คนที่ทำประโยชน์ต่อส่วนรวมอาจไม่จำเป็นต้องแสดงตนให้ผู้อื่นรู้ก็ได้...ดั่งเช่นนักวิทยาศาสตร์ที่ทุ่มเทการงานของตนเองในห้อง Lab ค้นคว้าเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ๆ ที่ได้มาจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อันเป็นการทดลองในห้อง Lab นั้น...
เวลาที่เราเห็นเขาออกมาจากการงาน อาจดูเหมือนเรื่อยๆ ไปดั่งดูไม่ได้ทำการงาน แต่เราไม่รู้หรอกว่าเวลาที่เขาอยู่ในหน้างานของเขานั้น จิตแห่งการจดจ่อต่อการงานที่เขาทำนั้นเป็นดั่งเช่นใดบ้าง...คนทำงานดั่งนักวิทยาศาสตร์เช่นนี้ น้อยคนที่จะประกาศต่อโลกให้รู้ว่าตนทำอะไรไปบ้าง...แต่ผลงานของเขาจะเป็นเครื่องประกาศคุณงามความดีแห่งการงานของเขาเอง...
ที่มา ; http://gotoknow.org/journals/kapoom/entries/44669
น่าจะประมาณสามถึงสี่ปีเห็นจะได้ที่ข้าพเจ้าได้เจอกับกัลยาณมิตรท่านนี้ รศ.ดร.ตรีเพชร กาญจนภูมิ หรือเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป คือ อ.ตือ ... ท่านเป็นคนพูดเสียงดัง อารมณ์ดี หัวเราะเสียงดัง...พูดจาตรงไปตรงมา แต่แทรกอะไรให้คิดแห่งความจริงอยู่เสมอ...ในสายตาของข้าพเจ้า อ.ตือ นั้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดูเป็นศิลปิน ข้าพเจ้าน่ะไม่เคยได้เห็นกระบวนการทำงานในห้อง Lab ของท่านหรอก...แต่เคยเห็นเฉพาะวิถีแห่งชีวิตประจำวัน
ท่านเป็นคนที่มีวิถีที่เรียบง่ายมาก... ใครเล่าจะรู้ว่า บุคคลท่านนี้มีงานวิจัยที่ทรงคุณค่าอย่างมากต่อแวดวงทางการแพทย์และเภสัชศาสตร์ มีความชำนาญและเชี่ยวชาญในด้าน
Search for the bioactive components from the natural sources, and application to development of naturally occuring medicine
งานวิจัยที่ทุ่มเทเป็นงานที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จของงานชิ้นอื่นๆ ของบุคคลอื่นอย่างมากที่นำข้อค้นพบของท่านไปสานต่อจนมาเกิดเป็นประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมต่อผู้คนมากขึ้น
แตกต่างจากนักวิชาการทั่วไปที่ข้าพเจ้ารู้จัก ซึ่งมักจะมาวิ่งเต้นโลดแล่นอยู่ในวงวิชาการบรรยายที่นั่นที่นี่...
แต่กัลยาณมิตรท่านนี้งานของท่านกลับเป็นงานที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดความสำเร็จในงานของบุคคลอื่น...
วิถีชีวิตที่ข้าพเจ้าชื่นชอบ...ใครเล่าจะรู้ว่า ท่านกำลังยื่นขอพิจารณา "ศาสตราจารย์" ขณะที่อายุยังไม่มากห่างจากข้าพเจ้าเพียงไม่กี่ปี... ดูภายนอกเป็นคนที่ขับรถไปมา มีความสุขกับการอยู่ ซ่อม และประกอบรถมอเตอร์ทั้งรุ่นโบราณมากมาย...เต็มบ้าน
แต่เมื่อได้ศึกษาแห่งวิถีชีวิตของท่านนั้น...
กลับไม่ใช่เรื่อยเปื่อนอย่างที่ใครๆ เห็น แต่เป็นคนที่มีวินัยในตนเองอย่างเคร่งครัดและมีความมุ่งมั่น รับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน ซึ่งข้อดีนี้ข้าพเจ้าแอบเรียนรู้และนำท่านมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตแห่งการงาน ... ท่านเป็นนักปรัชญาและนักภาวนาอย่างที่ไม่ได้บอกใครๆ ว่าฉันคือ ผู้ปฏิบัติธรรม แต่เป็นคนที่เข้าใจธรรมชาติแห่งชีวิตค่อนข้างมาก อยู่ใกล้แล้วสบายใจสัมผัสได้แห่งความสงบและความเข้าใจในชีวิตอย่างตามความเป็นจริง... มีหลายอย่างที่ข้าพเจ้าถูกสอนอย่างที่ท่านไม่ได้ตั้งใจสอน
หลายปีที่รู้จักท่าน...ข้าพเจ้าได้ถอดบทเรียนแห่งวิถีชีวิตของท่าน พบว่ามีการดำเนินชีวิตตามเส้นทางแห่ง "อริยมรรค" แบบเนียนเนื้อเข้าไปในชีวิตและดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก
หลายครั้งที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเรียนรู้วิถีชีวิตที่ท่านทำกิจกรรมอันเป็นงานอดิเรก
สภาวะที่มีจิตต่อเนื่อง...และจดจ่อต่อสิ่งที่ทำ อย่างให้ความสำคัญต่อกิจที่อยู่เบื้องหน้า
เป็นคนที่ไม่ถือตัว ไม่ใช้มาดแห่งความเป็นนักวิชาการข่มขวัญใครต่อใคร หากแต่เป็นธรรมดา...อย่างมาก ไม่ถือตัว ไม่ดูถูกใครในความเป็นคน เข้าใจในความเป็นมนุษย์อย่างแท้ ภายใต้ความเป็นเนียนๆ อย่างธรรมชาติ
อยู่ง่าย ... ทานง่าย...
บางครั้งก็ปั่นจักรยานไปทำงาน...ไม่สวมสูทผูกไทด์...ทุ่มเทการสอนเด็กนักศึกษา และให้ข้อคิดที่ดีๆ ต่อเด็กนักศึกษาเสมอ เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย
ไม่พูดจาโอ้อวดความเก่งเลิศของตนเอง...
ทีแรกที่ข้าพเจ้า...ได้เจอก็คือ เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ร้านกาแฟเล็กๆ ของพี่ศักดิ์ ทานข้าวกล่องแบบง่ายๆ พูดคุยกับคนแถวตลาดอย่างเป็นกันเอง... ใครเล่าจะรู้ว่าท่านเป็นถึงรองศาสตราจารย์ดอกเตอร์ ที่มีผลงานวิจัยที่น่าสนใจมากมาย ...
หลายๆ คนที่เพิ่งรู้จัก อ.ตือ ต่างประทับใจ เพราะสังคมนั้นมักแบ่งแยกผู้คนออกเป็นชนชั้น ภายใต้กรอบทางสังคมมาครอบไว้ตามตำแหน่งใหญ่โตทางวิชาการ แต่ท่านกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น หากแต่มีความเป็นกันเอง และวิถีที่เรียบง่าย
แรงบันดาลใจ...ที่ข้าพเจ้าอยากเขียนถึงท่านในวันนี้
เพราะเชื่อแน่ว่า...ความดีความงามแห่งวิถีการงานและชีวิตของท่านน่าจะเป็นต้นแบบให้กับนักวิชาการมากมายในประเทศไทยได้ ที่มักมีอาการหลงในตนเองว่า "คือ เป็นผู้มีความรู้มาก" และใช้ความรู้นั้นเบียดเบียนทางจิตใจต่อผู้อื่น แต่กัลยาณมิตรของข้าพเจ้าท่านนี้ไม่ได้เป็นดั่งเช่นนั้นเลย