คุยกับตนเองเช้านี้ ๒๘๐๖๕๒ l กฏ ระเบียบ ฐานเริ่มต้นวินัยแห่งธรรม


เสียงดังของนักศึกษาที่แว่วมาจากสนามกีฬาใน มข.เช้านี้ บ่งบอกการเริ่มต้นชีวิตของเช้านี้ เมื่อคืนฝนตกหนัก ร่องรอยของความเย็นช่ำของเช้าวันนี้ทำให้บรรยากาศช่วงเช้าของวันอาทิตย์น่านอนต่อ แต่นั่นก็ไม่พึงที่จะนอนต่อ "คือความคิด" ที่ปรากฏ ทำให้ข้าพเจ้าดีดตัวเอง ลุกขึ้นนั่งในเช้าวันนี้พร้อมยืดเส้นยืดสาย เหมือนการอยู่ในท่าเดียวติดต่อกันมาตลอดทั้งคืน ... ด้วยท่านอน

  • เสียงโมบายที่แขวนไว้ที่ต้นมะม่วงหน้าบ้านกระทบกับสายลมหลังฝน สอดรับกับเสียงนกยามเช้า ข้าพเจ้าใช้เวลานั่งฟังเสียงสรรพชีวิตเหล่านี้ อย่างที่บอกตัวเองว่าไม่ต้องเร่งรีบอะไรมากมาย แต่สิ่งที่พึงทำอย่างยิ่งคือ การดัดนิสัย ดัดจริตตัวเอง ให้มีความเที่ยงในธรรมนั้นน่ะ คือ คุณค่าของการใช้เวลา ด้วยการมีสติเป็นตัวนำพาไป
  • การกลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง "ความคิดแห่งการงาน" ปรากฏ มีเรื่องราวของผู้คนมากมายเข้ามาให้กระทบคิด แต่นั่นน่ะคือ เรื่องของคนอื่นที่ยังต้องดิ้นรนไปในความหลุ่มหลงทางความคิด อารมณ์ และความรู้สึกอยู่ ใครที่พอรู้ตัวก็ช่างแสนโชคดี แต่ใครที่ยังก้าวไปไม่ผ่านไปสู่ความละเอียดทางจิตใจก็เป็นเรื่องของบุคคลนั้น เราไม่ได้มีหน้าที่ไปเพ่งเล็งหรือจัดการความชั่วของใคร มีแต่พึงแบ่งปันความชื่นชมในความดีของผู้อื่นให้มากเท่าที่หัวใจเราพึงทำได้ นั่นน่ะคือ ความหมายของมุฑิตาจิตเลยล่ะ
  • พี่อ้อม แวะมาหาที่บ้าน มาขอต้นย่านางที่เกิดเอง ... เราแบ่งต้นวาสนาให้ด้วยกระถางหนึ่ง ขอบคุณพี่อ้อมที่มา และโอกาสข้าพเจ้าได้แบ่งปัน "ต้นไม้"
  • จัดการย้ายกระถางต้นไม้เล็กๆ สองสามกระถางที่ปลูกฟีโดเดลดอน ย้ายไปย้ายมาก็รกเป็นป่าเหมือนเดิม แต่ก็ดีทำให้ได้พูดคุยกับต้นไม้เล็กๆ หน้าบ้าน...
  • เช้านี้นะ เป็นกิจกรรมที่ไม่มีอย่างนี้มานาน คือ การตื่นมาและมาเยือนกันถึงที่บ้าน ซื้ออะไรเล็กๆ น้อยๆมาทานร่วมกัน...พี่อ้อมได้น้ำเต้าฮู้ และน้ำขิง-เต้าฮวยมาฝากเรา ดร.แหม่มมานั่งทานด้วย เป็นอะไรที่เรียบง่าย แม้การงานจะมีอยู่รัดตัว แต่การได้ทำอะไรให้กับชีวิตได้ช้าลง เป็นหนึ่งในความงดงามของการรดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งความดี ความงาม ในจิตใจ...
  • การบวชไม่ได้เพียงห่มผ้าเหลือง นั่นน่ะเป็นเพียงสิ่งสมมติเท่านั้น การบวชนั้น คือ มีอยู่ภายใน... แต่ยิ่งถ้าหากบุคคลใดได้บวชภายนอก (นุ่งห่มผ้าเหลืองครองผ้าจีวร)และบวชภายในด้วยนั่นน่ะประเสริฐยิ่ง เพราะท่านนั้นคือ ผู้ดำรงการถ่ายทอดแห่งพุทธะ...ให้แพร่ขยายออกไป

Note ;

ศีลที่ยังเป็นธรรม (ไม่เป็นวินัย) ;

ก็คือ ขั้นศีล ไม่พึงนำมาสับสนกับคำว่า ศีลธรรมที่ใช้ในภาษาไทยซึ่งมีความหมายอีกอย่างหนึ่งตามแบบของไทย ดังที่มักอธิบายกันว่า ศีลธรรมหมายถึง ศีลและธรรม ศีลคือ การละเว้นชั่วหรือเว้นจากข้อห้าม ธรรมคือ ความประพฤติดี; แต่ตามหลักการที่แท้ของพระพุทธศาสนา ธรรมภาคปฏิบัติทั้งหมด ก็คือ ไตรสิกขา ซึ่งแบ่งเป็นสามระดับ คือ ศีล สมาธื และปัญญา ทั้งศีล ทั้งสมาธิ ทั้งปัญญาล้วนเป็นธรรมทั้งสิ้น จึงมีธรรมขั้นศีล หรือถ้าจะให้กว้างกว่านั้น ก็ว่า ศีลและธรรมอื่นๆ นอกจากศีล คือ รวมถึงสมาธิและปัญญาด้วย หรือให้ศีลนั้นเท่ากับคำว่าวินัย ศีลธรรมนั้นก็จะหมายถึงวินัยและธรรม ตรงกับคำดั้งเดิมว่า ธรรมวินัย

จากพุทธธรรม ; บันทึกพิเศษท้ายบท ๔๕๒

คือประเด็นที่ศึกษาในเช้านี้

  • มีธรรมอย่างเดียวไม่มีวินัยไม่ได้ ... ข้าพเจ้าจำได้ว่าเคยอ่านในบทพุทธประวัติที่ว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสในเรื่องวินัย หากไม่มีวินัยนั้นจะทำให้การมาอยู่รวมกันในคนหมู่มากจะวุ่นวาย ตัวเองก็เลยเกิดเป็นความเชื่อมโยงความคิดต่อที่ว่า "มนุษย์นั้น เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีการเรียนรู้และมีปัญญา" ==> ปัญญาที่ว่านี้ คือ ส่วนที่ทำให้มนุษย์แยกแยะความถูก ผิด ชั่วดี ได้... หากใครไม่สามารถแยกแยะส่วนนี้ได้ นั่นน่ะแสดงว่าสมองส่วนที่เป็นปัญญานั้นหาได้ขยายโครงสร้างไม่ ดังนั้นการดำเนินชีวิตก็คงไม่แตกต่างไปจากสัตว์อื่นๆ ที่เพียงดำรงอยู่เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่หากขาดโอกาสการได้เรียนรู้กระบวนการทางปัญญาที่ส่งผลต่อการขัดเกลาจิตใจ อันสะท้อนออกมาเป็นความรู้สึก นึกคิด อารมณ์ และการกระทำ...ที่สื่อว่าเป็นผู้มี "จิตเจริญ"


 

 

 

หมายเลขบันทึก: 271599เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2009 09:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีค่ะ น้องกะปุ๋ม

เช้านี้ มาอ่านเรื่องราวดีๆ

มีประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นด้วย

ขอบคุณน้องกะปุ๋มที่ได้แบ่งปัน นะคะ

ขอบคุณค่ะ...

หากเป็นการร่วมกิจกรรมที่สร้างสรรค์ที่ดี ก็ยินดีค่ะ ... แต่นั่นน่ะเป็นเพียงอีกเรื่องหนึ่งที่เราเรียนรู้นะคะ ... การไม่ติดกับดักในโลกธรรม

ครั้งหนึ่งเคยคุยกับ คุณหญิง-สคส. เรื่องรางวัล ตอนนั้น สคส. ให้รางวัลจตุรพลัง ด้าน "คุณอำนวย" (Knowledge Facilitator) ได้ขอปฏิเสธไป แต่ทาง สคส. ก็ยืนยัน เราก็พึงน้อมรับ แต่นั่นน่ะไม่ได้เป็นประเด็นของการมาเวียนวนอยู่ใน GotoKnow ค่ะ จึงนำความถึงคุณหญิง - สคส. ว่ารับสิ่งนี้พอและแบ่งปันรางวัลไปสู่บุคคลอื่นนั่นน่ะดีกว่า

เรื่องนี้ อ.จันเคยคุยด้วยสมัยไปเยือน มอ. ว่าเคยเสนอ สคส. ให้พิจารณารางวัลสุดคนึงให้...แต่สำหรับทัศนะของตนเองในเรื่องรางวัลต่างๆ คือ มองว่าคือ กิจกรรมความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ของการพัฒนาเครือข่าย ฝึกในเรื่องชื่นชมความดีที่มีอยู่ในตัวบุคคลแม้อาจเป็นเพียงมุมเดียวของชีวิตบุคคลนั้น แต่นั่นน่ะ ก็คือ เราได้ร่วมกันบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ความดีที่มีอยู่ แต่อีกมุมอาจเป็นเชื้อที่เป็นไปเติมในหน่อของความหลงในตัวเองได้ แต่อย่างไรก็ตามหากว่าบุคคลนั้นมีหน่อเนื้อแห่งความดีงามในจิตใจตนเองแล้ว กิจกรรมเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้บุคคลนั้นหลงระเริงไปในรางวัลเท่าไรนัก

เป้าหมายของการเขียนบันทึกในการ GotoKnow ของตนเองคือ ร่วมมือในการเก็บคลังความรู้ที่ได้จากการถอดประสบการณ์การเรียนรู้ของตนเองออกมาค่ะ... อันเป็น Tacit Knowledge หรือขุมพลังความรู้ภายในที่ได้ผ่านการเรียนรู้ ที่เป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติของตัวกะปุ๋มเอง ดังนั้นจะเห็นว่าบันทึกที่เขียนออกมา จึงเป็นการถอดบทเรียนของตนเองทั้งวิถีชีวิตและการงาน... เท่าที่มีเป็นต้นทุนทางคลังปัญญาของตนเองค่ะ

ขอบพระคุณ  เด็กข้างบ้าน ~natadee  ที่เสนอในความดีงามนี้นะคะ

(^__^)

ขอบพระคุณค่ะพี่ ครูอรวรรณ :)

ร่วมกันบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความดีนี้ทั้งในจิตใจเราและเผื่อแผ่ไปสู่บุคคลอื่นนะคะ...

 

 

  • มาอ่านบทความที่ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด
  • รับทราบว่าเกิดจากจิต และการกระทำที่นำด้วยจิต
  • การอ่านเรื่องแบบนี้ให้ความรู้สึกดีมากๆค่ะ
  • และรู้สึกว่าสังคมยังมีคนดีอีกมากมาย
  • คนดีที่แทรกตัวอยู่ทุกสาขาอาชีพ
  • ตรงนี้แหละสำคัญนัก

มาอ่านบันทึกที่พูดคุยกับตัวเอง เพื่อน้อมนำมาทบทวนชีวิตของตนเองบ้างครับ...

ขอบคุณครับผม...

ขอบพระคุณค่ะพี่ krutoi

เรื่องราวดีดีเราต้องแบ่งปันนะคะ "การคุยกับตนเอง" เหมือนเรานั่งดู นั่งฟังความคิดของเราที่ปรากฏออกมา... ทำให้ไม่ไหล ไหมเคลิ้มไปน่ะคะ

(^__^)

สวัสดีค่ะคุณ Mr.Direct

มองภายนอกเพื่อน้อมนำมาสู่ภายใน

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

 

สวัสดีค่ะ คุณKa-Poom คุยกับตนเอง ชัดเจนดีค่ะ..เหมือนมีเงาเป็นเพื่อน..กลางแดดเงาปรากฏ..เมือนทุกข์..หลบเข้าเงาต้นไม้เงาหาย..กลายเป็นสุขค่ะ..เหมือนคนกับศีลและธรรม..เลื่อนไหลไปตามกาลเวลา

สวัสดีค่ะ...คุณ ยายธี

ชอบคำเปรียบเปรยของท่านจังเลยค่ะ เหมือนเป็นดั่งเงา

และผู้คนมากมายก็ไม่เห็นเงาตนเอง หรือ...อาจเห็นแต่หลงไปในเงานั้น ความหลงก็ส่งผลต่อการปรุงแต่งไปมากมาย

ขอบพระคุณที่แวะมาคุยด้วยนะคะ :)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท