวายอารักขาสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ เมื่อครั้งเสด็จหมู่บ้านเปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ตอนนั้นเป็นเด็ก ผมไม่รู้เรื่องอะไร เขาให้ไปก็ไป ให้จัดแถวก็จัดแถว ผมกับ ตชด.ไทยได้เข้าเฝ้า พระองค์ท่านถามว่า สบายดีหรือเปล่า เป็นไทใหญ่หรือเปล่า อยู่ที่ไหน ผมตอบว่า เป็นไทใหญ่ครับ อยู่บนดอย วันนั้นท่านสอนให้รักสามัคคีกัน ให้เรียนหนังสือให้เก่ง ถ้าเก่งจะทำอะไรก็ง่าย

 

หลังจากพิธีผมมารายงานให้เจ้ากอนเจิงฟัง ผมถามเจ้ากอนเจิงว่า ถ้าเราตั้งประเทศไทใหญ่ขึ้นมา เราต้องตั้งให้มีกษัตริย์ไหม เจ้ากอนเจิงตอบว่า ไม่ตั้ง ตั้งไม่ได้ ล้าสมัยแล้ว ผมถามอีก ถ้าไม่ตั้งกษัตริย์ขึ้นมาในประเทศไทใหญ่ เราเคารพกษัตริย์ไทยไม่ดีหรือ เราขึ้นตรงกับกษัตริย์ไทยได้ไหม เพราะกษัตริย์เป็นสัญลักษณ์ของคนเชื้อชาติไทใหญ่ - ไทย - ลาว โลกทุกวันนี้มีกษัตริย์น้อยลงทุกที เราต้องรักษาไว้ เจ้ากอนเจิงหัวเราะ ท่านไม่ยอมตอบคำถามนี้ ท่านบอกผมว่า ความคิดเด็ก คุณอายุน้อย มุ่งเรียนไปเถอะ

พอผมอายุ ๒๓ ปี ผมป่วยต้องมาเข้าโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ นอนอยู่หลายวันผมได้ดูทีวี ก่อนนั้นไม่เคยดู ผมได้เห็นพระเจ้าอยู่หัวพูดในทีวี ผมฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง มีหมอคนหนึ่งพอพูดภาษาไทใหญ่ได้ เขาเข้ามาพูดคุยให้กำลังใจผม ผมถามหมอ กษัตริย์ของไทยช่วยเหลือคนไทยอย่างไรบ้าง คนไทยเชื่อถือเขาอย่างไร เขาดีหรือเปล่า หมอผู้หญิงอายุประมาณ ๒๕ ปี ตอบดีมาก ตอบให้ผมเข้าใจง่าย ๆ เขาบอกกษัตริย์ของไทยดีไม่ดีเขาไม่พูด แต่คนไทยเชื่อถือมาก เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย

 

ผมมาคุยกับเจ้ากอนเจิงผู้นำของผมอีก ว่าผมดูทีวีเห็นพระเจ้าอยู่หัวน่ารักมาก เขาช่วยคน ทำไมผู้นำไทใหญ่ไม่มีอย่างนี้ เจ้ากอนเจิงไม่อธิบายให้ผมเข้าใจ บอกแค่เป็นความเชื่อถือของคนไทย ถ้าเชื่อถือแล้ว ศรัทธาแล้ว ไม่ว่าใครก็ยอมตายแทนพระเจ้าอยู่หัวได้ ผมถามต่อ จะทำอย่างไรให้ประชาชนไทใหญ่มีความศรัทธาใครสักคน เหมือนคนไทยศรัทธาพระเจ้าอยู่หัว เจ้ากอนเจิงบอกลำบากมาก เพราะคนไทใหญ่ถูกพม่ามาสลายความคิดความเชื่อไปมาก ไทใหญ่บางส่วนเชื่อพม่า ที่ใกล้ไทยเชื่อไทย ใกล้จีนเชื่อจีน เป็นอย่างนี้แล้ว

ผมยังถามอีกว่า คนไทใหญ่จะเชื่อใคร จะหาใครให้เชื่อ คนไทใหญ่ที่สามารถรักประชาชนได้เหมือนพระเจ้าอยู่หัวไม่มีแล้วหรือ เจ้ากอนเจิงไม่ตอบผมแล้ว บอกเหมือนเดิม "คุณอายุน้อยอยู่ เรียนไปเยอะ ๆ เถอะน่ะ"

 

และพันเอกเจ้ายอดศึกยังกล่าวถึงความทรงจำและความตั้งใจที่มีต่อเนื่องมาว่า

"ภาพพระเจ้าอยู่หัวอยู่ในใจผมตลอดมา เมื่อผมเป็นผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ SSA ได้มาตั้งฐานที่มั่นที่ชายแดนไทย ผมจึงจัดพิธีเฉลิมพระเกียรติบูชาพระเจ้าอยู่หัวติดต่อกันมา ๘ ปีแล้ว ปีนี้เป็นโอกาสสำคัญ ไทใหญ่ต้องจัดพิธีเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวอย่างสูงสุดตามประเพณีของเรา ผมจึงตั้งใจทำพิธีบูชาพระเจ้าอยู่หัวให้สูงสุดอย่างที่คนไทใหญ่เคยทำพิธีถวาย "ขุนหอคำ" เจ้าฟ้าไทใหญ่ พระมหากษัตริย์ในวัฒนธรรมของเรา"

 

แต่ก็มีข้อฉงนสงสัยและมีคำถามตามมาอีกมากมาย เป็นไทใหญ่ ทำไมมาจัดพิธีคารวะบูชาพระเจ้าอยู่หัวของไทยที่ทรงครองราชย์ครบ ๖๐ ปี อย่างยิ่งใหญ่ มีความมุ่งหวังลึก ๆ อะไรในใจ? พันเอกเจ้ายอดศึกตอบคำถามนี้ว่า

"ที่ผมตั้งใจจัดงานพิธีครั้งนี้อย่างสูงสุดของประเพณีไทใหญ่ อาจจะมีคนสงสัยว่าไม่ใช่พระเจ้าอยู่หัวของไทใหญ่ ทำไมกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ SSA จึงจัดพิธีเฉลิมพระเกียรติในหลวง อันนี้กองกำลัง SSA จะดึงให้ประเทศไทยไปรบกับพม่าหรือเปล่า คนวิจารณ์กันเยอะ ยังไงก็แล้วแต่ ผมพูดมาตลอด ไม่ว่าการเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เรื่องความเชื่อถือศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของผมและคนไทใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะลาว ไทย ไทใหญ่ คนเชื้อสายไท-ลาวทั่วโลก มีกษัตริย์องค์เดียวคือ พระเจ้าอยู่หัวเป็นสัญลักษณ์ของเชื้อชาติ ต่อให้ไทยรบกับไทใหญ่ ผมก็ยังศรัทธาในพระเจ้าอยู่หัวอยู่เช่นเดิม และจะจัดพิธีบูชาพระเจ้าอยู่หัวอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เพราะพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้เป็นแบบอย่างของมนุษย์ที่สมบูรณ์ พระองค์ท่านไม่ได้พัฒนาแค่เพียงประเทศเท่านั้น แต่พระองค์ท่านมุ่งพัฒนามนุษย์ นี่คือสิ่งที่ผมศรัทธาอย่างที่สุด"

...

...

...

ประชาชนไทใหญ่ถือกันว่า ขุนหอคำคนสุดท้ายของไทใหญ่ คือ เจ้าส่วยแต้ก เจ้าฟ้าเมืองยองห้วย ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของพม่า แต่ถูกนายพลเนวินปฏิวัติเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ และถูกจับกุมคุมขังอยู่หลายเดือนจนหัวใจแตกตายในคุก

ในยามประเทศไทใหญ่ล่มสลาย และทหารประชาชนไทใหญ่ได้รวมกำลังกันลุกขึ้นต่อสู้กู้ชาติ พ่อเฒ่าปายกล่าวถึงสิ่งสูงสุดที่ยึดเหนี่ยว ประสานจิตใจคนไทใหญ่ไว้ว่าคือ พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้เอง ประชาชนไทใหญ่ในพม่าต่างนับถือพระเจ้าอยู่หัวไทยอย่างยิ่ง ในรัฐฉานเงินไทยที่มีรูปพระเจ้าอยู่หัว คนเมืองจะไม่เอาไว้ในที่ต่ำ แต่จะเก็บไว้บนหิ้งสูงเพื่อบูชา พ่อเฒ่าบอกว่า พม่าบีบคั้นไทใหญ่ ชาติเราจมหาย ไม่มีที่พึ่ง ทั้งทหารและประชาชนคนเมืองไทใหญ่ นับถือพระเจ้าอยู่หัว นับถือพระนเรศวรกันทั่วทั้งเมือง

ส่วนอ่องลัดหนุ่มไทใหญ่กับเพื่อน ๆ นายทหารอีกหลายคนก็เล่าตรงกันว่า ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วรัฐฉาน คนไทใหญ่รู้จักพระเจ้าอยู่หัวไทยกันถ้วนทั่ว ยิ่งสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ นั้นเคยเสด็จเมืองตองจีเมื่อหลายปีก่อน ชาวไทใหญ่ยิ่งรักและนับถือมาก สาเหตุหนึ่งที่คนไทใหญ่รู้จักในหลวงและพระราชวงศ์ไทยเป็นอย่างดี ก็เพราะลูกหลานคนไทใหญ่ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยมักจะนำ "ของฝาก" มีค่าติดตัวกลับบ้านไปให้พ่อแม่ญาติพี่น้องในรัฐฉาน ที่นิยมมากก็คือ รูปภาพพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ไทยใส่กรอบวิทยาศาสตร์อย่างดี มีให้ทหาร SSA ที่ตระเวณสู้รบได้พบเห็น และทำความเคารพกันทั่วทุกหมู่บ้านห่างไกลในรัฐฉาน

อ่องลัดยังเล่าอีกด้วยว่า ความนิยมบูชาพระเจ้าอยู่หัวไทยในหมู่คนเมืองไทใหญ่ เป็นไปอย่างเข้มแข็งมาก จนเมื่อประมาณสองปีก่อน นายกรัฐมนตรีพม่าถึงกับมีคำสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ประชาชนไทใหญ่มีรูปพระเจ้าอยู่หัวไทยและพระราชวงศ์ไทยไว้บูชา หากพบเห็นในบ้านใคร เจ้าของบ้านจะต้องถูกลงโทษอย่างทารุณ

 

บนยอดดอยไตแลง แผ่นดินแสนไกลริมขอบฟ้า ที่ตั้งของกองทัพกู้ชาติไทใหญ่ พิธีบูชาคารวะในหลวงดำเนินไปอย่างศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ สูงสุดตามพระราชประเพณีของไทใหญ่ที่เคยจัดพิธีถวายการบูชาคารวะกษัตริย์ของตน ในชั่วโมงปัจจุบันพระเจ้าอยู่หัวของไทยถือเป็นมิ่งขวัญ เป็นแบบอย่าง เป็นศูนย์รวมของความศรัทธา ที่ปกแผ่พระบารมีอันร่มเย็นไปคุ้มครองเหล่าประชาชนไทใหญ่และกองกำลังกู้ชาติ ผู้ทุกข์ยาก ที่ยังอดทนฝ่าฟันทุกทางเพื่อสู้นำเอกราชและความสงบสุขมาให้ประชาชนบนแผ่นดินรัฐฉาน อย่างไม่สิ้นสุดและไม่มีวันยอมแพ้

 

.............................................................................................................

 

คำถามที่ถามในใจว่า ทำไมชาวไทใหญ่จึงรักพระองค์ดั่งเช่นคนไทยรัก? มีคำตอบแล้ว

 

แม้กระทั่ง คนที่ไม่ใช่คนไทยอย่างแท้จริงยังรักพระองค์มากมายขนาดนี้ แล้วเราเป็นใครกัน จึงไม่รักพระองค์ให้มากกว่าและดีกว่าใคร ๆ

โชคดีแค่ไหนที่คนไทยมีในหลวง

จงถามตัวเองว่า ทุก ๆ วันนี้ เรากำลังทำอะไร และทำเพื่อใครอยู่

ใช่เพื่อในหลวงที่เรารักหรือไม่ ?

คำตอบอยู่ที่ตัวของท่านเอง

 

ขอพระองค์ทรงหายพระประชวรโดยเร็ววัน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

ผมรักในหลวงที่สุด

 

............................................................................................................

 

ขอบคุณหนังสือดี ๆ จาก

พันเอกเจ้ายอดศึก, นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว และนวลแก้ว บูรพวัฒน์.  ก่อนตะวันฉาย "ฉาน".  กรุงเทพฯ: openbooks, ๒๕๕๐.

 

หมายเลขบันทึก: 304885เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2009 22:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

ผมเป็นแฟนนักอ่านของคุณนิพัทธ์พร เพ็งเเก้ว ตั้งแต่เรื่อง ไทยรบพม่า และตามอ่านเรื่อยมาจนมาเป็นคอลัมภ์นิสต์นิตยสารในปัจจุบัน

ผมคุ้นเคยกับ หลายท่านที่เคยอยู่ใกล้พันเอกเจ้ายอดศึก เพราะใกล้ชายแดนฝั่งไตแลงเคยเป็นพื้นที่ที่ผมทำงานมาก่อน

นอกจากนี้ ชาวไทใหญ่ฝั่งกะโน้น ยังศรัทธาสมเด็จพระนเรศวรมากด้วยครับ

 

ผมเคยเขียน จาก boog tag ถึงหนังสือเล่มนี้

 

หนังสือที่ผมชอบ อันดับที่ ๕

ไทรบพม่า RSCO-SSA  โดย นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว และ นวลแก้ว บูรพวัฒน์

เป็นสารคดีเชิงบรรยาย เรื่องจริงของชนกลุ่มน้อยไทใหญ่ที่อยู่บริเวณชายแดนไทย ฟากแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่  ด้วยผมได้รู้จักหลายท่านที่เป็นตัวละครที่อยู่ข้างในหนังสือ ได้สัมผัสชีวิตพวกเขาบ้างในการพูดคุย คลุกคลีเมื่อทำงานที่ชายแดน ...เขาก็เหมือนคนไทยคนหนึ่ง  แต่ไฉนต้องไร้แผ่นดิน ถูกราวีไม่มีจบสิ้น

เหตุผลที่สนับสนุน :  ผมอ่านหนังสือเล่มนี้และสามารถนึกภาพบรรยากาศที่เล่าถึงได้ชัดเจน ผมรับรู้ถึงความทุกข์ยากของผู้คนพี่น้องเหล่านั้น ...นิพัทธ์พร ธอเขียนเล่าได้อย่างมีอรรถรส แบบถอดจิตถอดใจมาเขียนเลยทีเดียว เป็นนักเขียนที่ผมชื่นชมเป็นการส่วนตัว

นอนดึกนะครับนั่น คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร ;)

พรุ่งนี้ต้องไปทำหน้าที่เพื่อการศึกษาชาติไม่ใช่เหรอครับ

...

ไทรบพม่า ... ผมยืมห้องสมุดมาอ่านแล้วครับ จบหรือเปล่านี่ จำไม่ค่อยได้

มีอีกเล่มหนึ่งครับ ของคุณ นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องไทใหญ่กับพม่า

จำชื่อหนังสือไม่ได้แฮะ เล่มนั้นผมอ่านจบครับ

ที่พันเอกเจ้ายอดศึกเขียนเป็นลักษณะบันทึกประจำวันครับ

เหมือนจะเป็นคอหนังสือใกล้ ๆ กันนะครับนั่น ;)

ไปนอนได้แล้วครับ พรุ่งนี้ก็สู้อาจารย์นพลักษณ์ ๙ ไม่ไหวหรอก อิ อิ

แกยิ่งฟิต ๆ อยู่ด้วย

  • สวัสดีค่ะท่านอ. Wasawat Deemarn
  • อ่านแล้ว..น้ำตาซึม จุก ๆ ที่คอ
  • ทำไมเรารักพระเจ้าอยู่หัว...คงกล่าวเป็นคำพูดได้ไม่หมด
  • เพราะมันอยู่ที่ใจนะคะ...
  • ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
  • ขอบคุณค่ะ

เรารักพระเจ้าอยู่หัว กันเนาะ คุณพยาบาล สีตะวัน ;)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

สรุปงานเสวนา ๙ วิธีฟื้นฟูชาติ ตามแนวพระราชนิพนธ์เรื่อง"พระมหาชนก"ที่ผ่านมาครับ

http://gotoknow.org/blog/plays-learns/307280

สถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงเป้นสถาบันที่เคารพนับถือที่สุดของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นในรัชสมัยใดก็ตาม เพราะฉะนั้น พวกเราควรช่วยกันรักษาสถาบันนี้ไว้ ให้เป็นที่เคารพรักของประชาชนเสมอ

ขอบคุณมากครับ คุณ นศท.วรัญญู ใจตรง ;)

ไม่เคยอ่านหนังสือนี้เลย แต่ก็เทิดทูน ในหลวงฯ เสมอมา

ได้ไปร่วมร้องเพลงชาติ สดุดีมหาราชา รักเธอประเทศไทย

ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และวงเวียนใหญ่ ภูมิใจมาก

เป็นแค่ส่วนน้อยนิด ถ้าเทียบกับภาระกิจที่ท่านทำให้พวกเรา

และประเทศไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

จะเป็นคนดีตลอดชีวิต

ขอบคุณมากครับ คุณนวรัตน์ ;)

ทรงพระเจริญ

อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยครับ ถึงไม่ใช้คนไทยยังรักในหลวงขนาดนี้ ไอ้พวกที่มันใส่ร้ายท่านใจมันทำด้วยอะไร

ขอบคุณ นายทหารจาก ร.2 พัน.2 รอ. ครับ ;)...

ใช่ครับ คุณ ชำนาญ ;)...

พวกนั้นมันอกตัญญูต่อแผ่นดินแท้ ๆ

ขอบคุณทุกท่านอีกคราครับ ;)...

ผมเป็นคนไทยผมรัก พ่ออยู่หัวของผมครับ ทรงพระเจริญ

ขอบคุณด้วยหัวใจคนไทยครับ คุณ Kanarog Panvichile ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท