รำลึกถึงยามบุญคราเยือนพม่า(๑)


ผู้คนคลาคล่ำ แต่ขอบอกว่าสะอาดมาก เขาไม่มีการทิ้งขยะเรี่ยราด เขาให้ความเคารพ นอบน้อมอย่างจริงจัง ขึ้นไปถึงก็มีอาการสงบ พากันจุดธูปเทียนบูชา เดินชมทิวทัศน์ แล้วนั่งสมาธิกัน นี่คือความแตกต่างจากการไปวัดของคนไทยส่วนใหญ่

ในโอกาสที่จะถึงเทศกาลงานบุญ “เข้าพรรษา” ท่านสมาชิกบล็อกหลายท่านได้ช่วยกันนำหลักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาฝาก มาย้ำเตือน ให้พุทธศาสนิกชนได้ปฏิบัติ สืบทอดหลักธรรมเพื่อยังความศานติสุขให้บังเกิดแก่ตนและชาวโลก ทำให้ผู้เขียนรำลึกถึงความประทับใจหลายประการคราเยือนพม่า ที่ได้เห็นชาวพม่าเป็นผู้ใฝ่ธรรม มีความเคารพนบนอบต่อพระรัตนตรัยอย่างยิ่งชนิดที่คนไทยไปเห็นแล้วต้องให้ความเคารพในความเชื่อมั่นศรัทธาของเขา รวมทั้งทึ่งในความอุดมสมบูรณ์ของประเทศนี้

สองปีมาแล้วที่ได้ไปเยือนพม่า หรือ เมียนมาร์ เป็นครั้งแรกในชีวิต เป็นเพื่อนบ้านรั้วบ้านติดกันแท้ๆ แต่กว่าจะได้ไปสัมผัสดินแดนและชีวิตผู้คนก็นานเหลือเกิน โชคดีที่ได้เดินทางไปกับชมรมท่องอุษาคเนย์ มีผู้รู้อย่างคุณธีรภาพ โลหิตกุล และ คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา ร่วมให้ความรู้และข้อมูลที่มากกว่าแค่การนำเที่ยวบันเทิง

ผู้เขียนขอถือโอกาสนี้นำภาพและเรื่องประทับใจบางส่วนมาฝากกัน จากการท่องอิระวดีแดนทอง ย่างกุ้ง-พระธาตุอินทร์แขวน-หงสาวดี-พุกาม-มัณฑะเลย์-อินเล (ไม่เน้นเล่าประวัติศาสตร์ค่ะ)

 

·         การเดินทางไปย่างกุ้งสะดวกมาก เพราะ สายการบินเมียนมาร์แอร์เวย์ พาบินราวชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้ว ในใจทุกคนมุ่งถึงการได้ไปนมัสการ มหาเจดีย์ชเวดากอง มีผู้เล่าว่าชาวพม่านำแก้วแหวนเพชรนิลจินดามากมายมาร่วมในการสร้างเจดีย์และบนยอดเจดีย์มีเพชรเม็ดใหญ่ที่พอใกล้ค่ำไปคอยดู ณ จุดหนึ่งบนลานเจดีย์จะเห็นแสงเพชรส่องประกายหลายสี คุณธีรภาพบอกว่า หลังจากที่มีแผ่นดินไหว(ครั้งใหญ่ที่เกิดสึนามิมหาภัย) จุดชมประกายเพชรได้เคลื่อนที่ไปมากทีเดียว ตอนเย็นบริเวณที่เรียกว่า “ลานบุเรงนอง” จะมีคนมานั่งสมาธิกันเต็มไปหมด ลานนี้ในสมัยโบราณ พระเจ้าบุเรงนองต้องเดินทางมาอธิษฐานทุกครั้งก่อนออกทำสงคราม

 

·         เจดีย์ที่มองเห็นผ่านหน้าต่าง คือหน้าต่างห้องพักโรงแรม Traders ซึ่งอยู่บนถนน Sule Pagoda Road  ถนนชื่อเดียวกับเจดีย์ คือ เจดีย์สุเล

 

 

·         ส่วนเจดีย์ทีเห็นเห็นเป็นกองอิฐของเจดีย์ที่ล้มตะแคงนี้ จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ที่วัดไหน เมืองไหน เรื่องก็จำไม่ได้(อาจเป็นที่วัดพระธาตุมุเตา ที่มีเจดีย์ชเวมอดอร์ อันเก่าแก่พอๆกับมหาเจดีย์ชเวดากอง) แม้กองเจดีย์ที่พังลงมา พระพม่าและชาวพม่าก็ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี พระไทยหลายวัดกลับชอบรื้อของเก่าทิ้ง สร้างใหม่

 

·         ความรู้สึกพอได้เห็นวัดและเจดีย์หลายๆแห่งคือ ชาวพม่านี่ชอบ “ทอง” จริงๆ ทุกอย่างทาสีทอง ยิ่งเคารพ หรือเห็นสำคัญมาก ยิ่งทาทองทับทั้งหมด เหลืองอร่ามไปหมด มิน่าถึงมีคำว่า “ชเว”ที่แปลว่า “ทอง” กับโบราณสถานสำคัญๆ

  • พระราชวังทองอร่าม เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ จำไม่ได้เสียแล้วว่าคืออะไร อยู่เมืองไหน

 

·         คณะของเรายังได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญที่นอกรายการคือ ไปใส่บาตรข้าวสุกพระ ๑๒๕๐ รูปและร่วมทำบุญแก่พระ ที่มาศึกษาพระธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง ลืมชื่อวัดเสียอีกแล้วค่ะ

 

 

·         ที่เห็นกำลังก้มหน้าก้มตากันอยู่คือกำลังฝน “ทานาคา” แก่นไม้เลื่องชื่อของพม่า เพื่อใช้ล้างพระพักตร์ “พระมหามัยมุนี” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ ปางมารวิชัย และเป็นปูชนียสถานสำคัญสูงสุด ๑ ใน๓ และ ๑ ใน ๕ หรือ เบญจมหาบูชาสถาน ของชาวพม่า เราผู้หญิงไม่มีโอกาสเข้าใกล้ท่าน เพราะมี “เขตุสตรีห้ามเข้า” ขนาดมีแต่ผู้ชายเท่านั้นจึงจะเข้าไปปิดทองที่องค์ท่านได้ องค์ท่าน (ยกเว้นพระพักตร์)ก็ถูกปิดทองทั่วจนตะปุ่มตะป่ำไปหมด จนบางคนเรียกว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม”

 

·         ทุกเช้า จะมีพระสงฆ์รูปหนึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่สำคัญในการล้างพระพักตร์ สีพระทนต์ท่าน ผู้หญิงและชาวบ้านที่เข้าใกล้สัมผัสองค์พระไม่ได้จึงถวายผ้าขนหนู เขาจะพยายามไปกันแต่เช้าตั้งแต่ประมาณตีสาม เพื่อได้มีโอกาสนำผ้าของตนไปวางเป็นผืนแรก และไปฝนทานาคาเพื่อใช้ในการล้างพระพักตร์ แม้ตะกอนจากน้ำล้างพระพักตร์เขาก็ยังนำมารวม ปั้นเป็นก้อน ตากแห้งและแจกให้ผู้คนไปบูชา

       มีผู้เขียนบล็อกเฉพาะเรื่องนี้ไว้ คิดว่าเขาคงไม่น่าจะหวง เชิญตามไปชมภาพการล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนีได้ที่

http://www.phuttawong.net/index.aspx?ContentID=ContentID-060629165603404

 

·         เมื่อได้ไปนมัสการ “พระธาตุอินทร์แขวน” ซึ่งอยู่บน เขาไจก์ทีโย เมืองไจโท เป็นเรื่องตื่นเต้นมาก เพราะไม่ใช่จะไปกันได้ง่ายๆ รัฐบาลพม่าเป็นผู้จัดระเบียบการขึ้นไป โดยต้องไปเปลี่ยนจากรถโค้ชของเรา ไปเป็นรถของรัฐบาลเพื่อขึ้นเขา ขอบอกว่าควรมีสุขภาพแข็งแรง เพราะต้องปีนขึ้นไปนั่งบนรถแบบรถบรรทุกที่เอากระดานวางเป็นที่นั่งหันหน้าไปทางหน้ารถ น้องๆรถคอกหมู แล้วทางก็วกวนขึ้นเขา ดีที่ไม่มีรถสวน เขาให้เดินรถทางเดียว

·         แล้วอย่านึกว่าถึงที่เลย เพราะทางที่เหลือ เขาไม่ให้รถขึ้น จะขึ้นไปถึงพระธาตุทำได้สองวิธี วิธีแรกเดินขึ้นเอง ซึ่งชาวพม่ามักใช้วิธีนี้ มีเส้นทางเดินคนละทางกับ การขึ้นโดยนั่งเสลี่ยงคานหาม ดูหน้าตาเสลี่ยงไม่ได้อลังการอย่างเสลี่ยงขุนนางหรือเจ้าหญิง แล้วดู คนแบกยิ่งน่าสงสาร แต่ไม่นั่งก็ไม่ได้ เพราะเราเดินไม่ไหวแน่ๆ เดินขึ้นใช้เวลาเป็นชั่วโมง นึกเสียว่าช่วยอุดหนุนให้เขามีอาชีพ

 

·         พระธาตุอินทร์แขวนนั้นเป็นก้อนหินสูงราว ๕.๕ เมตร มหัศจรรย์มากว่าตั้งอยู่ได้อย่างไร ส่วนฐานไม่ได้วางสนิทอยู่กับพื้นหน้าผาทั้งหมด มีส่วนที่แนบสนิทอยู่สักสองฟุตเท่านั้น และหากไปดันก็จะขยับได้ด้วย ทั้งๆที่เขาห้าม นานๆทีก็มีคนไปลอง สงสัยหากลองกันมากๆ คงร่วงหล่นลงด้านล่างสักวัน

 

 

·         ผู้คนคลาคล่ำ มีทุกเพศ ทุกวัย แต่ขอบอกว่าสะอาดมาก เขาไม่มีการทิ้งขยะเรี่ยราด เขาให้ความเคารพ นอบน้อมอย่างจริงจัง ขึ้นไปถึงก็มีอาการสงบ พากันจุดธูปเทียนบูชา เดินชมทิวทัศน์ แล้วนั่งสมาธิกัน นี่คือความแตกต่างจากการไปวัดของคนไทยส่วนใหญ่

 

·         แม้แต่การก้าวเท้าเข้าบริเวณวัดทุกวัด ไม่ว่าจะวัดเล็ก วัดใหญ่ เมื่อจะล่วงเข้าวัดจะต้องถอดรองเท้าตั้งแต่ประตูกำแพง ห้ามใส่แม้ถุงน่อง หรือถุงเท้า จะต้องเท้าเปลือยเปล่าจริงๆ! ไม่ว่าพื้นจะขรุขระด้วยกรวด จะร้อนฉ่า หรือเย็นเยียบเพียงใด เขาเคร่งครัดจริงๆ

 

·         พระธาตุอินทร์แขวนนี้มีตำนานยาวมาก ทั้งตำนานการเกิดของที่ตั้งพระธาตุอินทร์แขวน และตำนาน “เจ้าจันทน์ผมหอม” ที่คุณมาลา คำจันทร์ ได้นำมาสร้างเป็นวรรณกรรมเชิงกวีนิพนธ์เรื่อง “เจ้าจันทน์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน” ที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์แห่งอาเซียน หรือ รางวัลซีไรท์ไปเมื่อปี ๒๕๓๔

     ขอยกเรื่องการไปชมวัดชเวนันดอ ซึ่งเดิมเป็นตำหนักไม้สักทองจำหลักลายทั้งหลังที่มัณฑะเล ทะเลเจดีย์ที่พุกาม และไปเห็นเขาทอผ้าใยบัวที่หมู่บ้านในทะเลสาปอินเล  ไว้เล่าครั้งหน้านะคะ

หมายเลขบันทึก: 194348เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2008 17:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)
  • ผมข้ามไปพม่าไม่กี่ครั้ง
  • แต่ยังหลงใหลภาพนี้
  • “พระธาตุอินทร์แขวน”
  • สวยมากๆๆ
  • ถือเป็นเรื่องแปลกดี
  • วัดนี้ยังไม่ได้ไป
  • วัดชเวนันดอ ซึ่งเดิมเป็นตำหนักไม้สักทองจำหลักลายทั้งหลังที่มัณฑะเล ทะเลเจดีย์ที่พุกาม
  • คงหาโอกาสไปครับ

สวัสดียามเย็นค่ะพี่นุช สุดดวงใจของน้อง

 

...  อ่านเรื่องพี่นุช ทำให้น้องระลึกถึง  ... แทบฝั่งอิระวดี จังเลยค่ะ ....

ขออนุญาต นำกลอนที่แต่งไว้ เพราะประทับใจมากๆ ค่ะ คงเข้ากันได้นะคะ ...

 

ใจผูกพันชายหนึ่งอยู่ดูเลือนลาง
อุดมการณ์อย่างมอบไว้มิสุขสม
แต่จำเป็นต้องใช้ชีวิตร่วมกับอีกคน
ต้องทุกข์ทนพลีเพื่อชาติประหลาดนัก

หลังสงครามเสร็จสิ้นตามวิถี
ค่อยได้มีชีวิตอย่างนางประจักษ์
แม้ลำบากเพียงไรแต่เพื่อรัก
จะฝ่าฟันอุปสรรคจักไตร่ตรอง

 

อิระวดีวันนี้คงยังถาถั่งโถม
ปลอบประโลมน้องนางให้มิหม่นหมอง
ได้สมหวังในรักแท้ที่เธอปอง
ตามครรลองประเพณีที่ดีงาม

 

ไว้จะมาอีกรอบนะคะ พี่นุช เจริญอาหาร และขอบพระคุณค่ะ  ...

 

 

 

สวัสดีค่ะพี่นุช

ไปอ่านตอนสองก่อนแล้วจึงมาอ่านตอนนี้

ได้เห็นความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของเขาแล้วนับถือมากๆ ค่ะ

ขอบคุณนะคะ ^ ^

พม่านั้นมีสิ่งดีๆที่คนไม่เคยไปเยือนนึกไม่ถึง อาจารย์ขจิตP ขจิต ฝอยทอง ไปพม่าหลายครั้งไปทำอะไรคะ สงสัยติดใจสาวพม่าผิวผ่องด้วยทานาคาหรือเปล่าเอ่ย

สวัสดีค่ะน้องปู P poo พี่ลบอะไรเป็นอะไรงงแล้วที่น้องให้ลบ แฮ่ะ แฮ่ะ สงสัยลบผิดอันล่ะค่ะ ขออภัยจริงๆค่ะ

น้องปูแต่งกลอนประกอบเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ เป็นเรื่องเป็นราว ดุจนิยายรักฝั่งอิระวดี (หากมีพี่ก็ไม่เคยอ่านหรอกค่ะ อิ อิ เชย จริงๆ)

วันหยุดยาวๆอย่างนี้น้องปูคงได้ไปทำบุญ ได้อยู่กับครอบครัว ขอให้มีความสุขกาย(เจริญอาหาร) สุขใจในเทศกาลงานบุญเข้าพรรษานี้นะคะ

 

ขอบคุณค่ะอาจารย์P นายประจักษ์ ที่กรุณามาแวะในวันสำคัญทางพุทธศาสนา และส่งคำอวยพรมาให้อย่างงดงาม ขอให้พรทั้งหลายมีแด่อาจารย์และครอบครัวเช่นกันค่ะ

  • สวัสดีเจ้า พี่นุช..

พอเห็นบันทึกใหม่นี้ของพี่นุช..ต้อมก็รีบเข้ามาเลยนะคะ  ^^   พอดูรูปพระธาตุอินทร์แขวนแล้วก็คุ้นๆ   รู้สึกว่าต้องได้อ่านมาจากที่ไหนสักแห่ง   แล้วมาถึงบางอ้อ..ว่าได้อ่านมาจากเจ้าจันทน์ ผมหอม  บทประพันธ์ของคุณมาลา  คำจันทร์ นี่เอง   วันนั้นรื้อหนังสือออกมาดูก็ยังเห็นกันอยู่แวบๆ 

ตอนยังเล็กๆ เหมือนพ่อจะเคยบอกว่า "แล้ววันหนึ่ง จะพาไปพม่า  พาไปดูบ้านเมืองที่บรรพบุรุษเราจากมา...."   จนพ่อเสีย..เราก็ยังไม่ได้ไปกันเลยสักครั้ง   ไม่นับกับการได้ไปแม่สายแล้วเอาเท้าไปเหยียบผืนดินฝั่งโน้นตอนไปช้อปแผ่นซีดีกระจุยกะจาย อุ๊บ!

ทำให้นึกถึงเพลง "มะเมี๊ยะ" ด้วยค่ะ   ที่ขับร้องโดยคุณสุนทรี  เวชานนท์   ที่บอกเล่าถึงความรักต่างเชื้อชาติของเจ้าชาย (เจ้าน้อยศุขเกษม) และแม่ค้าสาวชาวพม่า    ตอนนั้นต้อมยังเด็กอยู่เลยที่นั่งอยู่หน้าจอทีวีแล้วดูรายการเพลงทางช่อง 9   คุณสุนทรีเธอร้องเพลงนี้ และเธอร้องไห้   ต้อมก็เลยร้องตาม   และทุกๆ ครั้งที่ได้ยินเพลงนี้ต้อมจะต้อง..ทำไมต้องมีน้ำตาด้วยก็ไม่รู้    ไม่เข้าใจจริงๆ   สงสัยจะอินมากไปหน่อยตั้งแต่เล็กจนโต     โดยเฉพาะเนื้อเพลงที่บอกว่า "..มะเมี๊ยะตรอมใจ  อาลัยขื่นขม   ถวายบังคมทูลลา  สยายผมลงเจ๊ดบาทบาทา   ขอลาไปก่อนแล้วชาตินี้...."

<ฟังเพลงมะเมี๊ยะ  คลิกที่นี่>

นึกถึงที่เคยคุยกับพี่นารีด้วย  เมื่อนานมาแล้วที่ได้รู้จักกันใหม่ๆ   เธอว่าหน้าตาต้อมดูแปลกๆ ไม่ค่อยเหมือนคนไทย/คนเหนือ สักเท่าไหร่   ก็เลยบอกทีเล่นทีจริงไปว่า " หนูเป็นลูกเสี้ยวพม่า  นัยน์ตาโศกไงล๊าว"  อิอิ

ขอบคุณนะคะ   ทำให้นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ  บทสนทนาเดิมๆ ที่ผ่านมาเนิ่นนาน   ธุค่า..

สวัสดีค่ะพี่นุช

  • คนไม่มีรากตามไปเที่ยวพม่าด้วยคนนะคะ
  • ยังไม่เคยไปพม่าเลยค่ะ ไม่ทราบด้วยเหตุอะไร ต้องมีอันต้องไม่ได้ไปทั้งที่ความจริง...ต้องได้ไปหลายครั้งแล้ว...
  • บันทึกของพี่นุชทำให้เหมือนได้ไปเที่ยว...ดีจัง...
  • ชอบบันทึกพี่นุชก็ด้วยเหตุที่มีภาพสวย ๆ มุมมองดี ๆ เสมอค่ะ เรื่องนี้เข้ากับภาพใหม่ของพี่นะคะ .. ที่ดูคล้ายสวยน้อยชาว...ไทใหญ่...สาวเหนือ...งามละอออ่อนค่ะ

                           (^__^)     

สวัสดีค่ะพี่นุช

  • ไม่เคยไปเที่ยวพม่าไกลเกินกว่า แม่สายเลยค่ะ
  • แต่ก็กลัวที่จะได้ไปอย่างไรไม่ทราบ
  • ภาพพี่นุชที่เปลี่ยนใหม่สวยมากค่ะ
  • น้องต้อมจะไปเมืองพม่าเมื่อไร แต่งตัวเป็นสาวเมืองพม่ามาให้ดูด้วยนะจ๊ะ "หนูเป็นลูกเสี้ยวพม่า  นัยน์ตาโศกไงล๊าว"

ขอมาทักทายที่นี่อีกครั้งนะคะ.. กะปุ๋มไปอ่านตอนที่สอง แล้วก็วกกลับมาตอนแรก...

  • ลืมทักว่าภาพใหม่นี้ ...  เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่หน้ามองนะคะพี่นุชขา

พระธาตุอินทร์แขวน ... เป็นความน่าทึ่งอย่างยิ่งนะคะ โชคดีที่ได้ไปเยือนและนำภาพมาฝากน้องๆ นะคะ

เห็นภาพแล้วเหมือนหินก้อนใหญ่จะกลิ้งหล่นลงไป แต่เหมือนมีบางอย่างดึงรั้งไว้ไม่ให้หล่น ธรรมชาติได้วางไว้เพื่อให้ผู้คนได้ไปเยือนชมนะคะ

(^___^)

คราใดที่ได้ตามรอยพี่นุชไป กะปุ๋มจะนำมาเล่าในมุมของกะปุ๋มนะคะ

ขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์P กมลวัลย์ ขอโทษนะคะกว่าจะเข้ามาตอบหลายวันเลยค่ะ

ไปเห็นเวลาชาวพม่าเข้าวัดแล้วชื่นชมเขามากค่ะ เขาถือว่าการเข้าวัดนั้นเป็นสิ่งสำคัญเป็นความปิติ หลายคนนำอาหารมาทานในบริเวณวัดอย่างสงบ ช่วยกันเก็บกวาด เช็ดถูให้พื้นสะอาดเอี่ยม และความรู้สึกอีกอย่างคือ รัฐบาลทหารเขาให้ความสำคัญกับการทะนุบำรุงวัดและการจัดระเบียบการท่องเที่ยวมากทีเดียวค่ะ

ขอบคุณค่ะที่อาจารย์ตามอ่านทั้งสองตอน

สวัสดีเจ้าคุณต้อม....ไปเยือนพม่า ก็เนิ่นนานมาแล้ว แต่ความประทับใจยังคงอยู่มากมายค่ะ เพราะได้ผู้บอกเล่าเรื่องราวให้สิ่งที่ได้พบเห็นมีความหมายมากกว่าแค่การได้พูดว่า "ไปมาแล้ว" เท่านั้น

คนทางเหนือมีการสืบสายกับพม่าแน่นอน เหมือนคนอีสานมีการสืบเชื้อสายจากลาว กัมพูชา จะบอกให้พี่ยังมีบรรพบุรุษข้างคุณตาคุณยายมาจากเวียดนามเลยล่ะค่ะ

จำได้ว่าที่พม่ามีการทอผ้าไหมมีลวดลายที่เรียกว่าลาย "เชียงใหม่"ด้วยนะคะ แตงโมก็มีพันธุ์ดีที่มีชื่อว่า พันธุ์ "โยเดีย" ซึ่งคงหมายถึงอยุธยา หากไม่มีเรื่องสู้รบกันเราก็เป็นเพื่อนบ้านที่มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันไม่น้อยนะคะ

เดี๋ยวนี้การเดินทางไปพม่าทำได้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัยด้วยนะคะ มีบริษัททัวร์หลายแห่งจัดการเดินทางเสมอ และคนไทยก็ไปเที่ยวพม่าเยอะทีเดียวค่ะ ตอนไปเจอกับทัวร์ไทยอื่นๆหลายกลุ่ม

คุณสุนทรีเธอร้องเพลงไพเราะ ได้ความรู้สึกมากจริงๆค่ะ

ขอบคุณที่มาร่วมสร้างความรู้สึกดีๆเกี่ยวกับพม่าด้วยกันค่ะ

สวัสดีค่ะคุณP  คนไม่มีราก ประเทศเพื่อนบ้านนั้นเรามักได้ไปเมื่อเราไปที่ไกลๆมาแล้ว เพราะเราคอยคิดว่าอยู่ใกล้ๆ ไปเมื่อไหร่ก็ได้นะคะ หากได้ไปเยือนความคิดที่เราเคยมีเกี่ยวกับพม่าซึ่งมักเป็นทางลบ จะเปลี่ยนไปค่ะ จะรู้สึกถึงความเป็น "มนุษย์" ร่วมโลกเดียวกัน นับถือศาสนาหลักเหมือนกัน มีน้ำจิตน้ำใจดี แม้ว่าจะดูเขาลำบากยากจนนะคะ

ทั้งสองบันทึกพี่ยังไม่ค่อยได้เล่าในแนวไปท่องเที่ยวเท่าไหร่ ดังนั้นหากคุณคนไม่มีราก ได้ไปเที่ยวพม่าเองละก็จะต้องประทับใจมากๆเลยล่ะค่ะ สวยงามด้วยธรรมชาติที่ยังคงอยู่ ร่ำรวยด้วยวัดวาและศรัทธาของผู้คน

^__^รูปพี่เหมือนสาวไทยใหญ่หรือคะ หน้าตาโบราณเข้ากับถิ่นที่ไปเยือน กลมกลืนดีค่ะ

คุณP ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะหากจะไปเที่ยวพม่า เพราะเขาไม่อนุญาตให้เราเที่ยวไปกันเอง จะต้องมีไกด์ชาวพม่า(ที่พี่เจอพูดไทยคล่องปร๋อ)ไปกับเราทุกที่ ทำให้เราทราบว่าต้องทำอะไรอย่างไร ที่พักในเมืองใหญ่ก็ระดับสาม สี่ ห้า ดาว มีให้เลือก อาหารก็อร่อยดี ได้เห็นอะไรที่แปลกแตกต่างจากบ้านเรา พี่ประทับใจตอนไปทะเลสาปอินเลมากค่ะ ชีวิตผู้คน ความเป็นอยู่น่าทึ่งมาก

ขอบคุณที่ชมภาพใหม่ค่ะ ที่จริงรู้สึกเขินๆว่าดูเป็นการแต่งตัวจัง จะเปลี่ยนกลับไปภาพเดิมก็ยังคลำไม่ถูกว่าทำอย่างไรค่ะ

คุณต้อมคงสวมชุดพม่าได้สวยงามเข้ากับหน้าตา อยากเห็นจริงๆค่ะ

อยากให้น้องกะปุ๋มP  Ka-Poom ไปเยือนพม่าแล้วกลับมาสะท้อนให้ฟังในมุมของน้องเองซึ่งมักมีมุมมองที่ละเอียดอ่อนของชีวิต บวกกับความช่างผจญภัย ต้องเป็นเรื่องเล่าที่มีสีสันแห่งชีวิตชีวาแน่ๆค่ะ

พระธาตุอินทร์แขวนนั้นมหัศจรรย์ในตัวเองอยู่แล้ว แถมการที่อยู่หมิ่นเช่นนั้นทำให้ใครๆสงสัยว่าเขาทาสีทองหินทั้งก้อนนั้นทำได้อย่างไรค่ะ

ไม่ไกลจากพระธาตุมีที่พักดี สะดวกสบาย สะอาด ปลอดภัย พี่ค้างคืนหนึ่งคืนค่ะ ทำให้เราได้เดินชมบริเวณได้ทั้งเช้าและเย็น

ขอบคุณที่ตามอ่านทั้งสองบันทึกค่ะ

ไม่เคยไปพม่าจริงๆ มีแต่ไปแถวชายแดนเขา ชอบธรรมชาติของประเทศนี้มากๆเลยค่ะ

ค่ะคุณพี่ศศินันท์P Sasinand ธรรมชาติของเขายังอยู่อุดมมากค่ะ ต้นไม้ต้นใหญ่ ซุงท่อนมหึมา ไกด์พม่าเล่าว่าเขามีกฎหมายห้ามประชาชนขุดพื้นดินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากราชการ เพราะในดินมีสายแร่รัตนชาติมากมาย เช่น ทับทิมค่ะ จำไม่ได้ว่าเขาห้ามเฉพาะบางเขต หรือ ทั้งหมด

ขอบคุณที่คุณพี่ตามมาอ่านบันทึกเร็วๆนี้ทุกเรื่องเลยนะคะ^___^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท