เปิดโลกการเรียนรู้ด้วยกิจกรรม เทคนิคการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญในยุคปฏิรูปการเรียนรู้
เทคนิคการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญในยุคปฏิรูปการเรียนรู้
รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
CIPPA Model
C - Construct การให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยความรู้ด้วยตนเอง โดยการศึกษาค้นคว้า หาข้อมูล ทำความเข้าใจ คิดวิเคราะห์ แปลความ ตีความ สร้างความหมาย สังเคราะห์ข้อมูล และสรุปเป็นข้อความรู้
I - Interaction การให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน แลกเปลี่ยน และเรียนรู้ ข้อมูล ความคิด ประสบการณ์ ซึ่งกันและกัน
P - Participation คือ การให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมทั้งในด้านร่างกาย อารมณ์ ปัญญาและสังคม ในการเรียนรู้ให้มากที่สุด
P - Process and Product การให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการ และมีผลงานจากการเรียนรู้
A - Application การให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์หรือใช้ในชีวิตประจำวัน
การศึกษาเป็นรายบุคคล (Individual Study)
ครูหรือผู้เรียน เป็นผู้กำหนดหัวข้อปัญหา หรือโครงงานตามสาระการเรียนรู้ที่กำหนด โดยผู้เรียนต้องศึกษา วิเคราะห์ สรุปอ้างอิงและสรุปข้อความรู้บนพื้นฐานของการวิเคราะห์ และประเมินผลกระบวนการ
ครูต้องใช้เทคนิคการประเมินในด้านการให้ข้อมูลป้อนกลับ และการตรวจแก้งาน โดยใส่ไว้ในสื่อที่ผู้เรียนใช้ หรือใช้ร่วมกันไปกับกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน ครูมีบทบาทช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะและนิสัยการเรียนรู้อย่างอิสระ โดยจัดสิ่งแวดล้อมในชั้นเรียนให้ส่งเสริมความเป็นอิสระ ให้ผู้เรียนมั่นใจในตนเอง อยากรู้อยากเห็นและปรารถนาที่จะเรียนรู้ โดยครูอาจจัดชั้นเรียนเป็นศูนย์การเรียน จัดชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (Learning Activity Packages)
การศึกษาเป็นรายบุคคล สามารถปรับใช้ได้ในหลาย ๆ สถานการณ์ ตั้งแต่การเรียนในชั้นเรียนที่มีครูคอยควบคุม จนถึงการฝึกทักษะการศึกษาค้นคว้าในห้องสมุดที่ผู้เรียนต้องกำกับการเรียนรู้ของตน โดยหัวข้อที่ศึกษาจะเป็นไปตามข้อกำหนดของรายวิชาหรือไม่ก็ได้ ครูอาจใช้วิธีนี้กับผู้เรียนทั้งห้องเรียน กับกลุ่ม หรือกับผู้เรียนแต่ละคนก็ได้
กิจกรรมที่ครูสามารถเลือกใช้ให้ผู้เรียนปฏิบัติในการศึกษาเป็นรายบุคคล มีดังนี้
• รายงาน การระดมพลังสมอง การค้นคว้าอย่างอิสระ เรียงความ การแก้ปัญหา การเรียนเสริม โครงงาน การตัดสินใจ ศูนย์การเรียน แบบจำลอง คู่สัญญา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
การทำนิตยสาร การสืบค้น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุดการสอน เกม การมอบหมายงานเป็นรายบุคคล
การจัดการเรียนการสอนแบบเน้นการปฏิสัมพันธ์ (Interactive Instruction)
เน้นการอภิปราย การแบ่งปันความรู้ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การถาม-ตอบ และการทำงานกลุ่มย่อยแบบร่วมมือกัน เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีปฏิกิริยา และตอบสนองต่อความรู้ประสบการณ์ และความคิดเห็นของครูและเพื่อนๆ ผู้เรียนจะได้ฝึกการจัดระบบความคิด การโต้แย้งอย่างมีเหตุผล และการพัฒนาทักษะทางสังคม
กิจกรรมที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนแบบเน้นการปฏิสัมพันธ์
• การโต้วาที กลุ่ม Buzz การอภิปราย การระดมพลังสมอง การเรียนแบบร่วมมือ
การประชุมแบบต่าง ๆ กลุ่มแก้ปัญหา กลุ่มติดบทบาทสมมต
การจัดการเรียนการสอนแบบเน้นประสบการณ์ (Experiental Instruction)
เป็นวิธีการส่งเสริมการรับความรู้จากประสบการณ์ และการสะท้อน (Reflection) ความคิดเห็นที่มีต่อสิ่งต่างๆ ทั้งด้านเทคนิควิธีการปฏิบัติของผู้เรียนแต่ละบุคคล และกระบวนการเรียนรู้ ผู้เรียนจะได้ตรวจสอบการเรียนรู้ของตน และได้รับประสบการณ์ด้านอารมณ์ความรู้สึกที่จะนำมาปรับความรู้สึก เจตคติ และค่านิยมของตน
ประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับจากการเรียน
• เกม (Game)ละคร (Action or Dramatization) บทบาทสมมุติ (Role-Play)สัมภาษณ์
(Interviewing
การจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ (Cooperative Learning)
เน้นการจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนให้แก่ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
แต่ละกลุ่มประกอบด้วยสมาชิกที่มีความรู้ ความสามารถแตกต่างกัน แต่ละคนมีส่วนร่วมอย่าง แท้จริงในการเรียนรู้ และใน ความสำเร็จของกลุ่ม ทั้งโดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การแบ่งบันทรัพยากรการเรียนรู้ รวมทั้งการเป็นกำลังใจแก่กันและกัน คนที่เรียนเก่งจะช่วยเหลือคนที่อ่อนกว่า สมาชิกในกลุ่มไม่เพียงแต่รับผิดชอบต่อการเรียนของตนเองเท่านั้น หากแต่จะต้องร่วมรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของเพื่อนสมาชิกทุกคนในกลุ่ม ความสำเร็จของแต่ละบุคคลคือความสำเร็จของกลุ่ม
องค์ประกอบหลักของการเรียนแบบร่วมมือ
1. การพึ่งพาอาศัยกันในทางที่ดี (Positive Interdependence)
2. การสร้างทีมในการทำงาน (Team formation)
3. ความรับผิดชอบ (Accountability)
4. ทักษะทางสังคม (Social Skills)
5. โครงสร้างและการจัดโครงสร้างการเรียนรู้ (Structures and Structuring of Learning)
ประโยชน์ของการเรียนแบบร่วมมือ (Advantages of Cooperative Learning)
• นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีกว่าการเรียนแบบอื่น
• สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง
• สมาชิกทุกคนมีโอกาสคิด พูด แสดงออกแสดงความคิดเห็น ลงมือกระทำอย่างเท่าเทียมกัน
• เสริมให้นักเรียนรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
• ทำให้รู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นการร่วมคิด การระดมความคิด
• ส่งเสริมทักษะทางสังคม
• เสริมทักษะการสื่อสาร ทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม สามารถทำงานร่วมกับ
ผู้อื่นได้
การเรียนแบบร่วมมือสามารถนำมาใช้ได้กับการเรียนทุกวิชาและทุกระดับชั้น และจะมีประสิทธิผลยิ่งกับกิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนในด้านการแก้ปัญหา การกำหนดเป้าหมายในการเรียนรู้ การคิดแบบหลากหลาย การปฏิบัติภารกิจที่ซับซ้อน การเน้นคุณธรรม จริยธรรม การเสริมสร้างประชาธิปไตยในชั้นเรียน ทักษะทางสังคม การสร้างนิสัยความรับผิดชอบร่วมกัน และความร่วมมือภายในกลุ่ม
การเรียนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนพัฒนาการเรียนรู้(Friends help Friends)
กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นโอกาสให้นักเรียนเรียนเก่ง เกิดความภูมิใจในตนเอง มีเมตตา รู้จักมีน้ำใจช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า หรือผู้ที่เรียนรู้ได้ช้ากว่าและนักเรียนเรียนอ่อนได้รับความช่วยเหลือให้บรรลุเป้าหมายพร้อมเพื่อนในเวลาที่กำหนด
วิธีจัดกิจกรรม
1. สมาชิกในกลุ่มมี 4 – 6 คน กำหนดหน้าที่ของแต่ละคนในกลุ่มให้ชัดเจน
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมที่ได้รับมอบหมาย โดยมีการช่วยเหลือระหว่างเด็กเก่งและเด็กอ่อนหรือเด็กที่เก็บตัว ไม่ชอบพูดหรือแสดงออก โดยกำหนดเกณฑ์การทำงานร่วมกัน เช่น ศึกษาใบความรู้ อภิปราย ซักถาม และนำเสนอความรู้
3. สมาชิกแต่ละกลุ่มแข่งขันกันทำงานให้มีประสิทธิภาพ และรวดเร็วเพื่อ เป็นกลุ่มตัวแทนของห้องในการรับการตรวจสอบ แก้ไข และรับรองความถูกต้องจากครูผู้สอน
4. สมาชิกที่ได้รับการรับรองความถูกต้องของชิ้นงานแล้ว แยกย้ายกันไป ดูแล ตรวจสอบ แก้ไข และรับรองความถูกต้องแก่กลุ่มอื่น ๆต่อไป
ประโยชน์
1. ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน
2. นักเรียนที่เก่งได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพของตนเอง
3. นักเรียนที่เรียนอ่อนหรือนักเรียนที่ไม่กล้าแสดงออกได้รับความช่วยเหลือ ดูแลอย่างใกล้ชิดจากสมาชิกในกลุ่ม
4. นักเรียนทุกคนมีความรับผิดชอบ
5. นักเรียนได้ฝึกความเป็นผู้นำ
6. มีบรรยากาศการเรียนที่สนุกสนาน
การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
บูรณาการ หมายถึง การนำศาสตร์ต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน มาผสมผสานกันเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการ การจัดเรียนการสอนแบบบูรณาการ จึงเป็นการนำเอาความรู้สาขาวิชาต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันมาผสมผสานกัน เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเกิดประโยชน์สูงสุด การเรียนการสอนแบบบูรณาการจะเน้นองค์รวมของเนื้อหา มากกว่าองค์ความรู้ของแต่ละรายวิชา และเน้นที่การสร้างความรู้ของผู้เรียนมากกว่าการให้เนื้อหาโดยตัวครู
ลักษณะสำคัญของการบูรณาการ
1. เป็นการบูรณาการระหว่างความรู้และกระบวนการเรียนรู้
2. เป็นการบูรณาการระหว่างพัฒนาการทางด้านความรู้และทางด้านจิตใจ
3. เป็นการบูรณาการระหว่างความรู้และการปฏิบัติ
4. เป็นบูรณาการระหว่างสิ่งที่อยู่ในห้องเรียนกับสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตจริง
5. เป็นบูรณาการระหว่างวิชาต่าง ๆ
ประเภทของบูรณาการ
แบบสหวิทยาการ (Interdisciplinary
กำหนดหัวข้อ (Theme) ขึ้นมานำความรู้จากวิชาต่าง ๆ มาเชื่อมโยงให้สัมพันธ์กับหัวเรื่องนั้น บางครั้งเรียกการบูรณาการแบบนี้ว่า สหวิทยาการแบบมีหัวข้อ(Thematic Interdisciplinary Studies) หรือ สหวิทยาการแบบเน้นการประยุกต์ใช้ (Application-First Approach)
แบบพหุวิทยาการ (Multidisciplinary)
เป็นการนำเรื่องที่ต้องการจะบูรณาการไปสอดแทรก (Infusion) ในวิชาต่าง ๆ บางครั้งเรียกการบูรณาการแบบนี้ว่า การบูรณาการแบบเน้นเนื้อหา (Discipline-First Approach)
ไม่มีความเห็น