มีหน้าที่ต้องติดตามอ่านข่าวและการปฏิบัติเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ แล้วนำมาเผยแพร่ ส่งต่อข้อมูลให้กับทีม SRRT และคณะกรรมการWaroom ไข้หวัดใหญ่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ซึ่งเมื่อวานประชุมกันแบบเข้มข้นมากนะคะ พูดถึงปัญหาในอนาคตที่จะเกิดขึ้นด้วย โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยที่กำลังขาดแคลน
การเตรียมการจัดหาทรัพยการที่เกี่ยวข้อง หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ การจัดเตรียมอัตรากำลัง การทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญจะดูแลบุคลากรอย่างไร ป้องกัน การติดเชื้อ ผู้ที่ป่วยมีสวัสดิการถ้าตรวจพบ มีอาการให้หยุดพักโดยไม่ถือเป็นวันลา และเรียกเคลมค่าชดชยให้ด้วยนะคะ
เมื่อวานดูข้อกำหนดของกระทรวงใหม่ล่าสุด ซึ่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ดำเนินการอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไร อ่านทบทวนดูนะคะ
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1
ในสถานพยาบาล
กระทรวงสาธารณสุข
ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2552
การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ขยายไปในหลายประเทศทั่วโลกจนได้รับรายงานผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน สำหรับประเทศไทยปัจจุบันพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในสถานศึกษา ค่ายทหาร เรือนจำ และในครอบครัวและมีการแพร่ระบาดไปทุกจังหวัดภายในเดือนกรกฎาคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและการติดเชื้อในสถานพยาบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งประชาชนที่มารับบริการในโรงพยาบาลด้วย โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญตามหลักการของ Isolation Precautions, Standard Precautions, Droplet Precautions และ Respiratory Hygiene and Cough Etiquette ดังนี้
สถานที่ตรวจผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
1. ควรแยก Influenza OPD ออกจาก OPD สำหรับผู้ป่วยอื่น ควรเป็นพื้นที่ซึ่งไม่มีผู้คนพลุกพล่าน สะดวกในการขนส่งผู้ป่วยและสามารถเคลื่อนย้ายเอกซเรย์เคลื่อนที่เข้ามาถึงได้โดยง่าย โดยจัดระบบเป็น One Stop Service ในพื้นที่เดียวกัน ตั้งแต่การทำบัตร คัดกรอง ตรวจรักษา เอกซเรย์ ให้สุขศึกษา จ่ายเงินและรับยา รวมทั้งสถานที่ดูแลผู้ป่วยก่อน admit เป็นผู้ป่วยใน เป็นต้น
2. เป็นห้องที่โล่งที่มีการระบายอากาศตามธรรมชาติได้ จัดให้มีทิศทางลมให้พัดจากบุคลากรสู่ผู้ป่วยและระบายออกภายนอกหรือให้มีพัดลมระบายอากาศช่วย มีอ่างล้างมือ และน้ำยาล้างมือแห้งอย่างเพียงพอ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดสถานที่ตรวจบริเวณห้องโล่งได้ (ระบายอากาศตามธรรมชาติ) มีความจำเป็นต้องจัดในห้องปรับอากาศควรดูทิศทางลมของเครื่องปรับอากาศและมีการแยกส่วนสถานที่อย่างชัดเจนจากผู้ป่วยโรคอื่น ๆ
3. จัดระบบการตรวจรักษาผู้ป่วยโดยคำนึงถึงความรุนแรงของอาการ ควรจัดแยกพื้นที่ สำหรับผู้ป่วยอาการหนักแยกจากผู้ป่วยอาการน้อย ผู้ป่วยที่มีอาการมากหรือรุนแรงต้องให้ได้รับการดูแลรักษาก่อน
4. ผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการตรวจทุกราย ควรได้รับหน้ากากอนามัย และน้ำยาล้างมือแห้ง (เจลล์ล้างมือ) นอกเหนือจากยาที่จำเป็นอื่นๆ ตามอาการ โดยสั่งเป็น Standing Order
หอผู้ป่วยในสำหรับผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
1. จัดหอผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด เอ เอช1เอ็น1 แยกจากหอผู้ป่วยอื่น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อผลแทรกซ้อนของโรคไข้หวัดใหญ่
2. ในกรณีมีผู้ป่วยจำนวนน้อย ควรจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องแยกเดี่ยวที่มีห้องน้ำในตัว และ ปิดประตู
3. ในกรณีมีผู้ป่วยจำนวนมาก ให้ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยทางคลินิกแล้วว่าเป็นผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ อยู่รวมกันในหอผู้ป่วยรวมแยกโรค (Cohort Ward)
คุณลักษณะของหอผู้ป่วยรวมแยกโรค (Cohort Ward)
3.1 มีการระบายอากาศที่ดี พื้นผิวเรียบทำความสะอาดง่าย มีอ่างล้างมือและห้องน้ำแยก
3.2 มีถังขยะติดเชื้อสำหรับผู้ป่วยทุกคน และเจลล์ล้างมือไว้ท้ายเตียงทุกเตียง
3.3 จัดระยะห่างระหว่างเตียง 1-2 เมตร อาจมีม่านกั้นระหว่างเตียงซึ่งทำจากวัสดุที่ทำความสะอาดได้ง่าย หรือผ้าม่านซึ่งซักล้างได้ง่าย
3.4 มีพื้นที่และอุปกรณ์เพียงพอในการดูแลผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจและผู้ป่วยวิกฤต
3.5 มีพื้นที่สำหรับถอดเครื่องป้องกันร่างกายที่ปนเปื้อนแล้วซึ่งควรอยู่ใกล้หรือหน้าประตูห้องผู้ป่วย
3.6 Nurse Station ควรอยู่นอกห้องผู้ป่วย แต่ต้องสังเกตอาการผู้ป่วยได้โดยง่าย เช่น มีบานกระจกใสหรือโทรทัศน์วงจรปิด
เครื่องป้องกันร่างกาย (Personal Protective Equipment : PPE)
1 PPE ประกอบด้วย mask (N 95 หรือ Medical/ surgical mask) , ถุงมือ , เสื้อกาวน์ , แว่นป้องกันตา (goggles) โดยมีจุดเน้นในระยะการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ดังนี้
1. ใช้ Medical/ Surgical Mask ในการดูแลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจทุกคน กรณีต้องทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝอยละออง เช่น ใช้เครื่องช่วยหายใจ ดูดเสมหะ พ่นยา ฟื้นชีพ หรือการดูแลใกล้ชิดผู้ป่วยที่ไอมาก ควรใช้ N 95
ถุ 2. ถุงมือ ใช้เฉพาะเมื่อต้องแตะสัมผัสเลือด สารคัดหลั่งหรือเนื้อเยื่อของผู้ป่วย/ศพ และต้องเปลี่ยนถุงมือทุกครั้งที่จะดูแลผู้ป่วยรายอื่น
เสื้อกาวน์ และ แว่นป้องกันตา (goggles) ให้ใช้กรณีที่ทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการฟุ้งกระจายของเสมหะหรือสารคัดหลั่ง
2 การใช้PPE ใน Cohort Ward ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน PPEในการดูแลผู้ป่วยแต่ละราย ยกเว้นถุงมือซึ่งต้องเปลี่ยนเสมอเมื่อต้องเปลี่ยนไปดูแลผู้ป่วยรายอื่น
3 ใช้ N-95 Mask และ Goggle เสมอในการทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝอยละออง ในห้อง/หอผู้ป่วยแยกโรค ห้องฉุกเฉิน และหอผู้ป่วยวิกฤต
4 ควรฝึกซ้อมการใช้ PPE ทั้งการใส่และถอด PPE ให้ถูกต้อง
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
1. จำกัดการเคลื่อนย้ายเท่าที่จำเป็น เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
2. จัดเส้นทางที่จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไม่ให้ผ่านฝูงชน โดยมีผู้รับผิดชอบดูแลเส้นทางและต้องแจ้งบุคลากรปลายทางที่จะรับผู้ป่วยเพื่อสวมใส่เครื่องป้องกันร่างกายตามความเหมาะสม และกับบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณนั้น
3. บุคลากรที่ทำหน้าที่เคลื่อนย้ายผู้ป่วย สวมใส่เครื่องป้องกันร่างกายตามความเหมาะสมของลักษณะการสัมผัส ได้แก่ mask , ถุงมือ
4. สวมหน้ากากอนามัย (Medical/ surgical mask) ให้ผู้ป่วยเสมอ (หากผู้ป่วยไม่มีอาการเหนื่อยหอบ) เมื่อจะต้องเคลื่อนย้าย
5. หากต้องมีการเคลื่อนย้ายโดยรถพยาบาล บุคลากรที่นำส่งจะต้องสวมใส่เครื่องป้องกันร่างกายอย่างเหมาะสม และปฏิบัติ Infection Control Practice อย่างเคร่งครัด
6. การทำความสะอาดรถพยาบาลหลังจากส่งผู้ป่วยแล้ว ให้เช็ดพื้นผิวห้องโดยสารผู้ป่วยด้วยน้ำยาทำความสะอาดตามปกติ หากบริเวณใดเปรอะเปื้อนเลือดหรือสารคัดหลั่งให้เช็ดออกให้มากที่สุด ด้วยกระดาษชำระแล้วทำความสะอาดด้วยน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดตามปกติ จากนั้นเช็ดบริเวณนั้นด้วย 0.05% Sodium hypochlorite ทิ้งไว้ 15 นาที หรือเช็ดด้วย 70% Alcohol
ผ้าที่ใช้กับผู้ป่วย
1. เก็บผ้าที่ใช้แล้วภายในห้องผู้ป่วย ระมัดระวังการฟุ้งกระจาย ให้ใส่ในถุงขยะติดเชื้อแล้วส่งห้องบริการผ้า
2. บุคลากรที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับผ้า ต้องสวมใส่เครื่องป้องกันร่างกาย เช่น เสื้อกาวน์ , mask (Medical/ surgical mask) และ ถุงมือ
3. ซักผ้าด้วยน้ำร้อน > 71 องศาเซลเซียส หรือใส่ผงฟอกขาว
4. อบผ้าให้แห้งก่อนนำกลับมาใช้อีก
เครื่องมือหรืออุปกรณ์สำหรับผู้ป่วย
- เครื่องมือหรืออุปกรณ์สำหรับผู้ป่วยควรแยกออกจากผู้ป่วยอื่นๆ และควรเป็นชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง สำหรับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ต้องใช้ซ้ำให้พิจารณาทำความสะอาดและทำให้ปราศจากเชื้อตามลักษณะของอุปกรณ์นั้น ซึ่งแบ่งเป็น Critical items , semi-critical items และ non-critical items
กรณีใช้เครื่องช่วยหายใจ
- มี Filter ที่ Expiratory Port
- ควรใช้ Closed circuit suction
อุปกรณ์รับประทานอาหาร
1. ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทานอาหารในเครื่องล้างจาน ซึ่งใช้น้ำร้อนและน้ำยาล้างจาน หากไม่มีเครื่องล้างจานบุคลากรต้องสวมถุงมือยางในการทำความสะอาดอุปกรณ์
2. หากมีญาติเฝ้าผู้ป่วย ไม่ควรให้ญาติรับประทานอาหารในห้องผู้ป่วย
3. อาจใช้อุปกรณ์ในการรับประทานอาหาร ชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ขยะ
- ขยะในห้องแยกหรือหอผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ให้ถือว่าเป็นขยะติดเชื้อ ซึ่งให้ดำเนินการทำลายตามมาตรการสำหรับขยะติดเชื้อ
บุคลากรในสถานพยาบาล
ควรได้รับการเตรียมความพร้อม ดังนี้
1. ได้รับการอบรมความรู้ เรื่องไข้หวัดใหญ่มาแล้ว และมีความสามารถในการดูแลผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ ทั้งในระยะก่อนและระยะวิกฤตได้ดี
2. ได้รับการอบรม และฝึกปฏิบัติในเรื่อง Infection Control Practices มาแล้ว
3. พิจารณาให้ได้รับ หรือมีภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่
4. สร้างขวัญและกำลังใจ โดยจัดสวัสดิการต่างๆ เช่น ค่าตอบแทน จัดอาหารให้ระหว่างปฏิบัติงาน
5. ห้ามบุคลากรที่มีลักษณะต่อไปนี้ปฏิบัติงานกับผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้แก่
1) ป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันและเรื้อรัง
2) ผู้กำลังตั้งครรภ์
3) มี Cardiovascular disease ได้แก่ congenital valvular disease , rheumatic valvular disease , ischemic heart disease , congestive heart failure
4) Malignancy
5) Renal failure
6) มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้แก่ ป่วยเป็น HIV/ AIDS , ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
ทั้งนี้ควรจัดให้บุคลากรดังกล่าวปฏิบัติงานที่ไม่สัมผัสกับผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
การจำแนกและหมุนเวียนบุคลากร
1. ควรแยกบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยใน Influenza area และ non-influenza area เพื่อลดความเครียดของบุคลากร ควรมีการหมุนเวียนการปฏิบัติหน้าที่เป็นช่วงๆ ประมาณ 1 เดือน หากบุคลากรดังกล่าวไม่มีข้อห้าม ในการปฏิบัติงานกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
2. ก่อนย้ายบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยใน Influenza area ไปปฏิบัติงานใน non-influenza area ควรให้พัก 3 วัน เพื่อรอดูอาการป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เนื่องจากอาจอยู่ในระยะฟักตัวของโรคทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
3. จัดเตรียมทีมบุคลากรเสริมจากแผนกอื่น โดยให้การอบรมเรื่องความรู้พื้นฐาน และ การป้องกันการแพร่เชื้อก่อนปฏิบัติงาน
§ การเฝ้าระวังบุคลากร
1. จัดให้มีการลงนาม วัน เวลา ลักษณะการสัมผัสของบุคลากรทุกคนที่เข้าปฏิบัติงานกับผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
2. จัดให้มีระบบเฝ้าระวังอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในสถานพยาบาล โดยบุคลากรทุกคนต้องวัดอุณหภูมิและสังเกตอาการของตนเอง (จัดทำแบบฟอร์มบันทึกตนเอง) หากมีอาการไข้หรืออาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ต้องหยุดงาน และ แยกตนเองจากผู้อื่น รวมทั้งไปพบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาต่อไป
3. จัดให้มีระบบการคัดกรอง มิให
ผมยังพูดขำๆ ในที่ประชุมว่า...
วิกฤต คือโอกาส...
ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่...ช่วยให้เราลดพลังได้เยอะเลย ไม่ใช้ลิฟท์
ไม่เข้าเธค..ร้านเกมส์...งดเหล้าเข้าพรรษาได้ประปรายเหมือนกัน นะครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
อ่านแล้ว อยากให้ทุกโรงพยาบาล ทำแบบนี้ค่ะ
มาติดตามข่าวดีดี ถ้าเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต้องที่นี้ ทันโรค ทันเหตุการณ์ เชื่อถือได้ ขอบพระคุณที่เป็นที่พึ่งพาให้กับพวกเรา
สวัสดีค่ะ มาเยี่ยม และเก็บเรื่องราวดีดีค่ะ คิดถึงนะคะ สบายดีนะ
1. แผ่นดิน
สวัสดีคะอาจารย์พนัส
งานนี้เรียนรู้นอกห้องเรียนจริง ๆคะ ทำงานไปเรียนรู้ไป ปรับเปลี่ยนตามเวลา วิกฤตที่เกิดขึ้น คาดการณ์ล่วงหน้า
3. Sasinand
สวัสดีคะ
ทุกโรงพยาบาลน่าจะทำตามาตรฐานนะคะ ถ้าไม่ปฏิบัติตามโอกาสที่บุคลากรจะป่วย จะมีมากคะ และขึ้นกับทรัพยากรของโรงพยาบาล การสนับสนุนด้วยคะ
4. นายประจักษ์~natadee
สวัสดีคะน้องม่อน ท่านผอ.ประจักษ์
น้องม่อนหายหวัดแล้วคะ เปิดหน้าออกได้แล้ว สุดหล่อนะคะ
ยินมากที่ได้เป็นแหล่งข่าวที่ทันเหตุการณ์นะคะ
5. KRUPOM
สวัสดีคะครูป้อม คิดถึงครูป้อมนะคะ ติดตามข่าวไปบอกนักเรียนต่อนะคะ สบายดีไหมคะ ไปเดินสายอบรม พักผ่อนบ้างนะคะ
มาชม
มาเชียร์
ช่วงนี้เริ่มเห็นคนมีอาการเป็นหวัดบ้างแล้วละ...
สวัสดีคะครูป้อม
เหนื่อยนะคะ ข้อมูลทำรายงานออกยากมากนะคะ
12. umi
สวัสดีคะอาจารย์ยูมิ
ระมัดระวังป้องกัน นะคะ
ถ้าเกิดระบาดในมอ.จะควบคุมยากนะคะ
มข.ระบาดมาแล้ว เหนื่อย สุด ๆคะ
มีน้องสาวมาเยี่ยและสอนกันใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกวิธีด้วยนะคะ