ทำวัตรเช้า (Chanting in the Morning)


คำบูชาพระรัตนตรัย
(ชาย : นั่งคุกเข่า, หญิง : นั่งคุกเข่าราบ)

โย โส, ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุธโธ,
     พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น พระองค์ใด, เป็นพระอรหันต์, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,


สฺวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม,
     พระธรรมเป็นธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์ใด, ตรัสไว้ดีแล้ว,


สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
     พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์ใด, ปฏิบัติดีแล้ว,


ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง, อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ อะภิปูชะยามะ,
     ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอบูชาอย่างยิ่ง ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น, พร้อมทั้งพระรรมและพระสงฆ์, ด้วยเครื่องสักการะทั้งหลายเหล่านี้, อันยกขึ้นตามสมควรแล้วอย่างไร,


สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ,
     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ, พระผู้มีพระภาคเจ้า, แม้ปรินิพพานนานแล้ว, ทรงสร้างคุณอันสำเร็จประโยชน์ไว้แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย,


ปัจฉิมาชะนะตานุกัมปะมานะสา,
     ทรงมีพระหฤทัยอนุเคราะห์แก่พวกข้าพเจ้าอันเป็นชนรุ่นหลัง,

อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคันหาตุ,
     ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า, จงรับเครื่องสักการะ อันเป็นบรรณาการของคนยากทั้งหลายเหล่านี้,
อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ.
     เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ตลอดกาลนาน เทอญ.

 


 

คำกราบพระรัตนตรัย
(ชาย : นั่งคุกเข่า, หญิง : นั่งคุกเข่าราบ)

อะระหัง, สัมมาสัมพุธโธ ภะคะวา,
     พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง,ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ,
     ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน, (กราบ)

สฺวากขาโต, ภะคะวะตา ธัมโม,
     พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดีแล้ว,
ธัมมัง นะมัสสามิ,
     ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม, (กราบ)

สุปะฏิสันโน, ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
     พระสงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, ปฏิบัติดีแล้ว,
สังฆัง นะมามิ.
     ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์. (กราบ)

(ตัวเอียง : สำหรับคนนำสวด)


 

ปุพพภาคนมการ

 (หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส.)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,
     ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์นั้น,

อะระหะโต,
     ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส,

สัมมาสัมพุทธัสสะ.
     ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

(สวด 3 ครั้ง)


พุทธาภิถุติ
(หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส.)

โย โส ตะถาคะโต,
     พระตคาคตเจ้านั้น พระองค์ใด,
อะระหัง,
     เป็นผู้ไกลจากกิเลส,
สัมมาสัมพุทโธ,
     เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,
วิชชาจะระณะสัมปันโน,
     เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ,
สุคะโต,
     เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี,
โลกะวิทู,
     เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง,
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,
     เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า,
สัตถา เทวะมะนุสสานัง,
     เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย,
พุทโธ,
     เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม,
ภะคะวา,
     เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว์,
โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรัหมะกัง, สัสสะมะณะพราหมะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญาสัจฉิกัตฺวา ปะเวเทสิ,
     พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ได้ทรงทำความดับทุกข์ให้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว, ทรงสอนโลกนี้พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม, และหมู่สัตว์พร้อมทั้ง สมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม,
โย ธัมมัง เทเสสิ,
     พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ทรงแสดงธรรมแล้ว,
อาทิกัลฺยาณัง,
     ไพเราะในเบื้องต้น,
มัชเฌกัลฺยาณัง,
     ไพเราะในท่ามกลาง,
ปะริโยสานะกัลฺญยาณัง,
     ไพเราะในที่สุด,
สาตถัง สะพฺยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรัหมะจะริยัง ปะกาเสสิ,
     ทรงประกาศพรหมจรรย์, คือ แบบแห่งการปฏิบัติอันประเสริฐ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง, พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ,
ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ,
     ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่งเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์นั้น,
ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ.
     ข้าพเจ้านอบน้อม พระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า,

(กราบ)
(ระลึกถึงพระพุทธเจ้า)

 


 

 

ธัมมาภิถุติ

(หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส.)

โย โส สฺวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
     พระธรรมนั้นใด, เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว,
สันทิฏฐิโก,
     เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง,
อะกาลิโก,
     เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล,
เอหิปัสสิโก,
     เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า, ท่านจงมาดูเถิด,
โอปะนะยิโก,
     เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว,
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ,
     เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน,
ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ,
     ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระธรรมนั้น,
ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ.
     ข้าพเจ้านอบน้อมพระธรรมนั้น ด้วยเศียรเกล้า.

(กราบ) (ระลึกถึงพระธรรม)


สังฆาภิถุติ

(หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เส.)

โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
     สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น หมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว,
อุชะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
     สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติตรงแล้ว,
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
     สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว,
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
     สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว,
ยะทิทัง,
     ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ,
จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา,
      คู่แห่งบุรุษสี่คู่, นับเรียงตัวบุรุษได้แปดบุรุษ,
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
      นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า,
อาหุเนยโย,
     เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา,

ปาหุเนยโย,
     เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ,
ทักขิเณยโย,
     เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน,
อัญชะลีกะระณีโย,
     เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี,
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ,
     เป็นเนื้อนาบุญของโลก, ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า,
ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ,
     ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น,
ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ.
     ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์หมู่นั้นด้วยเศียรเกล้า.

(กราบ)
(ระลึกถึงพระอริยสงฆ์)

 


 

 รตนัตยัปปฌามคาถา 

(หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะฌามะคาถาโย,เจวะ สังเวคะปะระกิตตะนะปาฐัญจะ, ภะณามะ เส.)

พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว,
     พระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ มีพระกรุณาดุจห้วงมหรรณพ,
โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน,
     พระองค์ใด มีตาคือญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด,
โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก,
     เป็นผู้ฆ่าเสียซึ่งบาป และอุปกิเลสของโลก,
วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
     ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ,
ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน,
     พระธรรมของพระศาสนา สว่างรุ่งเรือง เปรียบดวงประทีป,
โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก,
     จำแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน, ส่วนใด,
โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน,
     ซึ่งเป็นตัวโลกุตตระ, และส่วนใดที่ชี้แนวแห่งโลกุตตระนั้น,
วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
     ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ,

สังโฆ สุเขตตา ภะยะติเขตตะสัญญิโต,
     พระสงฆ์เป็นนาบุญอันยิ่งใหญ่กว่านาบุญอันดีทั้งหลาย,
โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก,
     เป็นผู้เห็นพระนิพพาน, ตรัสรู้ตามพระสุคต, หมู่ใด,
โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส,
     เป็นผู้ละกิเลสเครื่องโลเล เป็นพระอริยเจ้า มีปัญญาดี,
วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
     ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ,
อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง, วัตถุตตะยัง วันทะ ยะตาภิสังขะตัง,
ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปัททะวา, มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา,
     บุญใด ที่ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งวัตถุสาม, คือ พระรัตนตรัยอันควรบูชายิ่ง
     โดยส่วนเดียว, ได้กระทำแล้วเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้, ขออุปัททวะ
     (ความชั่ว) ทั้งหลาย, จงอย่ามีแก่ข้าพเจ้าเลย, ด้วยอำนาจความสำเร็จ
     อันเกิดจากบุญนั้น,
อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน,
     พระตถาคตเจ้าเกิดขึ้นแล้ว ในโลกนี้,
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
     เป็นผู้ไกลจากกิเลส, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,
ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก,
     และพระธรรมที่ทรงแสดง เป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์,

อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก,
     เป็นเครื่องสงบกิเลส, เป็นไปเพื่อปรินิพพาน,
สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต,
     เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม, เป็นธรรมที่พระสุคตประกาศ,
มะยันตัง ธัมมัง สุตฺวา เอวัง ชานามะ,
     พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว, จึงได้รู้อย่างนี้ว่า,
ชาติปิ ทุกขา,
     แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์,
ชะราปิ ทุกขา,
     แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์,
มะระณัมปิ ทุกขัง,
     แม้ความตายก็เป็นทุกข์,
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา,
     แม้ความโศรก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ 
     ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์,
อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข,
     ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์,
ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข,
     ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์,
ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง,
     มีความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์,
สังขิตเตนะ ปัจจุปาทานักขันธา ทุกขา,
     ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้งห้า เป็นตัวทุกข์,
เสยยะถีทัง,
     ได้แก่ สิ่งเหล่านี้คือ
รูปูปาทานักขันโธ,
     ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ รูป,
เวทะนูปาทานักขันโธ,
     ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ เวทนา,
สัญญูปาทานักขันโธ,
     ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สัญญา,
สังขารูปาทานักขันโธ,
     ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สังขาร,
วิญญาณูปาทานักขันโธ,
     ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ วิญญาณ,
เยสัง ปะริญญายะ,
     เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์เหล่านี้เอง,
ธะระมาโน โส ภะคะวา,
     จึงพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่,
เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ,
     ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย, เช่นนี้เป็นส่วนมาก,

เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี, พะหุลา ปะวัตตะติ,
     อนึ่ง คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น, ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลาย ส่วนมาก, มีส่วนคือการจำแนก อย่างนี้ว่า,
รูปัง อะนิจจัง,    รูปไม่เที่ยง,
เวทะนา อะนิจจา,    เวทนาไม่เที่ยง,
สัญญา อะนิจจา,   สัญญาไม่เที่ยง,
สังขารา อะนิจจา,   สังขารไม่เที่ยง,
วิญญาณัง อะนิจจัง,   วิญญาณไม่เที่ยง,
รูปัง อะนัตตา,    รูปไม่ใช่ตัวตน,
เวทะนา อะนัตตา,   เวทนาไม่ใช่ตัวตน,
สัญญา อะนัตตา,   สัญญาไม่ใช่ตัวตน,
สังขารา อะนัตตา,   สังขารไม่ใช่ตัวตน,
วิญญาณัง อะนัตตา,   วิญญาณไม่ใช่ตัวตน,
สัพเพ สังขารา อะนิจจา, 
     สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง,
สัพเพ ธัมมา อะนัตตา ติ,
     ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตน ดังนี้,
เตมะยัง (*1) โอติณณามะหะ,
     พวกเราทั้งหลาย เป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว,

ชาติยา,
     โดยความเกิด,
ชะรามะระเณนะ,
     โดยความแก่และความตาย,
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ,
     โดยความโศรก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย,
ทุกโขติณณา,
     เป็นผู้ถูกความทุกข์ หยั่งเอาแล้ว,
ทุกขะปะเรตา,
     เป็นผู้มีความทุกข์ เป็นเบื้องหน้าแล้ว,
อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะ กิริยาปัญญาเยถาติ.
     ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้, จะพึงปรากฏชัดแก่เราได้.

 


 

 

 


สำหรับภิกษุสามเณรสวด
(อุบาสก-อุบาสิกา นั่งฟัง)

จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง,
     เราทั้งหลายอุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้ไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง, แม้ปรินิพพานนานแล้ว พระองค์นั้น,
สัทธา อะคารัสฺมา อะนะคาริยัง ปัพพะชิตา,
     เป็นผู้มีศรัทธาออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว,
ตัสฺมิง ภะคะวะติ พรัหมะจะริยัง จะรามะ,
     ประพฤติอยู่ซึ่งพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์นั้น,
ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปันนา,
     ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของภิกษุทั้งหลาย,
ตังโน พรัหมะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ.
     ขอให้พรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น, จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้เทอญ.

 


 

 

สำหรับอุบาสก-อุบาสิกาสวด
(พระภิกษุ-สามเณร นั่งฟัง)

จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณังคะตา,
     เราทั้งหลายผู้ถึงแล้วซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า, แม้ปรินิพพานนานแล้ว พระองค์นั้น เป็นสรณะ,
ธัมมัญจะ สังฆัญจะ,
     ถึงพระธรรมด้วย ถึงพระสงฆ์ด้วย,
ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสัตติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ,
     จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่, ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นตามสติกำลัง,
สา สา โน ปะฏิปัตติ,
     ขอให้ความปฏิบัตินั้น ๆ ของเราทั้งหลาย,
อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัต ตะตุ.
     จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้เทอญ.


 

 

ทำวัตร ในที่นี้หมายถึง การกระทำโดยต่อเนื่องเป็นกิจวัตร ซึ่งเป็นการฝึหัด อันจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางจริตนิสัยและเป็นหนทางให้เกิดคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ความขยัน ความอดทน ความสำรวมระวัง ความตั้งมั่นแห่งจิต และความรู้แจ้งในสัจธรรม

 

 เอกสารบททำวัตรเช้า http://gotoknow.org/file/papangkorn/chantingmorning.doc

 

คำสำคัญ (Tags): #ทำวัตรเช้า
หมายเลขบันทึก: 232699เขียนเมื่อ 30 ธันวาคม 2008 18:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท