จะเกิดอะไรขึ้น หากน้ำแข็งมีความหนาแน่นกว่าที่เป็นตามปรกติ ? สิ่งที่เราจะเห็นคือการที่ก้อนน้ำแข็งเมื่อปล่อยให้ลอยในน้ำ จมลงไปจนเกือบไม่มีส่วนโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ นั่นคือสภาพที่เราใช้อธิบายโชวห่วย และก้อนน้ำแข็งที่เบากว่าน้ำตามปรกติ ก็คือสิ่งที่เราใช้อธิบายห้างยักษ์ พูดมาตั้งนาน อาจงงว่าผมหมายถึงอะไร ผมกำลังจะพูดถึงโครงสร้างกำไร ของการค้าขายของห้างยักษ์และโชวห่วยครับ เพื่อเสริมข้อสงสัยว่า ทำไมห้างนอกจึงนิยมบุกไทย ถ้าเรามองว่า ก้อนน้ำแข็งทั้งก้อน คือยอดขาย ส่วนที่ลอยปริ่มน้ำ เลยพ้นน้ำได้ของน้ำแข็ง คืออัตรากำไรต่อยยอดขาย ส่วนที่จมเหนือน้ำ คือต้นทุน ก้อนน้ำแข็งรุ่นความหนาแน่นสูงเป็นพิเศษ แต่ก้อนเล็ก ๆ ก็คือโชวห่วย ก้อนน้ำแข็งรุ่นที่มีความหนาแน่นธรรมดา ก็คือห้างยักษ์ หากเทียบยอดขายเท่ากัน บาทต่อบาท ทุกบาทที่ขายได้ ห้างยักษ์จะมีกำไรสูงกว่าโชวห่วยเสมอ ตั้งแต่สูงกว่านิดหน่อย ไปจนถึงกำไรมากกว่าหลายเท่า ทำไมเป็นเช่นนั้น ? เพราะ ต้นทุนรายใหญ่จะต่ำกว่ารายเล็กเสมอ มีทุ่นที่ช่วยพยุงให้ยอดภูเขาน้ำแข็งลอยสูงขึ้นตามธรรมชาติ หากเป็นรายใหญ่ ...ผู้ผลิตสินค้าส่ง จะลดราคาเป็นพิเศษให้ผู้ซื้อรายใหญ่เสมอ ...ผู้ผลิตสินค้าส่ง จะมีระยะเวลาครบดิวเก็บเงินให้รายใหญ่เสมอ เพราะเอาใจที่ซื้อมาก และคุ้มที่จะตามทวง ไม่เหมือนรายเล็ก ที่ต้นทุนค่าตามทวงแพงกว่ามาก (ใครจะส่งคนมาตามทวงด้วยเงินทุุนหนึ่งหมื่นบาท มาทวงเงินหนึ่งหมื่นบาท ?) ...ห้างใหญ่ขายหมดเร็ว แทนที่จะเอาเงินไปจ่ายค้างดิวครบกำหนดชำระ เอาไปฝากแบงค์กินดอก (ขนมคำเล็ก) หรือปล่อยกู้กินดอก (ขนมคำโต) จ่ายตอนครบดิว ได้ทั้งกำไรสินค้าและกำไรจากการหมุนเงินทุนที่ตัวเองไม่ต้องจ่าย อย่าแปลกใจนะครับ ที่เมื่อขายได้ 100 บาทเท่ากัน โชวห่วยจะได้กำไรน้อยกว่าห้างยักษ์อย่างเทียบกันไม่ติด หากระบบสั่งซื้อสินค้ามีประสิทธิภาพ 100 % แนวคิดเรื่องภูเขาน้ำแข็งทั้งลูกวางอยู่บนผิวน้ำ ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน คือห้างยักษ์ขายสินค้าได้โดยไม่ต้องออกทุนเองเลย ! เพราะเมื่อไหร่ สามารถใช้ทุนของคนอื่นมาเป็นทุนของตัวเองได้ (การกู้ปลอดดอกเบี้ยที่สามารถไปปล่อยดอกต่อได้ โดยความเสี่ยงเป็นศูนย์) ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ จะไม่มีส่วนใดจมอยู่ใต้ผิวน้ำอีก
สวัสดีครับอาจารย์
บล็อกอาจารย์นี่คมคายเสมอมาเลยครับ คุณพ่อผมเล่าให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้มีเรื่องใหม่อีกเรื่องแล้วคิด (ผมไม่แน่ใจว่าอาจารย์ทราบหรือยัง) เรื่องนั้นก็คือ profit guarantees หรือสรุปง่ายๆก็คือผู้ผลิตต้องจ่ายเงินไปก่อนเลยตามที่ตกลงในสัญญา ก่อนที่จะได้มีโอกาสวางขาย
ผมไม่รู้ว่าห้างไทยทำแบบนั้นหรือยัง แต่ห้างยักษ์ใหญ่หลายๆแห่งในต่างประเทศทำแล้ว
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง โชว์ห่วยไทยก็คงต้องถีบตัวเองมากขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นโอกาสให้ตัวร้านโชว์ห่วยมีโอกาสต่อรองกับผู้ผลิตมากขึ้นก็เป็นได้นะครับ เพราะผู้ผลิตที่ถ้าทุนไม่หนาพอ ก็อาจจะไม่อยากไปทุ่มทุนจ่ายเงินล่วงหน้าก็เป็นได้ครับ
สวัสดีครับ คุณไปอ่านหนังสือ...
"...ชีวิตหาทางไปของมันเอง..."
สวัสดีครับอาจารย์
profit guarantees เป็นการบังคับให้ผู้ขายจ่ายเงินต่อพ่อค้าปลีกขนาดใหญ่ก่อนครับ เช่นสมมติว่าผมขายเสื้อให้ Wal-Mart วอลมาร์ทก็อาจจะไปประมาณการว่า เสื้อที่ผมขายเนี่ย น่าจะทำกำไรให้วอลมาร์ทได้ สมมติ ห้าล้านเหรียญ ภายในเวลาสามปี
ผมก็ต้องจ่ายห้าล้านเหรียญนี่ไปก่อนเลยครับ พอถึงสามปี ถ้าได้กำไรไม่ถึง ห้าล้านเหรียญ วอลมาร์ทก็ไม่สนครับ ไม่ยอมให้ขายต่อ
แต่ถ้าไม่ถึงสามปี แล้วได้กำไรมากกว่าห้าล้านเหรียญ วอลมาร์ทก็มาทำสัญญาใหม่ครับ
แต่เป็นไปได้จริงๆครับอาจารย์ โชว์ห่วยอาจจะมีทางรอดที่เราคาดไม่ถึงได้ครับ