ข้าพเจ้าได้มีโอกาสในการได้พิจารณาแห่งสภาวะความตายและการถูกบีบคั้นทางจิตที่ผู้คนได้สัมผัสและเกิดสภาวะแห่งความพยายามหาทางออกเพื่อหลีกเร้นไปให้ไกลจากสภาวะบีบคั้นดังกล่าว
"ความตาย" และการพิจารณาด้วยใจอย่างใคร่ครวญ...
ข้าพเจ้าเคยรับรู้มาว่า “ปัญญา” ----> อันเป็นตัวรู้ ข้อมูลที่แสดงถึงการได้มาซึ่งสภาวะแห่งการได้รู้ ที่ผู้คนได้มาจากการศึกษาจะสามารถพยุงชีวิตผู้คนให้ก้าวพ้นออกไปจากสภาวะทุกข์อย่างหยาบที่บีบคั้นให้เบาบางลงไปได้ แต่ก็ยังยากที่จะนำพาหรือไม่นำพาบุคคลนั้นออกจากสภาวะทุกข์ที่ละเอียดออกไปได้ ในบุคคลแม้ว่ามีความรู้ในระดับสูงก็หาใช่ที่จะหาทางออกแห่งชีวิตได้อย่างเหมาะสมไม่ รูปแบบต่อการเผชิญปัญหาแห่งสภาวะทุกข์นั้นต่างอาจมีรูปแบบไม่ได้แตกต่างออกไปจากชาวบ้านธรรมดาที่ปราศจากโอกาสการศึกษาระดับสูงได้
แล้วอะไรเล่าที่เป็นเหตุให้ผู้มีการศึกษาระดับสูง ตัดสินใจนำพาตนเองออกไปให้พ้นจากสภาวะแห่งทุกข์บีบคั้นได้ ----> ด้วยความตาย
“จิตใจ” >>>… การรับรู้ในระดับลึกลงสู่สภาวะแห่ง “วิญญาณ”
การเสพ >>>… อารมณ์แห่งทุกข์อยู่เนืองๆ...รวมไปถึงการเสพสภาวะแห่งอารมณ์ ความรู้สึก นึกคิดทางลบอยู่บ่อยๆ ด้วยเช่นกัน
ปัญญา >>>… อันเบิกบาน กระจ่าง
...
ฯลฯ
ต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้านำมาใคร่ครวญพิจารณา การมองลึกลงไปมากกว่าปัจจัยภายนอกที่เห็นๆ ที่เป็นเพียงสมองรับรู้ หากน้อมใจลงไปพิจารณาอย่างใคร่ครวญถึงผู้ที่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายตนเองที่อาจเนื่องด้วยสาเหตุหรือเรื่องราวใดใดก็ตาม แต่นั่นต่างเป็นการสะท้อนให้เห็นได้ว่า บุคคลเหล่านั้นต่างไม่สามารถเผชิญหรือทนได้ต่อสภาวะแห่งการบีบคั้นหรือคุกคามอยู่ได้...
*ตัดเรื่องราวหรือรายละเอียดหรือเนื้อหาออกไป แต่น้อมพิจารณาลงไปอย่างละเอียดถึงความสามารถทนได้หรือไม่ได้ของ “จิตใจ” ต่อปัญหาหรือทุกข์ที่บุคคลนั้นกำลังเผชิญอยู่...
สภาวะแห่งการบีบคั้นนั้น ก็เปรียบเสมือนได้กับคนเรากำลังโดนก้อนหินก้อนใหญ่ทับแน่นอยู่หน้าอก เราใช้ความอดทนและกำลังของมือ-แขนสองข้างพยุงหินก้อนใหญ่นั้น ซึ่งแทบจะต้านทานไม่ไหว ผนวกกับความอดทนที่พอมี แต่...
“ความอดทน + กำลัง” ที่มีอยู่นั้นช่างน้อยหรือเกิน
และหมดลงไปเรื่อยๆ จึงจำยอมอย่างจำนนต่อหินก้อนใหญ่นั้น (ท้อถอย ยอมแพ้) และปล่อยให้ตนเองสิ้นลมหมดไปภายใต้หินก้อนนั้น
หินก้อนใหญ่ = ทุกข์หรือปัญหา
ความอดทน/กำลังของมือ-แขน = สภาพกำลังแห่งจิตใจ
สิ่งที่ขาดออกไป คือ “สติ” และ “ปัญญา” ที่บุคคลไม่ได้นำมาใช้ร่วมกับกำลังและความอดทนที่มีอยู่ เมื่อขาดสติ ปัญญาก็จะไม่เกิด ก็ยากที่จะหาหรือเจอหนทางที่นำไปสู่การแก้ไขหรือหาทางออกได้ -----> ทำให้คิดอะไรไม่ออก แก้ปัญหาไม่ได้ มืดมนไปหมด จมอยู่กับสภาวะทุกข์ทีบีบคั้นอยู่
ทางออกอันสว่างของผู้คนหรือการช่วยเหลือ คือ การน้อมนำไปสู่การสร้างสภาวะที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มกำลังแห่งความอดทนเท่านั้น หากแต่เป็นหนทางให้ผู้คนได้ฝึกฝนการนำพาตนเองไปสู่สภาวะแห่งการเกิด “ปัญญา” อย่างแท้จริง เพื่อนำมาใช้ในการนำพาตนเองออกจากสภาวะแห่งการบีบคั้นได้ เส้นทางแห่งการสร้างและก่อให้เกิดปัญญาอันงดงามอย่างแท้จริงได้นั้น ผู้คนต่างมีสภาวะแห่งจิตที่นิ่ง สงบเย็น ….>>> ใจเบาเบา เพราะเมื่อไรที่สภาวะแห่งจิตที่นิ่งเย็นได้แล้ว จะมองเห็นสิ่งที่มากระทบได้ชัดเจนขึ้น เมื่อมองเห็นรูปร่างความชัดเจนดังกล่าวแล้วก็อาจจะมองเห็นทางออกหรือทางแก้ไขสิ่งที่มากระทบหรือกำลังคุกคามเราอยู่ได้...
พึงเมตตาและสงสาร “ผู้คน” ที่ตกอยู่ในสภาวะดังกล่าวนี้ให้มากเท่าที่พลังใจเรามี สิ่งไหนที่เราพอช่วยได้...อย่าได้รีรอช่วย หากว่าบุคคลยังไม่สามารถผ่านพ้นไปได้เหลือกำลังแห่งเราที่จะช่วยแล้ว ก็พึงวางลงจากใจเบาเบา...วางใจเป็นกลาง เพราะนั่นสุดวิสัยแห่งความสามารถของเราแล้วที่จะช่วยเหลือ พอเพียงเราน้อมใจต่อตนเองว่าเราเต็มที่ต่อสิ่งที่เราทำลงไปแล้วหรือยัง หากเต็มที่ก็พึงน้อมใจวางลง...ด้วยใจเบาเบาแห่งความเข้าใจต่อสภาวะและเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น...
-----------------------------
Note: วรรคสุดท้ายแห่งความรู้สึกนึกคิด
"ขอให้ดวงวิญญาณผู้ตายไปสู่สุขคติ "
เรื่องราวของดวงจิตนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เรื่องความตายและการฆ่าตัวตายได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม แต่ละรายที่ผ่านมากระทบ น้อมนำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้อย่างใคร่ครวญต่อสภาวะแห่งจิตใจของผู้คนมากยิ่งขึ้น
ไม่แม้แต่จะละเลยได้...ต่อสภาวะผู้คนที่ผ่านเข้ามาสัมพันธ์ ต่างเป็นผู้ที่มีคุณค่าและมีความหมายสำหรับข้าพเจ้าเสมอ
สวัสดีค่ะ
พี่ก็เพิ่งเจอกับเหตุการณ์คล้ายๆกันเช่นนี้ เข้าใจสิ่งที่น้องกะปุ๋มเขียนอย่างยิ่งเลยค่ะ
ผู้หญิงคนนี้พ่อเพิ่งตาย เธอทำใจไม่ได้กับการสูญเสีย และปรุงแต่งอารมณ์ไปอย่างมากถึงความคิดถึง การไม่มีพ่ออีกต่อไป สภาพชีวิตเธอก็แย่เพราะเลี้ยงลูกสามคนเอง ตัวเองก็ไม่ได้เรียนมามาก ทำงานรับจ้าง สามีก็พึ่งไม่ได้ แม่ก็แก่แล้ว ที่จริงตอนพ่อมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้อยู่กับเธอและแม่ เพราะพ่อไปมีครอบครัวใหม่
เธอรู้สึกว่าชีวิตมันบีบคั้นอยากตาย แต่ต้องอดทนเพราะมีลูกที่ยังเรียนหนังสือทุกคน พี่คิดว่าน่ากลัวหากเราเพิกเฉย ที่เห็นๆฆ่าตัวตายและฆ่าลูกตายยกครอบครัวก็เพราะขาดทั้งสติและปัญญา ขาดคนเข้าใจชี้ทางปลอบประโลม
พี่ก็ได้ช่วยปลอบ ช่วยชี้ทาง ชี้วิธีคิด วิธีทำใจไม่ให้หม่นหมองจิตตก พูดกันหลายครั้ง หาวิธีการที่ทำให้เห็นว่าชีวิตยังพอไปได้ ตอนนี้เวลาผ่านไปเป็นเดือนสองเดือนเธอก็ดีขึ้นมาก สำคัญที่คนที่อยู่ใกล้ชิดต้องสามารถจับความรู้สึกรับรู้ว่าเขากำลังคิดฆ่าตัวตาย มีเมตตาให้อย่างน้องกะปุ๋มว่า แล้วช่วยประคอง สร้างเหตุปัจจัยใหม่ๆที่ทำให้เขาเห็นแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง
พี่นึกถึงคุณของการปฏิบัติธรรมเลยค่ะ หากพี่ไม่ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมคงไม่เข้าใจเขา ไม่มีเมตตาขนาดนี้ที่จะอธิบาย หรืออดทนปลอบประโลมซ้ำซาก ไม่รู้วิธีการที่จะอธิบายชี้ทางสว่าง
คนไข้ของน้องกะปุ๋มโชคดีจริงๆที่มีคนเข้าใจอย่างลึกซึ้งและทำอย่างเมตตาที่สุด ดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือ หากช่วยไม่ได้ต้องวางอุเบกขาไม่ให้เราทุกข์หม่นหมองไปด้วย คงเป็นวิบากกรรมของเขาที่เขามีปัญญาเพียงแค่นั้นที่จะรักษาชีวิต เรายังต้องช่วยคนอีกมากมายนะคะ
มีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เราพบกัน พูดคุยกัน ถกกันเรื่องแนวคิดทำนองนี้ เธอจบมนุษย์ศาสตร์,นิติศาสตร์และอะไรต่อมิอะไร เธอไม่ได้นำเสนอ แต่จากการพูดคุยคบหากันมา มากกว่าสิบปี สัมผัสได้ว่า คนรู้จริงแม้ไม่พยายามบอกเรา เราสัมผัสได้
เธอและเราคบกันเป็นเพื่อนที่หวังดีต่อกัน โดยเธอหวังว่าโดยอาชีพแล้ว เรามีโอกาสที่จะได้ปฏิบัติธรรม ได้แผ่เมตตา ได้ช่วยเหลือคน ได้ฝึกตนและฝึกจิต และหลังจากที่เรา ซึ่งเป็นปุถุชน กาลเวลาผ่าน ความเติบโตทางจิตวิญญาณโตขึ้นตาม(บ้าง) เห็นคล้อยตาม พยายามทำ "ความดี" ทุกขณะที่ทำได้
เคยพบคนไข้ผู้หญิง*ที่พยายามฆ่าตัวตาย* ค่ะ
แต่รายนี้เธอเองโชคดีที่ถูกเข็นเข้ามาในห้องฉุกเฉินวันเวลาเดียวกับที่ คนผู้ซึ่งไม่อยากตาย แต่กลับต้องตายจากอุบัติเหตุ
วันเวลาเดียวกับที่คนซึ่งแข็งแรงแต่มีโรคหัวใจขาดเลือดอุดตันซ่อนอยู่ และเสียชีวิตลงในวันเดียวกันนี้
วันเวลากับที่เด็กน้อย ทารกแรกเกิด ยังไม่น่าถึงวัยควรจากโลกนี้ไป..แต่ต้องไป
............ ............. ............
พี่ตรวจรายฉุกเฉินจริง ๆ บริหารจัดการจนเรียบร้อย เมื่อเวียนมาถึงเธอ*คนที่พยายามฆ่าตัวตายคนนี้* พี่ถามเธอสั้น ๆ ว่า วันนี้เห็นเหตุการณ์จริง ๆ มาเกือบตลอด ยังอยากตายอยู่หรือเปล่า
พี่บีบมือเธอแรง..เมื่อเธอตอบว่า "ไม่แล้วค่ะ"
***พร้อมที่จะตาย แต่เมื่อยังไม่ใช่เวลาที่ควรตาย ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก่อนเถิด***
ความคิดเห็นของพี่ ค่ะ