ธรรมะจากหลวงตาเทศน์สอนเช้านี้... "...ให้ตั้งสัจจะต่อตนเอง แม้หนึ่งอย่างก็ยังดี..."
..................................................
ต่อยอดความคิด...ในใจ ในวันหยุดอันมีค่านี้ จากบันทึก http://gotoknow.org/blog/scented-book/194813
และงานเขียนของกัลยาณมิตรผู้มีใจงาม...
สังคมในทุกวันนี้ที่พบเจอ มีอุปสรรคหรือปัญหาที่ซีเรียสน้อยกว่านี้มากมาย แต่เพียงเหตุเล็กๆ กลับสามารถทำให้มิตรภาพของคนที่เคยห่วงใยกัน ปรารถนาดีต่อกันแปรเปลี่ยนไปได้อย่างสิ้นเชิง ก็แปลกดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น อะไรที่ทำให้เพื่อนกลับกลายเป็นคนแปลกหน้า มิตรภาพกลับกลายเป็นขม ความไว้ใจกลายเป็นหวาดระแวง เป็นไปได้มั้ยว่าเกิดจากการคิดไปเองทั้งนั้น คิดๆๆ หมกมุ่นๆๆ แล้วก็ประมวลออกมาว่าต้องเป็นแบบที่ตัวเองคิด มีอคติตั้งไว้เป็นทุนในเบื้องต้น สะสมความแคลงใจไว้ พัฒนาเป็นความหมางเมิน ปล่อยให้ความขุ่นข้องหมองใจปริ่มแก้วโดยไม่เทออก เมื่อมีหยดน้ำมาเติมลงอีกเพียงหยดเดียวก็สุดทานทน และเมื่อถึงบทสุดท้ายก็เลือกที่จะเชื่อทันทีเมื่อได้รับฟังเรื่องราวร้ายๆ จากคนอื่น ตัดสินว่าอะไรเป็นอะไรโดยไม่ฟังจากปากของคนที่เราเรียกว่า… “เพื่อน”
"ขอบคุณ...ข้อคิดดีดีที่ได้พบเจอในเช้านี้"
.....................................................
ข้าพเจ้าย้อนกลับมาทบทวนเรื่องราว...สำหรับตนเองที่ได้ก้าวเดินผ่านมา แม้ระยะทางของกาลเวลาที่ก้าวผ่านมานั้น เปรียบเทียบกับท่านอื่น อาจจะสั้นด้วยระยะเวลาการเดินทางเพียง 35 ปีเท่านั้น แต่ในย่างสามสิบห้าปีนี้ ข้าพเจ้าพยายามเก็บเกี่ยวเรื่องราวรายทางให้ได้มากที่สุด เท่าที่ความสามารถในตนเองจะสามารถได้...
ข้าพเจ้าได้อ่าน...มุมเล็กๆ...
ทำให้นึกถึงเรื่องราวในองค์กรเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมวงในด้วย เรื่องของเรื่องหยดน้ำหยดเดียว แต่ก่อให้เกิดการห้ำหั่นกันในเพื่อน พี่ น้อง คนร่วมงาน...
คำพูดเพียงหนึ่งเดียว... แต่ก่อให้เกิดเป็นความแตกแยกในองค์กรได้
คำพูดที่น่าเชื่อถือ มาจากผู้ที่ใครๆ ก็หันหน้าฟัง เพราะมีการันตีรับรองมากมายว่า "บุคคลนี้" พูดน่าเชื่อถือเพียงใด ... เป็นการพูดอันมาจาก "จิตภายใน" ของผู้พูดนั้นปรุงแต่งไปตามฐานประสบการณ์เดิมทางจิตใจ เชื่อมโยงกับเรื่องราวใหม่ ออกจากปากตนเอง จากผู้หนึ่งไปสู่อีกผู้หนึ่ง...ต่อยาวกันไป แล้วข้อความที่พูดก็ถูกตัดทอนและบิดเบือนไป... ตามความคิดของผู้พูดและบอกกล่าวกันเป็นทอดๆ... ก่อเกิดเรื่องราวที่บิดเบือนไป
นำพาไปสู่ความเข้าใจ "ผิด"...
มากมายในสังคม ที่มีบุคคลที่พูด แล้วก่อให้เกิดความแตกแยกกัน... พี่-น้องกันทะเลาะ เพื่อนแตกคอ ... มิตรภาพแปรเปลี่ยนไป มาจากบุคคลที่พูดด้วยใจที่ตนเองนึกคิด ไตร่ตรอง และสรุปออกมาเอง ภายใต้เพียง "ประสบการณ์ทางใจ" เท่าที่ตนเองมี หากว่า พื้นฐานเดิมเป็นคนมองโลกในแง่ดี เรื่องราวที่ต่อยอดกันนั้นก็จะดี บางทีก็ดีจนมากเกิน แต่ถ้าหากพื้นฐานเดิมเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย เรื่องราวก็ถูกบิดเบือนไป...ในทางที่แย่ลงเรื่อยๆ...
ภาษาพูดที่งดงาม...
ก็ชักนำให้คนหนึ่งคนเข้าใจคนอีกหนึ่งคนบิดเบือนไป ... เกิดเป็นความขัดเคือง ... เพราะการพูดภายใต้ภาษาที่งดงามนั้น ถูกผลักมาจากใจที่เป็นมิจฉาทิฐิ...
"สลดใจ"....
เพื่อนข้าพเจ้าใช้คำว่า "เศร้าใจ" แต่สำหรับข้าพเจ้าเรียกสิ่งนั้นว่า คือ ความสลดสังเวชใจ ... ในโลกแห่งการเรียนรู้ ที่ผู้คนมากมายเข้าถึงตัวเนื้อหา ความรู้มากมาย แต่ภายในยิ่งห่างออกไปจากความละเอียดอ่อน... สักวันผู้คนเหล่านั้นจะได้รับผล แห่งอารมณ์ที่ตนเองเพียรบ่มเพาะด้วยตนเอง ... จากความขัดเคือง ความโกรธ หรือความเศร้า ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความหลงไป เพราะอคติครอบงำในใจนั้นอยู่... จงละเลย "อคติ"นั้น...และวางใจลงอย่างเบาเบา...
น้ำหยดเดียว หากอยากจะหยด ก็จงเพียรหยดเป็นน้ำดีดี เพื่อเยียวยาโลกแห่งในใจ"ตน"ในห้วงเวลาที่เหลืออยู่ อีกไม่กี่ปีนี้ เพื่อให้เกิดใจที่เบิกบาน ปราศจากความเศร้าหมอง ขัดเคือง และโกรธด้วยเทอญ...
______________________________________________________________________________________
Note: ใจเบาเบา บอกเล่าเรื่องราว ความคิด... เป็นข้อสติเตือนตนในวันดีวันนี้
...............................................
สวัสดีครับ ดร.กะปุ๋ม
เชื่อมโยงกับบันทึกของผมได้ครับ สดับเสียงการเปลี่ยนแปลงของสังคมขัดเเย้ง และผมถือว่า ตอบโจทย์ที่เราคิดกันได้
---------------------------------------------------------------------
กระผมนำภาพบ้านที่ปายมาฝากด้วย คุณกะปุ๋มคงคุ้นนะครับ เพราะเคยมาเยี่ยมบ้านผมมาแล้วครั้งหนึ่ง
บุญรักษา เป็นคนดี ไม่มีเหงา
ขอบคุณครับผม
วันที่สดใสค่ะ คุณเอก...
กราบงามงามที่ตักคุณแม่ท่านด้วยนะคะ...
(^____^)
"ความรื่นรมย์ของโลก" มาจากใจที่รื่นรมย์ของตน เช่นเดียวกัน แม้แม่น้ำนี้ยังไหลวนมีปริมาณออกซิเจนน้อย และนิ่งไม่ไหลเวียน ทำให้น้ำเน่าเสียได้... แต่ในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำนี้...
เรามาร่วมกันคืนกลับ...น้ำสะอาดและไหลไปตามพื้นที่ต่างๆ กันนะคะ ด้วยใจที่เบิกบาน...
Note: เมื่อคืน...เขียนบันทึกต่อยอดจากคุณเอก... พอตีพิมพ์แล้วหายไปค่ะ...
ขอบคุณมากนะคะที่นำบันทึกนี้ http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/194658 มาต่อยอดค่ะ
(^____^)
สวัสดีค่ะ
เป็นคนดี ไม่มีเหงา
เจอแต่เรื่องราวดีดี
ขอให้ดีอย่างตลอดไป ด้วยเทอญ :-))
ธรรมะสวัสดีคะ...ป้าแดงขา
ให้สัจจะกับตนเอง...ช่วยจรรโลงสังคมและโลกให้ด้วยใจที่แบ่งปันค่ะ...
ใจเบาเบา... ในตนเองด้วยความรื่นรมย์
ทางท่าบ่อ...อากาศวันนี้คงดีนะคะ
ที่ขอนแก่นชุ่มชื่นค่ะ
(^____^)
อ่านแล้วทำให้นึกถึงเรื่อง "น้ำผึ้งหยดเดียว" นะครับ...
...น้ำหยดเดียว...น้ำผึ้งหยดเดียว...
ขอบคุณครับ...
แวะมาเยี่ยมเยียนครับ
สวัสดีครับ
"น้ำผึ้งหยดเดียว" เป็นเสียงบ่นของผมเมื่อสองสามวันก่อน เมื่อผมได้รับข่าววิกฤตการณ์การจับตัว 3 คนไทยที่เขาพระวิหาร
มีประเด็นหลายประเด็นในกรณีนี้ที่เป็น "น้ำผึ้งหยดเดียว" อาจถึงขั้นเกิดการรบราฆ่าฟันกันได้
คนหลายกลุ่ม ... เคลื่อนไหวสิ่งใดแล้ว ลืมคิดถึงผลที่ตามมาว่า มันใหญ่เกินจะควบคุม ... นำอารมณ์มาใช้ตัดสินใจกระทำ น่าเป็นกังวลอยู่พอสมควร ... อันรัฐนาวาฝากผีฝากไข้ไม่ได้มาก มีแต่ฝ่ายรั้วของชาติที่ยังมั่นคง
นั่นเป็นกรณีหนึ่งที่เกิด "น้ำผึ้งหยดเดียว"
จากงานเขียนของกัลยาณมิตร ... ผมเข้าใจถึงข้อเขียนที่กลั่นออกมา ... การเสียเพื่อนเป็นจุดเริ่มต้น การเสียชุมชนเป็นจุดต่อไป ... ความหวาดระแวงกระจายไปทั่ว ... ล้วนแต่ความคิดที่มีต่อตนเอง ... เห็นภาพของเชือกที่ตึง พร้อมขาด ... เห็นภาพของเชือกที่หย่อน ไร้ประโยชน์ ... แต่ไม่เห็นภาพ เชือกที่พร้อมจะหย่อนและตึง รัดสิ่งของที่ต้องการได้ แต่พร้อมที่จะคลายได้
กรณีศึกษาวัดค่าของหัวใจคน ... แคบ กว้าง ห่าง ไกล เป็นอย่างไรกันบ้างหนอ
พร่ำบ่นบนบันทึก
ขอบคุณ บุญรักษา ครับ อาจารย์ :)
สวัสดีวันบุญค่ะ พี่กะปุ๋ม
* ...
* น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน
* เพราะใจคนอ่อนๆ ฤาทานทนไหว
* ... ต้องฝึกจิต ฝึกใจ บนพื้นฐานเมตตา
ใช่ไหมคะ พี่กะปุ๋ม? ...
* ... พยายามกลั่นงานออกมา แต่ยากจังค่ะ
* เวลาเขียนบันทึกแล้ว ทำไมง่ายกว่าเยอะหนอ?
* ...
ธรรมรักษา และ ขอบคุณพี่กะปุ๋ม กับ น้ำหยดเดียว ค่ะ
คุณดิเรก Mr.Direct :
อ. จารุวัจน์ คะ :
แวะมาธรรมะสวัสดีค่ะ ^ ^
ธรรมะสวัสดีค่ะ... พี่ตุ๋ย กมลวัลย์ :
(^___^)
อ. Wasawat Deemarn คะ:
พี่แอ๊ด ขจิต ฝอยทอง :
(^___^)
น้องปู poo :
พี่แหว๋วขา พชรวรัตถ์ แสงทองชนาพงศ์ :
น้องจิ :
(^____^)
น้ำคำ บางครั้งการฟังแล้วพูดต่อ
ผู้พูดอาจจะไม่ได้ตั้งใจจะบิดเบือน
แต่เพียงเค้าได้เติมความคิดของตัวเข้าไปทำให้สิ่งที่บอกออกไปบวกความคิดของ
ตัว จึงแตกต่างจากสิ่งที่ได้รับฟังมาบอกต่อค่ะ
หรือบางครั้ง คำๆเดิม แต่น้ำเสียงกิริยา ท่าทางที่เล่าต่อ ทำให้เข้าใจผิดจากเดิมได้ค่ะ
เพราะฉะนั้น เวลาฟังอะไร ควรใตร่ตรองให้ดี
ทำหูหนักๆไว้ค่ะ คิดๆๆๆ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ค่ะ
น้ำเอยหากเป็นน้ำเพียงหนึ่งหยด
เลือกจะปลดความทุกข์ของใครเขา
เลือกจะเป็นน้ำน้อยที่บรรเทา
ความโศกเศร้าทุกข์ใจของผู้คน
น้ำหยดนี้เป็นแค่น้ำธรรมดา
แต่มากกว่าน้ำทิพย์หรือน้ำฝน
เป็นแค่น้ำช่วยผ่อนร้อนช่วยผ่อนปรน
ช่วยให้ตนแลผู้อื่นหายร้อนใจ
.............................
ขอให้มีความสุขในวันที่สดใส..นะคะ :D
สวัสดีค่ะ...พี่ใบบุญ..
คุณ CK คะ...
(^___^)
สวัสดีค่ะน้องกะปุ๋มแวะมาเยี่ยมน้องบ้าง (ตามประสา สว. เดินทางช้า^__^)
คนที่มีจิตใจหยาบ(ไม่ละเอียด)อยู่ ยังมีมิจฉาทิฐิมากอยู่ ขาดการขัดเกลาตนเอง ไร้เมตตา จะนึกไม่ถึงว่าคำพูดแม้ออกมาอย่างหวานไพเราะจะทำร้ายใครบ้าง หรือแม้พูดว่าทำเพราะปรารถนาดี แต่ที่จริงมองไม่เห็นกิเลสในใจของตัวเองที่ควบคุมไม่ได้นะคะ
พี่รู้สึกว่าโชคดีที่มีได้โอกาสขัดเกลาตนเองบ้าง การมีสติ ทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากสิ่งที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นบทเรียน บททดสอบค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณกะปุ๋ม
ทำให้นึกถึงนิทานเรื่อง น้ำผึ้นหยดเดียว จากหนังสือแบบเรียนภาษาพาที ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ครูเอมีสิ่งหนึ่งที่คิดว่าเป็น สิ่งที่ยึดเหนื่ยวจิตใจของคนไทย คือ ศีลธรรม ที่หล่อเลี้ยงจิตใจคนให้ตั้งมั่นในการทำความดี ขอบคุณค่ะ
หวัดดีตอนดึกค่ะพี่กะปุ๋ม
หลับฝันดีนะคะ
พี่นุชขา..กะปุ๋มก็ต้องขออภัยพี่นุชเช่นกันนะคะ ที่เข้ามา ลปรร. ต่อเติมช้า... อยู่ในช่วงจัดสรรตนเองค่ะ หากว่าไปก็เหมือนคำแก้ต่าง แต่ก็เอาเป็นว่า ยังไม่ได้เวลาที่ลงตัว วันนี้เป็นวันที่ดี ที่เหมาะที่จะพูดคุยกันต่อ
เป็นโอกาสที่ดี ที่ได้มีโอกาสขัดเกลาในตนเอง เดี้ยงบ้าง นิ่งบ้าง สลับไปตามกำลังที่มี ยิ่งละเอียด ก็ยิ่งเจออะไรที่ละเอียดยิ่งๆ ขึ้นไป
แต่นั่นน่ะ คือ สิ่งที่ผ่านไปให้ได้นะคะ
---------
วันที่ 5 กย. นี้จะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่นุช...ดีใจและตื่นเต้นจังเลยค่ะ
(^____^)
ครูเอขา...
จริงแท้แน่นอน ต่อการก่อเกิดความสงบทั้งภายในและภายนอก คือ ศีลธรรมที่เราพึงยึดเหนี่ยวไว้ให้แน่น ...
เพราะหากว่าเมื่อใด เบาบางลง... เมื่อนั้นต้องวุ่นวายแน่เลยค่ะ
(^___^)
น้องนุ้ย...
(^___^)
พี่กะปุ๋ม
ได้อ่านข้อความ และเนื้อเรื่องในบล็อกแล้ว เกิดความรู้สึกมากมายตามเนื้อหาที่อ่านไป ในชีวิตตัวเอง มีความทรงจำที่งดงามมากมาย หลายเรื่อง หลายราว อยากเขียนได้แบบอาจารย์กระปุกจัง มีวิธีแนะนำสำหรับการฝึกเขียนรึเปล่า เพราะตัวเองไม่ชอบเขียนบันทึกเรื่องราวเลย วันนี้อ่านข้อความแล้วอยากลองเขียนบ้าง
อรุณสวัสดิ์ค่ะน้องโดเรมอน...
ที่แห่งนี้ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการเขียน สำหรับพี่กะปุ๋มเมื่อก่อนก็เขียนไม่เก่ง เขียนสั้นๆ แต่พอนานเข้า เขียนบ่อยๆ ... ก็เริ่มเขียนแบบเล่าเรื่อง แบบพูดกับตนเอง ให้ตนเองอ่าน...
สิ่งที่อยากแนะนำ คือ ลงมือเขียนเลย เขียนอะไร อย่างไรก็ได้ตามความรู้สึกนึกคิดของเรา... การขียนเป็นการสะท้อนความคิดของตนเอง... (Refection)
เขียนแล้วแวะมาบอกเล่าให้พี่ฟังบ้างนะคะ พี่กะปุ๋มจะตามไปอ่าน... เขียนใน GotoKnow เรานี่แหละค่ะ...ไม่ต้องกลัวและกังวล เผชิญและลงมือทำเลยค่ะ
(^___^)
กะปุ๋ม