วิธีการสื่อสารในฝัน (จินตนาการ)


....เมื่อคืนลงเวรบ่ายแล้วเข้ามาเปิด G2K เข้าไปอ่านนับทึกของ อาจารย์หมอ Phoenix  เรื่อง "Synchronicity" แล้วเกิดแรงบันดาลใจถึงอีกเรื่อง จนเขียนตอบ comment ไปเสียยาว  โพสต์เสร็จก็ค่อยรู้สึกตัวว่า เอ..ตัวเราคุยหลุดออกไปอีกประเด็นหรือเปล่าหนอ  ดังนั้นจึงขออนุญาตเอา comment ตรงนั้น มาเขียนเปิดอีกบันทึก ใน bolg ของตนเองก็แล้วกัน เผื่อมีสมาชิกท่านใดสนใจเรื่องนี้ จะได้เข้ามาคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ....

 

.....


จำไม่ได้ว่าเคยดูสารคดีช่อง discovery หรือว่าเคยอ่านหนังสือ   ว่าคน สัตว์ หรือแม้แต่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ มันจะเปล่งคลื่นที่เป็นลักษณะของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา คลื่นที่มีความถี่ต่างกันไป ในบางครั้งก็จะมาสอดประสาน เชื่อมโยงกัน ทำให้เกิดการสัมผัส ...รับรู้ ...เกี่ยวพัน ... บันดาลให้เกิด...ฯลฯ

ตัวอย่างเช่น ... คนๆหนึ่ง จ้องมองคนอีกคนหนึ่งแต่ไกล  คนอีกคนก็จะรู้สึกว่าตนเองถูกจ้อง แล้วก็จะหันไปมอง

การจ้อง ปกติเป็นการกระทำที่ผู้ถูกกระทำ ไม่น่าจะสัมผัสรับรู้ เพราะไม่ได้แตะตัวต้องตัว ไม่มีโดนประสาทสัมผัสใด ทั้งสัมผัสกาย สัมผัสกลิ่นโดยจมูก สัมผัสเสียงโดยหู หรือสัมผัสรสโดยลิ้น  แต่ทำไมคนถูกจ้องจึงมักรู้สึกตัวว่าโดนจ้อง ?

เพราะการจ้องมอง.. คนจ้องมองอาจจะแผ่คลื่นบางอย่างออกมา แล้วคนที่ถูกจ้องสามารถสัมผัสรับคลื่นนั้นได้

ปัญหาอยู่ที่.. เขาใช้อะไรสัมผัสรับคลื่น... นั่นก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน !

หรืออีกเหตุการณ์ ...  ลูกกำลังเผชิญเหตุการณ์บางอย่างที่กำลังทุกข์สาหัส หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุ   ความกลัว ความทุกข์ทรมาน ความตื่นตระหนกของลูก บังเกิดคลื่นแผ่ออกไป  คนเป็นแม่ที่รักและห่วงใยลูก สัมผัสรับรู้ บังเกิดเป็นความรู้สึกที่เรียกว่า "ลางสังหรณ์"  ถึงสิ่งที่เกิดกับลูกซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป


หรือเหตุการณ์ใกล้ๆตัว.. ของ k-jira เอง เวลาแทงน้ำเกลือให้คนไข้  มีหลายครั้งที่หากโดนจ้องมากๆ มักจะแทงพลาด ความรู้สึก มันเหมือนมีอะไรรุกเร้าเข้ามาในใจ จนสมาธิสับสน ความนิ่งจะหายไป บางครั้งจะต้องขอร้องญาติคนนั้นช่วยหันหน้าไปทางอื่น ซึ่งพอเขาปฏิบัติ ก็จะแทงได้สัมเร็จ .... อันนี้คงเรียกว่า  ความกดดัน

 

ดังนั้น k-jira จึงมีความเชื่อว่า ความรู้สึกนึกคิด แรงปรารถนาของคนนั้น มีคลื่นพลังงานชนิดหนึ่งแฝงอยู่  และคนเราทั้งหลาย สามารถสัมผัสรับมันได้ เพียงแต่..สัมผัสชนิดนี้ แต่ละคนจะแตกต่าง รับได้มากน้อยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคนๆนั้น ฝึกใช้มันบ่อยแค่ไหน และมีสัมผัสอื่นเข้ามาเบี่ยงเบนสิ่งนั้นมากน้อยแค่ไหน

ถ้าใครเป็นคอหนังกำลังภายใน คงจะเจอบ่อยๆ  จอมยุทธที่ตาบอด มักมีประสาทหูไวมาก  จอมยุทธที่ตาบอด จะสามารถรับวิชาดาบไวของคู่ต่อสู้ ได้ดีกว่าคนตาดี  ทั้งนี้เพราะเขาใช้หูและใจ สัมผัสทิศทางของดาบที่จู่โจมเข้ามา ในขณะที่คนตาไม่บอด.. อาจจะถูกมายาภาพของวิชาดาบไว ล่อหลอกจนหลงกล

นั่นเป็นเพราะ.. มีการ compensate (การชดเชย) ที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ?

หรือว่าเราต้องปิดประสาทสัมผัสบางอย่างออกไป เพื่อให้สามารถดึงเอา สัมผัสที่อยู่ในส่วนลึก ที่ซ่อนเร้นของมนุษย์ออกมา  เหมือนคนที่ไม่มีมือ สามารถใช้เท้าเขียนหนังสือ หรือ สีไวโอลินได้ แต่คนที่มีมือ ต่อให้ฝึกอย่างไร ก็ฝึกใช้เท้าแทนมือได้ดี แบบคนที่ไม่มีมือ ย่อมทำไม่ได้ เป็นต้น

 

ตัวอย่างดังกล่าว.. คงยืนยันได้ว่า มนุษย์เรามีประสาทสัมผัสที่พิเศษอีกชนิดหนึ่งอยู่จริงๆ บางครั้ง เราเรียกมันง่ายๆว่า "ใจ"  เพื่อฝึกสัมผัสชนิดนี้ ให้ใช้ประสาทชนิดนี้ได้มีประสิทธิภาพขึ้น เราคงต้องปิดประสาทตา ปิดประสาทหู ปิดประสาทกายสัมผัส  เพื่อให้รับรู้ถึงคลื่นความรู้สึก ที่อีกฝ่าย ส่ง (แผ่) เข้ามา

ใจที่จะรับสัมผัสได้ดี  คงต้องอยู่ในสภาพสมาธิที่นิ่ง  เปรียบเสมือนผิวน้ำที่เรียบสงบ แม้ลมที่แผ่วเบา ก็จะสะกิดให้ผิวน้ำเกิดเป็นละลอกคลื่นเล็กๆขึ้นมา  จิตของเราก็คงจะรับสัมผัสคลื่นความรู้สึกที่ส่งมาเช่นนั้น แต่ถ้าจิตไม่สงบ ดั่งน้ำที่มีละลอกคลื่นบางๆอยู่ หากมีคลื่นอีกละลอกส่งมากระทบ มันก็จะเข้ามารวมกับคลื่นเดิมที่มีอยู่ ทำให้เกิดการแปลความหมายที่ผิดเพี้ยนไป

พูดยกตัวอย่างออกไปเสียไกล ก็เพื่อนำมาโยงกับผู้รักษา (แพทย์ พยาบาล) และคนไข้ (รวมไปถึงญาติ)  หากผู้รักษาฝึกการใช้ประสาทส่วนลึกออกมาสัมผัส กับคลื่นความรู้สึกที่ผู้รับการรักษาเปล่งออกมา  บางทีแม้เขาไม่พูด ไม่แสดงอาการออกมาให้ตาเห็น แต่ผู้รักษาก็อาจจะสัมผัสได้..ว่าเขาป่วยเป็นอะไร และกำลังรู้สึกอย่างไร

ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ ก็คงจะดีไม่น้อยเนอะ

แล้วถ้าหากมนุษย์สามารถดึงสัมผัสนี้ออกมาใช้ เพื่อรับรู้สิ่งที่อีกคนต้องการจะบอก โดยการใช้ "ใจ" สัมผัส "ใจ" ก็รับรู้ เมื่อนั้น โลกคงมีการสื่อสารชนิดใหม่ ที่ไม่ต้องพูด ไม่ต้องเขียนบอกกัน กลายเป็นการ "ส่งสาร" ที่ไม่ต้องผ่านสื่อ ไม่ต้องผ่านการแปลสารใดใด ไม่ว่าจะเป็นคนชนชาติต่างภาษา หรือแม้แต่จะอยู่กันคนละดวงดาว ก็คงจะสามารถพูดคุย รับรู้ และเข้าใจกันได้

ว่าแต่.. สิ่งนี้จะเป็นจริงได้หรือเปล่านะ  หรือว่าจะเป็นเพียงแค่จินตนาการเท่านั้น ?

 

......

2007年2月月历壁纸  1280*1024 14 - 1280x1024_2007_February_calender_gunbang_1280x1024.jpg

หมายเลขบันทึก: 90145เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2007 12:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 10:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

        น่าสนใจดีนะคะ  อยากทำแบบนั้นได้บ้างจัง เคยคิดเล่นๆเหมือนกันนะคะ   เวลาส้มเห็นเพื่อนมีปัญหาส้มก้ออยากช่วยเพื่อน แต่ส้มไม่รู้ว่าเพื่อนของส้มคิดอะไรอยู่ ตอนนั้นคิดว่าถ้ารู้ได้ว่าเพื่อนกำลังรู้สึกอะไรก้อคงจะดี...เพื่อนของส้มเป็นคนไม่คิดมากแต่บทจะคิดมากขึ้นมาก้อชอบเก็บไว้คนเดียว  ตัวส้มเองก้อจะรู้แค่ว่าเพื่อนกำลังมีปัญหา แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เพราะอะไร...ทำได้แค่นั่งอยู่ข้างๆ แม้จะรู้ว่าบางเรื่องการไม่พูด ไม่รู้จะดีที่สุด แต่บางครั้งมันก้อรู้สึกอึดอัด ที่เหมือนส้มช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้เลย      

          ส้มเคยโดนรุ่นพี่คนหนึ่งอ่านใจ ในตอนนั้นตกใจมาก เพราะพี่เค้าพูดเหมือนรู้ว่าตอนนั้นส้มรู้สึกยังไง  และมันก้อเหมือนจะถูกด้วย   พี่เค้าบอกว่าส้มป็นคนที่ความรู้สึกแสดงออกที่ดวงตา   แต่มีคนเคยบอกส้มว่าแบบนี้มันเป็นการใช้ประสบการณ์บวกกับการเดา ไม่ใช่เซนส์  แล้วพี่จูนคิดว่าไงอ่ะคะ...  พี่จูนเคยโดนแบบส้ม หรือเคยทำแบบนี้กะใครบ้างมั้ยคะ..?

     

สวัสดีค่ะ น้องต้นส้ม (แหม.. เห็นชื่อแล้วนึกถึงหนังสือเรื่อง ต้นส้มแสนรักเลย)

ยังไม่เคยโดนอ่านใจค่ะ แต่เคยเล่นอ่านใจคนโดยใช้ไพ่กับเพื่อน  สนุกดีค่ะ ^_^

อีกอย่างหนึ่ง พี่ว่า.. ความรู้สึกในใจของคน บางทีมันก็เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ บางครั้งคนเราก็ไม่ค่อยอยากให้ใครเข้ามารับรู้รับฟัง ความคิดความในใจของเรา ยกเว้น..ในบางห้วงความรู้สึกที่เรามีอะไรในใจทีอยากจะบอก แต่ไม่กล้าบอก  บางทีตรงนั้น..เราก็อยากจะให้คนๆนั้นเขารู้ โดยที่เราไม่ต้องพูด

ดังนั้น.. หากจะให้พี่มีความสามารถอ่านใจคนได้ พี่ขอไม่อยากมีดีกว่าค่ะ หรือว่าให้สามารถมี เมื่อเราตั้งสมาธิ แล้วอีกฝ่ายเปิดใจ อนุญาตให้เราเข้าไป

มิฉะนั้น.. ต่อคงมีคดี ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ว่ด้วยการเข้าไปแอบอ่านใจคน แน่เลยจริงไหม

^______^

     เฮอะๆๆๆ....ไม่เถียงค่า!!^0^   เพราะส้มก้อพอรู้เหมือนกันว่าคนโดนอ่านใจมันรู้สึกยังไง...เป็นอะไรที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยอ่ะ  (แต่ถ้าทำได้ก้อเจ๋งดีเหมือนกันน้า..ฮึๆๆ)

     แต่พูดถึงเรื่องนี้ ส้มก้อนึกถึงเรื่องๆหนึ่งขึ้นมาได้ก้อเลยอยากลองถามพี่จูนดู คือว่าบางครั้งเวลาส้มนั่งอยู่ใกล้ๆคนที่ส้มแอบชอบอ่ะค่ะ(>////<) บางครั้งมันรู้สึกเหมือนเค้ามองเราอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดไปเอง เข้าข้างตัวเอง หรือว่าติ้งต๊องกันแน่นะคะ  คือแบบว่าเกร็งไปหมดเลย...  แต่ความจริงส้มยังไม่รู้เลยว่าเวลาโดนคนมองหรือแอบมอง อาไรปามานเนี้ย มันเป็นยังไงอ่ะ แหะๆ >+<   แล้วพี่จูนเคยโดนแบบส้มป่ะคะ ถ้าเคยแล้วตอนนั้นพี่จูนรู้สึกยังไงอ่ะคะ (คิกคิก ^-^) อยากรู้ๆ บอกหน่อยได้มั้ยคะ.. 

 

    

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท