โดยปกติ ร่างกายของเรามีแอนตีออกซิแดนต์ที่ได้จากอาหารต่าง ๆ ที่ช่วยทำลายอนุมูลอิสระ ซึ่งเกิดจากมลพิษในสิ่งแวดล้อม อาหาร และเครื่องดื่ม การสูบบุหรี่ รังสี ความ เครียด ฯลฯ แต่เมื่อบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว ซึ่งถูกเติมออกซิเจน (oxidized) ได้ง่าย ๆ ตั้งแต่เริ่มสกัด ตลอดจนระหว่างการขนส่ง การวางจำหน่าย และการเก็บรักษาก่อนบริโภค จึงเกิดเป็นอนุมูลอิสระขึ้น และไปลบล้างประสิทธิภาพ (neutralize) ของแอนตีออกซิแดนต์ที่มีอยู่ในร่างกาย เนื่องจากน้ำมันมะพร้าว มีแอนตีออกซิแดนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยเติมส่วนที่ถูกทำลายไปในร่างกาย จึงไปช่วยทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น
มีการศึกษาที่แสดงว่า น้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เป็นตัวการที่ไปกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็ง เพราะมันถูกเติมออกซิเจนได้โดยง่าย ก่อให้เกิดอนุมูลอิสสระจำนวนมาก ที่ไปกระตุ้นให้เกิดสารก่อมะเร็ง (Hopkins 1981) แต่น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ตรงกันข้ามกับน้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวทำหน้าที่เป็นแอนตีออกซิแดนต์ และลดการเกิดการเติมออกซิเจนของไขมัน มันจึงทำ หน้าที่ป้องกันมะเร็งได้
- เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง:
ไม่ได้มาหาีพี่สาวเสียนานเลยครับ พี่กานดาสบายดีน่ะครับ ผมสบายดีนิดหน่อยฮ่าๆๆ ไม่สบายได้ยังไงล่ะครับ อ.ขจิดเอาทั้งพระ ทั้งขนม มาฝากบ่อยเลยครับ ช่วงนี้อ้วนเลยครับ
สวัสดีค่ะ อ.สามารถ
พี่ดาสบายดี ขอบคุณมากค่ะ ทำไมสบายดีนิดๆหน่อยๆ อ้วนขึ้นเพราะอาหารอ.ขจิตอร่อย งั้นหรือ มีความสุขแล้วทานมากเองหรือเปล่า........
ทำอาหารสุขภาพที่พี่ดานำภาพไปฝาก 9 บันทึก ผอมแน่นอน ลองดูบ้างนะ
น้ำผักปั่น
โดยเฉพาะสูตรน้ำผักปั่น 1 ใน 9 นี้ พุงหายแน่ๆค่ะ ฝากแนะนำคนอื่นๆด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ..นอกจากประโยชน์ที่กล่าวแล้ว..พี่ใหญ่มารายงานว่า..น้ำมันมะพร้าวยังใช้สมานอาการอักเสบของกล้ามเบื้อและเส้นเอ็นได้ดีมาก..
เมื่อเย็นสองวันก่อน..พี่เดินซุ่มซ่ามไม่ระวัง..ข้อเท้าเคล็ดเพราะเดินพลาดพื้นต่างระดับ..ได้หยิบน้ำมันมะพร้าวใกล้ตัวมาทาถูบริเวณที่บวม..วันนี้หายบวมและเดินสะดวกขึ้นแล้วค่ะ..
สวัสดีค่ะ คุณลำดวน
ความดันขึ้น ไม่น่าจะใช้น้ำมันมะพร้าวนะคะ เพราะน้ำมันมะพร้าวสำหรับบางคน ช่วยลดความดันให้ปกติได้ค่ะ สังเกตว่าขึ้นทุกครั้งหรือเปล่าค่ะ หลังจากทานน้ำมันมะพร้าว หากใช่ก็ถือว่าไม่ปกตินะคะ ความดันขึ้นที่ชัดเจน คือ อาหารเค็ม และความเครียด ลองสังเกตอีกที่นะคะ
สวัสดีค่ะ คุณพี่ใหญ่
ค่ะน้ำมันมะพร้าวช่วยเรื่องเอ็นและกล้ามเนื้อรวมทั้งรอยช้ำเขียว หายได้ดีและเร็ว ยิ่งทานด้วยยิ่งดีในขณะที่มีอาการ เพราะ น้ำมันมะพร้าว ตามตำราโบราณดั้งเดิมนั้น บำรุงข้อและเอ็นค่ะ ดาก็เคยเกิดเหตุ ช้ำบวมมาก ทาน้ำมันมะพร้าวบ่อยๆทั้งวัน หายเร็วมากๆค่ะ แล้วตอนนี้หายสนิทดีแล้วหรือยังค่ะ ดาเก็บดอกอัญชันมาชงชาคิดถึงคุณพี่ใหญ่เสมอ จะส่งเมล็ดไปให้ คุณดาวเรือง ดาก็ยังไปถึงไปรษณีย์เลยค่ะ เลยได้คิดถึงคุณดาวเรืองทุกวัน เพราะยังไม่ได้ส่งสักที
ประโยชน์มากเหลือหลายเลยนะครับพี่กานดา สบายดีไหมครับ
สวัสดีค่ะคุณกานดา เคยได้ยินด้านลบของกะทิบ่อยๆ วันนี้ได้พบด้านบวกมากมายของมะพร้าว บล็อคนี้มีสาระความรู้ดีดีมากมายให้ติดตาม ขอบคุณนะคะ
หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับ น้ำหนักตัว, เบาหวาน, โคเลสเตอรอล, ครอบครัวเป็นมะเร็ง, ภูมิต้านทาน, โรคหัวใจ, กลิ่นปาก, ผิวพรรณ, ต่อมลูกหมาก, เส้นผมและหนังศีรษะ www.facebook/myioil
เมื่อ 20-30 ปีมาแล้ว เราถูกชักชวนให้เลิกบริโภคกะทิ และน้ำมันมะพร้าว แล้วหันไปบริโภคน้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธีแทน ผลก็คืออุบัติการณ์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งมีมากขึ้นทุกปี
สาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งก็คือ การบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว โดยผ่านกรรมวิธีทางเคมี และความร้อนสูง น้ำมันไม่อิ่มตัวที่เราบริโภคกันอยู่เวลานี้ ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพด เป็นต้น
ข้อดีของน้ำมันเหล่านี้คือมีโคเลสตอรอลต่ำ ซึ่งเชื่อว่าช่วยลดความเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง แต่ลืมนึกถึงข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า น้ำมันไม่อิ่มตัวเหล่านี้จะเกิดอนุมูลอิสระจำนวนมากเมื่อถูกควา มร้อนสูง โดยเฉพาะเมื่อใช้น้ำมันไม่อิ่มตัวในอุตสาหกรรมอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ขนมปังกรอบ คุกกี้ โดนัท ขนมกรุบกรอบเคี้ยวเพลินทั้งหลายจะต้องผ่านกะบวนการเติมไฮโดรเจน (Hydrogenation) เสียก่อน เพื่อทำให้น้ำมันแข็งตัวเหมาะสำหรับการบริโภค
ส่วนน้ำมันไม่อิ่มตัวที่เราใช้ทอดอาหารในครัวเรือนหรือร้านอาหาร ถ้าผ่านอุณหภูมิสูงมาก ๆ หรือใช้ทอดซ้ำก็จะเกิดขบวนการเติมไฮโดรเจนเช่นกัน ก่อให้เกิดกรดไขมันที่แปรสภาพ (trans fatty acids) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า ทรานส์ แฟตส์ (trans fats) ซึ่งเป็นไขมันก่อมะเร็ง เวลานี้ในสหรัฐอเมริกา มีองค์กรผู้บริโภคของเอกชนรณรงค์ให้เลิกใช้น้ำมัน ทรานส์ แฟตส์ ในอุตสาหกรรมอาหารกันแล้ว
ตรงกันข้าม น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันอิ่มตัว จึงมีความคงตัวมากแม้ได้รับความร้อนสูงก็ไม่แปรสภาพไปเป็นทรานส ์ แฟตส์ ที่ก่อมะเร็ง และที่สำคัญ น้ำมันมะพร้าวที่ได้จากการบีบโดยไม่ผ่านความร้อน จะอุดมด้วยวิตามินอีชนิดหนึ่ง ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการต้านการเกิดอนุมูลอิสระ กล่าวคือ วิตามินอีที่ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำมันมะพร้าวยังอุดมด้วยกรดลอริก (Loric acid) สูงถึง 48-53 % เมื่อบริโภคเข้าสู่ร่างกายแล้วกรดลอริกจะเปลี่ยนเป็น โมโนลอริก (Mono Loric) ซึ่งป็นตัวสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดขาวโดยเฉพาะเม็ดโลหิตขาวที่มีชื่อว่า ที-เซลล์ (T-cell) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำลายเซลล์มะเร็ง
มีการค้นพบกันมานานแล้วว่า มีกรดลอริกอยู่ใน “น้ำนมเหลือง” ของมารดาที่เพิ่งคลอดบุตร แต่ก็ยังมีน้อยกว่าที่พบในน้ำมันมะพร้าวเสียอีก ดังนั้นเด็กทารกที่มีปัญหาเรื่องการย่อย และการดูดซึมอาหาร รวมทั้งผู้ป่วยที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างน้ำดีมาย่อยไขมันได้ เขาจึงให้บริโภคน้ำมันมะพร้าวที่อยู่ในรูปของนมผงเด็กอ่อน นี่แสดงให้เห็นว่าน้ำมันมะพร้าวย่อยง่าย เพราะไม่มีไขมันที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มิฉะนั้นวงการแพทย์คงไม่นำน้ำมันมะพร้าวมาผลิตนมเลี้ยงทารก และผู้ป่วย
ข้อมูลที่น่าสนใจคือ เจ้ากรดลอริกตัวนี้มีสารปฏิชีวนะที่ทำลายเชื้อโรคได้หลายชนิด ตั้งแต่เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไปจนถึงไวรัสซึ่งมีเกราะไขมันหุ้มเซลล์อยู่ กรดลอริกมีกลไกที่เข้าไปทำลายเกราะไขมันหุ้มเซลล์ไวรัส ทำให้เชื้อไวรัสหลายชนิดตาย เช่นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
อย่างไรก็ตามกรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวจะไม่ทำลายจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ ดังนั้นการที่กระทิ และน้ำมันมะพร้าวเคยตกเป็นจำเลยที่ถูกพิพากษาตัดสินว่า เป็นสาเหตุของโรคหัวใจเพราะมีโคเลสตอรอลสูง จึงเป็นเรื่องไม่จริงแต่อย่างใด ข้อมูลเก่าที่ว่าน้ำมันอิ่มตัวมีโคเลสเตอรอลสูงนั้นอาจถูกต้องสำหรับน้ำมันจากสัตว์ ที่มีสายโซ่โมเลกุลคาร์บอนยาว (Long Chain Triglyceride-LCT) แต่สำหรับน้ำมันอิ่มตัวจากพืชอย่างน้ำมันมะพร้าว
ข้อมูลที่น่าสนใจคือ น้ำมันมะพร้าวเมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะถูกร่างกายใช้หมดไปไม่ได้เปลี่ยนเป็นโคเลสตอรอลในกระแสโลหิต จึงไม่ทำให้เกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือดเหมือน ทรานส์ แฟตส์ (Trans fat) ที่ได้จากน้ำมันไม่อิ่มตัว ซึ่งนิยมใช้ปรุงอาหารในครัวเรือนและในอุตสาหกรรมอาหาร
สรุปได้ว่าน้ำมันมะพร้าว เป็นอาหารทีมีสรรพคุณทางยาที่ฝรั่งเรียกว่า อาหารนูตราซูติคอล (Nutraceutical Food) คือ ช่วยลด
ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดอุดตันในสมอง ซึ่งเป็นโรคสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย
........ ข่าวดีสำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก .............
ในน้ำมันมะพร้าว เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะแตกตัว ถูกย่อยสลายและดูดซึมไปใช้ได้ง่ายและรวดเร็วกว่ากรดไขมัน อย่างเช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันมะกอก เป็นต้น ทั้งนี้น้ำมันมะพร้าวไม่ต้องอาศัยน้ำดีจากตับมาช่วยย่อย แต่ไขมันสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานหมด ไม่เกิดการสะสมเป็นไขมันในหลอดเลือดและเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย ที่สำคัญน้ำมันสายยาวทั่วไปให้ 9 แคลอรี่ต่อกรัม แต่น้ำมันมะพร้าวให้เพียง 6 แคลอรี่ต่อกรัม ซึ่งถูกใช้หมดไปโดยไม่มีการสะสมในร่างกาย น้ำมันมะพร้าวจึงช่วยผลิตพลังงาน ไม่ใช่ผลิตไขมัน จึงเป็นเหตุผลอธิบายว่า ทำไมกินน้ำมันมะพร้าวแล้วจึงไม่อ้วนขึ้น ซ้ำยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายให้อยู่ในระดับสูงขึ้นกว่าเดิม ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินในปริมาณที่มากขึ้นด้วย ดังนั้นนอกจากไม่เพิ่มน้ำหนักแล้ว น้ำมันมะพร้าวยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย
วิธีใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อป้องกันโรคและลดน้ำหนักได้ดีที่สุดก็ คือ ใช้น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารแทนน้ำมันที่ใช้อยู่ จากการวิจัยพบว่า เพียงคุณใช้น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารจะสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 15 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี
" ข้อมูลเพียงบางส่วนเท่านั้นค่ะ สามารถ ดูได้ทั้งหมดตามลิ้งค์ ที่แนบมาน่ะค่ะ )
https://www.facebook.com/myioil
หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับ น้ำหนักตัว, เบาหวาน, โคเลสเตอรอล, ครอบครัวเป็นมะเร็ง, ภูมิต้านทาน, โรคหัวใจ, กลิ่นปาก, ผิวพรรณ, ต่อมลูกหมาก, เส้นผมและหนังศีรษะ https://www.facebook.com/myioil