ณ วันหนึ่งของการเดินทาง...ที่ออกจากตัวเมืองไปได้ไม่ไกลนัก...
ความรู้สึกลิบๆ...ที่ไกลสายตาออกไป รู้สึกถึงสภาวะแห่งความตายอยู่บนถนนเบื้องหน้าที่เรายังเคลื่อนรถไปไม่ถึง... แต่ความตายที่ว่านั้นยังไม่แน่ใจนักว่าคือ อะไร แต่เมื่อพอขับรถไปใกล้ เกือบที่จะหักหลบรถออกไปไม่ทัน ... เพราะนั้นมีร่างของบุคคลที่นอนทิ้งระยะห่างกันออกไป ในสภาพที่เละมากจนแทบจะจำรูปลักษณ์เดิมไม่ได้ แต่พอเดาได้ว่านี่คือ "คน"... หากว่าใครที่ขับรถเร็วก็จะไม่สามารถหักหลบได้ทัน เพราะสภาพของอุบัติเหตุเพิ่งมีร่องรอยไม่นาน ยังไม่มีตำรวจหรือหน่วยช่วยเหลือมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ
ในชั่วขณะ... การคุ้นชินต่อการพิจารณาถึงความตายได้ปรากฏขึ้น
ขอบคุณและอุทิศ...ให้ดวงวิญญาณ
โอกาสที่ได้น้อมกลับมาทบทวนความตายต่อภาพเบื้องหน้าที่เห็น "กระทบแต่ไม่กระเทือน" แต่ใจน้อมลง ตัวเล็กลง... แทบไม่มีตัวไม่มีรูปเกิดขึ้นใดใด... ณ สภาวะนั้น
การเดินทางก็ยังคงเดินทางต่อไป
ไม่ไกลกันมากนัก...
เจอสภาพอุบัติเหตุที่ใกล้เคียงกับครั้งแรก พิจารณาจากรูปการณ์ เป็นเหตุที่เกิดคร่อมอยู่สองฝากถนน ... เกิดเป็นความสลดใจและมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ในทุกขณะจิต... แต่การเดินทางก็ยังไม่ได้หยุดลง เรายังคงเดินทางกันต่อไป พร้อมน้อมใจลงพิจารณาถึงสภาวะที่มาปรากฏให้ได้เห็น และได้ทบทวนพิจารณาเรื่องการตาย...
การเดินทางที่อาจดูเหมือนยาวนานตามระยะทางและเวลาที่บอก
แต่ปรากฏการณ์อันมหัศจจรย์ได้เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง หากแต่ไม่ใช่บุคคล แต่กลับกลายเป็น "ต้นไม้" ที่ยังให้ใบสีเขียวและความสดอยู่... ในความรู้สึกของข้าพเจ้ามองเห็นความสดของความตายที่ไม่ได้แตกต่างจากกันเลยระหว่าง "คน" และ "ต้นไม้"... ดวงจิตที่อิงอาศัยในรูปของคนและต้นไม้... สู่ "ความตาย"
สิ่งที่ปรากฏในใจ "ความอ่อนและน้อมลงของใจ"...
รับรู้สภาวะที่ปรากฏ..ด้วยความขอบคุณในโอกาสที่ได้เจอ
"ความตาย" ที่เหมือนและแตกต่าง
---------------------------------
การเรียนรู้การเดินทาง
ด้วยใจที่ใคร่ครวญเรื่อง "ความตาย"
มาเป็นกำลังใจคะและส่งเข้านอน
ขอให้พักผ่อนอย่างมีความสุขนะคะ
ภาพ "ต้นไม้" ที่ถูกโค่นลง ตรงหน้าและถูกรถใหญ่ลากไปให้พ้นทาง... ความสดของความมีชีวิตยังมีร่องรอยให้สัมผัสได้ผ่านตาและความรู้.. ความบอบช้ำของการทำลายลง...
เป็นภาพของ "บุคคล" ที่นอนตายข้างทางในสภาพที่สัมผัสไม่แตกต่างกันมากนัก...
น้ำตาซึม... ตระหนักในความเป็นไปและเป็นเฉกเช่นนั้นเองของสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่...ด้วย "ชีวิต"
ทำให้สภาวะแห่งใจ... ตระหนักคุณค่าในห้วงแห่งเวลาที่มีอยู่และเหลืออยู่ทุกลมหายใจเข้าและออก
------------------
ขอบคุณพี่ ประกาย~natachoei ที่~natadee
นะคะสำหรับกำลังใจและการแวะเยือน
(^__^)
สวัสดีค่ะคุณ Ka-Poom
ส่วนใหญ่คนที่ได้พบกับเหตุการณ์แบบนี้ จะมีความรู้สึกอื่นๆมากกว่าจะใช้จิตพิจารณา
ยิ่งมีคนนั่งไปด้วยก็จะกล่าวขาน คาดการณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นไปต่างๆนานา
เคยขับรถและได้พบเจอเหมือนกันค่ะ แต่เป็นเพราะไม่คุ้นชินกับสภาวะแห่งความตายจากอุบัติเหตุบ่อยนัก ในช่วงเวลานั้นจึงรู้สึกตกใจ หวาดเสียว และสงสาร
และที่สำคัญเมื่อรู้ว่าเป็นคน จึงไม่หันมองภาพเหล่านั้นให้ติดตา ผ่านไปด้วยแค่ตั้งสติ และระมัดวะวังตัวเองให้มากขึ้น
ขอบคุณบันทึกที่ทำให้ได้คิด และควรปฏิบัติตนน้อมใจลง ณ สภาวะนั้น
ขอบคุณคุณ NU 11 มากนะคะ ที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ภายในให้ได้ร่วมเรียนรู้ด้วย...
สภาวะน้ำตาซึม...ได้ปรากฏขึ้น ณ ขณะที่เห็นต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นและลากไปตามทาง เห็นความบอบช้ำของลำต้นและใบไม้ ทำให้ภาพบุคคลที่นอนระเนระนาดบนถนนที่เกือบไม่เหลือสภาพของรูปร่างนั้นปรากฏทับซ้อนมาอีกครั้ง...
ทำให้ตระหนักยิ่งถึงคุณค่าของการได้เกิด การดำรงอยู่...และการเตรียมตัวตายอย่างมีความรู้ตัวมากขึ้นค่ะ
(^___^)
ออกจากบ้านครั้งใดก็ให้นึกหวั่นใจ....... เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้วผลเสียมากมาย เราก็ไม่อยากเป็นอะไรเพราะมีลูกซึ่งเป็นโซ่ทองคล้องใจรออยู่ข้างหลัง ทุกวันนี้จึงระวังมากเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ
- แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ
- ระลึกถึง และคิดถึงจ้า
สุขสันต์วันแห่งรัก เบิกบานวันแห่งธรรม ค่ะพี่กะปุ๋ม
....
เหมือน เหมือน แตกต่าง อย่างสร้างสรรค์
จรรโลง โลกงดงาม ได้เสมอ
เพราะมีฉัน มีเธอ มีเรา ไม่ละเมอ
บนความจริง ที่เจอ ไม่ต่างกัน :)
"""
ความรัก..ทำให้โลกงดงามและสงบสุขค่ะ..
มีความสุขกับทุกวันนะคะ..^^
เข้ามาอีกครั้งได้รับพลังแห่งความรักมากมายเลยค่ะ
(^___^)
ขอบคุณนะคะ