การปรับการเรียนรู้แบบผสมผสานให้สอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน
โดย จ่าเอกหญิงวัชรี โชติรัตน์
บทนำ
จากการแพร่หลายของการใช้เทคโนโลยีทางการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดโอกาสสำหรับครูทั้งหลายที่จะค้นหาและเลือกใช้การผสมผสานกันระหว่างวิธีการสอนและรูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสม
ในปัจจุบันนี้ รัฐบาลมีการส่งเสริมให้นำเทคโนโลยีทางการศึกษาใหม่ๆมาปรับใช้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีเครือข่าย ซึ่งรัฐบาลได้พยายามที่จะเผยแพร่และกระตุ้นให้ผู้คนยอมรับและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนรู้ตลอดชีวิต แน่นอนที่สุด Ufi / Learndirect เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากข้อผูกมัดของทางรัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันการศึกษาก็ได้รับผลประโยชน์ใหญ่หลวงจากการลงทุนเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ระบบเครือข่าย
การลงทุนเหล่านี้ส่งผลประโยชน์ในหลายด้านต่อการเรียนของนักเรียนทั้งหลาย ได้แก่
- ผู้เรียนที่อยู่ห่างไกลศูนย์การเรียน เช่น มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย
- ผู้เรียนที่พิการหรือมีภาวะการเรียนรู้ยาก และผู้เรียนที่ได้รับความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยี
- ผู้เรียนที่อยู่ในวัยทำงาน ผู้เรียนที่มีครอบครัวและมีลูก
การเรียนรู้แบบผสมผสานคืออะไร
ก่อนที่จะศึกษารายละเอียดของการเรียนรู้แบบผสมผสานให้ลึกยิ่งไปกว่านี้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรทำความเข้าใจก่อนว่าการเรียนรู้แบบผสมผสานคืออะไร จากการศึกษาค้นคว้าและสรุปผลของสถาบันการศึกษาขั้นสูง Sharpe et al (2006) ได้ข้อสรุปว่า การเรียนรู้แบบผสมผสานเริ่มขึ้นในปี 1980 ในมหาวิทยาลัยเปิดโดยเป็นรูปแบบผสมผสานกันระหว่างการศึกษาทางไกลและการศึกษาแบบเผชิญหน้ากัน แต่ในปัจจุบันนี้มีผู้ให้ความหมายของการเรียนรู้แบบผสมผสานนั้นแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้คน,สถาบันและองค์กรที่แตกต่างกันไป
หน่วยงานการเรียนรู้แบบผสมผสาน (BLU) CETL ของมหาวิทยาลัย Hertfordshire ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของหน่วยงานว่า จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนา ส่งเสริมและประเมินผลวิธีการเรียนการสอนแบบผสมผสาน และเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ของผู้เรียนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการเรียนทางด้านวิธีการเรียน เวลาเรียนและสถานที่เรียน
สถาบัน British Educational Communications and Technology (BECTa) ได้จำกัดความหมายของการเรียนรู้แบบผสมผสาน ว่าเป็นการเรียนแบบผสมผสานระหว่างการศึกษาแบบเผชิญหน้าและการศึกษาแบบออนไลน์ ซึ่งทางสถาบันเชื่อว่าเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะกับการศึกษาทางไกล
จากการผสมผสานกันระหว่างการเรียนรู้แบบ e – learning และการเรียนรู้แบบเรียนในห้อง ส่งผลให้เกิดข้อดีในด้านเวลาและสถานที่ที่จะใช้วัสดุอุปกรณ์ออนไลน์ผ่านทางการผสมผสานของสื่อ ซึ่งนับเป็นการส่งเสริมและเปิดโอกาสในการพัฒนาการสอนของครูผู้สอน
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ย่อมต้องเกิดจากการใช้กลวิธีและเทคนิคในการหาความรู้เพิ่มเติมที่แตกต่างกัน รวมทั้งต้องมีการพัฒนาทักษะต่างๆ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมการเรียนของมหาวิทยาลัยมักจะผสมผสานวิธีการเรียนหลายแบบ เช่น การจดแล็กเชอร์ การสัมมนา โครงการกลุ่ม การไปดูงานและการฝึกงาน ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้จากสื่อและวิธีการเรียนที่หลากหลายและแตกต่างกัน
นักครุศาสตร์ทั้งหลายยอมรับว่าการเรียนรู้แบบผสมผสานนั้นเป็นการพัฒนาทักษะและความรู้โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและเป็นการท้าทายความสามารถของผู้เรียนในหลายๆด้าน
จากรูปภาพที่ 1 การเรียนแบบดั้งเดิมนั้นต้องมีการลงทุนในด้านอาคารและห้องเรียน แต่จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พบปะสื่อสารเผชิญหน้ากันและกัน จากภาพในด้านปลายสุด จะพบการเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ตัวอย่างเช่น เรียนที่บ้านหรือที่ทำงาน ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนในเวลาที่ว่างหรือในเวลาที่พร้อมได้ ถึงแม้ว่าการเรียนรู้แบบออนไลน์อาจจะสิ้นเปลืองน้อยกว่าสำหรับผู้จัดทำโปรแกรมออนไลน์ แต่ผู้เรียนจะรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งจากเหตุนี้จะส่งผลกระทบต่อแรงจูงใจและการจดจำของนักเรียน
การเรียนรู้แบบผสมผสานยังมีผลดีต่อทั้งผู้สอนและผู้เรียน ผู้สอนจะได้พบและได้ติดต่อกับผู้ร่วมงานพร้อมๆกับสามารถทำงานไปในเวลาเดียวกันได้ ตัวอย่างเช่น สามารถส่งงานทางเมล์ได้
กล่าวโดยสรุป ถ้าเราต้องการพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้แบบผสมผสาน เราจะต้องนำรูปแบบการเรียนรู้ด้านบนทั้ง 3 แบบมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับผู้เรียนและสถานการณ์ ในทางตรงกันข้าม การเรียนรู้แบบผสมผสานนั้นจะต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูงในการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องมีการวางแผนและเตรียมการอย่างรอบคอบเพื่อให้การเรียนรู้แบบผสมผสานนั้นเกิดผลสำเร็จ
งานที่ท้าทายในการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน
ในฐานะของนักการศึกษา เราได้รับงานที่ท้าทายจาก DfES และคณะกรรมการกองทุน มอบหมายให้คิดโปรแกรมที่มีวิธีวิธีบูรณาการการใช้เทคโนโลยีทางการเรียนรู้ในการพัฒนาประสบการณ์ในการเรียนรู้แบบผสมผสาน ซึ่งทั้งกลวิธีการเรียนรู้แบบ DfES และ e-learning ของ HEFCE นั้นก็อ้างถึงการเรียนรู้แบบผสมผสาน
“การผสมผสานกับการเรียนแบบดั้งเดิม โดยการนำ e-learning มาใช้แทน ซึ่งจะเป็นการพัฒนาสัมพันธภาพกับผู้เรียน และเป็นการลดข้อจำกัดของการเรียนแบบดั้งเดิม อีกทั้งเป็นการขยายความร่วมมือและทำให้ครูสามารถนำทรัพยากรใหม่ๆมาใช้ในการสอน ซึ่งครูสามารถเลือกสรรทรัพยากรเหล่านี้จากโลกดิจิตอลได้ ”
“วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยได้ทำการทดลองวิธีการเรียนแบบใหม่โดยการผสมผสานระหว่างการเรียนที่มหาวิทยาลัยกับการเรียนแบบทางไกล และการผสมผสานกันระหว่างการเรียนแบบออนไลน์กับการเรียนแบบเผชิญหน้ากัน เพื่อเป็นการสร้างให้การเรียนรู้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้นและเป็นการเปิดโอกาสในการเรียนรู้” DfES (2005)
ทำไมจึงต้องมีการเรียนรู้แบบผสมผสาน
เหตุผลที่ครูทั้งหลายนิยมจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ก็เพราะเป็นวิธีการเรียนการสอนที่ดี ที่ครูสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับรูปแบบการเรียนของผู้เรียนแต่ละคน ซึ่งแสดงถึงการใส่ใจของผู้สอนที่จะจัดหาโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเข้าถึงเนื้อหาการเรียนได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และยังเป็นวิธีการที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้โดยปราศจากประสบการณ์ที่ยุ่งยากซับซ้อน ผู้เรียนมักจะไม่ชอบเรียนรู้ด้วยวิธีการเดียว ดังนั้นเราควรจัดหาวิธีการเรียนหลายๆวิธี เพื่อตอบสนองโปรแกรมการเรียนของผู้เรียนให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้การเรียนรู้แบบผสมผสานเข้ามามีบทบาทในการศึกษามากขึ้น
พวกเราสามารถเรียนได้ทุกที่และทุกเวลาที่มีโอกาสเมื่อเราพร้อม พวกเราสามารถเรียนที่บ้าน ที่ทำงานและแม้แต่ในเวลาที่เดินทาง โปรแกรมการเรียนสามารถดัดแปลงให้อยู่ในรูปแบบของสื่อการเรียนที่มีประโยชน์และสะดวกต่อการเรียนเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียน Tech D เป็นบริการของ JISC ที่ทำให้อนาคตของผู้เรียนที่พิการนั้นดีขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีมาช่วย การเรียนรู้แบบผสมผสานเป็นการเสนอวิธีการนำเสนอที่หลากหลายและมีการใช้สื่ออุปกรณ์ที่สามารถดัดแปลงให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน ตัวอย่างเช่น การใช้อีเมล์ในการสัมมนางานกลุ่มซึ่งเป็นการขจัดอุปสรรคในการสื่อสารของผู้เรียน (TechDis 2003) ผู้เรียนที่พิการยังได้รับผลประโยชน์อันใหญ่หลวงจากการใช้อีเมล์ ไม่เพียงแต่ได้เรียนโดยวิธีการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น แต่ยังสามารถใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้เพื่อสืบค้นข้อมูลความรู้ด้วย
ประโยชน์ของการเรียนรู้แบบผสมผสาน : การกระจายอำนาจให้ผู้เรียนและครู
การเรียนรู้แบบผสมผสานสามารถปรับปรุงคุณภาพของประสบการณ์การเรียนรู้และเป็นการขยายขอบข่ายของผู้สอน
- ประสบการณ์ทางการเรียนรู้เฉพาะตัวบุคคลสำหรับผู้เรียนทุกคน รวมถึงผู้เรียนที่พิการหรือผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องการหลักสูตรการเรียนรู้ที่พิเศษแตกต่างจากบุคคลทั่วไป
- การสนับสนุนการเรียนรู้รายบุคคล ข้อมูลรายละเอียดส่วนตัว คำแนะนำและการบริการให้คำแนะนำซึ่งช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาที่เหมาะสมกับตนเองเพื่อเป็นการเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ในขั้นถัดไป ซึ่งรวมไปถึงการลงทะเบียนข้อมูลส่วนตัวแบบออนไลน์ ( e-portfolio)
- การเรียนรู้ตามความร่วมมือ เป็นการเรียนรู้ที่จัดสภาพแวดล้อมแบบออนไลน์ให้เอื้อต่อการทำงานและเรียนรู้จากบุคคลหรือกลุ่มผู้เรียนอื่นๆเสมือนเรียนรู้กับครูผู้สอน ซึ่งยังเป็นการพัฒนาทักษะกระบวนการคิดและทักษะทางสังคมของการสื่อสารและการเรียนรู้แบบร่วมมือ
- สภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ (VLEs) ผู้เรียนสามารถเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ร่วมกับผู้อื่นโดยวิธีการต่างๆ เช่น การเลียนแบบ การแสดงบทบาทสมมุติ การเรียนแบบออนไลน์หรือการเรียนรู้ตามความร่วมมือกับโรงเรียนหรือองค์กรอื่นๆ
- การเรียนแบบยืดหยุ่น การเรียนตามความต้องการ ในทุกเวลาและทุกๆที่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียน
- การเข้าถึงแหล่งข้อมูลดิจิตอล เครื่องมือและระบบข้อมูลต่างๆ
จากการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมของ Sharpe et al (2006) พบว่ามหาวิทยาลัยบางแห่งได้พบประโยชน์ของการเรียนรู้แบบผสมผสาน ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมจากข้อมูลข้างต้นดังนี้
- ความสามารถในการสนับสนุนการดำเนินการในบริบททั่วโลก
- การเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เรียนและการเพิ่มขนาดของกลุ่มผู้เรียน
- การพัฒนาทางด้านทักษะการทำงาน
การนำการเรียนรู้แบบผสมผสานมาใช้อย่างถูกต้อง
การเรียนรู้แบบผสมผสานเป็นการเสนอรูปแบบการสอนและรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการเรียนรู้ต่างๆ เช่น
- การเรียนในห้องเรียน / การเรียนแบบจดแลกเชอร์ / การใช้ห้องปฏิบัติการต่างๆ
- CD-ROM / DVD
- E - mail / SMS
- E – books
- VLEs , message boards , chat rooms
- wikis , blogs
- instant message
วิธีการพัฒนาการเรียนรู้แบบผสมผสานที่ดีที่สุด คือจะต้องมีการประเมินวัสดุอุปกรณ์และแบบฝึกที่ได้นำไปใช้กับผู้เรียนแล้ว รวมทั้งต้องพิจารณาว่าควรจะปรับปรุงโปรแกรมโดยใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยได้อย่างไร
การแก้ปัญหาในแต่ละโปรแกรมและในผู้เรียนแต่ละคน ขึ้นอยู่กับความสมดุลของการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบของการเรียนรู้แบบผสมผสาน ซึ่งการประสบความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการเรียนรู้แบบผสมผสาน ซึ่งการทบทวนโปรแกรมการเรียนทำให้โปรแกรมแยกย่อยลงเป็นหน่วยเล็กๆ และเมื่อผู้สอนพบจุดที่เหมาะสมในแต่ละหน่วยที่เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน
เมื่อต้องการพัฒนาการเรียนรู้แบบผสมผสาน ก็ควรจะต้องรู้และเข้าใจระดับและธรรมชาติของผู้เรียน ถ้าคุณต้องการให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง รู้จักเลือกว่าจะเรียนเมื่อไรและเรียนที่ไหน พวกเขาจะต้องมีความรับผิดชอบ มีทักษะและต้องกล้าตัดสินใจ
การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานจะต้องสร้างขึ้นในทิศทางที่ผู้เรียนเรียน ผู้เรียนแต่ละคนจะได้รับความรู้และทักษะต่างๆผ่านทางการผสมผสานของประสบการณ์ที่แตกต่างมากมาย เช่น การอ่าน การสังเกต การเรียนรู้แบบร่วมมือ การทดลอง แบบฝึกหัด การประยุกต์และการทำการทดลอง หลักเกณฑ์ในการเรียนควรตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาโปรแกรมการเรียนรู้แบบผสมผสาน ผู้เรียนคนหนึ่งอาจจะชอบหนังสือ และในขณะที่ผู้เรียนคนอื่นอาจจะชอบกิจกรรมที่มีการปฏิสัมพันธ์ เช่น การอภิปราย การประชุมปฏิบัติงานและการทดลองในห้องปฏิบัติการในการเรียนเนื้อหาเดียวกัน กลวิธีแบบองค์รวมถูกนำมาใช้ในการพัฒนาโปรแกรมการเรียนแบบผสมผสาน ส่วนประกอบของการเรียนที่หลากหลายควรจะมีการพิจารณาในองค์รวม ไม่ใช่พิจารณาเป็นปัจจัยแต่ละปัจจัย การเชื่อมโยงอย่างมีความหมาย การสอนและเนื้อหาe-learning จะทำให้โปรแกรมมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
การประเมินการเรียนรู้แบบผสมผสาน
เป็นเรื่องยากที่จะทำให้การเรียนรู้แบบผสมผสานนั้นมีความสมดุลและมีประสิทธิภาพ แต่โดยการตรวจสอบและปรับปรุงวิธีการสอนให้มีความสมดุล คุณจะเห็นคุณค่าของกลวิธีนี้ โปรแกรมการเรียนที่มีประสิทธิภาพต้องเกิดจากการผสมผสานของกลวิธีและรูปแบบการเรียนที่หลากหลาย ซึ่งจะแสดงถึงวิธีการสอนที่ดีและเป็นแบบอย่างในอนาคต อย่างไรก็ตาม ครูผู้สอนยังต้องตระหนักถึงความจำเป็นของการพัฒนาโปรแกรม การเน้นการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมในภาพรวมต้องการผู้ประกอบวิชาชีพที่เข้าใจศาสตร์ของการเรียนรู้
บทสรุป
กล่าวโดยสรุป การเรียนรู้แบบผสมผสานที่ดีจะต้องเกิดจากการฝึกฝนการใช้วิธีการสอนแบบผสมผสานเพื่อผลประโยชน์ที่จะเกิดแก่ผู้เรียน ครูผู้สอนที่เลือกนำวิธีการสอนที่หลากหลายมาใช้สอนผู้เรียนมีจุดประสงค์เพื่อสร้างประสบการณ์ทางการศึกษาที่ประสบความสำเร็จให้แก่ผู้เรียน ดังเช่น การผสมผสานกันระหว่าง e-learning และการเรียนแบบออนไลน์ ศักยภาพของเทคโนโลยีสมัยใหม่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เมื่อพบว่าการนำ e-learning มาใช้ผสมผสานกับโปรแกรมการเรียนแล้วทำให้ผู้เรียนได้รับผลประโยชน์มากขึ้น
e-learning เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าที่ใช้ในการควบคุมและแสดงโปรแกรมทางการศึกษา ซึ่งพวกเราควรจะใช้ e-learning ในสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อผลักดันให้การเรียนรู้นั้นสนองตอบต่อความต้องการของผู้เรียน
สิ่งที่ท้าทายอย่างหนึ่งสำหรับในอนาคตข้างหน้า คือเราจะเพิ่มการนำเครื่องมือทางสังคม(web2.0)ละเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนรู้แบบผสมผสานได้อย่างไร เราอาจนำ smart phone และ iPods มาใช้ผสมผสานกันในการเรียนการสอน อย่างไรก็ตามอาจจะมีคำถามตามมาว่า แล้วผู้เรียนจะละเลยไม่ใส่ใจครูผู้สอนหรือไม่ ซึ่งสาเหตุก็เกิดจากการนำเทคโนโลยีที่ให้ความเป็นส่วนตัวมาใช้
อ้างอิง British Educational Communications and Technology Agency www.becta.org.uk DfES (2005) Harnessing Technology: Transforming learning and children's services' www.dfes.gov.uk/publications/e-strategy/ HEFCE (2005) HEFCE strategy for e-learning www.hefce.ac.uk/pubs/HEFCE/2005/05_12/ Sharpe, R et al (2006) The undergraduate experience of blended e-learning: A review of UK literature and practice undertaken for the Higher Education Academy, http://www.heacademy.ac.uk/research.htm TechDis, JISC, Ferl (2003) Inclusive Learning and Teaching: ILT and Disabled Learners
สวัสดีค่ะ พี่ครูอ้อยเล็ก
สวัสดีค่ะ
ดีค่ะ
เป็นบทความที่มีความรู้มากมายเลยค่ะ ขอบคุณผู้เขียนและผู้สร้างค่ะ