พี่ขอบคุณทีติ้ว เป็นอย่างยิ่งที่ช่วยเป็นกายเป็นแรงให้นะ
ไม่ได้เป็นเพียงแค่กายและแรงเท่านั้น...หากแต่เป็น "ใจ" ใจที่ทุ่มเทในการทำภารกิจนี้
ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตน่ะนะ ดีเสมอ...ไม่มีสิ่งใดไม่ดี...
ทุกอย่าง คือ โอกาสแห่งการเรียนรู้...อย่าเพิ่งไปให้ค่าและราคาว่าดีหรือไม่ดี หากแต่เรียนรู้ไปก่อน การเรียนรู้นั้นน่ะ มีสิ่งที่ดีดีปรากฏขึ้นเกิดขึ้นเสมอ การเรียนรู้ในระบบเป็นเพียงอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่นำพาให้เราก้าวไปสู่การเรียนรู้ภายในเท่านั้นเอง...
หาตัวเองให้เจอ คืน ความเป็นชีวิตให้กับตัวเอง...
ก้าวไปในเส้นทางอันงดงาม อันประเสริฐ อันเป็นแสงสว่างส่องนำพาให้ชีวิตได้มองเห็นความเป็นไปได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือชั่ว ขอให้น้อมรับด้วยใจเบาเบา ใจที่เปิดออกพร้อมรับอย่างเต็มหัวจิตหัวใจเรา แล้วนั่นน่ะเราจะได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เริ่มเข้าสู่การพัฒนาในตนเอง...
ไม่ต้องไปวิ่งไปหา...คอร์สการพัฒนาที่ไหน...
เพียงแค่กลับมาตัวเรา น้อมจิตน้อมใจกลับมาตัวเอง เรียนรู้ตัวเรา อ่านตัวเราให้มาก ให้ใคร่ครวญ...อ่านด้วยใจที่เป็นกลางติดตามเรื่องราวของบุคคลที่ชื่อ ทีติ้ว...นี้ไว้...เท่านั้นเอง แล้วเราจะพบว่าทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์ ทั้งสิ้นทั้งปวงนั้นดีเสมอ
แล้วน้อมลง...
ใช้เรื่องแห่ง "การละความเห็นแก่ตัว เสยสละให้มาก ทำเพื่อสรรพสิ่งต่างๆ ให้มาก"... พร้อมหายใจเข้าสบาย และหายใจออกสบาย ฝึกฝนตนไปเพียงเท่านี้แหละ...แล้วเราจะได้พบสิ่งต่างๆ มากมายในชีวิตนะ...ที่เป็นสิ่งที่น่าสนใจน่าเรียนรู้
ความเสียสละน่ะ ไม่ได้หมายเพียงแค่การกระทำนะ...
หากแต่...เป็นการเริ่มต้นนับตั้งแต่การเสียสละออกจากใจนั่นแหละ...
ใจที่สละออกจากอารมณ์ที่อยากได้อยากดี และอารมณ์ที่มักอยากปฏิเสธที่เราไม่ชอบใจไม่พอใจ... อดทนให้มาก ตั้งใจให้มาก อดทนและตั้งใจทำสิ่งต่างๆ อันเป็นความละความเห็นแก่ตัว ทำเพื่อผู้อื่น อย่าทำเพื่อตนเอง... ทำด้วยลมหายใจที่มี การทำด้วยลมหายใจนั่นน่ะทำให้เรามีสตินะ เมื่อสติมีถึงที่ถึงเวลา เราจะมีปัญญาที่นำพามาสู่การแก้ไขและนำพาเราไปได้ในทางที่ถูกที่งดงาม...
ตั้งใจ - ศรัทธา... อดทน และมีสตินะ...
__________________________________________________________________________________________________________________
ความต่อมาจาก เรื่องเล่าจากเตาเผาศพ (ชมรมนักปั่นสัญจรครั้งที่ 3)
__________________________________________________________________________________________________________________
กราบขอบพระคุณพี่ปุ๋มค่ะ
เห็นรูปที่พี่ปุ๋มเอาขึ้น
ตอนอยู่ในเตาเผาศพ กวาด ๆอยู่ก็แว๊บ
ปรากฏการณ์กวาดเช็ดถูพื้นที่วัดเหมือนกันเจ้าค่ะ
ในความรู้สึกมันเหมือนกัน เป็นงานที่กวาดพื้นที่ให้สะอาด
ทำให้สะอาดที่สุดเต็มกำลัง
เหมือนได้กวาดขยะ และสิ่งสกปรกภายในใจของเราออกไปด้วย
แล้วการที่เห็นชิ้นส่วนของไม้กวาดหลุดออกมา
มันเหมือนกับการที่เราทำอะไรลงไป มันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ขนาดไม้กวาดยังเปลี่ยนแปลง
และส่วนที่หลุดออกมาเป็นส่วนที่ได้ทำหน้าที่แล้ว
พอหลุดออกจากที่ของมัน หน้าที่ก็เปลี่ยน
จากเดิมเป็นผู้ช่วยทำความสะอาด
พอเปลี่ยนสภานะเขาก็เป็นขยะได้เช่นกัน
ดังนั้นทำให้ระลึกว่า ต้องมีสติให้มาก ๆ
แม้ว่าตอนนี้เป็นประโยชน์ แต่ขาดสติ
หรือหลายอย่างเปลี่ยนไป เราอาจจะเป็นภาระ
หรือเป็นขยะเช่นชิ้นส่วนของไม้กวาดที่ร่วงออกไป
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
มาเรียนรู้ค่ะ
พี่ชอบถูศาลาหากมีโอกาสก็จะถูๆๆ
จนแม่ชีท่านขอร้องให้พัก แต่พี่มีความสุขนะคะ
ถูไปคิดไป มีโอกาสได้พิจารณาตนเอง
พิจารณาผ้าที่เลอะเพราะถู
ซักล้างแล้วก็ดีขึ้นแต่ไม่สะอาดเหมือนใหม่ที่ยังไม่ได้ถู
ถูเป็นทางยาวไปแล้ววกกลับก็เป็นทางยาวตามรอยผ้าที่ถู
เมื่อแห้งรอยจึงหายไปพร้อมรอยเปื้อน ฝุ่นก็หายไป สะอาดตา แต่อีกสักพักก็ดูหมอง อดจับไม้ถูพื้นมาถูซ้ำอีกไม่ได้ คิดแล้วเหมือนความใจตัวเองค่ะ
ต้องหมั่นขยันไตร่ตรองทำความสะอาด เผลอบ่อย
ขอบคุณค่ะ