ผมมาทำงานรับใช้กันทรลักษ์รอบนี้ตั้งแต่ 7 เม.ย.53 ได้เดือนกว่าๆ ก่อนหน้านี้เคยทำงานเมื่อปี 2542 รุ่นสุขาภิบาลยกฐานะเป็นเทศบาลมารอบนึงแล้ว ทำอยู่ปีกว่าๆก็ระเหเร่รอนไปตามวิถีราชการ
กันทรลักษ์ดูแล้วเป็นเมืองที่น่าอยู่มากเมืองหนึ่ง ที่ว่าอย่างนั้นก็เพราะที่นี่ในด้านเศรษฐกิจแล้วเป็นเมืองเกษตร ผลิตผลที่ได้มีทุเรียน เงาะ ยางพารา และอื่นๆที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างดี รายได้ของประชากรก็ดีไปตามอาชีพที่ทำมาหากิน สถิติอาชญากรรมก็ไม่มากถือว่าน้อย ภูมิอากาศก็ดีกว่าที่อื่นในอิสาณตอนใต้ด้วยกันเนื่องจากภูมิประเทศติดหุบเขาพระวิหาร แนวเขาพนมดงรักและเขมร เป็นเมืองเกษตร แต่เดี๋ยวนี้น่าจะร้อนพอๆกันแล้วเพราะโลกร้อนขึ้น
ถ้าเขาพระวิหารเปิดได้ ก็จะมีคนผ่านไปมานักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรก็มีหลายที่ที่ส่งเสริมกัน ถึงจะอยู่นอกเขตเทศบาลก็สามารถแนะนำได้ ถ้าท่านได้มาเที่ยวกัน
ในเขตตัวเมืองตัวอำเภอก็มีสถานที่เด่นก็คือ ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ทาด้วยสีขาว ใหญ่มาก อยู่ตรงสี่แยกทางเข้าเมืองไปเขาพระวิหาร
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอีกสองอย่างที่เป็นตัวชี้วัดของลักษณะเมืองก็คือห้างใหญ่เทสโก้โลตัวก็มีคนไปจับจ่ายใช้สอยกันเยอะ กับบ้านเอื้ออาทรที่มีประชากรอยู่กันมากต่างกับหลายที่ของเมืองอื่นๆที่หาคนเข้าไปอยู่ยากอาจจะทำเลไม่เหมาะ แต่ที่นีโอ(เค)เลยหล่ะ
ลืมเล่าอีกเรื่องก็คือ เทศบาลเมืองกันทรลักษ์ ตัวสำนักงานก็สร้างใหม่ อยู่ที่บ้านป่าไม้ติดถนนใหญ่ทางเข้าเมืองก่อนถึงบ้านเอื้ออาทร โลตัส และศาลหลักเมือง ถ้าท่านขับรถมาจากศรีสะเกษ ประชากรในเขตประมาณ 19,000 คน พื้นที่ปกครอง 8.68 ตารางกิโลเมตร ห่างจากศรีสะเกษไปทางทิศใต้ 62 กม. ไปเขาพระวิหารก็อีกสัก 30 กม. ชุมชนในเทศบาล 20 ชุมชน ครอบคลุมสองตำบลคือ น้ำอ้อมกับหนองหญ้าลาด
สโลแกนของเมืองก็คือ "กันทรลักษ์เมืองน่าอยู่ คนมีความรู้คู่คุณธรรม ก้าวนำด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจดี ทุกชีวีอยู่ดีมีสุข"
ไม่มีความเห็น