เร็ว ๆ นี้ มีข่าวว่า มีคนไปมือบอน ใส่ข้อมูลบิดเบือนในวิกิพีเดีย
ข่าวนี้ อาจทำให้หลายคน เลิกเชื่อถือวิกิพีเดียไปเลย
เรื่องความน่าเชื่อถือนี้ เป็นปัญหาหลักของวิกิพีเดียตลอดมา แม้แต่ผู้ร่วมก่อตั้งตอนแรก ก็ออกไปตั้งเว็บสารานุกรมแข่งตั้งแต่หลายปีก่อน โดยใช้หลักว่า คนเขียน ต้องมีตัวตนจริง และน่าเชื่อถือ
แต่จนบัดนี้ ก็ยังโค่นไม่ลง
กรณีที่ดูเหมือนต่างออกไป ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือบริการแปลของ translate.google.com
มีผู้ใช้บริการ แล้วฟันธงว่า ออกมาเพื่อความบันเทิงโดยเฉพาะ
สารภาพเลยว่า ผมยังมีแซวเลย เพราะอ่านแล้วมีฮา
แต่ผมไม่ได้คิดดูถูกนะครับ รู้ว่า อีกไม่กี่ปี นักแปลมืออาชีพที่ทำงานแปลรับจ้าง ได้มีหนาว
เพราะระบบคิดของเขาคือ ผู้อ่าน เห็นตรงไหนแปลแล้วฮาไป (หรือแปลแล้วไม่ฮา) ก็ช่วยต่อช่วยเติม ปรับให้ว่าควรแก้เป็นแบบนั้นแบบนี้
ในระยะยาว เว็บเหล่านี้ มีส่วนที่ทำงานเป็นฉากหลังเป็นอัลกอริธึมที่สามารถเรียนรู้และปรับตัว ซึ่งแม้เริ่มต้นเตาะแตะ แต่จุดหมายระยะยาวของเขา จริงจังมาก
ต่อให้มีใครมือบอน พยายามขัดขวางโดยแกล้งแปลซ้อนเพื่อสอนระบบ ด้วยคำแปลบ้า ๆ บอ ๆ ให้ แต่ในระยะยาว มันจะสามารถปรับตัวสู่การแปลที่ใกล้เคียงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผมกลับมองว่า อีกหลายปีจากนี้ เว็บเหล่านี้ จะยิ่งทวีความเข้มแข็งขึ้น เพิ่มความเก่งขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนปรัชญาแรกเริ่มแต่อย่างใด
อุปสรรคเหล่านี้ จะไม่ทำให้ความน่ายำเกรงทางวิชาการของวิกิพีเดีย หรือความสามารถทางภาษาของระบบแปลอัตโนมัติเหล่านี้ ลดน้อยไปแต่อย่างใด
อุปสรรคตอนนี้ จะเป็นเพียงการสะดุดเล็ก ๆ ในเส้นแนวโน้มใหญ่เท่านั้น
เว็บเหล่านี้ มีแนวคิิดเรื่องการจัดการที่เป็น scale-free คือ ใช้ได้เสมอ ไม่ว่าขนาดตัวเองจะเล็กหรือใหญ่
ระบบ scale-free จะเป็นระบบที่ไปได้เองโดยไม่ต้องการการแทรกแซงจากผู้ก่อตั้ง
นี่คือจุดแข็งของระบบ scale-free
ระบบที่เป็น scale-free ที่ผมรู้จัก คือระบบทางชีววิทยา
ดูอย่างเมล็ดพืช
เริ่มต้น อาจเล็กเท่าปลายเล็บ
เซลล์ที่เล็กมาก ๆ เหล่านี้ ขยายตัวโดยใช้กฎเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ และงอกเติบใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ใครจะไปเชื่อ ว่าไม้ใหญ่สูงเงื้อมฟ้าที่เราเห็น อาจโตขึ้นมาจากเมล็ดพันธุ์ที่เล็กขนาดมือคนสามารถกำไว้ได้ หรือเล็กเพียงปลายเล็บ ?
เซลล์เหล่านี้ แบ่งตัวเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ด้วยกฎที่จืดชืดน่าเบื่อเหมือนที่เคยเกิดมาในเซลล์รุ่นก่อนหน้า รุ่นก่อนหน้าของก่อนหน้า หรือรุ่นที่จะมาถึง
ผู้ปลูก ไม่ต้องคอยแทรกแซงให้เซลล์รุ่นนี้แบ่งตัว เพื่อเกิดเซลล์รุ่นต่อไป
สิ่งที่ผู้ปลูกต้องทำ คือสร้างสภาวะแวดล้อมให้การแบ่งตัวไม่เกิดปัญหา ไม่ใช่ไปแบ่งตัวแทนเสียเอง
ถึงวันหนึ่ง ต้นไม้ก็จะตาย เพราะพฤติกรรมองค์์รวมของทั้งหมด ฝืนกฎธรรมชาติือื่น ที่แทรกซ้อนเข้ามา แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาของสิ่งมีชีวิต แต่กว่าจะถึงเวลานั้น ลองนึุกถึงช่วงเวลาที่ต้นไม้ดำรงอยู่
ระบบ scale-free นี้ เรามาใช้กับการจัดการได้ด้วย
ใครจัดการเว็บที่เน้นเรื่อง content โดยไม่สามารถฝังแนวคิดเรื่อง scale-free เข้าไปได้ ผมเชื่อว่า เหนื่อยรากเลือด
ระบบที่ผู้ดูแลปล่อยแรมเดือนโดยไม่ต้องแทรกแซงทั้งที่มีปัญหารุมเร้าเข้ามา ในระดับปรกติและระบบรับมือปัญหาได้เอง จะเป็นระบบ scale-free
การจัดการแบบ scale-free ในที่นี้ ก็คือ สร้างภาวะแวดล้อม ให้ content สามารถงอกได้เอง ปรับแก้ปัญหาด้วยตัวระบบเอง มีชีวิตของมันเอง
ไม่ง่าย แต่อยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้
cancer, tumor, proliferative disorder ทั้งหลาย เป็น scale-free ด้วยมั้ยนะคะ อาจารย์
*ว่าจะไปตามอ่าน google translate (ที่อาจารย์ติดใจ..ยังไม่ได้เข้าอ่านเลยค่ะ)
สวัสดีครับ คุณหมอเล็ก ภูสุภา
เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ ที่ระบบscale-free จะไปใช้กับธุรกิจ ไม่ง่ายแน่ๆค่ะ
พี่ ดั้นนนน คร้าบบบบบบ