คนเรานั้นพร่ำจมอยู่แต่กับความทุกข์ของ "ตนเอง"
ฉันทุกข์
ฉันไม่มีความสุข
ฉันลำบาก
ไม่มีใครในโลกนี้ทุกข์เท่าฉันอีกแล้ว
....
เป็นการพร่ำรำพันอยู่แต่กับตัวเอง
แต่
เราลืมหันไปมอง "โลก" รอบด้าน
มีความทุกข์มากมายในโลกหล้านี้
ความทุกข์ที่มาพร้อมกับการเกิด ==> ดับ
....
เมื่อเราได้ก้าวออกมาสู่อิสระจากการถูกขุมขัง
เรือนจำแห่งความทุกข์
เมื่อนั้น...เมื่อหันกลับไปมอง
เราถึงได้รู้ว่า...เรานั้นช่างเห็นแก่ตัว
อันเป็นความเห็นแก่ตัวที่จมอยู่กับทุกข์ของ"ตนเอง"
....
พึงลุกขึ้นมา
และลืมตา...มองรอบโลก
เราจะเห็นตามจริง
เมื่อได้มองเห็นตามจริง...ใจนี้จะน้อมลง
และเมตตาต่อโลกนี้มากขึ้น
ทุกข์ที่ว่าเราทุกข์จะเป็นเพียงเศษผง...ใจนั้นจะแปรเปลี่ยน
และปรารถนา...ในการละความเห็นแก่ตัว
ความอดทนจะมีมากขึ้น อดทนต่อความทุกข์ของตนเอง
และจะลุกขึ้นมากรุณาต่อผู้อื่น...เพราะหากเทียบเคียงแล้ว
เรานั้นยังเป็นผู้พละมากพอที่จะช่วยดึง-ช่วยเหลือคนอื่นอยู่
แม้ว่าเราจะทุกข์อยู่ก็ตาม...แต่ทุกข์นั้นได้เบาบางลงไปแล้ว
นับเนื่องตั้งแต่...เราได้ลืมตาแห่ง"จิตใจ" มองไปรอบโลกเรานี้
ภาพ ; กัลยาณมิตรเมตตาเผื่อแผ่ให้
คนเรามักจมอยู่กับอดีตและหวังอนาคตมากไป
เลยปล่อยให้ปัจจุบันเป็นของอดีตและอนาคตไป
อย่างน่าเสียดายขอรับอาจารย์..
ต้นเหตุแห่งความชั่วทั้งปวงคือความเห็นแก่ตัวนี่แหละครับ
Dr.Kapoom...
สุขสร้างได้...เริ่มจากใจเราเอง :)