จากเวทีวิชาการ ICT for All-Symposium 2011 หัวข้อ “Success Factors of Migration to OpenOffice.org in Organizations” เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ จัดโดยชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อความเท่าเทียมกัน (ICT for All Club—www.ictforall.org) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมความคิดเห็นเพื่อค้นหาปัจจัยแห่งความสำเร็จจากนักวิชาการ ผู้แทนจากองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพนออฟฟิศดอทอ็อก (OpenOffice.org) ซึ่งเป็นโอเพนซอร์สและฟรีซอฟต์แวร์ ทำให้ลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ และลดค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ลงได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์อันดี และการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศ
นายสันติ สุรรัตน์ รองผู้อำนวยการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า “ยุทธศาสตร์โอเพนซอร์สในประเทศไทย ได้แก่ การมุ่งลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ซึ่งเมื่อ พ.ศ. 2552 ประเทศไทยยังมีอัตราละเมิดลิขสิทธิ์สูงถึง ร้อยละ 75 การมุ่งลดการนำเข้าซอฟต์แวร์จากต่างประเทศซึ่งจะทำให้ประเทศไทยลดการขาดดุลการค้า และช่วยให้ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในประเทศไทยสามารถเติบโตได้ เช่นเดียวกับต่างประเทศ”
จากรายงานการสำรวจจากรายงานการสำรวจเมื่อ ค.ศ. 2010 พบว่าซอฟต์แวร์ชุดโปรแกรมสำนักงานที่ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในโลก คือ ชุดโปรแกรมสำนักงานไมโครซอฟท์ (Microsoft Office) ร้อยละ 72 รองลงมาคือ โอเพนออฟฟิศดอทอ็อก (OpenOffice.org) ร้อยละ 21.5 และอื่นๆ ร้อยละ 6.5 (Webmasterpro, 2010) ซึ่งส่วนแบ่งตลาดของชุดโปรแกรมสำนักงานไมโครซอฟท์ ลดลงประมาณร้อยละ 23 จากที่เคยครองส่วนแบ่งการตลาด ร้อยละ 95 เมื่อปี ค.ศ. 2006 (Hamm, 2006) แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีแนวโน้มที่จะใช้ชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพนออฟฟิศดอทอ็อก เพิ่มมากขึ้น แต่ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับชุดโปรแกรมสำนักงานไมโครซอฟท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเชิงธุรกิจ จากรายงานการสำรวจของบริษัทซันไมโครซิสเต็มส์ (Sun Microsystems) เมื่อ ค.ศ. 2007 พบว่า มีผู้ใช้ชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพนออฟฟิศดอทอ็อกในเชิงธุรกิจ หรือการปฏิบัติงานประจำวันเพียงร้อยละ 20 ในขณะที่การใช้งานที่บ้าน หรือใช้งานส่วนตัว มีถึงร้อยละ 80 (Tenhumberg, 2007: 7)
ที่ประชุมจึงมีความเห็นร่วมกันว่าหากจะพัฒนาโอเพนซอร์สซอฟต์แวร์ในประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่งเช่นเดียวกับต่างประเทศ ภาครัฐจะต้องเอาจริงเอาจังในการเปลี่ยนมาใช้โอเพนซอร์สซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเริ่มต้นจากซอฟต์แวร์ชุดโปรแกรมสำนักงาน อย่าง OpenOffice.org หรือ LibreOffice ซึ่งมีผู้ใช้ตั้งแต่ระดับบุคคลถึงระดับองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้นักเรียนได้เรียนรู้ซอฟต์แวร์เหล่านี้ตั้งแต่เด็ก เพื่อให้เด็กเติบโตมาในบริบทของโอเพนซอร์ส เช่นเดียวกับมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ฯลฯ อันจะทำให้การยอมรับโอเพนซอร์สซอฟต์แวร์มีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
การที่องค์กรจะเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org จำเป็นที่จะต้องมีแผนการเปลี่ยนแปลง (Migration plan) และการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี ต้องมองให้เป็นการเปลี่ยนแปลงระดับองค์กร (Organization Change) ไม่ใช่ภารกิจของฝ่ายไอทีเท่านั้น เพราะมันมีผลกระทบต่อผู้ใช้ทุกคนในองค์กร สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือกระบวนการสื่อสารและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในองค์กร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญความสำเร็จในการเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในการพัฒนาโอเพนซอร์สซอฟต์แวร์ของประเทศไทย ดังนี้
ความสำเร็จของการเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org หรือ LibreOffice สำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคน จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ จะนำไปสู่ความสำเร็จในภาพรวมของประเทศ...ดาวน์โหลดได้ฟรีที่ www.openoffice.org หรือ www.libreoffice.org
ทศพนธ์ นรทัศน์
ผู้ประสานงานชมรม ICT for All
อยากให้มี ERP ถูกๆด้วยจังเลย หรือฟรีได้ยิ่งดี เพราะตอนนี้เป็น software ที่มีราคาแพงเวอร์มากๆ
อาจเป็นเพราะไม่ใช่แค่ตัว software อย่างเดียว แต่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยน software ในองค์กรรวมอยู่ด้วย
ที่ประชุมก็มีความเห็นอย่างที่ท่านว่าแหละครับ แต่การที่จะเปลี่ยนไปใช้ ERP ตัวใหม่เลย มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้จะมี ERP ที่เป็น OpenSource แต่ความมั่นใจว่ามันจะทำงานได้ดีเท่า ERP ตัวเดิมที่ใช้อยู่หรือไม่ อันนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมจากการเคหะแห่งชาติ บอกเองว่าท่านก็ไม่แน่ใจ สิ่งที่ผู้เข้าร่วมประชุม เห็นร่วมกันก็คือต้องรวมตัวกันในกลุ่มผู้ใช้ ERP แล้วไปต่อรองให้บริษัท ลดค่า MA ลงจากร้อยละ 22 ให้ได้ เพราะภาครัฐเองก็ไม่มีงบประมาณมากมายที่จะมาจ่ายค่า MA แต่ปัญหาสำคัญประการหนึ่ง คือระบบการเงินการคลังภาครัฐ (GFMIS) ของภาครัฐเอง ก็ยังใช้ SAP อยู่
ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าจะใช้ ERP ถูกๆ ก็ใช้ OpenSource ERP ได้ แต่ต้องเริ่มใช้ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่มาเปลี่ยนตอนหลัง เพราะมันคงยุ่งยากไม่ใช่น้อย
ปัญหาความยุ่งยาก ในการแยกตัว เป็น อิสระ จาก software เฉพาะแบบ ควรเปรียบเทียบกับ ความสามารถในการปรับตัวขององค์การ หาก องค์การ ปรับตัวยาก ความอยู่รอดขององค์การ ก็น้อยไปด้วย
It is far more important for organisations to maintain their flexibility and to develop skills for adaptation. Software set changes will be many times over the life span of organisations for some reasons technological or financial. History of computers should tell us not to keep holding on to 'any computer' or 'software for that matter' ;-)
แวะเวียนผ่านมาให้กำลังใจ..ขอให้ประสบความสำเร็จทีเถอะ
ผมเคยลุยใช้โปรแกรมปลาดาวออฟฟิตทั้งบริษัท แบบทำไปทีละแผนก
จัดทำคู่มือ จัดฝึกอบรมพนักงาน ผู้บริหารให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ทำได้สองเดือนต้องพับเก็บเข้ากระเป๋า พร้อมสลักกุญแจ
.... ก็ในปีนั้นเปิดตัวโปรแรกมปลาดาวกันเอิกเกริก...
จากวันนั้นผ่านมา 7 ปีแล้วครับ...
Opensoffice.org ขณะนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องฟอนต์อยู่เลย
..... ยังไงก็ขอให้งานสัมมนานำไปสู่การปฏิบัติจริงจังทีเถอะ ...
ที่น่าห่วงคือ การพัฒนาของซอฟต์แวร์ OSS แต่ละตัวขาดความต่อเนื่อง ทำให้ทิศทางมันไม่แ่น่นอน ในการที่องค์กรจะนำมาใช้ในระยะยาว ครับ