บารมี คือ กำลังใจอันงดงาม


บันทึกนี้ขอเขียนเพื่อเก็บไว้ เพื่อน้อมใจอันหยาบของตนเองนี้ ให้นำไปสู่ความละเอียดจากการได้ปฏิบัติภาวนาในทุกขณะจิต น้อมนำตนเองด้วยใจเบาเบาต่อสิ่งที่มากระทบต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่อาจสามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าด้วยใดใดก็ตาม... ในทุกลมหายใจที่เรามีอยู่นั้น พึงละวางการทำความชั่วทั้งทางใจ คำพูด และการกระทำให้มากที่สุด ทางกายนี้หยาบทำได้ง่ายกว่า คำพูด... แต่ที่ยากที่สุด คือ การทำชั่วทางใจ ชั่วนี้ชั่วอย่างไร ... คือการคิด ปรุงแต่งไปต่างๆ นานา ตามประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ตนเองไปสัมผัสสัมพันธ์...

หน้าที่อีกหนึ่ง...ของการได้เกิดมานอกจากละการละทำความชั่วแล้ว พึงน้อมนำตนเองให้ได้ทำความดี การทำความดีนี้ทำได้ยากมาก เพราะพลังความชั่วที่ครอบงำอยู่ในจิตใจเรานี้ช่างมีอนุภาพมากมายเหลือเกิน เพียงแค่การบังคับน้อมนำตนเองให้ได้คิดดีนี่ก็ช่างทำได้ยาก ดังนั้น... พระพุทธองค์จึงได้ทรงเมตตาสอนสั่งเราให้มีความอดทน อดกลั้นต่อสภาวะที่มาคุกคามจิตใจ เพื่อให้เกิดความสำรวมในใจ ไม่ให้คิดออกนอกลู่ทาง คิดไปในทางที่ไม่ดี...

ระหว่างเส้นทางการเดินทาง...จากการเกิด >>> ไปสู่ความตาย...นั้นมีเรื่องราวมากมายภายนอกที่เราต้องทำ แต่...สิ่งสำคัญที่เราไม่อาจละเลยได้ คือ เรื่องราวภายใน อันเป็นสิ่งสั่งสมเพื่อการขัดเกลาจิตใจให้ผ่องแผ้ว ประภัสสร... เรื่องราวภายนอกบางเรื่องราว เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมไปตามที่ตนเองปรารถนาได้ เราทำได้เพียงน้อมใจยอมรับต่อการมามีปฏิสัมพันธ์นั้น ด้วยใจที่นอบน้อม ด้วยใจเบาเบา...

ระว่างการเดินทาง...เหตุปัจจัยเดิม ไม่สามารถไปแก้ไขได้ แต่เราสามารถสร้างเหตุปัจจัยใหม่ได้..อันเป็นปัจจัยที่งดงามที่จะนำพาจิตของเราไปสู่...สภาวะเบาเบา อันเป็นสภาวะแห่งความมีเมตตาและปัญญา ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น...อย่างนอบน้อม

บารมี เป็นอีกหนึ่งคำสอนที่พระพุทธองค์ได้เมตตาให้มนุษย์อันเป็นสัตว์โลกได้น้อมนำมาใช้ในการเดินทางจากเกิดไปสู่สภาวะการดับ... ทำให้การเดินทางของเรานี้มีคุณค่า มีความหมายมากขึ้น เป็นการเดินทางที่ไม่สะเปะสะปะ... พอเป็นทุนรอนในการเดินทาง... บารมีนั้นอาจน้อมนำมาที่ใจให้ได้เกิดเป็นกำลังใจที่งดงาม... ข้าพเจ้ามักน้อมนำมาพิจารณาในตนเองอยู่เสมอว่า...

  • ในแต่ละวัน ในแต่ละห้วงเวลา และในแต่ละขณะจิตนั้น ข้าพเจ้ามีจิตใจที่พร้อมจะให้ทานหรือไม่ ทานอันเริ่มมีมาจากตั้งแต่ภายในจิตใจ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การกระทำอย่างเดียวเท่านั้น
  • จิตใจของข้าพเจ้า..พร้อมในการทรงศีลไหม หรือเพียงอยู่ในระดับของการไปอาราธนาศีล หรือศีลนี้น้อมนำเข้ามาให้ซึ้งอยู่ในจิตใจของตนเองมากน้อยเพียงใด...ศีลที่ทรงน้อมนำนี้ละเอียดมากน้อยเพียงใด มีกำลังมากพอให้ได้ทำความชั่วน้อยลงหรือไม่ ตัวกำกับที่จะส่งเสริมให้การมีศีลมีความละเอียดขึ้นนั้น คือ...สติ สติกำกับ เป็นสติที่มีกำลัง...คอยเตือนตนไม่ออกนอกลู่นอกทาง
  • เนกขัมมบารมี จิตอันหยาบนี้ของข้าพเจ้ามีความถึงพร้อมต่อการทรงเนกขัมมะเป็นปกติมากน้อยเพียงใดแล้ว ซึ่งเนกขัมมะนั้นด้วยความเข้าใจอย่างง่ายๆ นั้นโน้มไปทางการถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัว แต่องค์ทรงเครื่องไม่จำเป็น อันเป็นเรื่องของจิตใจภายใน
  • ปัญญาบารมี ในจิตใจตนเอง มีกำลังปัญญามากพอที่จะนำมาใช้ประหัตประหารอาสวะกิเลสที่มาครอบงำครอบครองจิตใจตนเองมากน้อยเพียงใด ปัญญาที่ไม่ได้มาจากการร่ำเรียน หรือมีใบรับรอง หรือการท่องพระสูตรได้อย่างขึ้นใจ หากแต่เป็นปัญญา...ที่ปรากฏขึ้นเป็นอัตโนมัติภายในจิตใจตนเอง เป็นปัญญาญาณ ที่มองเห็นสิ่งต่างๆ อันเกิดขึ้นตามเหตุและปัจจัยที่พึงเกิด อันมาจากที่ว่า สิ่งนั้นมีสิ่งนั้นจึงมี... หากไม่มีสิ่งนั้น สิ่งนั้นจึงไม่มี...เป็นปัญญาที่มองสิ่งต่างๆ ด้วยใจที่เที่ยงแท้...
  • ในทุกขณะจิตของชีวิต...ข้าพเจ้าได้อ่อนในเรื่องของความเพียรไหม อันเป็นความเพียรที่พึงมีต่อหน้าที่ หน้าที่ของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ... มีวิริยะความเพียรทุกขณะจิตหรือไม่ หรือปล่อยให้ตนเองตกอยู่ภายใต้สภาวะอารมณ์ของทั้งสองขั้วคือ ความพอใจ และไม่พอใจ สิ่งใดมากระทบจิตคอยเคลื่อนไปสู่ความพอใจ หรือความไม่พอใจ พอเกิดเป็นความรู้สึกเกิดขึ้นแล้วนั้น มันผลักดันให้เราพูด เราทำสิ่งอันเป็นกุศลหรือไม่...เกิดประโยชน์หรือไม่เกิดประโยชน์ เป็นคุณหรือเป็นโทษ เป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม... เรามีความเพียรต่อการควบคุมจิตอันหยาบนี้ของเรามากน้อยเพียงใด
  • ขันติบารมี... ข้าพเจ้าได้เพียรอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์ไหม สิ่งที่มาเป็นปฏิปักษ์นั้นอาจเป็นอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ผ่านมาในรูปของเรื่องราว เหตุการณ์ ผู้คน .. ความปฏิปักษ์นั้นไม่ได้เป็นเรื่องราว หรือผู้คน หากแต่เป็นอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดภายในตนเองของเรานั่นเอง อารมณ์รัก อารมณ์ดีใจ อารมณ์เสน่หา อารมณ์โกรธ เกลียด ไม่ชอบใจ และอีกต่างๆ มากมายเหล่านี้ต่างล้วนเป็นปฏิปักษ์ต่อภายในจิตใจเรา เรามีความอดทนอดกลั้นมากพอไหม หรือว่าปล่อยให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ผลักดัน และมีอิทธิพลเหนือจิตใจเรา ครอบงำเราจนทำให้เราต้องพูด หรือกระทำสิ่งต่างๆ ออกมาอันมีสาเหตุมาจากการที่เราอดทนไม่ได้ ต้องพูดต้องว่า เบียดเบียนทางด้านจิตใจผู้อื่น...
  • สัจจะบารมี ข้าพเจ้าจะถามตนเองอยู่เสมอว่า ... ข้าพเจ้าได้นำตนเองให้ทรงตัวไว้ตลอดเวลาว่าเราจะจริงทุกอย่างในด้านการทำความดีไหม ในแต่ละวัน ในแต่ละเวลาข้าพเจ้าได้กระทำการณ์ใดอันเป็นความผิดพลาดบ้าง ข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งใดอันเป็นการไร้สติ หรือไร้ปัญญาไม่ ตั้งมั่นอยู่ในสิ่งที่ตนเองตั้งใจไว้อยู่หรือไม่
  • ข้าพเจ้าบอกตนเอง หรืออาจเรียกได้ว่าตั้งจิตอธิษฐาน อันเป็นความตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ ว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตนี้ ขอดำเนินชีวิตไม่อยู่ในความประมาท และจะนำร่างกายและชีวิตนี้ทำประโยชน์ต่อสังคมและโลกให้มากที่สุดเท่าที่ตนเองจะพึงทำได้ ตามเวลา โอกาส และเหตุปัจจัยเอื้ออำนวยให้ทำได้...ในทุกๆ กิจ ที่เป็นประโยชน์และไม่เกินกำลังของตนเอง ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น หรือหากว่าได้เกิดการเบียดเบียนผู้อื่นโดยไม่ได้เจตนา ก็ต้องขออโหสิกรรมไว้ ณ ที่นี้ด้วย
  • เมตตาบารมี เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยทำให้สังคมนี้อยู่ได้อย่างสงบ ความมีเมตตานี้ก่อให้เกิดเป็นความสงบเกิดขึ้นในจิตใจของเรา ใจเบาเบา ใจที่ไม่กระด้าง ใจที่ไม่ลังเลสงสัย ใจที่อภัยและยอมรับในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ...
  • อุเบกขาบารมี ..ในเมื่อบางสิ่งบางอย่าง ที่เราได้เมตตาและปรารถนาดี ต่อสรรพสิ่งต่างๆ แล้วนั้น หากว่าเกินกำลังความสามารถของตนเอง ก็คงต้องวางลง เพราะหากยังดื้อดึง กระทำต่อไปก็เป็นเรื่องอันโง่เขลา ที่ไม่ใช่จากการช่วยด้วยปัญญาญาณที่มี เพราะนั่นเป็นการเบียดเบียนในร่างกายที่อิงอาศัยนี้อยู่..แต่ถ้าเมื่อใด ถึงความพร้อมแห่งการได้ช่วยเหลือ ก็จงทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ

สำหรับข้าพเจ้าเอง...ยังเป็นผู้ต้องขัดเกลาจิตใจนี้อยู่ ซึ่งเป็นการขัดเกลาจิตใจที่ต้องทำตราบเท่าชีวิตจะหาไม่... ขัดเกลาจิตใจที่หยาบนี้อยู่ และเป็นการขัดเกลาด้วยตัวของข้าพเจ้าเอง อันมีครูบาอาจารย์ อันมีพระพุทธองค์เป็นครูใหญ่ และมีพระสุปฏิปัณโณเมตตาชี้แนะทางไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง...พร้อมมีกัลยาณมิตรอันหมายถึงทุกสรรพสิ่งร่วมเดินทางไปในเส้นทาง ... โดยกำลังใจอันงดงามที่ตนเองต้องสร้างขึ้นมาเพื่อตนเอง ไม่ร้องขอจากสรรพสิ่งใดใดทั้งสิ้น...

 

---------------------------------

 

 

คำสำคัญ (Tags): #บารมี
หมายเลขบันทึก: 219945เขียนเมื่อ 31 ตุลาคม 2008 10:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 13:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ชัดเจนและมีประโยชน์มากค่ะพี่กะปุ๋ม

สำหรับผมคงเดินทางเพื่อ "สั่งสม" กันต่อ ๆ ไปครับ...

           

ขอบคุณครับผม...

อนุโมทนาในกุศลจิต ในการพัฒนาจิตของคุณกะปุ๋มค่ะ

จิตของผู้ปฏิบัติย่อมอ่อนโยน ละเอียดเบา มีเมตตาและเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริงเสมอค่ะ

(^__^)

ครูใหม่เอง ก็ต้องขัดเกลาต่อไป ขอบพระคุณ มากนะคะ

เป็นดั่งอาหารที่กินแล้วอิ่มใจในชีวิตคือ ทานัง...

                        

  • ลดีจังเลยค่ะ
  • อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ .... จะลองปฏิบัติดูนะคะ

 

+ พี่กะปุ๋มค่ะ...

+ อ๋อยไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวแบบนี้มากมายนักค่ะ...

+ ส่วนใหญ่ก็จะเอาไปตามสถานการณ์...และยึดถือการคิดดี ทำดี ตามที่คิดได้เองมากกว่าค่ะ...ยังๆไม่แบบที่พี่กะปุ๋มบอกกล่าวค่ะ...

+ อ่านแล้วโอ้โห...แล้วอ๋อยจะค่อย ๆ สั่งสมและเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ นะค่ะ...

+ ดีใจที่ได้อ่านและได้เรียนรู้ค่ะ...

+ อนุโมทนากับจิตที่คิดดีนี้ของพี่ด้วยค่ะ..แล้วจะพยายามอ่านแล้วค่อย ๆ ฝึกปฏิบัตินะค่ะ...

+อิ อิ...นี่ต้องปริ๊นมาอ่านค่ะ...อ่านแล้วค่อย ๆ ทำความเข้าใจ...แต่คงต้องใช้เวลานานนะค่ะ....

+ ขอบคุณมากค่ะ....

น้องอ๋อย...

เป็นผู้ที่มีจิตใจงาม...ขอให้ตั้งมั่นและตั้งใจ เชื่อในเรื่องของความดี... ความดีความงามนั้นมีอยู่ในทุกสรรพสิ่ง...อย่างที่น้องอ๋อยสงสัยว่า ความดีแม้มีเพียงหนึ่งส่วนจากในสิบส่วนนั้น เราก็พึงที่จะน้อมและยอมรับสรรพสิ่งนั้นด้วยความเต็มใจและยินดี ชื่นชม พร้อมให้กำลังใจ

กัลยามิตร...คือ เพื่อนผู้คอยนำพากันไปสู่สิ่งที่ดีงาม ให้กำลังใจและคอยสะกิดกันเมื่อเริ่มมองเห็นว่าเพื่อนอาจเริ่มหลงทางไป หรือเลี้ยวผิด แต่ที่สุดแล้ว...ทุกสรรพสิ่งก็ยังคงมุ่งตรงไปในทางเดียวกัน บางคนอาจเดินอ้อม เดินวกวน หรืออาจเดินตรงดิ่งไป... อย่างไรก็ตาม กัลยาณมิตรก็ไม่ทอดทิ้งกันอยู่แล้ว...

เหมือนที่พี่กะปุ๋มก็จะไม่ปล่อยเชือกที่เชื่อมถึงกันกับน้องอ๋อย แต่...หากเจอกระแสเชี่ยวอันเป็นเหตุให้เชือกขาดนั่นน่ะ ก็เป็นเพราะเหตุสุดวิสัย แต่ไม่ได้มาจากเจตนาของพี่ที่จะปล่อยเชือกนั้นไป....

เป็นกำลังใจให้ในเทกเรื่องราวนะคะ เรียนรู้ไปอย่างเต็มที่เท่าที่มีเวลานะคะ...เพราะเรามีเวลาเหลือน้อยมากในการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ นี้

(^____^)

พี่กะปุ๋ม

ขุนเขาตระหง่าน ไม่สะท้านสะเทือน...

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • ทุกครั้งทึ่เข้ามาอ่านที่นี่ จิตจะน้อมลงตามรายละเอียดที่อาจารย์บันทึก
  • ความโปร่งเห็นชัดแม้ในโพรงจมูก ซึ่งทุกครั้งที่รู้สึกเช่นนี้จะโล่ง อาการคัดจมูกที่เป็นโรคประจำตัวบรรเทาลง แม้เพียงชั่วขณะ
  • ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ค่ะ สาธุ

อนุโมทนาสาธุ

กับการเดินทางในเส้นทางอันทรงคุณค่า

ขอขอบคุณกับการให้โอกาส >>> ใคร ๆ ได้อ่านสิ่ง ดี ดี ^_^

ติ๋ว..P  ใบไม้ร้องเพลง

ดีใจจังที่ได้เจอติ๋ว...ที่นี่...เป็นเรื่องที่เซอร์ไพร์ในเช้านี้ที่พี่ได้เปิดเข้ามาใน G2K

ยินดีต้อนรับนะคะ ที่นี่ คือ อีกหนึ่งแหล่งแห่งการเรียนรู้นะคะ

ชีวิต คือ การเดินทางนะน้องรัก

(^____^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท