ผมได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก เรื่อง พิษเศรษฐกิจสาวแห่ลงอ่างเป็นหมอนวดหารายได้เสริม http://www.komchadluek.net/2008/05/11/x_main_a001_202013.php?news_id=202013
รู้สึกเป็นห่วงและเศร้าใจที่สังคมบ้านเราเป็นได้ถึงขนาดนี้และดูแนวโน้มว่าจะแย่ลงไปเรื่อย ๆ หากเราไม่ร่วมกันช่วยกันแก้ปัญหา ฝากถึงคนที่มีอำนาจในการปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดขึ้นมาเป็นรัฐบาลขอให้ทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างจริงจัง รวมถึงผู้ที่มีโอกาสดีกว่าคนอื่น หันมามองสังคมกันบ้าง ในฐานะประชาชนของประเทศไทย
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเพราะ
1.ความล้มเหลวทางด้านระบบการศึกษาของประเทศไทยที่ ไม่ได้วางแผนที่จะพัฒนาบุคลากรของประเทศให้สอดคล้องต่อความต้องการของตลาดแรงงาน (ถึงแม้ว่ามีแผนแต่การดำเนินการก็ล้าช้า และไม่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว)
2.การศึกษาของไทยในปัจจุบัน ผู้ที่มีอำนาจในสถานศึกษาบางแห่งมุ่งแสวงหาผลประโยชน์มากกว่าคุณภาพของการศึกษา (ที่มีส่วนมากก็เป็นคุณภาพแบบหลอก ๆ ) ซ้ำยังทำให้ขาดตัวแบบที่ดีในด้าน คุณธรรมและจริยธรรม
3. ระบอบทุนนิยมที่สนับสนุนให้คนใช้จ่ายเกินตัว ไม่คำนึงถึงผลกระทบหรืออุบัติเหตุทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ฯลฯ
คำถาม
ท่านผู้รู้ทั้งหลายมีความเห็นว่าควรแก้ปัญหานี้อย่างไร
คุณถูกครึ่งเดียวนะคะ ระบบการศึกษาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ระบบงานราชการต่างหาก เขามุ่งแต่ตัวเลข ตัวชี้วัด ผลสัมฤทธิ์โดยไม่ได้มองว่าตัวเลขนั้นได้มาอย่างไร ขอให้ค่าสูงๆไว้ก็พอ คนจึงไม่มีคุณภาพ และ"เงิน" เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพคนอย่างเห็นได้ชัด คนไม่ดีมีเงินก็เป็นคนดีได้ ทุกคนจึงมุ่งหาเงิน ไม่เลือกวิธีการ และไม่ว่าหญิง หรือ ชาย
ผมว่าทุกอย่างที่คุณนำเสนอมาเกี่ยวโยงกันทั้งสิ้น
ขอบคุณมากๆครับ ผมขออนุญาตนำไปรวมครับ..........รวมตะกอน
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
ลืมบอกไป ระบอบการศึกษาอาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่คนที่ควบคุมกลไก การศึกษาควรเข้มงวดให้มากกว่านี้ เช่นมีผับเปิดหน้ามหาวิทยาลัยอย่างนี้ เด็กนะคะ การตัดสินใจ หรือความยับยั้งชั่งใจ น้อยค่ะ
สวัสดีครับ
เข้ามาขอแลกเปลี่ยนแบบแรงๆ ด้วยนะครัีบ ให้คิดกันเฉยๆ ครับ ไม่มีทางออกให้ครับ
ขอบคุณมากครัีบ
"เดี่ยวนี้ค่าครองชีพสูงเงินเดือนประจำเขาไม่พอใช้ จึงมาหาลำไพ่พิเศษเดือนละ 2-3 วัน โดยเลือกวันมาเอง หากรายที่เป็นนักศึกษาส่วนมากต้องการค่าหอพัก ค่าเทอม บางรายมีแผงขายโทรศัพท์มือถือแต่พอหมุนเงินไม่ทันก็มาทำงาน ซึ่งครั้งแรกจะทำใจยากหน่อย พอครั้งต่อๆ ไปก็ชิน"
"อรวรรณ" หญิงสาววัย 25 ปี เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจนต้องหันมาหาลำไพ่พิเศษในอาบ อบ นวด บอกว่า จำเป็นต้องหาเงินส่งค่างวดธนาคาร เนื่องจากนำที่ดินของพ่อแม่ไปจำนองไว้สมัยที่สามีต้องการเงินไปลงทุนทำธุรกิจ แต่ขณะนี้สามีเสียชีวิตแล้ว จึงไม่มีเงินจ่ายหนี้ ค้างชำระมากกว่า 10 งวด จนธนาคารส่งหนังสือแจ้งเตือนว่าจะฟ้องศาล
"ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาขายตัว แต่มันจำเป็นไม่อยากให้ที่ดินของพ่อแม่โดนยึด พอหมดหนทางก็ต้องยอม วันแรกที่โทรศัพท์มาถามที่อาบ อบ นวดหน้าชาไปหมด รู้สึกกระดากอาย จากนั้นเขาก็นัดให้มาดูตัวเพื่อตกลงค่าแรง ซึ่งไม่มีเงินเดือนจะมีรายได้จากการขายบริการ โดยจะแบ่งกับเจ้าของอาบ อบ นวดคนละครึ่ง แรกๆ ก็ทำงานทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้ทำเฉพาะสัปดาห์แรกของเดือนและวันศุกร์กับวันเสาร์เพราะลูกค้าจะเยอะ" อรวรรณกล่าว
เหตุผลของอรวรรณก็ไม่แตกต่างจาก"เจี๊ยบ" แม่ลูกสองวัย 29 ปี พนักงานรับโทรศัพท์บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ต้องเข้ามาสมัครเข้าทำงานอาบ อบ นวดแห่งหนึ่ง เพื่อหาเงินเป็นค่าเล่าเรียนบุตร
"สามีตกงานได้ 10 เดือนแล้วเพราะบริษัทขาดทุน แค่เงินเดือนของเราก็ไม่พอใช้ ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่พัก แถมทุกวันนี้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เงินเลยไม่พอใช้ต้องแอบมาขายตัวทุกวัน กลัวคนรู้จักมาเห็นเหมือนกัน แต่ทำอย่างไรได้เพราะอาชีพนี้รายได้ดี สามารถช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้" พนักงานรับโทรศัพท์ที่ผันตัวมาเป็นพนักงานอาบ อบ นวดกล่าว
ขณะที่ "ก้อย" นักศึกษาสาวชั้นปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ยอมรับว่า สาเหตุที่มาขายบริการทางเพศเพราะต้องการนำเงินไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และใช้เที่ยวเตร่กับเพื่อนๆ เพราะเงินที่พ่อและแม่ให้มาไม่พอใช้ อีกทั้งเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันก็ขายบริการทางเพศกันแทบทั้งกลุ่ม