การปั่นจักรยานท่ามกลางสายฝน...และการดูแลตนเอง


วันนี้ (14 กันยายน 2551) ถือว่าเป็นวันพักผ่อน แต่จริงๆ แล้วก็มีงานที่ต้องสะสางแต่ก็เลือกที่จะวางไว้ก่อนก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องเผชิญและใส่ใจในหน้าที่นี้ แต่ก็ได้ให้โอกาสตนเองได้พักผ่อนไปในตัว และเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่พบปะต่อกัลยาณมิตร...

เมื่อตอนเย็นได้ปั่นจักรยาน...ไปตามเส้นทาง ที่เป็นซอยตัดออกไประหว่างถนนมิตรภาพไปทางถนนกสิกรทุ่งสร้าง ไปโผล่ที่ค่ายศรีพัชรินทร์ แล้วปั่นเรียบทางไปเรื่อยๆ หวังจะหาซอยวนออกไปทางถนนมิตรภาพอีกทีโดยไม่ต้องย้อนกลับไปทางเดิม... เรา (หมายถึงข้าพเจ้าและกัลยาณมิตรอีกสองท่าน) ปั่นไปเรื่อยๆ อากาศเมื่อตอนเย็น ดี ชุ่มฉ่ำ ... ข้าพเจ้ามองเห็นเมฆตั้งเค้ามา แต่ก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะหากฝนตกก็หาที่หลบฝนเท่านั้นเอง... ดังนั้น การเดินทางจึงเดินต่อไปด้วยการปั่นจักรยาน ... ได้ดูกาย เวทนา จิต ธรรม ไปพร้อมๆ กัน... ขณะเดียวกันได้ให้โอกาสร่างกายของตนเองได้มีการเคลื่อนไหวในอิริยบทที่ผ่อนคลาย เพิ่มอัตราการไหลเวียนของน้ำเหลือง กระตุ้นให้ต่อมน้ำเหลืองขับของเสียออกมาได้ดีขึ้น กระตุ้นให้สมองได้หลั่งเอ็นโดรฟิน ... ช่วยให้หัวใจได้ทำงานที่ผ่านการออกกำลังในลักษณะแอโรบิก...

แต่...เมื่อไปได้ประมาณสองกิโลเมตร... ฝนก็เทลงมา เราได้ที่พักหลบฝน เป็นร้านกาแฟเล็กๆ...ในซอยที่ปั่นไปก็จะไปเจอทางออก... เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ได้เรียนรู้ถึงร้านกาแฟเล็กๆ ที่เคยเป็นคนทำงานในระบบแต่เปลี่ยนผันตัวเองออกมาเป็นคนนอกระบบ...ที่อิสระกับกิจการเล็กๆ น้อยๆ...

เรานั่งคุยกันนานพอสมควร...จนฝนซา

ก็เลยตัดสินใจ...ย้อนกลับทางเดิม เพราะดูท่าจะคุ้นเคยกว่า และขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจว่าฝนจะเทลงมาอีกหรือไม่ ... ที่สำคัญจักรยานที่นำมามีไฟเพียงคันเดียว... แม้ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานในระยะใกล้ประมาณ 4-5 กิโลเมตร... แต่ก็ทำให้ได้เหงื่อพอสมควร...

ปั่นมาได้สักพัก...ก็มีฝนตกปรอยๆ...

ก็นึกในใจว่าเราลืมสวมหมวก... แต่ก็เสี่ยงดู เพราะโดยธรรมชาติแล้วตนเองจะใช้วิธีการป้องกันดูแลตนเองเพื่อไม่ให้ป่วย การปั่นจักรยานท่ามกลางสานฝนในลักษณะนี้โอกาสเป็นหวัดและเป็นไข้มีสูงเพราะต้องสัมผัสกับอากาศชื้นเย็น... หากเป็นบุคคลทั่วไปก็มักจะทานยาป้องกันไว้ก่อน แต่สำหรับข้าพเจ้าเลือกที่จะใช้วิธีการทางธรรมชาติ...

เมื่อกลับถึงบ้าน... รีบชำระร่างกายบางส่วน สระผมเพื่อล้างละอองฝุ่น-ฝนออก และเป่าให้แห้ง ไม่อาบน้ำทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะช่วงลำตัว ใช้วิธีการเช็ดตัวแทน เพราะช่องท้องและลำตัวเป็นที่รวมอวัยวะที่สำคัญ ... การปรับอุณหภูมิอาจไม่ดีพอเมื่อต้องมาสัมผัสกับน้ำ ... จากนั้น ก็สวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่น โดยเฉพาะสวมถุงเท้าเพื่อให้เท้าอุ่น เนื่องจากว่าฝ่าเท้าเป็นที่ศูนย์รวมของการทำงานอวัยวะต่างๆ (ตามวิถีธรรมชาติบำบัด) นอกจากนี้ก็หาผ้าพันคอ ... มาใช้เพื่อให้คออุ่น ...

จะอย่างไรก็ตามที่สำคัญ...พึงทำให้เท้าอุ่น... และอะไรอุ่นๆ จิบ เลี่ยงการดื่มน้ำเย็น

เท่านี้...ก็เพียงพอที่จะป้องกันให้ตนเองปลอดภัยจากอาการเป็นหวัดได้...

และพรุ่งนี้เช้าตื่นนอน...ไปวิ่งสักรอบ ดื่มน้ำผลไม้สด (น้ำฝรั่งดูท่าจะดีเพราะมีวิตามินซีสูง) และดื่มน้ำอาร์ซี... รวมถึงจิบระหว่างมื้อด้วย...

หลักการง่ายๆ ณ ตอนนี้.. คือ การทำร่างกายให้อบอุ่น โดยเฉพาะรอบคอและเท้า ช่วงปีหลังๆ มานี่ข้าพเจ้าจะติดสวมถุงเท้าเป็นประจำ รวมถึงใส่นอนด้วย หากว่าอากาศเย็นหน่อยก็จะสวมเลย ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างในการดูแลตนเอง ที่ทำให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากอาการป่วยเป็นไข้หวัดมาได้หลายปี...

__________________________________________________________________________________

Note: นี่เป็นวิธีเฉพาะตัว...สำหรับข้าพเจ้าเองที่ปฏิบัติต่อตนเอง แต่ก็ช่วยได้เยอะมากทำให้ไม่ต้องดำรงชีวิตด้วยการพึ่งพิงยา และเบียดเบียนตนเองด้วยสภาวะที่เจ็บป่วย นึกได้ว่าลืมบอกกัลยาณมิตรทั้งสองท่านที่ร่วมเดินทางปั่นจักรยานไปด้วยกัน ... จึงมาเขียนเป็นบันทึกเก็บไว้ด้วย หากว่าเป็นประโยชน์

 

--------------------------------------

 

 อาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2551

ถอดบทเรียนสำหรับตนเองบันทึกเก็บไว้

"ร่างกายมนุษย์นั้นชาญฉลาดยิ่ง มันสามารถบำบัดและรักษาตัวเองได้ตามธรรมชาติ

ส่วนโรคหรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ นั้นเป็นความพยายามของธรรมชาติในการทำให้คนมีสุขภาพดี..

นักธรรมชาติบำบัดจะไม่หาทางกำจัดโรคหรืออาการเจ็บป่วย

เพราะถือเป็นการขัดขวางกระบวนการเยียวยาตนเองตามธรรมชาติของร่างกาย

หากแต่จะเน้นที่การป้องกัน ปรับสมดุล และเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคของร่างกายจนแข็งแกร่ง

เพื่อขจัดพิษร้ายที่สะสมในร่างกายให้หมดไป"

------------------

บางตอนจาก "ธรรมชาติบำบัด" บรรยายโดยหมอเจค๊อบ  วาทักกันเชรี

 

หมายเลขบันทึก: 208885เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2008 18:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม 2013 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีครับ พี่กะปุ่ม

  • แวะมาเยี่ยมครับ
  • จักรยาน
  • มีประโยชน์หลายอย่าง
  • ออกกำลังกาย
  • ประหยัด
  • ลดโลกร้อน
  • ที่สำคัญคือ
  • เอาไปถีบ
  • อิอิ
  • สบายดีนะครับ

สวัสดีค่ะ...ครูโย่งคนหน้าตาดี แห่งเมืองนครพนม...

เมื่อวานพี่กะปุ๋ม คุยกับเพื่อนอยู่ค่ะ ว่าจะถือโอกาสไปปั่นจักรยานชมเมืองที่จังหวัดนครพนม อยากจะลองปั่นจากตัวอำเภอเมืองนครพนม ไปที่อำเภอธาตุพนมค่ะ ...

ถนนสองข้างทางสวย...

หากได้ไป จะนำเรื่องเล่าดีดีมาสู่ฟังนะคะ...

(^____^)

สวัสดีค่ะ

- คิดถึงจังเลยค่ะ เมื่อไหร่จะได้ปั่นจักรยานกันอีกจ๊ะ แต่เหนื่อยน่าดู เพราะไม่ค่อยออกกำลังกาย .. ว่าง ๆ ไปปั่นบนเขาใหญ่ไหมจ๊ะ .บรรยากาศดีโดยเฉพาะหน้าหนาว

อย่าลืมบอกล่วงหน้านะ..จะรอค่ะ

15 กันยายน 2551

วันนี้ฝนตกทั้งวัน..โดนละอองฝนตั้งแต่เช้า ขับรถออกจากบ้านไปร้านตะวันทอง ไปเจอสภาวะน้ำท่วม งง .. นิดหน่อยเพราะตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดี เพราะทุกเส้นทางถูกดักไว้ ด้วยกระแสน้ำที่พยายามไหลไปสู่ที่ต่ำ.. สักพักข้าพเจ้าตัดสินจอดรถไว้ที่หน้าโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง แล้วเดินเรียบทางที่พอเดินไปได้ มุ่งหน้าไปร้านตะวันวันทอง ตั้งใจไปซื้อน้ำอาร์ซีมาดื่มอุ่นๆ... คนขายกำลังคุยกันเรื่องฝนตกเมื่อคืนนี้ว่า ประมาณหลังหกทุ่มฝกตกหนักมากในเมืองขอนแก่น บ้านของใครๆ หลายๆคนโดนน้ำท่วม...

หลังจากที่ข้าพเจ้าซื้อของได้ตามที่ต้องการแล้ว...ก็เดินลุยน้ำออกมา

ในช่วงเย็น เดินไปเอารถที่ลานจอดรถ... ฝนเริ่มเทลงมาอีกรอบ ไม่ได้นำร่มติดมือมาด้วย ก็เลยวิ่งฝ่าสายฝน พอกลับถึงบ้านเริ่มชำระร่างกายบางส่วน ยกเว้นส่วนลำตัว... อาศัยการเช็ดตัว ในลักษณะนี้ทางการพยาบาลเรียนว่าเป็นการอาบน้ำบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมดของร่างกาย ... อากาศถือว่ากำลังเย็นสบาย แต่สำหรับข้าพเจ้าเป้าหมายเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยเกิดขึ้น...

ก็จัดการตนเองสวมถุงเท้าให้อุ่น สวมเสื้อแขนยาว...ทำร่างกายให้อบอุ่นไว้ ดื่มน้ำเยอะพอสมควร รวมไปถึงน้ำอาร์ซีด้วย ที่สำคัญ...นอนพัก... เท่านี้คาดว่าน่าจะพอต้านทานการจู่โจมจากอาการเป็นไข้หวัดได้ อ้อ...แต่ที่ขาดไม่ได้ คือ การทำดีท๊อก...

สภาวะอากาศเป็นเช่นนี้ เห็นและรับทราบถึงความเจ็บป่วยของใครอีกหลายคน...ไม่อยากจะต้องให้ได้เผชิญกับสภาวะเช่นนี้เลย แม้บุคคลอื่นอาจจะมองว่าเป็นเพียงไข้ หรือเป็นหวัด แต่นั่นก็สะท้อนสุขภาวะของผู้คนอย่างมากมายเลย...

AAR สำหรับตนเองในค่ำคืนนี้ก่อนเข้านอน

วันนี้ตั้งใจนอนเร็วกว่าเดิม

20.14 น.

สวัสดีจ้ะเพชร...

คิดถึงเพชรเช่นเดียวกัน...หวังว่าแม่และโบวี่คงสบายดีนะ ทราบว่าเจ้าตัวเล็กไม่สบาย แต่เราเชื่อในน้ำมือแม่ที่คอยดูแลลูกอย่างเพชร จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้...

เมื่อสัปดาห์ก่อนเราไป ม.นครพนม ได้เจอกับเจ๊ต๋อย และ อ.ดา ... ทุกคนสบายดี ก็ยังคงเป็นอินถวาสิบกันเฉกเช่นเดิม เราได้คุยกันมากมายในหลายเรื่อง ถึงเพื่อนๆ และแนวคิดต่อการช่วยเหลือผู้คน...

ทราบข่าวเป็นระยะๆ ถึงความเป็นไปของเพชรผ่าน blog ..เมื่อวันก่อนก็ได้คุยกับพี่โชคถึงเพชรด้วยเสียดายที่เพชรย้ายไป ท่าคันโทดูท่าจะได้ด้วยดี... แต่สำหรับเราไม่ว่าเพชรไปอยู่ที่ไหน นั่นก็ย่อมดีเสมอ เพราะเรากำลังช่วยโลกและสังคมนี้ มากกว่าการเจาะจงลงไปเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง  

คิดถึงเพื่อนเสมอ

(^___^)

กะปุ๋ม

สวัสดีจ้า

- ตามมาอีกรอบค่ะ ส่งความระลึกถึง คุณโชคชัย ว่าด๊อกเตอร์คนขยันของ สสจ.กาฬสินธ์ด้วยจ้า ..คิดถึงพี่ชายเช่นเดียวกัน

- ได้แต่ช่วยเหลือด้านข้อมูลบ้างก็ดี "โชคดีนะ..เราชาวท่าคันโท" เราพร้อมให้ตลอด หากท่านร้องขอจ๊ะ..

- ฝากคิดถึงเพื่อนทุก ๆ คนค่ะ โดยเฉพาะ พี่ต๋อย (แซมเบ้) คุณครูดา...ฟุตฟิตฟอฟาย.. ยังเก่งเหมือนเดิม

รักษาสุขภาพด้วยจ้า..อย่านอนดึกนะจ๊ะ..

"... ได้ดูกาย เวทนา จิต ธรรม ไปพร้อมๆ กัน... "....วิธีปฏิบัติตรงนี้ จากกรณีปั่นจักรยานนั้น....ถ้าเห็นได้ถูกต้อง(เป็นสัมมาสมาธิ)จะเกิดลักษณะดังนี้คือ....

1.ได้ดูกาย = การเห็นกายในกาย = เหมือนกับว่าตนเองนั่งอยู่บนเครื่องบิน(ที่บินไม่สูงมาก) แล้วมองลงมาข้างล่าง แล้วเห็นใครคนหนึ่ง กำลังปั่นจักรยานอยู่ ขณะที่เห็นนั้น ตัวเรายังมีสติอยู่ (คือปั่นจักรยานได้ถูกทิศทาง) ก็เกิดปัญญาว่า ผู้ที่ปั่นฯอยู่นั้น มีชื่อว่าอะไร (ชื่อของเราเอง) ทำงานอยู่ที่ไหน สถานภาพเป็นอย่างไร แล้วก็เกิดปัญญาขั้นโลกุตตระว่า ที่เห็นนั้น สักแต่ว่ากาย ไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง เพราะกายที่เห็นนั้น ยังจะต้องตั้งอยู่ แล้วดับไป ตามกฎพระไตรลักษณ์(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

แล้วจะพึงบังเกิดวิปัสนาญาณว่า ...กระนั้นเลย เราควรละการยึดมั่นในกายที่ชื่อนั้นของเราเสีย แล้วหันเข้าสู่(ยกระดับจิต)กายธรรมที่เที่ยงกว่า...(ขณะจิตนั้น จิตก็จะดิ่งเข้าสู้อรหันตมรรค อันเริ่มจากเส้นทางเดิน โสดาบัน สืบเนื่องไปเรื่อย ๆ ตามกำลังวิปัสนาญาณ.....ดังนั้น.....ท่านจึงไม่แนะนำให้ "ดูกาย ในอริยบทที่น่าหวาดเสียว เช่น อยู่กับของมีคม ฯลฯ เป็นต้น

ดังนั้น การปั่นจักรยาน จึงไม่เหมาะกับกรรมฐาน "ดูกาย" แต่จะเหมาะกับกรรมฐาน สติปัติฐาน 4 คือการกำหนด "รู้" ให้มากกว่ากำหนด"ดู" เช่น

เมื่อปั่นด้วยเท้าซ้าย ก็ "กำหนดรู้" ว่า เป็นเท้าซ้าย เมื่อเปลี่ยนเท้า ก็กำหนดรู้ว่าเท้าย้ายข้างไปแล้ว... เมื่อไหร่หลงว่าเป็นเท้าไหนออกแรง เมื่อนั้นก็เรียกว่าขาดสติ (สติไม่ต่อเนื่อง-ไม่สันตติ)....จึงจะเป็นกรรมฐานที่คู่ควรแก่การเจริญภาวนาในแต่ละกิจกรรม ....

นี่ขนาด "ดูกาย"นะ...ส่วนดูเวทนาในเวทนา ดูจิตในจิต และดูธรรมในธรรม ก็จะพิสดารกว่านี้อีกครับ.....

ที่พี่ชายเล่ามานี้....1.เคยปฏิบัติได้ถึงขั้นสงสัยขึ่นมาว่า เอะ ใครมานั่งสมาธิอยู่ตรงหน้าเราเนี่ยะ รูปร่างหน้าตาเหมือนเราเลย....นั่นก็คือ กายทิพย์แยกออกจากกายเนื้อแล้ว...แล้วก็เลยเกิดการเห็นกาย ใน กาย ขึ้น.......2.พี่ชายเขียนมาทั้งหมดนี้ มีเจตนาให้ น้องรัก เดินทางธรรมได้อย่าง"สมาร์ท" คือถูกทั้งปริยัติ(ทฤษฎี), ปฏิบัติ และปฏิเวท น่ะครับ....3.ธรรมภาคปฏิบัตินั้น ละเอียดอ่อนมาก ๆ ต้องเข้าใจและเลือกใช้ให้ถูกอริยบท(กาล เทศะ)....

เคยมีนักปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง รำพึง "พุทโธ" แล้วขับรถยนต์ด้วย ผลก็คือ รถจอดนิ่งกลางถนนโดยไม่รู้ตัว ดีที่ไม่มีรถคันอื่นตามหลังมา...

พี่ชายรักน้องมาก จึงชี้แนะ ถ้าพี่ไปกระทบ"จิต"บางดวงของน้องแล้วขุ่น พี่กราบขออภัยนะน้องนะ พี่รู้สึกอยากดูแลและรับผิดชอบ "ความก้าวหน้าของน้อง" ในศักยภาพและจรรยาบรรณที่พี่เป็นพี่ชายที่ควรพึงดูแลต่อน้องสาวคนนี้นะน้องนะ....พี่ชาย ชยพร แอคะรัจน์

ขอบพระคุณอย่างยิ่งค่ะ...

ยังเป็นจิตแห่งความโลภอยู่...ว่าพี่ชายมาชี้แนะเช่นไรบ้าง เหมือนเฉกเช่นการโยนหินถามทาง..เท่านั้นแล...กระหายใคร่ในคำแนะนี้ เป็นบุญวาสนาอย่างยิ่ง ขออนุโมทนาสาธุต่อความเจริญในปัญญา...

สำหรับกะปุ๋มหาจะพิศดารอะไรไม่...เป็นเพียงได้เห็นบุคคลหนึ่งกำลังปั่นจักรยานไปเช่นนั้นแล...

ยังหยาบอยู่มากเลยเจ้าค่ะ...(^___^)

สวัสดีครับพี่กะปุ่ม

พอดีเพิ่งจะว่างครับ จากนิทรรศการ รักษาสุขภาพด้วยครับ แวะมาดูมาเยี่ยม

ปั่นจักรยานดีนะครับ

หัวใจแข็งแรง ร่างกายแข็งแรงด้วย

สวัสดีค่ะ...น้องเอ๊ะ...

ปั่นจักรยาน...เป็นนิจจิตแจ่มใส...

น้องเอ๊ะ...สบายดีนะคะ...

ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยม

(^___^)

สวัสดีค่ะพี่ Ka-Poom    

    คุยเรื่องจักรยาน  หนูซื้อมาแล้ว  3  คัน  เป็นอันต้องล้มเลิกในการปั่นเพราะปวดขาค่ะ   จักรยานก็เอาไปให้หลานกันหมดแล้วค่ะ   ตอนนี้น้ำมันแพง   ก็หันมาพึ่งจักรยานอีก   แต่ไม่ซื้อแล้วค่ะ   ไปขอจักรยานที่หลาน ๆ จับฉลากได้   มาขี่สับเปลี่ยนกันค่ะ

พี่ Ka-Poom สบายดีนะค่ะ  ส่วนทางนี้ก็สบายดีค่ะ

รักษาสุขภาพด้วยค่ะ 

คิดถึงจัง

ถึง...แผ่นดิน-แดนไทย

หากมีโอกาสเราคงได้ปั่นจักรยานร่วมกันนะคะ... งานแรกนี้ประเดิมที่ปายตามคำชวนของลุงเอก-จตุพร นะคะ

(^__^)

พี่กะปุ๋ม

สวัสดีครับ กะปุ๋มน้องสาว   การป้องกันหวัดแบบนี้น่าจะใช้ได้สำหรับคนสุขภาพแข็งแรงนะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้กับทุกคน/ทุกเวลาหรือเปล่า ใครที่ได้ลองไปใช้แล้วได้ผลเป็นอย่างไรช่วยแจ้งกลับมาที่นี่นะครับ ถ้าได้ผลดีจะได้จำเอาไปบอกต่อครับ แต่ถ้าใครไม่อยากเสี่ยงกับการเปียกฝน ควรมีเสื้อกันฝนติดจักรยานไว้ตลอดทั้งปีเหมือนผมก็ได้ครับ ( เลือกแบบที่เป็นเสื้อแยกกับกางเกง จะได้ขี่จักรยานต่อได้ครับ )

หมอจักรยาน (ศัลยแพทย์+เวชศาสตร์ครอบครัว)

สวัสดีค่ะ...คุณหมอจักรยาน ^__^

ขอบพระคุณมากนะคะ ที่แวะมาเยี่ยมเยือน...

เป็นการป้องกันก่อนป่วยนะคะ หากว่าป่วยแล้วก็ต้องรักษา ...ดีที่สุด คือ ทำร่างกายให้อบอุ่น...

เมื่อวานกะปุ๋มเห็นนักปั่นจักรยานกลุ่มหนึ่ง ปั่นจักรยานท่ามกลางสายฝน...แต่ตกไม่หนัก แต่ก็ดูตัวเปียกกัน น่าจะปั่นระหว่างจังหวัด ขอนแก่นไปจังหวัดกาฬสินธุ์... บางคนดูตัวสั่น ก็นึกเป็นห่วงนะคะ

ภายในร่างกายร้อน แต่ภายนอกหนาว... หากปรับสมดุลได้ก็ไม่ป่วย...

เมื่อก่อนกะปุ๋มป่วยบ่อย.... นิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นหวัดเป็นไข้ ไอ จาม จนรู้สึกรำคาญจึงมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ดำเนินชีวิตตามแนววิถีธรรมชาติบำบัด ... หลายปีผ่านมา ไม่เจ็บป่วยด้วยอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เลยค่ะ...

นิยมวิถีการป้องกัน...ไว้ก่อนค่ะ

ขอบคุณค่ะ

(^__^)

เห็นหายหน้าไปนาน(จากบล็อกผม - แหะๆ) เลยแวะมาเยี่ยมและบอกข่าว(ใหญ่มากกก)คือว่าผมได้ออกแบบBodcycle ซึ่งจะมีหลังคากันแดดกันฝนได้และอาจทุ่นแรง+ขับขี่ได้เร็วกว่าเสือภูเขาด้วยนะครับ ตอนนี้ส่งเข้าประกวดอยู่กับโครงการของGoogle ถ้าสนใจก็ลองแวะเข้าไปดูนะครับ จาก หมอจักรยาน 27/10/51

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท