พลิกแล้วพลิกอีก ตั้งแต่ปีที่แล้ว รั้งๆ รอๆ ในที่สุดก็ได้ซื้อมาอ่าน ทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรใหม่ๆ ให้อ่านมากนัก เพราะหนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องพระลอได้สนุก ถูกใจ อีกทั้งลิลิตพระลอเป็นวรรณคดีเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านแล้วอ่านอีกหลายครั้ง ระบุจำนวนครั้งไม่ได้ อ่านเพราะใช้งาน อ่านเพราะค้นข้อความ อ่านเพราะอยากอ่าน ฯลฯ เรียกว่าเป็นวรรณคดีที่มีติดชั้นหนังสือ เข้าตู้ 1 ชั้น 1 (บนสุด) หมายความว่า ใครมายืมก็ไม่ให้ อิๆ
(พระเพื่อนพระแพง ภาพวาดฝีมือ จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติ)
ลิลิตพระลอ เป็นวรรณคดีร้อยกรอง ประเภทลิลิต อุดมด้วยโคลงสี่สุภาพ
โคลงสามสุภาพ และโคลงสองสุภาพ สลับด้วยร่ายสุภาพ
และร่ายสอดสร้อยเป็นบางแห่ง ถ้อยคำสำนวนเป็นที่ยกย่องจากวรรณคดีสโมสร
ให้เป็นยอดแห่งลิลิต เคยมีบางท่าน
กล่าวว่าลิลิตพระลอน่าจะแต่งในสมัยรัตนโกสินทร์
(จำได้ว่าอ่านจากคอลัมน์ของคุณสุจิตต์
วงเทศ ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด หลายปีมาแล้ว ถ้าจำผิดก็ขออภัย
อาจารย์สุมาลีได้อ้างถึงเรื่องนี้ด้วย แต่ท่านไม่ได้ระบุรายละเอียด)
แต่ยังไม่ยืนยันแน่ชัด
เรื่องพระลอเป็นนิยายรักสามเส้า (ความจริงแค่สองต่อสอง แต่บังเอิญมีหญิงสองคน เท่านั้นเอง) เล่าว่าเดิมนั้น เมืองสรอง กับเมืองสรวง เป็นศัตรูกัน เจ้าเมืองสรวงฆ่าเจ้าเมืองสรองตาย ทั้งสองต่างมีลูก เจ้าเมืองสรวงมีลูกชาย คือพระลอ รูปงาม ส่วนเจ้าเมืองสรอง มีธิดาสองคน งามเช่นกัน ชื่อพระเพื่อนพระแพง เมื่อพระบิดาตายแล้ว พระลอก็ขึ้นเป็นเจ้าสืบแทน
ความงามของพระลอ นั้นเป็นที่ลือเลื่องไปทั่ว มีช่างซอไปขับซอถึงเมืองสรอง จนพระเพื่อนพระแพงได้ยินกิตติศัพท์ความงาม แล้วก็ลุ่มหลง (เคยได้ยินเพลง "ยอยศพระลอ" ไหมครับ) มีคำยอพระลอ "รอยอินทร์รูปหยาดฟ้า มาอ่าองค์ในหล้า แหล่งให้คนชม แลฤๅ" นั่นแหละ พระเพื่อนพระแพงจึงกล่าวกับพระพี่เลี้ยง นางรื่นนางโรย ว่า เสียงฦๅเสียงเล่าอ้าง อันใด, เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า" พระนางอดรนทนไม่ได้ให้พี่เลี้ยงหาวิธีนำพระลอมาหา
นางรื่นนางโรยไปหาหมอผีหลายคน เพื่อทำเสน่ห์ แต่ฝ่ายพระลอก็แก้ได้ แต่สุดท้าย นางไปหาปู่เจ้าสมิงพราย สุดยอดปรมาจารย์แห่งเวทศาสตร์ ท่านเล็งญาณ แล้วรู้ว่า "ด้วยผลกรรม์เขาแต่ก่อน ทำหย่อนหย่อนตึงตึง ส่วนจะถึงบมิหยุด เท่าว่าจะพลัดสุดพลันม้วย ด้วยผลกรรมเขาเอง" และใช้เทคนิคไสยศาสตร์อย่างสุดความสามารถ โดยที่ต้องสู้กับการแก้คุณไสยของฝ่ายเมืองสรวง สุดท้ายจึงลงเอยที่ ไก่แก้ว "สร้อยแสงแดงพพราย ขนเขียวลายยยับ ปีกสลับเบญจรงค์ เลื่อมลายหงส์สิบบาท" พระลอก็ตามไก่ ก็ตอนนี้เอง จนพระลอ พร้อมองครักษ์ นายแก้วนายขวัญลอบเข้าเขตอุทยานพบพระเพื่อนพระแพงจนได้
ทั้งพระเพื่อนและพระแพงก็รักพระลอ ทั้งสามจึงอยู่ด้วยกันหลายราตรี จุดนี้เป็นที่โจมตีของนักวิจารณ์หัวก้าวหน้าว่าเป็นเรื่องเละเทะในราชสำนัก ที่เล่าเรื่องเพศอย่างไม่อาย เอาเป็นว่า สุดท้าย เจ้าเมืองสรองทราบข่าว ก็ไม่ว่าอะไร เห็นชอบจะให้อภิเษกสมรสกัน แต่เจ้าย่า พระมารดาเลี้ยงของเจ้าเมืองสรองไม่ชอบ เพราะพระบิดาพระลอฆ่าพระสวามีของนางในกาลก่อน เจ้าย่าจึงสั่งทหารมาจับพระลอและคนอื่นๆ พระลอและพระพี่เลี้ยงต่อสู้กันถึงที่สุด แต่สุดท้ายก็ตายหมดทุกองค์ทุกคน เหมือนในภาพที่คุณ naree นำมาฝากในความเห็นข้างล่างนะครับ
อาจารย์สุมาลี วีระวงศ์
(นามสกุลเหมือนปราชญ์ลุ่มน้ำของ มหาสิลา วีระวงศ์ ที่คนรักภาษา
วรรณคดี ไทย-ลาว ต้องรู้จัก)
เป็นที่คุ้นเคยกันดีในหมู่คนอ่านวรรณคดีไทย มีผลงานการวิเคราะห์
วิจารณ์ เล่าเรื่อง วรรณคดีไทยมานักต่อนักแล้ว
คงไม่ต้องอารัมภบทอีกยืดยาว
ว่ากันถึงหนังสือเล่มนี้เลยดีกว่า
วิถีไทยในลิลิตพระลอ
ขึ้นปกว่า “วิถีไทยในลิลิตพระลอ” มีชื่อผู้เขียน “น.ท.
สุมาลี วีระวงศ์” และ ข้อความโปรยด้านล่าง “วิเคราะห์อย่างรู้ซึ้งถึงงานวรรณคดีที่ได้รับยกย่องว่าเป็น
‘ยอดของวรรณคดีประเภทลิลิต’
” ซึ่งคงไม่ใช่ข้อความของอาจารย์สุมาลี
ท่านออกจะถ่อมตัว พิมพ์ครั้งแรกเมื่อมิถุนายน พ.ศ. 2549
ขนาดพ็อกเก็ตบุ๊ก 256 หน้า สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์
อ่านคำนำสักหน่อย ได้ความว่า หนังสือเล่มนี้ เป็นการรวบรวบเนื้อหาจากที่ท่านได้บรรยายออกอากาศวิทยุศึกษา “รายการวรรณคดีสโมสร” เมื่อ พ.ศ. 2541 นานพอดู แต่ก็ไม่ได้ล้าสมัยแต่อย่างใด
หนังสือเล่มนี้แบ่งเป็น 11 ตอน ไม่มีชื่อตอน มีดัชนีค้นคำให้ด้วย ซึ่งพบได้น้อยในหนังสือบ้านเรา
อาจารย์สุมาลีท่านเล่าเหมือนเรากำลังฟัง ไม่เหมือนการอ่าน ก็อย่างที่บอก เป็นหนังสือรวมบทรายการวิทยุ ที่ไม่เคร่งเครียด เนื้อหาหลักเน้นการเล่าเรื่องให้เข้าใจ แทรกบทร้อยกรองเป็นช่วง มีการวิเคราะห์คำศัพท์ยาก ความไพเราะในเชิงสำนวนโวหาร และยังเล่าถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมด้วย แม้มีบทเข้าพระเข้านางที่หลายคนเสียวไส้ แต่เด็กก็อ่านได้สนุกดี ไม่มีโป๊ อาจารย์ท่านมีเทคนิคการเล่า ไม่ให้ครูสาวที่สอนวรรณคดีต้องหน้าแดง
เมื่อถึงตอนที่ไพเราะ สวยงาม อาจารย์จะเน้นเป็นพิเศษ และชักชวนให้คนอ่านติดตามอย่างจดจ่อ ทำให้อ่านได้เพลิน สนุก แม้จะรู้เรื่องของนิยายดีแล้ว แต่ก็ยังอยากรู้เกร็ดต่างๆ ที่แฝงอยู่ในเนื้อเรื่อง
บางตอนจากหนังสือ
...มีโคลงบทหนึ่งอยู่ตรงนี้ ซึ่งไพเราะมากทีเดียว แต่มีตกทอดมาเป็นสองสำนวน ดิฉันขออ่านเป็นสำนวนที่คิดว่าถูกก็แล้วกัน บทนี้ค่ะ...
ลมพัดเชิญท่านท้าว เสด็จมา หนึ่งรา
ลมแล่นเวหาหา ท่านไท้
ดาราบดีดา รักเร่ พระรา
ดาวดาษเดือนต่างไต้ ส่องท้าวเสด็จดล
โคลงบทนี้ ถ้าเป็นตามนัยที่ดิฉันอ่าน จะเห็นว่าบาทที่หนึ่งเป็นคำขอร้อง ขอให้ลมพัดไปเชิญพระลอมาหน่อยเถอะ บาทที่สองก็เป็นอาการของลม คือลมนั้นก็พัดไปโดยเร็ว เพื่อจะไปพบพระลอ บาทที่สามเป็นคำสั่งอีก "ดาราบดีดา รักเร่ง พระรา" ดาราบดี ก็คือพระจันทร์ "ดารัก" หรือ "ดารก" ก็คือ ดาว บาทนี้เป็นคำขอจากนางพี่เลี้ยงว่า ขอให้ทั้งดาวเดือนไปเร่งให้พระลอมาด้วยเถอะ ข้อความสำคัญหรือความเก๋ที่สุดก็อยู่ตรงที่ว่า "รักเร่ง พระรา" จริงๆ แล้ว "รัก" นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำว่า "ดารก" หรือ "ดารกะ" แต่เสียงของมันชวนให้นึกถึงความรัก เพราะฉะนั้น มันก็เลยมีความหมายสองคำซ้อนกันอยู่ตรงนี้ ก็คือทั้งเดือนดาวนั้น ถ้ารักพระเพื่อนพระแพง ก็ขอให้ไปเร่งให้พระลอมา และบาทที่สี่ คือทั้งดาวเดือนนั้นก็สำแดงอาการให้เห็น "ดาวดาษเดือนต่างไต้" ดาวก็พร่างทั่วไป คือเดือนก็สุกโพลงสว่างเหมือนกับไต้ เหมือนกับไฟที่จะส่องให้พระลอเสด็จมา...
หากได้อ่านลิลิตพระลอ สักเที่ยวหนึ่ง แล้วมาอ่าน วิถีไทยในลิลิตพระลอ ท่านจะเข้าใจเรื่องได้อย่างแจ่มชัด เหมือนมองก้นทะเลสาบที่มีน้ำใสเป็นกระจก
ส่งท้าย
อยากให้ท่านที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้ ได้ลองหาอ่านหนังสือเล่มนี้ และอ่านลิลิตพระลอ ที่เป็นฉบับร้อยกรองด้วย จะได้รับความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ท่านจะสนุกกับการเชื่อมโยงความหมายและการใช้คำ ตื่นเต้นกับลีลาการประพันธ์ และค้นพบสิ่งแปลกใหม่มากมาย ทุกครั้งที่เปิดหนังสือ สายตาเพ่งไปที่อักษรตัวแรก ความตื่นเต้นก็มาเยือนอย่างน่าประหลาด!
งานสัปดาห์หนังสือปีนี้ ลูกสาวเจ้านายให้หนังสือ "รักที่ต้องมนตรา" ของ คุณทมยันตี พร้อมลายเซ็นต์ เป็นของฝาก
นวนิยายเรื่องนี้ แปลงมาจาก ลิลิตพระลอ ^_^
และ ต้อมชอบภาพวาดของ อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต มากค่ะ
ผมเป็นเยาวชนไทยรุ่นใหม่ที่ห่างเหินวรรณคดีและร้อยกรองทุกประเภทครับ -_-'
ไม่ทราบว่าพระลอเกี่ยวข้องกับจังหวัดแพร่อย่างไรครับ คุ้นๆ ว่ามีไก่ฟ้าพระยาลอด้วย ไม่ทราบว่าจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือเปล่า .. ยังไงขอความกรุณาสรุปย่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้ชื่นชมสักหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณกาแฟ
ไม่มีอะไรในก่อไผ่ครับ
มีแต่หนังสือ อิๆๆ
อย่าลืมไปอ่าน ตามลิงก์ของคุณ naree suwan ล่ะ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณ naree suwan
เก่งจัง รำก็เป็นด้วย อย่างก็นี้เป็นแฟนตัวจริง อ.บัวชูฝักสิครับ
จำได้ว่า "อายุเยาวเรศรุ่น เจริญศรี พระเพื่อนพี่แพงน้อง สองสมร ใช่ไหมครับ" จำได้แค่นี้ครับ ให้คนอื่นมาต่อ
นำภาพตอนที่รำมาฝากบ้างสิครับ ผมว่าต้องสวยมากๆ แน่เลย
เอ คุณครูพี่อ้อยจะเคยรำหรือเปล่า
ขอบคุณที่นำภาพมาฝากครับ ตอนแรกผมไม่ได้นำภาพพระเพื่อนพระแพงมาแปะ แต่นึกได้ว่ามีอยู่ในกรุภาพ เลยขยายออกมา
ฝีมือครูเหม เวชกร เป็นที่รู้จักกันดี และวาดภาพนางในวรรณคดีไว้เยอะด้วย
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับ คุณเนปาลี
ต้องเป็นคอนิยายไทยอีกคนหนึ่งแน่เลย ใช่ไหมครับ เห็นคุณต้อมไปอ่านเรื่องเสือ แล้วจะเข้าไปตอบนะครับ
ผมไม่ค่อยได้นวนิยายสักเท่าไหร่ แต่อ่านเพชรพระอุมาจบ ทั้งหมด สนุกดีครับ
ภาพของอาจารย์จักรพันธุ์นุ่มนวล อ่อนหวาน ฝีมือไม่ตกเลย หวานเหมือนคนวาดครับ ;)
สวัสดีครับ อ.ขจิต
(ตัวหนังสือใหญ่ไปไม่ไหมครับ?)
ครับ ชอบภาพวาดแนวๆ นี้ ดูเยือกเย็น นุ่มนวล อ่อนหวาน
เอ คน โบราณนี่ หมายถึง คนเขียนบันทึก หรือคนแสดงความเห็น หรือคนเข้ามาอ่านครับ ต้องระบุให้ชัดครับ อิๆๆ
แน่ะ มีเล่นมุขสูงติดเพดาน พระถูกพระแพง คุณ naree จะ get ไหมเนี่ย
อาจารย์เป็นหนุมานเหมาะดีครับ มีคน(บางคน)บอกว่า hyperman อิๆๆ
สวัสดีครับ
คุณกล้าสนใจวรรณคดีไทยเหรอครับ ดีจัง
งั้นผมเอาเรื่องย่อไปเพิ่มในบันทึกดีกว่านะครับ ถ้าตอบตรงนี้บางท่านอาจไม่ได้ไล่ลงมาอ่าน
เรื่องพระลอ ไม่น่าจะเกี่ยวกับประวัติเรื่องแพร่ เท่าที่ค้นๆ นะครับ เพียงแต่เล่าๆ กันว่าเรื่องนี่เป็นนิทานพื้นบ้านในทางภาคเหนือ อาจจะแถวแพร่น่านแถวนั้น แต่ก็ร่องรอยเลือนลางเต็มทีแล้ว ที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่ มีรูปปั้นพระลอพระเพื่อนพระแพง ก็ปั้นขึ้นสมัยหลัง
ส่วนไก่ฟ้าพญาลอ ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องอย่างไร
แต่ถ้าคุณกล้าได้อ่านเรื่องลิลิตพระลอ คงจะชอบ เพราะมีหลายประเด็น เก็บมาขยายได้ เช่น สลาเหิน ที่เสกให้พระลอต้องลุ่มหลงพระนางสองพี่น้อง, ปู่เจ้าสมิงพราย ที่มีชื่ออยู่ในวรรณคดีเก่หลายเรื่อง หรือเรื่องผี ที่พรรณนาได้อย่างถึงใจ ในตอนที่ผีป่าบุกเข้าไปในเมือง ...
"...ผีบันดาลไฟคคลุ้ม ให้ควันกลุ้มเวหา ด้วยแรงยาแรงมนต์ ผีแดนทนทานยาก จึ่งฝากข่าวแก่ลม กึกก้องอมพรมี่ ลัดพลัดปรี่ปรึงมา บอกแก่เทพดาเสื้อเมือง ฟ้าหล้าเหลืองอุบาทว์ อากาศคลุมเปนควัน ฟ้าเครงครรชิตผ่า ใจเมืองบ้าดังจะผก หัวอกเมืองดังจะพัง เทพดาฟังฟฟั่น ตกใจสั่นระรัว กลัวฤทธิพระปู่ ผู้มีเดชเกรงไกร หมอสิทธิไชยเล็งเห็น ทีนี้เข็ญเกิดใหญ่ ปู่หมอใคร่ใจดู ครูกูชี้ให้เห็น อันเปนนั้นปรตยักษ์ ด้วยสิทธิศักดิ์ผีสาง จึ่งทูลแด่ออกนางนาฎชลนี ฟังคดีอัศจรรย์ ว่าจะกันกันบได้ ให้มาเห็นเขญปลาด ทุกประการนาฏพิลาป สองมือทาบตีอกไห้ ใครจักช่วยเจ้าได้ ลูกแก้วกับตน แม่เฮย จอมใจ แม่ฮาฯ..."
ลองอ่านเรื่องตามลิงก์ของคุณ naree ดูนะครับ ถ้ารู้ภาษาถิ่นเหนือจะได้เปรียบครับ
ขอบคุณครับ
อ้าว คุณกาแฟ โผล่มาตอนไหน
เพิ่งย่อเรื่องให้คุณกล้าเสร็จ
อ้อ หมายถึงหนังสือ ครับผม
แล้วขบวนการรื้อหิ้งหนังสือก็เริ่มขึ้นครับ ;)
ตามมาขอบคุณอีกรอบครับ เข้าใจแจ่มแจ้งตามเนื้อความ สามารถเอาไปโม้ต่อได้อย่างแน่นอน :-P
ส่วนลิงค์ของพี่นารี ตามไปครับ แต่ไปฟังเพลง .. เพิ่งรู้ว่าเพลงลาวๆ หลายเพลงเกี่ยวข้องกับเรื่องพระลอ เพลงเตียวดง หรือเดินดงนั้น ผมมี 2 เวอร์ชัน เป็นของจรัล มโนเพ็ชร กับซอพระลอเดินดงเมืองน่าน โดยพ่อครูคำผาย นุปิง ศิลปินแห่งชาติ (ฟังได้จากที่นี่ครับ เป็นคำเมืองสำเนียงน่าน)
เสียงฦๅเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย .. เพิ่งรู้อีกเช่นกันครับว่ามาจากลิลิตพระลอ เห็นเกร่อมาก ส่วนมากจะเขียนเป็น เสียงลือเสียงเล่าอ้าง .. เห็น ฦๅ ก็เลยไม่ค่อยคุ้น
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณต้นกล้า
ผมเคยมีเทปซอของพ่ออุ้ยคำผาย เหมือนกัน แต่เป็นเพลงงานศพ เลยไม่ค่อยได้เปิดบ่อย
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ อ.บัวชูฝัก
อาจารย์คงแสดงได้หลายชุด เก่งจัง
นิยายเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการแสดงหลายอย่างนะครับ
พอดีมีภาพเก่าๆ เลยนำมาแปะเพิ่มเติม คุณ naree ก็นำมาเพิ่มอีกภาพหนึ่ง เลยดูสดใสขึ้นเยอะ
ขอบคุณมากครับ
ค่ะ ภาพวาดของอาจารย์จักรพันธุ์ สวยงาม อ่อนหวาน สมกับตัวท่านผู้เป็นคนวาด
ต้อมชอบมากค่ะ และบ่อยครั้งที่นำโปสการ์ดภาพวาดแบบนี้ส่งไปให้พี่ๆ ที่คุ้นเคยกัน
^_^
ชอบเรื่อง พระลอ
วรรณคดีไทยอ่านแล้วเพลินม๊ากมาก
Master เขียนเองหรอ
เขียนเก่งมาก
นับถือ....
อิอิ
สวัสดีค่ะ
เรียนอักษรศาสตร์มา แต่ชอบเรื่องนี้ ที่ตัวอักษร ที่แต่งได้เพราะมาก ไม่ได้ชอบที่ตัวละครค่ะ
ขอบคุณที่นำเรื่องนี้มานะคะ ไม่ได้อ่านซ้ำมานาน หลังจากที่อ่านมาหลายรอบ ตอนเรียนค่ะ
ไปตามlink แล้วค่ะ
สวัสดีครับ คุณเนปาลี
สวัสดีครับ คุณ pLaELy
สวัสดีครับ คุณพี่ศศินันท์
ภาษาสวยงามมากครับเรื่องนี้ เรียกว่าขัดเกลากันมาจริงๆ
พี่จำได้แม่นจริงๆ ในเรื่องพระลอนี่แหละครับ เล่าถึงตอนที่พระลอให้นายด่านพาสองพี่เลี้ยงเล็ดลอดเข้าเมือง นายด่านก็ทำทีเป็นพี่น้อง มีจังหวะจะให้สินบนก็ให้ไป จะได้สะดวก (อันนี้ต้องถามท่านอัยการชาวเกาะ ว่ามีความผิดสถานใด) ข้อความนี้เป็นโคลงสองสุภาพครับ
อ่านต่อนะครับ เนื้อความจะได้ต่อเนื่อง
เรียกว่าจ่ายสินบนไปทั่วเลย (หมู่พยาบาลสวน ในนี้น่าจะหมายถึงคนดูแลอุทยานนะครับ) ข้อความ สีน้ำเงินที่เน้นข้างบน มีคนเอาไปอ้างเยอะ ในเรื่องประวัติศาสตร์การติดสินบนของไทยเลยทีเดียว
ขอบคุณที่แวะมาพูดคุยครับ
สวัสดีครับ อ.ขจิต ฝอยทอง
สวัสดีครับ คุณหิ่งห้อย
เก่งจังเลย โคลงบทนี้เคยนิยมท่องกัน มาจากลิลิตพระลอนี่แหละครับ เป็นโคลงสี่สุภาพ คัดมาให้ดูเต็มๆ ครับ
เป็นตอนที่พระพี่เลี้ยงทูลตอบพระลอ ขณะเดินทางผ่านป่าเขาลำเนาไพร (แต่ก่อน ผู้ชายก็เด็ดดอกไม้แซมผมเหมือนกัน)
แต่ละบทแต่ละตอน น่าอ่านทั้งนั้นเลย
ขอบคุณมากนะครับ ที่มาแวะทักทาย
สวัสดีครับ อ.ธ วั ช ชั ย
เมื่อปี ๒๕๑๖ ผมแสดงเป็นพระลอครับ อิอิ แต่ปีนี้ถ้าให้แสดงคงเป็นพระยิ้ม แอ่ะๆๆ เพราะพุงหลาม แฮ่ๆๆ
เพลงยอยศพระลอ ผมชอบมาก เมื่อคราวงานโรงเรียนสตรีภูเก็ตครบ ๘๐ ปี ผมให้ทางโรงเรียนเอาวงโยธวาทิต บวกกับดนตรีไทย และวงสตริง ร่วมกันบรรเลงเพลงยอยศพระลอ แล้วผมร้องเพลงนี้ ครับ อะแฮ่มๆๆ
สวัสดีครับ ท่านอัยการชาวเกาะ
แหม อยากฟัง ยอยศพระลอ แล้วสิครับ เที่ยวหน้าเข้าห้องอัด ลองร้องเพลงนี้สักหน่อยดีไหมครับ
แล้วก็ เดี๋ยวจะกระซิบบอก อ.บัวชูฝัก เผื่อว่าขาดตัวพระลอ จะได้หยิบยืมให้ท่านไปช่วยแสดง อิๆๆ
สวัสดีครับ อ.ขจิต ฝอยทอง
เย้..ตามมาทำความรู้จักได้แล้ว สวัสดีค่ะ
ชอบเพลงยอยศพระลอค่ะ แต่ยังไม่เคยอ่านลิลิตพระลออย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักที ตอนนี้จำตัวละครได้แค่ พระลอ พระเพื่อน พระแพง(ว้า!..แย่จังเรา)
สวัสดีครับ ครูตุ๊กแก
สวัสดีครับ คุณนารี
ไม่ใช่หนังสือครับ อ.ขจิตกำลังตื่นเต้น ที่มีภาพตัวเอง เลยสื่อสารผิดไปนิดหน่อย อิๆๆ เป็นนิตยสารนะครับ
นั่นสิครับ ไปว่าพระถูก ระดับนี้ต้องพระแพงๆ ถึงจะเหมาะ อย่าไปถือสาครับ อ ขจิต คงไม่รู้จักหรอก พะแพง AF4 ;)
จะว่าไป หลายท่านคุ้นเคยกับนิยายเรื่องนี้ดีนะครับ ทั้งร้อง ทั้งเล่นละคร เสียดายที่หาอ่านยากสักนิด อ่านในเว็บอาจไม่สะดวกเท่าไหร่
หนูตามคุณพี่พระถูกข้างบนมาค่ะ ^_^
และจะแวะมาบอกคุณธวัชชัยว่า หากวันไหนมีโอกาสไปเดินท่อมๆ ที่ถนนคนเดินในตัวเมือง จะเอาโปสการ์ด((ที่คิดว่าเป็น))พระเพื่อน พระแพง มาฝาก อิอิ แต่ตอนนี้ขอให้ยลคุณพี่พระถูกไปก่อนเน้อ
สวัสดีค่ะคุณธวัชชัย
*ขอแวะเข้ามาอ่านลิลิตพระลอด้วยคนน๊ะค๊ะ*
*ไม่ทราบจะออกไปหาซื้อหนังสือที่ใหนที่ปลอดภัยได้เพราะจังหวัดชายแดนใต้ออกไปใหนก็ไม่ปลอดภัย*
*ขอพึ่งหน้า BLOG นี้ มาอ่านด้วยคนค่ะแล้วจะแวะมารับสิ่งดี ๆ อีกน๊ะค๊ะ
สวัสดีครับ คุณnaree suwan
สวัสดีครับ คุณเนปาลี
สวัสดีครับ คุณpepra
เกินคำบรรยายค่ะ..ขอบคุณ gotoknow ที่ให้โอกาสได้พบ ได้สัมผัสกับผู้รู้..ผู้ตืน..ผู้เบิกบาน..ตัวจริง เสียงจริง
บ้านของคุณครูทุกห้องเต็มไปด้วยองค์ความรู้ ความงดงามของภาษา ทำให้มองตัวเองอยู่ห่างจากคุณครูมากค่ะ..ประมาณยอดหญ้าบนพื้นดินกับขุนเขาในอดีต..นานมาแล้ว..เคยรำประกอบเพลงยอยศพระลอค่ะ(ไม่ได้เป็นพระเพื่อนพระแพงนะคะ)..ท่องเที่ยวบ้านคุณครูพบทุกท่านที่คุยกับคุณครูแล้ว..คิดถึงวันเวลาที่ผ่านมาจังค่ะ..
รูปดังองค์อินทร์ หยาดฟ้ามาสู่ดิน โสภิณดังเดือนดวง..เหนือแผ่นดินแดนสรวง เหนือปวงอื่นใด ลา..ลา...ลา เหล่าอนงค์หลงสวาท ยอมเป็นทาสรักบำเรอ นามขุนลอท้าวเธอ ทรงสถิตย์ ณ ทรวงใจ ลา..ลา..ลา
ชอบร้องเพลงนี้มากค่ะ..เพลงซอพระลอ..ด้วยสวัสดีครับ อ. วัชราภรณ์ วัตรสุข
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเดินถนนคนเดินในตัวเมือง และยังจำได้ว่าจะเอาโปสการ์ดที่คล้ายพระเพื่อน-พระแพงมาฝาก ((แบบว่าอารมณ์น่าจะคล้ายๆ กัน อิอิ ต้อมคิดของต้อมคนเดียวนะ ))
โปสการ์ด : แต่งตัว Dressing
Illustrated by Nit Jaingewkam
North of Thailand
โปสการ์ด : แยงแว่น Self Reflection
Illustrated by Nit Jaingewkam
North of Thailand
สวัสดีครับ คุณต้อม เนปาลี
ขอบคุณมากครับ สำหรับภาพสวยๆ สองภาพ ดูเขาเน้นความสวยงามของผ้าเป็นพิเศษ เห็นไหมครับ ผ้าไหมที่พลิ้ว ลื่น เป็นมันวาว เหมือนผ้าแพร (แต่ไหมไทยที่เคยเห็นไม่ลื่นขนาดนี้) ตีนจกแบบนี้ชวนนึกไปถึงลายตีนจกแถบเมืองลอง เมืองแป้ครับ ดูเข้าเค้ากับตำนานเรื่องพระลอ คุณต้อมลองหาใส่ดูสักผืนสิครับ อาจจะสวยกว่าสองนางนี้ก็ได้น้า...
ขอบคุณครับที่นึกถึง ;)
ป.ล. รูปนั่งชิงช้าหายไปไหนแล้วครับ
สวยจังเลยเฟี่ยว
พระเพื่อนสวยจัง พระแพงก็สวยเหมือนกัน นาเดีย