ท่ามกลางพายุฝนข้าพเจ้าเจอพายุแห่งภายใน ; ปั่นป่วนและเวียนหัว


ท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำภายนอกเครื่อง...

ข้าพเจ้านั่งเที่ยวบินสุดท้ายจากสุวรรณภูมิถึงขอนแก่น ผู้โดยสารแน่นเต็มลำเลย ข้าพเจ้าได้ที่นั่งรองแถวสุดท้าย เพราะ ณ เวลาที่ไปเช็คอินนั้น พนักงานแจ้งว่ามีผู้โดยสารมาเช็คเกือบเต็มแล้ว ข้าพเจ้าก็เลยเลือกแถวทางเดินแต่เป็นท่นั่งเกือบหลังสุด

พอนั่งลง ข้าพเจ้าก็ทันได้หวนคิดถึงสายการบินอินเดีย ... เหมือนนั่งแวดล้อมไปด้วยแขกอินเดีย เอาล่ะว้า...จะเปลี่ยนที่นั่งดีไหมเนี๊ยะ...แต่ด้วยความที่คำนึกถึงในแง่ความเป็นชีวิตแห่งมนุษย์ และการเรียนรู้การเจริญสติ ข้าพเจ้าก็เลยนั่งลงเหมือนเดิม เริ่มพิจารณาลมหายใจ...ตายละว้า...หายใจเข้า และออก ไม่ได้แล้ว กลั้นหายใจก็ไม่ได้อีก...

เอางัยล่ะกะปุ๋มเอ้ย...

กลิ่นตัว กลิ่นเครื่องเทศ และอีกหลายๆ กลิ่นสุดจะบรรยาย

สักพัก...ตั้งสติ...

หายใจเข้า...ใหม่อีกรอบช้าเบา

หายใจออกช้า...ผ่อนออก

พิจารณาลมหายใจ เราเท่านั้นเป็นผู้ให้ค่าให้ความหมายว่า เหม็น-หอม เราเท่านั้นที่มีความทรงจำและประเมินค่า กลิ่นก็ยังคือ กลิ่น ไม่มีเหม็นหรือหอม...เท่านั้นเอง ดูเขาสิเขายังไม่เหม็นกันเลย แล้วเธอล่ะ จะวิเศษมาจากไหนถึงได้ไปตีค่าความเป็นมนุษย์ของเขาว่าเหม็นหรือหอม เวลาที่เธอเดินเฉียดไปใกล้คนใส่น้ำหอมเธอก็ยังว่าเหม็นเลย...เธอเท่านั้นแหละ คือ ผู้ให้ความหมาย

ขณะพิจารณา...ก็ตามลมหายใจไปเรื่อยๆ...

รอดแล้วค่ะ... อยู่ได้

สักพักกลิ่นกาแฟก็มาผสม...ผสาน โห ... อินเดียเจ้าขา

พอช่วงเสริฟของว่าง เพื่อนร่วมทางข้าพเจ้าก็หยิบกล่องอาหารออกมา... เครื่องเทศทั้งนั้น + กลิ่นกาย + กลิ่นกาแฟ...สุดยอด

แต่ข้าพเจ้าก็ดำรงอยู่ได้ ณ ขณะ พร้อมกำหนดจิตให้หลับรวดเดียวจบ อย่างไม่สนใจแล้วล่ะว่า กลิ่นอะไรเป็นกลิ่นอะไร...

เพียงได้หายใจเข้าและออกเท่านั้น

ที่สุดก็ถึงที่หมาย...ขอนแก่น

ไม่ได้สนใจอะไรเลย...ได้เจอทั้งอาจารย์ทองใบ ทองเปาว์ ... ดาราที่มาเรียน มข. (นี่เราก็ไม่รู้จัก) ท่านผู้ว่าและภรรยา...อีกมากมาย

เพราะข้าพเจ้ามัวต่อสู้กับสภาวะแห่งภายใน...จนแบบไม่สู้อีกล่ะ ปล่อยให้เป็นไปพร้อมกับผลอยหลับไป

หมายเลขบันทึก: 267745เขียนเมื่อ 12 มิถุนายน 2009 21:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

โชคดีนะคะ

ได้แต่กลิ่นที่ปรุงขึ้นมา

หากเป็นพี่เกรงว่าจะผสมโรงของในกายออกมาร่วมด้วย

ไม่ก็นึกว่ามัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง  อิอิ

อ่านแล้วให้นึกเรียนรู้ ตามไปด้วยคะ

พร้อมกับนึกขำตัวเอง ว่าถ้าเจอจะทำยังไง

คิดแล้วก็เรื่องปรุงแต่งอีกนั่แหละใจแต่งได้ตลอดเวลา

ตามทันก็หลบแว๊บไปอีกทาง ต้องนั่งมองเฉยๆ แต่ก็แปลกนะคะ

พอมองเฉยๆ เจ้าใจเขาก็เฉยบ้าง อื้อ ทำเป็นเงาตามตัว

ติดประชิดไม่ห่างหาย ธรรมชาตินี่ก็เป็นได้หลายแบบ

ทั้งสงบ และสั่นไหวได้ในเวลาเดียวกัน

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีคะพี่. krutoi ...กำลังจะนอนแล้วค่ะ

แต่คุยกับพี่ต้อยก่อนดีกว่า ...

ทีแรกเจอเพื่อนร่วมทาง...ตายเป็นตายค่ะ...สู้ตาย

ได้โอกาสพิจารณา...ผ่านผัสสะ "จมูก-กลิ่น"....

จะรอดหรือไม่ก็ต้องลองดู ... ได้โอกาสเห็นการปรุงแต่งความคิด

ถือว่ายังโชคดีที่ยังพอมีอยู่บ้าง...ทำให้นึกถึงว่าเราเท่านั้นเป็นผู้ให้ค่าให้ความหมายต่อสิ่งที่มากระทบ หากไม่มีปัญญาตัวนี้ สติก็ดึงรั้งเอาไว้ไม่อยู่... ก็เลยรอดชีวิตมาได้ แบบไม่อาเจียนและทำตัวน่าเกลียดจิตใจชั่วไปรังเกียจผู้อื่นค่ะ...

ขอบคุณนะคะที่แวะมาคุยกัน...ยังขำขำไม่หายเลยค่ะ โทรไปเล่าให้แม่ฟัง...คุณแม่ขำหัวเราะเลยค่ะ

(^____^)

หายดียังคะอาจารย์

เวียนหัวบนเครื่องทรมานที่สุดคะ

สวัสดีจ้า

แวะมาฝากความคิดถึงจ้า

หายแล้วค่ะพี่ไก่ ประกาย~natachoei ที่~natadee ...เมาเพราะเครื่องเทศแรงค่ะ 555

แต่หายตั้งแต่ตั้งสติได้สักพักแล้วค่ะ...ก็เดินทางต่อได้อย่างราบรื่นค่ะ

 

สวัสดีค่ะเพชร เพชรน้อย ...สบายดีนะคะไม่ได้คุยกันนานเลยนะคะ

ขอบคุณสำหรับความคิดถึงที่หอบมาฝากนะคะ

อ่านแล้ว สงสารจริงๆค่ะ เรียกว่า มัวสาละวนต่อสู้กับเรื่อง กลิ่น ก็เป็นอันไม่ต้องทำอะไรแล้ว เป็นพี่ คงคิดอะไรไม่ออกไปอีกวันเต็มๆ อิๆๆๆ

นั่นน่ะสิ

ทำไมหนอคนทั้งหลายถึงว่าร่างกายนี้ สวย งาม น่ารัก น่าทะนุถนอม น่าใกล้ น่าสัมผัส

คนบ้านเขาเขาก็ว่าหอมของเขา คนบ้านเขามาได้กลิ่นคนบ้านเราเขาก็ว่า "เหม็น"

ร่างกายนี้ เป็นที่รวมของสิ่งปฏิกูล น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง คงอยู่ได้ก็เพียงสิ่งปรุงแต่งร่างกาย พอไม่ได้ชำระร่างสิ่งปฏิกูลทั้งหลายเพียงวันหรือสองวันก็เป็นที่ "น่ารังเกียจ"

คนทั้งหลายยังมีจิตใจที่วุ่นวาย รัก ไม่รัก ชอบ ไม่ชอบ พอใจ และไม่พอใจ ในร่างกายอันเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหล่านี้

โปรดใช้โอกาสอันสำคัญนี้เป็นเครื่องพิจารณา "กายานุสสติ" เถิด

แล้วท่านจะได้เห็นความจริงของชีวิต ความจริงที่เป็น "สัจธรรม..."

พี่ต้องฝึกจิตด้วยการเดินตลุยซอยในพาหุรัด แล้วจะชิน 555 เจอมาแล้ว วันนั้นทำลายสถิติกลั้นหายใจของตัวเอง กลิ่นเครื่องเทศนั่นแหล่ะที่ทำให้กลิ่นตัวแรง และการรักษาความสะอาดของร่างกายด้วย เราเคยเจอแขกหนุ่มๆ หลายคนที่หอมฟุ้ง มันแล้วแต่คนจริงๆ พี่ว่าแขกกลิ่นแรงแล้วต้องเจอพวกอาฟริกัน แม่เจ้า ตูแทบสลบตอนเดินผ่านเลย แถวนานาน่ะเพียบ เวลาต้องไปแถวนั้นทีไร อยากใส่หน้ากากกรองแก๊สพิษ

 สวัสดีค่ะคุณพี่ Sasinand

การเรียนรู้ผ่านผัสสะอื่นที่ไม่ใช่จมูก ก็ฝ่าฟันมาได้ เหตุในวันนั้นถือว่าเป็นสมรภูมิรบที่ยากอีกครั้ง แต่ก็ผ่านมาได้ และรู้สึกละอายใจที่ไปตั้งข้อรังเกียจเขา ... ตอนลุกจากที่นั่งก็เลยยิ้มอย่างขอโทษที่คิดไม่ดีไปตำหนิเขาว่า "ตัวเหม็น" ซึ่งจริงแล้วเขาอาจจะเหม็นเราอยู่ก็ได้เหมือนกัน 555

สาธุ...ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ไม่มีรูป

 Little Jazz ทีแรกพี่ว่าจะกลั่นใจจนถึงขอนแก่น 555แต่ดูท่าจะไม่ไหวตายก่อนแน่ๆ... พี่เคยรู้จักนักศึกษาต่างชาติหลายคนที่มาเรียน AIT นะ เขาก็ตัวไม่เหม็น ... ในกลุ่มที่พี่เจอนี่ เขาค่อนข้างเป็นผู้มีอันจะกินด้วยนะ มองไปมองว่าอาจเป็นกลิ่นปกติเขา จริงๆ แล้วเราอาจจะตัวเหม็นกว่าเขาเสียอีก ...ฮา

(^____^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท