มีบทเพลงดัง ๆ หลายบทเพลงที่แต่งด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ไม่ใช่ซิ ต้องบอกใหม่ว่ามีผู้นำบทประพันธ์ที่เป็นกาพย์ยานี ๑๑ มาร้องเป็นเพลง ที่ดังมาก ๆ ก็คือเพลงนี้ค่ะ
โอ้ ! ขอบคุณพี่จันทน์รักษ์อีกแล้วครับ ;)...
คำกลอน สอนใจ ให้ได้คิด (จริง ๆ) ครับ
บทกลอนของพี่ ทำให้ผมเลือกมุมถ่ายภาพได้ดังที่เห็นนะครับ ;)...
.......................................................................................................................
......................................................................................................................
ตามมาขอบคุณอีกคราที่พี่จันทน์รักษ์ได้นำ "ภาพ" สื่อออกเป็นบทกลอนกวีศิลป์ ;)
ชวนคิด พินิจภาพ ... ว่าพี่จันทน์รักษ์มองเห็นอะไรในใจบ้าง ;)...
ขอบพระคุณที่ให้ความรู้ครับ จะลองฝึกแต่งกลอนดูบ้างครับ
สวัสดีค่ะคุณWasawat Deemarn
การมองภาพขึ้นอยู่กับจินตนาการและปรัชญาชีวิตของแต่ละคนนะคะ พี่จันทน์รักษ์ว่ามันยากแก่การถูกผิด เพราะคนเราต่างจิตต่างใจ ต่างความคิดกันค่ะ ชอบทุกภาพเลยค่ะ เคยเข้าไปในมหาวิทยาลัยของคุณค่ะ
มีภาพหนึ่งมองเห็นถนนโชตนา ด้านหน้า คิดว่าน่าจะใช่นะคะ สมัยนั้นมีอาคารไม้หลังเก่า ๆ ตั้งอยู่ด้านหน้า
จะพยายามเขียนมองต่างมุมให้นะคะ ไม่ทราบจะสำเร็จไหม ระยะนี้มีธุระอย่างอื่นทำค่ะ ไปขายสเต็กค่ะ แบบทำส่งขายตามร้านค่ะ
สวัสดีค่ะคุณเนิ่ม ขมภูศรี
ยังเริ่มฝึก ๆ ค่ะ อันนี้ยากและท้าทายดีนะคะ ฝึกตามผังนี้แหละนะคะ พี่ไม่มีความรู้ค่ะ แต่อยากรู้ก็ต้องเรียน เรียนด้วยกันนะคะ มาผลัดกันอ่านค่ะ
พี่ จันทน์รักษ์ ;)...
ไม่มีผิด หรือ ถูก อย่างแน่นอนครับ
ชอบนั่งอ่านบทกวีพี่แล้วนั่งคิดตามไปด้วย
ม่วนขนาด ครับ ;)...
ตรองตรึกแล้วฝึกไป เถอะวันพรุ่งรุ่งเรืองรอง
หนักนะ จะรับไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวก็บอกนะคะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอไม่เกรงใจหล่ะนะคะ
การแต่งบทประพันธ์ร้อยกรอง ไม่ว่าชนิดใด นอกจากจะต้องให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์แล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอันดับถัดมา คือจังหวะ อย่างกาพย์ยานี ๑๑ วรรคหน้าห้า วรรคหลังหกยกแสดง จังหวะคือ
เปิบข้าว ทุกคราวคำ ( แบบ 2-3 ) จงสูจำ เป็นอาจิณ (แบบ 3-3)
เหงื่อกู ที่สูกิน ( แบบ 2-3 ) จึงก่อเกิด มาเป็นคน(แบบ 3-3)
จะเห็นได้ว่า การอ่านจะต้องลงจังหวะ วรรคหน้า 2-3 ส่วนวรรคหลัง 3-3 กาพย์ที่ยกมาวิพากษ์ 2 บท ถ้าผู้เขียนอ่านแบบไม่เข้าข้างตัวเอง ก็จะเห็นว่า ไม่ลงจังหวะ ยังไม่ต้องพูดเรื่องความเหมาะสมของเสียงนะคะ เอาไว้รอบต่อไป
(ขอต่อเม้นท์ 2 ค่ะ ขี้เกียจเลื่อนขึ้นเลื่อนลง)
สวัสดีค่ะคุณWasawat Deemarn
ไปนอนและตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ ลืมปิดสัญญาณ จึงแวะมาดูผู้มาเยี่ยม ดีใจมากค่ะที่คุณแวะมา และมีคุณอิงจันทร์ตามมาสอน ยินดีที่จะแก้ไขใหม่ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณอิงจันทร์ บ้านกลอนไฉไล
แบบนี้โดนใจมาก ๆ ค่ะ หายง่วงเลยเชียว วันนี้ต้องแก้ ๆ ๆ ๆ ยินดีมาก ๆ เลยค่ะ
รออ่านเม้นท์ ๒ ค่ะ
แก้อันแรกก่อนนะคะ
จันทน์รักษ์ฝึกเรียนรู้ จากภาพครูกำหนดให้
ต้องฝันอย่างตรงใจ ดูเข็ญยิ่งเย็นสุดยาก
จันทน์รักษ์ อยากเรียนรู้ จากภาพครู กำหนดให้
ฝึกคิด ขีดเขียนไป แม้นยากยิ่ง ก็จะทน
หน้าจอใช่หน้าใจ ชวนฝันใฝ่ให้ฝึกตน
วิพากษ์ด้วยเหตุผล สลัดได้ในอัตตา
***ขออภัยนะคะ ที่ตรงไปตรงมา ใครมาอ่าน อาจคิดว่า "มันเก่งมาจากไหนวะ" ไม่ใช่ค่ะ อิงจันทร์ก็ยังต้องฝึกอีกเยอะ เพียงแต่กล้าที่จะวิพากษ์ มิฉะนั้น ผู้เขียนก็จะไม่ทราบถึงจุดบกพร่องของตัวเอง มิอาจพัฒนาได้ ย่ำอยู่กับที่ ถ้าพี่จันทน์รักษ์รับไม่ได้ก็แจ้งด้วยนะคะ***
แต่พี่ก็เริ่มได้สวยแล้วนะคะ บางวรรคใช้คำได้ดีมาก คิดว่า ฝึกอีกสักบันทึกสองบันทึก ก็จะดีขึ้นแน่นอนค่ะ อย่าเพิ่งท้อกับคำวิพากษ์ของครูอิงนะคะ สู้ สู้ เป็นกำลังใจให้นะคะ
โอ...เลยค่ะพี่ โอ.เค. 555555555+
ดีขึ้นแล้วค่ะ บทที่หนึ่งบกพร่องนิดหน่อย ที่วรรค ศรัทธาใฝ่รู้ตรองดี
แต่บทที่สองนี่ เยี่ยมค่ะ เอาไปเลย 10 เต็ม 10
อากาศเย็นสลัว หมู่หมอกมัวดูหม่นหมอง
หยุดนิ่งหมายยืนมอง ฉันยืนอยู่คนเดียวดาย
อาวรณ์ย้อนอดีต เก็บชีวิตที่หล่นหาย
ลางเลือนพอพร่างพราย เฝ้าฉีกหน้าปฏิทิน
สวัสดีค่ะ
ขั้นตอนนี้มีความเข้าใจเรื่องการอ่านค่ะ จะพยายามค่ะ สู้ ๆ ๆ ๆ ต้องฝึกกาพย์ให้แม่น ๆ เพราะมีการบังคับมากมาย
รับด๊าย ๆ ๆ ๆ คร่ะ ขอขอบคุณจริง ๆ จะนำไปบันทึกใหม่นะคะ
ดีขึ้นแล้วค่ะ อาจปรับปรุงนิดหน่อย ว่า เรียนรู้เร็วดีจังเลยค่ะ สู้ สู้ เริ่มเก่งแล้ว
อากาศเย็นสลัว มืดหมอกมัวดูหม่นหมอง
หยุดนิ่งหมายยืนมอง ฉันยืนอยู่อย่างเดียวดาย
อาวรณ์ย้อนอดีต (วรรคนี้ดีมากค่ะ) เก็บชีวิตที่หล่นหาย
เลือนลางพอพร่างพราย เฝ้าฉีกหน้าปฏิทิน
สวัสดีค่ะอิงจันทร์ บ้านกลอนไฉไล
ขึ้นหน้าใหม่แล้วค่ะ เนี๊ยบ ๆ ๆ ๆ ๆ ยิ่งเรียนยิ่งมัน มันมากค่ะ
ได้รับการแก้ไขปรับปรุงเพื่อเข้าสูตำแหน่งเดิม แม่บ้านระดับล่าง วิทยฐานะ ไม่มีบรรดาศักดิ์ค่ะ
โห "กระบวนการเรียนการสอน โดยผ่านเทคโนโลยีบล็อก" หรือนี่
ทันสมัยกันทั้งสองท่านเลยนะครับ
ส่งกำลังใจมาให้ครับ ;)...
สวัสดีค่ะคุณWasawat Deemarn
กาพย์ยานี ๑๑ นี่ยากจังนะคะ เพราะมีคำไม่มาก แถมบังคับสัมผัส คำเป็นคำตาย แต่เป็นเรื่องยากที่น่าท้าทาย สำหรับคนไม่รู้มาก่อนจริงค่ะ
เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้น่ะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังซิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน
ชอบจังเลยครับ บทนี้
จากต้นกล้า