กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีโอกาสได้เดินทางไปสระบุรี ความตั้งใจนั้น จะไปชมสวนพฤกษศาสตร์ ที่พุแค เลยตัวเมืองสระบุรีออกไปไม่มาก แต่ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมาก ทำให้มีเวลาเหลือที่จะไปที่อื่นๆ เที่ยวนี้นับเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า และไม่คาดฝันมาก คือได้ไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไปนมัสการรอยพระพุทธบาท สระบุรี และเผอิญ เห็นป้ายบอกทาง ไปพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ลพบุรี จึงได้เดินทางลพบุรีต่ออีกด้วย
   พระพุทธบาท ที่สระบุรี เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมาก มีกล่าวถึงมาช้านาน นักเรียนภาษาไทยคงรู้จักดีจากนิราศพระบาท ของท่านสุนทรภู่ นักอ่านวรรณคดีคงจะได้อ่านเพิ่มจากบุณโณวาทคำฉันท์ ซึ่งแต่งไว้ในสมัยอยุธยาตอนปลาย
   ผมไปนมัสพระพุทธบาทด้วยความบังเอิญแท้ๆ เนื่องจากเราไปสวนพฤกษศาสตร์สายไปนิด ถ่ายภาพได้สักพัก ก็เริ่มหิว จึงตั้งใจออกไปหากาแฟ หรืออาหารเช้า (ซึ่งสายมากแล้ว) ปรากฏว่า เจอป้าย สวนอาหาร บ้านต้นไม้ จึงแวะรองท้องเสียเต็มอิ่ม บรรยากาศก็ร่มรื่น อยากให้ท่านที่ผ่านเส้นทางนี้ลองแวะนะครับ
   จากสระบุรีเดินทางไปพระพุทธบาท ใช้เวลาไม่กี่สิบนาทีก็ถึง ไปถึงตอนบ่าย แดดแรง แต่ก็ถ่ายภาพได้ไม่เลวร้ายนัก ด้านหน้ามียักษ์สองตนยืนหราอยู่ เราขึ้นบันไดด้านทิศเหนือ เป็นบันไดนาค แต่ไม่ชัน มีนาคเจ็ดเศียร กรมศิลปากรสันนิษฐานว่า หล่อมาตั้งแต่ครั้งสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ บันไดนี้ไม่สูง ขึ้นไปถึงระเบียงมณฑปแล้วต้องอ้อมไปด้านตะวันตก จึงเป็นทางเข้านมัสการพระพุทธบาท
   บันไดนาคนาคในบันไดนั้น      ผกผันเพียงจะเลื้อยออกโลดเล่น
   ขย้ำเขี้ยวขบปากเหมือนนาคเป็น   ตาเขม้นมองมุ่งสะดุ้งกายฯ
ส่วนในบุณโณวาทคำฉันท์ท่านว่า
   บันไดไศลนาค    อุรคราชเจ็ดศีร์
   ษเลิกพังพานมี    พิษเพียงประไลยกัลป์
มีลั่นทมร่มรอบคีรีเรียง
   ขึ้นบันไดนาคไป มีต้นลั่นทมสูงใหญ่ คงเก่าแก่มาก คงจะมีมาช้านานตั้งแต่สมัยอยุธยา
   ลั่นทมระดมดาษ    ดุจลาดประพัตรา
   แก้วกรรณนิกากา-    รเกษกลิ่นกำจรลมฯ (บุณโณวาทคำฉันท์)
   สุนทรภู่ก็เห็นลั่นทมเหมือนกันครับ เล่าเป็นกลอนไว้ว่า “มีลั่นทมร่มรอบคีรีเรียง มีกุฎิ์เคียงอยู่บนเขาเป็นหลั่นกัน” แดดแรงครับ จึงถ่ายรูปยอดมณฑปผ่านกิ่งลั่นทมมาฝาก ลั่นทมนี้เห็นไม่มากแล้วครับ แต่ต้นใหญ่ พุ่มกว้าง บอกถึงความเก่าแก่ได้ชัดเจน
   จุดเด่นที่เห็นตั้งแต่แรกก็คือมณฑปพระพุทธบาท ยอดสูงแหลม งดงาม เห็นปั๊บก็ทราบได้เลยว่า นี่แหละพระพุทธบาทสระบุรี ความงามของพระมณฑปนี้มีพรรณนาไว้ในวรรณคดีทั้งสองเรื่อง
   มองไปที่มณฑป เงยหน้าขึ้นไปเล็งยอด คว้ากล้องมาถ่ายทันที เพราะนึกถึงคำกลอนขึ้นมาได้
   ใบระกาหน้าบันบนชั้นมุข   สุวรรณสุกเลื่อมแก้วประภัสสร
   ดูยอดเยี่ยมเทียมยอดยุคุนธร  กระจังซ้อนแซมใบระกาบัง
   นาคสะดุ้งรุงรังกระดึงห้อย   ใบโพธิ์ร้อยระเรงอยู่เหง่งหงั่ง
   เสียงประสานกังสดาลกระดึงดัง  วิเวกวังเวงในหัวใจครัน
   ลวดลายกระหนก นาคสะดุ้ง ใบระกา ต่างๆ คงแปลกไปจากสมัยโบราณบ้าง แต่ก็น่าจะยังมีเค้า มีกลิ่นอายของเก่าตามคำกลอนที่ยกมา สำหรับเรื่องกระดึงรอบพระมณฑปนั้น พระมหานาค (วัดท่าทราย) ท่านได้รจนาไว้ดังนี้
   ใบโพสุวรรณห้อย    รยาบห้อยบรุงรัง
   ลมพัดกระดึงดัง    เสนาะศัพทอลเอง
   เสียงดุจสังคีต    อันดึงดีดประโคมเพลง
   เพียงเทพบรรเลง    รเรื่อยจับรบำถวายฯ
   ระหว่างนี้มีเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ สักยี่สิบคนมาไหว้พระพุทธบาทด้วย คุณครูตามมาอีกราว 5-6 คน ท่าทางจะเหนื่อยน่าดู เพราะเด็กตัวน้อยเหมือนมด วิ่งไปโน่นไปนี่ ไล่ต้อนกันไม่หวาดไม่ไหว วันที่เราไปเป็นวันทำงาน คนไม่มาก แต่ก็มีมาเรื่อยๆ ชาวต่างชาติแถบเอเชียก็มาบ้างประปราย คิดว่าถ้าเป็นวันหยุดคงจะมีคนมาหนาแน่นกว่านี้หลายเท่า
   พระมณฑปเองก็งดงามมาก ท่านสุนทรภู่พรรณนาไว้ว่า
   ทั้งซุ้มเสามณฑปกระจกแจ่ม   กระจังแซมปลายเสาเป็นบัวหงาย
   มีดอกจันทน์ก้านแย่งสลับลาย   กลางกระจายดอกจอกประจำทำฯ (นิราศพระบาท)
   ซุ้มสี่ทวารา    รจเรขเรืองไร
   กาบพรหมสรไกร   กระหนาบเสาพเพราพราย (บุณโณวาทคำฉันท์)
   มีอีกมากครับ ท่านพรรณนาไว้งดงาม เรียกว่าใช้ภาษาอย่างมีภาพพจน์ สนใจต้องอ่านวรรณคดีทั้งสองเรื่องนี้ก็แล้วกันนะครับ
ศาลารีมีทั้งระฆังห้อย
   ขึ้นไปบนลานรอบมณฑป มองลงไปด้านล่างมีระฆังราวให้เคาะ แต่ไม่ค่อยได้ยินเสียง เพราะแดดร้อน เลยไม่ค่อยมีใครไปตีระฆังเล่น
   พระมหานาค ท่านพรรณนาเอาไว้ว่า "รายโรงระฆังปราง อดิเรกรจนา" ส่วนสุนทรภู่ท่านก็เล่าเช่นกัน ครับว่า "ศาลารีมีทั้งระฆังห้อย เขาตีบ่อยไปยังค่ำไม่ขาดเสียง" ช่วงที่ท่านสุนทรภู่เดินทางมานี่ คงมีคนมานมัสการรอยพระพุทธบาทมากกว่าวันที่เราไป
มณฑปน้อยสวมรอยพระบาทนั้น
   ภายในพระมณฑป ที่มีรอยพระพุทธบาทนั้น มีมณฑปน้อย ครอบอีกทีหนึ่ง งดงามมากครับ ไม่บรรยายให้เสียอรรถรส ชมภาพ พร้อมคำพรรณนาจากบูรพกวีดีกว่า
   มณฑปเยาวในนั้น    คณพรรณมณีดี
   พวงกลิ่นสุมาลี     รยาบย้อยอร่ามเรือง (บุณโณวาทคำฉันท์)
    มณฑปน้อยสวมรอยพระบาทนั้น     ล้วนสุวรรณแจ่มแจ้งแสงอร่าม
    เพดานดาดลาดล้วนกระจกงาม     พระเพลิงพลามพร่างพร่างสว่างพราย
   ตาข่ายแก้วปักกรองเป็นกรวยห้อย     ระย้าย้อยแวววามอร่ามฉาย (นิราศพระบาท)
    ปัจจุบันมณฑปงดงามมาก สีแดงสีเหลืองทองอร่าม แต่ไม่มีพวงดอกไม้ห้อยอย่างในบุณโณวาทคำฉันท์ อ่านแล้วนึกถึงงานฉลองยามค่ำ สมัยที่ยังไม่มีไฟฟ้า จะจุดไต้โคมไฟชวาลากันสุกใสเพียงไหน
    กราบพระพุทธบาทแล้ว ต้องรีบถอยออกมา คนอื่นจะได้เข้าไปบ้าง เห็นมีรอยปิดทองคำเปลวเหลืองอร่าม มีโยนเหรียญ ธนบัตรลงไปด้วย ถ่ายรูปไว้ได้พอมีภาพกลับบ้าน ไม่อยากใช้เวลามาก เกรงใจคนที่เข้าไปไหว้ พอกำลังจะลุกขึ้น อ้าว เจอ "คำสำคัญ" อีกแล้ว เสื่อเงิน ครับ
พื้นในหิรัญลาด
    พื้นมณฑปปูด้วยเสื่อเงินจริง เป็นลายขัดอย่างเสื่อ แต่ดูประณีต งดงามมาก เสื่อลาดมณฑปนี้คงมีมาช้านาน พระมหานาคท่านก็เล่าว่า
   พื้นในหิรัญลาด   ก็สะอาดอลังการ์
   ราบรอบพระบาทา   ทศพลวิมลมี (บุณโณวาทคำฉันท์)
    ส่วนท่านสุนทรภู่ ก็เล่าไว้ด้วยว่า "ที่พื้นนั่งดาดด้วยแผ่นเงินงาม"
    เสื่อเงินนี้ สร้างเอาไว้หลายคราว คงจะชำรุดสึกง่าย เนื่องจากมีการเหยียบย่ำอยู่ตลอดเวลา เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่สอง พวกจีนสมคบกันลอกทองหุ้มพระมณฑปน้อย และเงินที่ปูลาดพื้นด้วย ที่ปูอยู่ในปัจจุบัน ทำเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2494 ที่เห็นอยู่มีแผ่นพลาสติกหนาปูทับอีกที แต่ก็มีรอยชำรุดอยู่หลายแห่ง
    ไหว้พระพุทธบาทเสร็จแล้ว ก็ลงบันไดทางขึ้น คือว่า ตรงบันไดทิศตะวันตกนะครับ เป็นทางชันหน่อย มีสามช่องทาง มีราวบันได 4 สาย หัวบันไดเป็นเศียรนาค แต่ตรงนี้เป็นนาคห้าเศียร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่หนึ่ง
    บันไดนาคนี้ มีเรื่องสนุกมากมาย เคยไปวัดทางภาคเหนือ บันไดนาคซับซ้อนกว่านี้ เพราะเศียรนาคโผล่ออกมาจาก “ตัวเหรา” ลำตัวที่เป็นราวบันไดนั้น ไม่ใช่ตัวนาค ตรงรอนาคนั้น มีรูปสัตว์ในป่าหิมพานต์อย่างหนึ่ง มีเท้าด้วย แต่วัดในภาคกลางไม่ค่อยเห็น บันไดนาคที่นี่ก็เป็นตัวนาคเปล่า ไม่ได้ออกมาจากปากสัตว์หิมพานต์
สิงโตตันสองตัวกระหนาบข้าง
<p>    มาถึงพื้นล่าง มองกลับไป พยายามจะถ่ายภาพทั้งเศียรนาคและราวบันได หามุมเหมาะๆ ไม่ได้เลย ถ้าถอยออกไปก็เลยรั้ว จึงลองนอนราบกับพื้น แล้วถ่ายขึ้นไป ได้นาคไม่ครบ 3 ตัวอยู่ดี แต่ก็กว้างกว่าเดิมหน่อย (ดูภาพขวา บนสุด) </p>
    ลงมาถึง เห็นรูปสิงห์ ขนาบสองข้างบันได จะเป็นของโบราณหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ที่ในนิราศพระบาทท่านว่า...
   ขั้นบันไดจะขึ้นไปมณฑปนั้น   สิงโตตันสองตัวกระหนาบข้าง
   ดูผาดเผ่นเหมือนจะเต้นไปตามทาง   พี่ชมพลางขึ้นบนบันไดพลันฯ
<p>    ยังไม่หมด เพราะยังนึกได้ว่าต้องมีฤษี เล็งๆ หารูปฤษี ไม่เจอแฮะ ถามป้าที่กวาดขยะ แกก็งงเล็กน้อย บอกว่า มีแต่ฤษีหมอ ถามคุณลุงเจ้าหน้าที่อีกคน ก็บอกว่าอยู่ด้านหลัง ฤษีมีอยู่ตนเดียว จึงขึ้นบันไดนาคย้อนไปหลังมณฑป ไปเจอวิหารหลวงพ่อโต พระพุทธรูปองค์ใหญ่ พระเศียรเกือบจรดเพดาน ส่วนด้านหลังเป็นพระนอน องค์ใหญ่เหมือนกัน มีป้านั่งพับดอกบัวอยู่ข้างใน ไม่เจอฤษี</p>
    อ้อมกลับไปด้านหลัง มีวิหารอีกหลังหนึ่ง อ้าว เจอฤษีจริงๆ ดูเทียบกับในหนังสือ ไม่เหมือนกันเท่าไหร่
   อาวาสพระลานเลี่ยน   ดุจแว่นสุวรรณสรรค์
   มีรูปพระสัจพัน-   ธดาบสบรรพชา
   ผดุงไว้จะหวังแจ้ง   กิจโดยตำนานมา
   คือองค์ดาบศอา-   ราธนรอยพระบาทางค์
    ในหนังสือที่อ้างอิงไว้ข้างล่าง ถ่ายภาพฤษีนั่งชันเข่าขวา แต่ที่ผมไปเห็น นั่งวางเท้าปกติ ตามบุณโณวาทคำฉันท์บอกว่า รูปฤษีนี้ปั้นไว้เพื่อเล่าตำนานว่าพระฤษีสัจพันธ์เป็นผู้อาราธนาพระพุทธบาทมา ซึ่งก็มีอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
    ความจริงไม่ตั้งใจจะยกกลอนมามากมาย เพียงจะเล่าว่าไปนมัสการพระพุทธบาท แต่ก็อดไม่ได้ เรื่องจึงยืดยาวไปหน่อย
หมายเหตุ พยายามจัดหน้าให้ดูดีที่สุด ก็ใช้เวลาตั้ง 2 ชั่วโมง เพราะเมนูไม่ขึ้นมาให้ปรับ ใส่โค้ด html งูๆ ปลาๆ คงพอจะอ่านได้ ความจริงตั้งใจจะเปลี่ยนสีข้อความเล่าเรื่อง และบทกลอนให้ต่างกัน แต่ก็คงใช้เวลาอีกมาก จึงยุติแค่นี้ ถ้าเปิดแก้ไข แล้วมีเมนูขึ้น ภาพที่จัดเอาไว้ก็จะเปลี่ยนขนาดไปอีก ผิดพลาดอย่างไรคงไม่แก้ แต่อาจเติมในความเห็นแทน ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วยครับ
สวัสดีค่ะคุณครู
ปีใหม่ไม่ได้ไปวัด แต่ไปวิหารเซียนค่ะ
แวะมานมัสการพระพุทธบาทด้วยคนนะคะ สวยจัง
อ๋อค่ะ
สวัสดีครับ
เป็นบันทึกที่เต็มไปด้วยสาระ ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปกรรม และ วรรณกรรม อย่างครบถ้วน
ถ้าเป็นสมัยก่อนคุณธ.วัชชัย คงได้แต่งนิราศเป็นเล่มๆแน่ครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
สวัสดีครับคุณกาแฟ
จริงๆ ตั้งใจจะเขียนยาวกว่านี้นะเนี่ย แต่ว่าเกรงใจคนอ่าน
ภาพถ่ายฉบับเต็มโหลดไว้ที่ http://thaipoet.multiply.com ครับ ถ่ายได้ไม่ค่อยสวยครับ พอได้เห็นภาพกันเท่านั้นเอง ถ้าคนชอบถ่ายรูปคงได้ภาพสวยๆ เยอะ
มีพญานาคโผล่จากหัวอันนั้น หนักหนาแล้วน่ะ รู้สึกว่าบันไดทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุภาพก็มีนะ ตัว "เห-รา" ;)
เส้นทางไปไม่ยาก ถ้าจะไปก็วางแผนไว้ก่อน (เดี๋ยวหลง) อิๆ
สวัสดีครับ คุณพี่นารี
หลังจากนั้นก็ตะลอนไปลพบุรีนั่นแหละครับ
วันนั้นไม่ได้นมัสการหลวงพ่อเป็นพิเศษ แต่มีรูปหนึ่งออกมาประพรมน้ำมนต์ตรงทางที่ขึ้น (ประตูยักษ์) แล้วทำบุญ ถวายสังฆทาน
ท่านใดมีจิตศรัทธาทำบุญ ก็ตามนี้เลยนะครับ ขอบพระคุณมากครับ ที่มาบอกกล่าว ประชาสัมพันธ์
อ่านวรรณคดีดูบรรยากาศสมัยก่อน แล้วไปดูภาพปัจจุบันเทียบกัน คงได้ข้อคิดเยอะทีเดียวครับ
สวัสดีครับ คุณอ๋อ
ถ้าจะไปชมบรรยากาศ และความงดงามทางสถาปัตยกรรมของมณฑปพระพุทธบาท ก็ไปเช้าๆ เลย อากาศไม่ร้อน จะได้ชมนกชมไม้ไปด้วย แต่อย่าลืม keyword นะครับ ผมยังลืมดูยักษ์ไป นึกไม่ออก
ไม่ไกลใช่ไหมครับ ว่างๆ ชวนเพื่อนสนิทสมิตรสหายไป ได้แวะที่อื่นด้วย
ภาพถ่ายไว้ไม่ค่อยสวยครับ ;)
สวัสดีครับ พี่ paleeyon
ก็แปลกเหมือนกัน ที่วันนั้นจู่ๆ ก็ได้แวะนมัสการพระพุทธบาท, อาศัยว่า ได้ อ่านประวัติศาสตร์ วรรณคดีที่เอ่ยถึงพระบาทบ่อยๆ เลยนึกถึงคำกลอนเอามาเทียบ สนุกดีนะครับ เหมือนได้ย้อนอดีต
สมัยโบราณ งานศิลปะในวัด ในวัง ถือว่าสุดยอด ของอย่างนี้ทำไว้ที่บ้านไม่ได้ เพราะ "เกินตัว" คนโบราณว่าเหากินหัว แต่สมัยนี้อาศัยการว่าจ้าง งานศิลปะไม่ได้สร้างอย่างสมัยก่อน แต่จะว่าไป ศรัทธาก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้างเหมือนกัน
พี่ paleeyon ท่าทางจะเดินทางบ่อยนะครับ รออ่านอยู่เหมือนกัน แลกกัน อิๆๆ
พี่ ธ.วั ช ชั ย ครับ
ต้องขอขอบคุณในความตั้งใจสำหรับบันทึกที่มีคุณค่าครับ อิ่มใจเสมอครับเมื่อได้มาอ่านเรื่องราว ในมุมที่ผมไม่ค่อยได้สัมผัส
ทั้งการถ่ายภาพ กาพย์ กลอน โคลง ...เด่นมากครับ
ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่เลยครับ
ช่วงนี้กระผมคนดอย ก็ตะลอนแต่ดอย ยิ่งเป็นดอยแต่ละลูกก็ไกลแสนไกล กันดาร ได้พบเห็นอีกสังคมหนึ่งที่ต่างออกไป...
เห็นวิถีที่เป็นจริงของชีวิต วิถีที่พวกเขาคนบนดอยพึงพอใจ วิถีที่ขาดแคลนในยามอากาศหนาวเย็นมากๆ
ผมจะเอาภาพและบรรยากาศมาฝากครับ ในบันทึกต่อไปของกระผมครับ
สวัสดีปีใหม่ครับผม
สวัสดีครับ ท่านครูบาฯ
รู้สึกเป็นเกียรติครับ พยายามจับต้นชนปลายเหมือนกันผมนึกไปถึงการท่องเที่ยว ถ้าเที่ยวแล้วได้รู้ประวัติบ้าง ก็คงจะดีครับ
มุมภาพ ต้องเลือกอยู่นานครับ เพราะแดดแรง ผมก็ไม่ค่อยประสากับกล้องถ่ายรูป แต่ชอบภาพบนขวาสุด ครับ เพราะว่าลงทุนนอนเล็งถ่ายแกร๊กเลย ;)
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับน้องเอก
ช่วงนี้คงตะลอนหลายที่นะครับ เหนื่อยแต่ก็สนุกใช่ไหมครับ
เครื่องมือสมัยนี้ช่วยให้สื่อสารเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น แต่ก่อนเรียนหนังสือมีแต่ภาพขาวดำ ตอนนี้อินเทอร์เน็ตก็มี เราไปเที่ยว พกกล้องไป คนข้างหลังก็ได้รู้ได้เห็นด้วย ถ้าโยงใยได้ด้วย คงสนุกมาก เพราะสถานที่แต่ละแห่ง มีประวัติเก่าแก่ ยาวนาน และน่าสนใจทั้งนั้นเลยครับ ;)
อ้อ เข้าไปที่ multiply เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณครับ แต่ยังไม่ค่อยทำอะไรบ้าง แค่โหลดภาพเอาไว้ เพราะโหลดได้มากครับ
สวัสดีครับ
นึกถึงสมัยเป็นนักเรียนเคยไปเที่ยวที่สระบุรี และไม่ได้ไปเที่ยวที่พระพุทธบาทอีกเลย จำได้ว่าสมัยเรียนกฎหมายเคยอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับที่ดินของวัดพระพุทธบาทสระบุรี มีการยกเอาตำนานมาสู้กัน และในที่สุดศาลฎีการับฟังตำนานความเป็นมาของที่ดินและพิพากษาให้วัดชนะคดี ผมคงต้องไปค้นหาคำพิพากษาฎีกาเรื่องนี้มาอ่านอีกรอบแล้วครับ
สวัสดีค่ะ
เป็น bloger มือใหม่ค่ะ
เข้ามาดูและมาอ่านผลงาน bloger มือโปร
ขอศึกษาและเรียนรู้วิธีการเขียน การลำดับความจากคุณธวัชชัย และท่านอื่น ๆ ด้วยนะคะ
เห็นรูปแล้วอยากไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบ้างค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณครู
แวะมาเที่ยวชมอีกรอบค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะที่กรุณาให้กำลังใจนักเรียนหัดแต่งโคลงกลอนมือใหม่ :)
อ๋อค่ะ
อ่านจุใจค่ะ
เคยไปเที่ยว นานมากแล้วค่ะ
ออกจะลืม ขอบคุณที่มาช่วยเตือนความจำค่ะ
เมื่อลอยกระทง ปีที่แล้ว
ตรงกับวันเพ็ญ (วันขึ้น 15 ค่ำ) เดือน 12 (ตามปฏิทินทางจันทรคติ) ประมาณเดือนพฤศจิกายน
ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อแม่พระคงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที
ไม่ทราบว่า ที่พระพุทธบาท มีประเพณีการลอยกระทงไหมคะแบบที่อินเดียไหมคะ หรือ มีพิธีอื่นๆ เพราะที่นี่ไม่ติดน้ำ
ครั้งหนึ่ง..มีโอกาสได้ผ่านแต่แหม่..ด้วยบุญไม่ถึง..ขบวนรถที่นั่งมาด้วยผ่านซะเฉยเลย เก๊าะเลยมะได้แวะชม..ยังเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้..ยิ่งอ่านก็ยิ่งตอกย้ำความเสียดายเข้าไปอีก..คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะแวะชมให้ได้..คอยดู..ฮือ..ฮือ
สวัสดีอีกทีค่ะคุณครู
แต่งกลอนปีใหม่ ว่าจะใช้ในวารสารทันตภูธร แต่ทีมงานบอกว่า กว่าวารสารจะออกเกือบจะถึงวันสงกรานต์อยู่แล้ว อีกนาน ตอนนั้นค่อยแต่งใหม่ค่ะ จึงนำมาฝากกันใน G2K ก่อนนะคะ
สวัสดีปีใหม่ ชาว G2K ทั่วไทย เพื่อนพี่น้อง
เงินเนืองนอง ทองรองเรือง การเมืองนิ่ง
สนุกสุขสันต์ หรรษาสนาน ชื่นบานจริง
ปรารถนาพรใด สิ่งใดได้ทุกสิ่ง สมใจเทอญ
อ๋อค่ะ
สวัสดีครับ ท่านอัยการชาวเกาะ
ผมเองก็เพิ่งเคยไปครั้งแรกครับ เดิมที่นี่คงจะกว้างขวางกว่านี้ ตอนนี้พระพุทธบาทจะอยู่บนเขา ส่วนวัดนั้นอยู่บนพื้นราบด้านล่าง มีถนนตัดระหว่างกลาง แต่ก่อนคงจะเชื่อมเป็นผืนเดียวกัน
อย่างนี้อัยการต้องค้นตำนานตั้งแต่สมัยอยุธยา ชนะคดีแน่ๆ ผมเคยเห็นภาพถ่ายทางอากาศด้วย มีโอกาสจะได้ค้นมาแปะให้ดูครับ
สวัสดีครับ คุณโอมเพี้ยง (ชื่อแปลกจัง)
หลายๆ ท่านเขียนเก่ง และมีรูปแบบที่น่าสนใจแตกต่างกันครับ เลือกดูได้ตามใจชอบ เฉพาะที่มาอ่านในบันทึกนี้ก็มือโปรทั้งนั้นเลย ตั้งแต่คนแรกเลยครับ
ถ้ามีทุนพอ จะออกนิตยสารสักฉบับ ชวนท่านๆ ทั้งหลายมาเขียน คงมีคนอ่านตรึม สนใจไหมครับ ;)
สวัสดีอีกครั้งครับ คุณอ๋อ
ขอบคุณสำหรับกลอนนะครับ วันหน้าวันหลังต้องเขียนกลอนสักบันทึกหนึ่งแล้ว
หลายๆ ท่านในที่นี้ก็ชอบกลอนครับ คุณกาแฟ ก็ที่หนึ่ง อัยการชาวเกาะก็คมในฝักเหมือนกัน ท่านครูบา ก็นักเลงกลอนตัวยงเลย ยังมี อ.พิสูจน์ อ.ชำเลือง หมอเบิร์ด คุณครูพี่อ้อย อ.วัชราภรณ์ อ.พนม ฯลฯ ถ้าเว็บนี้เขาบังคับให้เขียนแต่กลอน ผมว่าคงได้อ่านกันสนุกไปเลย
ลองแวะไปอ่านท่านเหล่านี้ด้วยนะครับ ผมไม่ได้แกล้งยอเลย ;)
สวัสดีครับ คุณพี่ศศินันท์
ในอดีตมีการสมโภชประจำทุกปี แต่ไม่จำเพาะเดือน เดือนสี่บ้าง เดือนสิบสองก็มี เดิมนั้นกษัตริย์เสร็จมาประจำ แต่ในยุคหลังไม่ใช่งานพระราชพิธีครับ
มีประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาท จัดในเดือน 3 และเดือน 4 ก็ราวๆ ต้นปีครับ
ส่วนลอยกระทง ซึ่งถือว่ากันว่าบูชารอยพระพุทธบาท แต่ค้นยังไม่เจอว่ามีงานประเพณีที่นี่ อาจจะมีแต่คงไม่ใหญ่โต เพราะที่นี่ไม่มีสายน้ำอย่างที่คุณพี่พูดถึง จะมาไหว้พระบาท แล้วไปลอยที่อื่น หรืออย่างไรก็ไม่แน่ใจครับ มีข้อมูลแล้วจะมาเพิ่มเติมครับ
สวัสดีครับ คุณOOHOOH
เสียดายๆ ผ่านแล้วไม่ได้แวะ แปลว่าบุญไม่ถึง อิๆ พูดเล่นครับ
ถ้าจะได้ผ่านไปทางนั้น ต้องวางแผนไว้ให้ดีครับ เส้นทางไปไม่ยาก มีป้ายบอกตลอด อย่าลืมถ่ายภาพสวยๆ มานะครับ
ผมเคยเห็นเขาถ่ายภาพตอนตักบาตรเทโว มีพระเดินลงจากบันไดนาค สวยงามมาก หรือว่าไปเที่ยวช่วงนั้นก็ได้ครับ แต่ขอบอกก่อน คนไปเยอะมหาศาล ;)
สวัสดีค่ะอาจารย์
ยังไม่เคยไปไหว้พระพุทธบาทที่นี่เลยค่ะ ผ่านสระบุรีหลายครั้งแต่ยังไม่มีบุญได้ไปเยี่ยมเยือน
อาจารย์อธิบายได้รายละเอียดมากเลย มีทั้งภาพสวยๆ โคลง กาพย์ กลอน ประวัติศาสตร์ เปรียบเทียบให้เห็นว่าสมัยก่อนเห็นอย่างไร เราไปแล้วเห็นอย่างไร ... ชอบมากๆ ต้องค่อยละเลียดอ่าน ... ชักอย่างไปเที่ยวแล้วซิค่ะ
สมัยก่อนเขาคงไม่ค่อยบรรยายด้วยร้อยแก้วใช่มั้ยค่ะ เวลาไปเที่ยวชมอะไร เห็นมีกวีเอกแต่ละท่านแต่งเป็นกลอนเพราะทั้งนั้น เห็นด้วยกับคุณ paleeyon ค่ะว่า ถ้าอาจารย์เกิดสมัยโน้นคงมี นิราศสระบุรี ให้เราอ่านกันสมัยนี้แน่ๆๆ ...
อาจารย์ค่ะ ขดารไฟฟ้า แปลว่าอะไรค่ะ
สวัสดีปีใหม่ตอนสาย ๆ ค่ะคุณธวัชชัย
สวัสดีครับ อ.แป๋ว paew
พอเขียนแล้วก็ติดลมครับ เขียนในเวิร์ดได้ราว 4 หน้า ท่าทางจะยาวไป เลยจบซะดื้อๆ อย่างนั้น ความจริงสไตล์เขียนในบล็อกนี่ผมชอบของ อ. umi สั้นๆ อ่านไม่เหนื่อย พอกำลังสนุก อ้าวจบซะแล้ว ทำให้อยากอ่านต่อ อิๆ
ถ้าได้ผ่าน ลองแวะดูนะครับ ยังมีที่ผมไม่ได้ถ่ายรูปอีก อย่างยักษ์หน้าประตู และมุมอื่นๆ ผมเคยเขียนนิราศไว้บ้างเหมือนกันครับ นานแล้ว พักหลังกลายเป็นตามรอยกวีมากกว่า
สำหรับ ขดารไฟฟ้า ขออุบไว้ก่อน จะได้เฉลยให้ทราบเร็วๆ นี้ครับ
เห็นชื่อแล้วก็คิดอยู่พักนึง ไม่ได้คุยกันนานทีเดียว สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ ยังไม่สายครับ :)
ได้ดูภาพเก่าๆ สมัยที่เป็นภาพขาวดำ แตกต่างไปมากทีเดียวครับ ถ้าได้เปรียบเทียบภาพต่างๆ คงแปลกตา แปลกใจมาก
นับว่าโชคดีแท้ๆ เชียวครับ ที่ได้ไปนมัสการพระพุทธบาทครั้งนี้ ถ้ามีโอกาสแวะไปอีกครั้งนะครับ คงแปลกตาไปจากที่ผมเคยไปมาแล้วแน่ๆ ครับ
สวัสดีค่ะคุณครู ธ.วั ช ชั ย
ขอบคุณนะคะ กรุณาแวะไปฟังอ๋อบ่นบ่อยๆ อิ อิ แต่ทำให้มีกำลังใจในการบ่นต่อไปค่ะ (อ้าว)
ก่อนเขียนเรื่องเกี่ยวกับการเมืองก็คิดอยู่นะคะว่าจะมีใครอ่านไหม จะจ๋อย หงอยเลิกเขียน blogไปเลยไหม
แต่ถามตนเองได้ความว่าการได้เขียนในสิ่งที่ตนเองคิดน่าจะมีความสุขกว่า การได้เขียนโดยตามกระแสผู้อ่าน ซึ่งเมื่อเขียนแล้วมีผู้อ่านบ้างสักคนก็ถือว่าเป็นกำไรแล้ว
สำหรับการได้รับคอมเมนต์ คำทักทาย ด้วยความเป็นมิตรถือเป็นรางวัลและกำลังใจให้ตั้งใจหาข้อมูลเขียนต่อไปค่ะ
ขอบคุณคุณครูมากค่ะ
อ๋อ
ขอเป็นเพื่อนชุมชนความรู้คนใหม่ด้วยคนนะคะ
คุณตกแต่งเว็บ ฯ ได้สวยมาก ๆ ทำให้อยากไปเที่ยวเพราะคนพื้นเมืองทางใต้ หาที่สวย ๆ แบบนี้ยากจัง แล้วจะคุยมาอีกนะ
สวัสดีครับ อ.ขจิต
ขอบคุณมากครับ ที่แนะนำเรื่องดีๆ สำหรับพระนิสิตวัดนี้ ผมยังไม่มีข้อมูลเลย ตอนนี้คงต้องหาข้อมูลก่อนครับ
ถ้าอาจารย์มีเรื่องจะประชาสัมพันธ์ก็บอกมาได้นะครับ อาจนำลงนิตยสารอีกทางหนึ่ง
สวัสดีครับ คุณอ๋อ
เขียนเรื่องการเมืองค่อนข้างเหนื่อยครับ
เพราะมักจะเกิิดการถกเถียง และใช้อารมณ์กัน หลายๆ คนก็เลยเลี่ยงที่จะไม่เขียน
แต่เดินหน้าแล้ว คุณอ๋อคงไม่ถอยหลัง เดินต่อไป แล้วเตรียมรับมือ...เอาไว้ด้วยครับ อิๆๆ
สวัสดีครับ คุณ P'กา ก้า
ถ่ายภาพมาเยอะครับ จะเอาลงเยอะก็ดูรกไป แต่เนื้อหามาก เลยต้องใช้ภาพมาคั่นนะครับ
ทางใต้ก็มีที่สวยๆ เหมือนกันนะครับ แต่ตอนนี้ผมอยู่ภาคกลาง ไม่ค่อยจะได้ไปไหนไกลๆ น่าเสียดายเหมือนกัน
ขอบคุณมากครับที่แวะมา แล้วจะแวะไปเยี่ยมบล็อกนะครับ ;)
รูปสวยง่ะ
อิอิ
^o^
สวัสดีค่ะ..คุณครู
สวัสดีค่ะ
เข้ามาอ่าน ได้ความรู้แบบละเอียดค่ะ ดีมากเลยค่ะ ที่มีคนถ่ายทอดเก่งๆแบบนี้
เต็มอิ่มดีจัง และพร้อมอิ่มกาแฟ ที่กำลังดื่มให้ดูด้วยนะคะ
หายไปไหนมาตั้งนานคะ คงงานยุ่งมาก ขอต้อนรับกลับมาเขียนบันทึกต่อค่ะ
สวัสดัครับ อาจารย์ ธ.วัชชัย
หายไปน๊านนาน โชคดีๆๆค่ะ
แหมอยู่ไกลกว่าพี่ยังได้ไปไหว้พระพุทธบาทสระบุรีแล้ว อ่านแล้วทำให้อยากไป คงต้องไปสักวันหนึ่งแน่ๆ ใกล้แค่นี้
ที่จริงจากบ้านพี่ไปอีกไม่ไกลเลยค่ะ วิ่งเส้นทางหลวงชนบท ไปทางอำเภอท่าเรือน่ะค่ะ
ยกคำกลอนมาน่ะดีแล้วค่ะ ไม่ค่อยได้มีโอกาสอ่าน
ขอบคุณนะคะสำหรับความตั้งใจที่จะถ่ายทอดเรื่องราวและนำภาพงามๆมาให้ได้ชมกัน
สวัสดีครับ
คุณพี่ศศินันท์ ครับ อิๆ ก็คงมาบ่อยขึ้นแล้วครับ จะได้เขียนเรื่องใหม่ด้วยครับ สุขสันต์วันปีใหม่จีนเหมือนกันครับ
คุณซูซาน ยุ่งเหมือนกัน ดีๆๆ จะได้โตเร็วๆ
คุณสุขสันต์ หายไปทำภารกิจเพื่อชาติครับ ฮ่าๆ พูดเล่นครับ
คุณพี่นารีครับ ได้ข้อมูลแล้วจะได้นำไปเผยแพร่ครับ ช่วยๆ กัน
อาจารย์ชำเลืองครับ มณฑปดูงามมากเลยครับ ถ้าอาจารย์ได้ไป คงจะมีกลอนสดมาฝาแน่ๆ เลย
คุณพี่นุชครับ คราวก่อนไปอยุธยา ออกสระบุรี ก็รู้สึกว่าผ่านทางไป อำเภอท่าเรือ ไว้โอกาสหน้าคงจะได้แวะไปดื่มกาแฟนะครับ ;)
อ้าว อ.ขจิต ลืม อิๆๆ อวัยวะครบถ้วนครับ ไม่ขาด ไม่เกินด้วยนะ จะบอกให้
ไม่รู้เป็นอะไร... ผมชื่นชอบต้นและดอกลั่นทมมาก มีความฝันไว้ว่า หากวันหนึ่งมีบ้านสักหลังก็อยากปลูกไว้เหมือนกัน..
......
มีความสุขกับชีวิตและการงานเสมอไปนะครับ -
สวัสดีครับ
เขียนข้อความด้วยความยากลำบาก
เข้าระบบก็ไม่ได้มาหลายวัน
ตอนนี้เข้าได้เลยต้องรีบเขียน
ขอขอบคุณทุกๆ ท่านนะครับ
สะดวกแล้วจะมาเขียนเพิ่มเติมครับ ;)
มาทักทายและสวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ
ฉันท์ที่แต่งในสมัยโบราณ ยึดเสียงเป็นเกณฑ์ อ่านแล้วไพเราะดีจังครับ สมัยนี้แต่งฉันท์โดยยึดรูปเป็นเกณฑ์ ไปเสียแล้ว
สัวสดีค่ะ
- รูปปั้นฤาษีนี้คงปั้นใหม่มั้งคะ...
- ยังไม่เคยไปเลยค่ะ...ได้ยินแต่คำเลื่องลือว่างามนัก
สวัสดีครับ คุณกวินทรากร
สวัสดีครับ อาจารย์พรรณนา ผิวเผือก
อาจารย์ขจิต ฝอยทอง
มาตอนไหน อิๆ ไม่เห็น
โทษทีครับ ;)
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะคุณธ.วัชชัย
สวัสดีครับ ครูข้างถนน
สวัสดีอีกครั้งครับ อาจารย์ขจิต
สวัสดีครับคุณเพ็ญศรี(นก)
สวัสดีครับ คุณคนไม่มีราก (ชื่อแปล๊กแปลก)
สวัสดีครับ น้องจิ
สวัสดีค่ะ คุณครูธวัชชัย
สวัสดีครับ ครูตุ๊กแก
สวัสดีครับ คุณ meowadee
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ..คุณครู
วันนี้เป็นวันมหาสงกรานต์
ได้ไปสรงน้ำพระมาค่ะ..ผลบุญทันตาเห็นเลย
คือได้เห็นคุณครูเต็มตาแล้ว..อิ ๆ (เพิ่งเห็นเดี๋ยวนี้ค่ะ..ดูขรึมจัง)
มาดำหัวปี๋ใหม่คุณครูค่ะ..พร้อมน้ำขมิ้นส้มป่อยลอยด้วยดอกมะลิหอม ๆ ค่ะ..
ให้คุณครูอายุมั่นขวัญยืนนะคะ..ปลอดโรคปลอดภัย..หลับให้ได้เงินหมื่น..ตื่นให้ได้เงินล้าน..มีกำลังกายและกำลังใจเยอะ ๆ ในการทำงานหนักค่ะ..
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ..
สวัสดีค่ะ อ.ธ.วัชชัย
นานๆๆจะได้เห็นคนรูปหล่อในภาพสักที อิอิๆๆ สบายดีไหมครับ
สวัสดีครับ น้องจิ แซเฮ
สวัสดีครับ อาจารย์วัชราภรณ์
สวัสดีครับ อาจารย์ขจิต
อ้าว ข้ามไปคนหนึ่ง อิๆ
สวัสดีครับ คุณคนไม่มีราก
สวัสดีค่ะ คุณครู
สวัสดีครับ อาจารย์ meowadee
สวัสดีครับ คุณคนไม่มีรากไม่มีใบ
เล่า ได้ ละ เอียด มาก เลย ค่ะ
ช่วยแต่งกลอนฉันท์ 2 บท เรื่อง ของดีบ้านเราหน่อยค่ะ.