การเดินฝ่าเข้าไปในจิตวิญญาณ


เส้นทางของการดำรงอยู่ของชีวิต

เรานั้นต่างถูกสอน และนำทางไปในเส้นทางแห่งการเก็บกด และกักกั้นไว้ เราไม่เคยได้เรียนรู้การไหลเรื่อยไปอย่างอิสระแห่งภายใน...

เราถูกกระทำให้บอกว่าสิ่งนั้นดี สิ่งนั้นเหมาะ สิ่งนั้นควร สิ่งนั้นไม่ควร

แต่เราไม่เคยได้รับการถูกฝึกฝนให้ดำรงอยู่กับสภาวะที่เป็นไปและปรากฏอยู่ภายใน เราจึงเกิดสภาวะ"ทุกข์" อย่างแสนเข็ญ... เพราะแรงอัดและบีบเค้นอยู่ภายใน แต่ว่า...

หากเราลองแปรเปลี่ยนให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่าง "ธรรมชาติ" ...

โกรธ...ก็ให้อาการโกรธ และไม่พอใจไหลเลื่อนไปอย่างอิสระ ไม่ต้องกักขัง ไม่ต้องปิดกั้น ไม่ต้องไปห้าม และไม่ต้องไปรู้สึกผิดว่า "ตัวเองโกรธหรือไม่พอใจ"... การไหลเลื่อนไปนั้น ให้เป็นไปอยู่ภายใน อย่างรู้ตัว ไม่ต้องหาสิ่งมาเบี่ยงเบนให้ความโกรธเพิ่มขึ้นหรือลดลง...การที่เราปล่อยให้สภาวะแห่งภายในไหลเลื่อนไปเช่นนี้ คือ การดำรงอยู่อย่างขณะต่อขณะ นี่แหละคือ การรู้ตัว...

"ฉันไม่โกรธหรอก" ...หรือ "ฉันโกรธไม่ได้หรอก"... หรือ "ฉันไม่ควรโกรธ"... ต่างๆ เหล่านี้ยิ่งทำให้เรารู้สึกถูกบีบคั้นอยู่ภายใน...

พอมันอัดแน่นเข้าไป เรามักจะไประเบิดออกกับบุคคลอื่น สิ่งอื่น...หรือสรรพสิ่งต่างๆ

แต่...ในทางธรรมชาติหากเราแปรเปลี่ยนให้ความโกรธ...ดำเนินไป ดั่งเช่นเหมือนไฟไหม้ฟาง พอหมดเชื้อ ไฟไหม้นั้นก็จะดับไปเอง... มันจะรอจนกว่าจะมีการปะทุขึ้นมาอีก เพราะว่าในสภาวะจิตของเรานั้นมีเชื้อเหล่านี้อยู่มากมาย...และพร้อมที่จะเผาไหม้...

 

การเดินทางแห่งเส้นทาง "ภายใน"...

เป็นการเดินทางที่เราต้องอาศัย...ความอดทนและความปรารถนาดีที่จะเรียนรู้

ความบีบคั้นจากสภาวะทุกข์ บางครั้งทำให้ละทิ้งออกไปจากเส้นทาง และปฏิเสธต่อเส้นทางการเรียนรู้ แต่เมื่อไรก็ตามหากเรา...มีความมุ่งมั่นมากพอ...เราจะรู้ว่าเส้นทางที่เราก้าวเดินไปนั้น แม้จะลำบากและแสนจะขรุขระ แต่เมื่อเราอดทนและทำความเข้าใจต่อเส้นทาง เราจะพบความมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้ว่า ระหว่างเส้นทางนั้นมีดอกไม้งามแซมอยู่ระหว่างท่ามกลางโขดหินแห่งความทุกข์ตรมนั้น

ในบางคนชีวิต...ชั่วชีวิตของการได้เกิด

เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหรือสัมผัสความงามระหว่างเส้นทางสองข้างทางนั้นเลย

เขาต่างดิ้นรนและแสวงหา...เพื่อกลบเกลื่อนการก้าวย่างเข้าไปในเส้นทางแห่งภายในของตนเอง...

การหนี...คือ วิธีการที่มนุษย์นั้นเลือกใช้มากที่สุด

การเผชิญหน้าน้อยคนเลือกที่จะต่อกรกับมัน...แต่กลับไปเสียเวลาฟาดฟันกับสภาวะภายนอกเพื่อชดเชยการเรียนรู้ภายใน...

 

๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓

 

หมายเลขบันทึก: 352128เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2010 13:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีค่ะ

  • มาเรียนรู้ค่ะ
  • โกรธ...ก็ให้อาการโกรธ และไม่พอใจไหลเลื่อนไปอย่างอิสระ ไม่ต้องกักขัง ไม่ต้องปิดกั้น ไม่ต้องไปห้าม และไม่ต้องไปรู้สึกผิดว่า "ตัวเองโกรธหรือไม่พอใจ"... การไหลเลื่อนไปนั้น ให้เป็นไปอยู่ภายใน อย่างรู้ตัว ไม่ต้องหาสิ่งมาเบี่ยงเบนให้ความโกรธเพิ่มขึ้นหรือลดลง...การที่เราปล่อยให้สภาวะแห่งภายในไหลเลื่อนไปเช่นนี้ คือ การดำรงอยู่อย่างขณะต่อขณะ นี่แหละคือ การรู้ตัว...
  • พี่คิมมีคำถามค่ะ...คือต้องบอกกับตัวเองว่ากำลังโกรธ  ใช่ไหมคะ  เมื่อเรารู้ตัวก็จะไม่แสดงอาการไม่ดีออกมาใช่ไหมคะ
  • ขอขอบคุณค่ะ

ไม่จำเป็นต้องไปพยายามแสดงอะไรทั้งสิ้นเลยค่ะพี่คิม...

บางครั้งอาจหลุดออกมานั่นก็ให้รับรู้ว่าหลุดระเบิดออกมาแล้ว...การที่เราหลุดระเบิดออกมานั่นแสดงว่า "สติ" เรานั้นช่างอ่อนกำลังเหลือเกิน...และเรานั้นไม่ต้องไปพยายามทำเป็นมีสติ เพราะการมีสติกำกับมันจะเป็นของมันเองตามธรรมชาติ

การฝึกการรู้ตัว (การเจริญสติ) จะทำให้ สติเรามีกำลังตามธรรมชาติเองอย่างอัตโนมัติ

พึงเป็นอย่างที่เป็น...อย่าพยายามไปเป็น

เป็นอย่างที่เป็นตามธรรมชาติ...แล้วทุกอย่างจะเคลื่อนไปอย่างธรรมชาติค่ะ

แรกๆ นะคะ โห...โกรธแทบถล่มทลาย... ดั่งพายุบุแคม แต่เมื่อฝึกเจริญสติไปเรื่อยๆ ความโกรธก็มีเช่นเดิม แต่การแสดงออกกลับน้อยลง เพราะเราเริ่มเห็นตัวโกรธภายในของเราตั้งแต่ตอนเริ่มๆ อาการ พอเราเห็นปุ๊บ...มันก็หลบหน้าเราปั๊บ...

แล้วมันก็จะโผล่มาตอนเราเผลอ เอาล่ะทีนี้ พอเราเผลอ... มันมาอย่างตัวใหญ่เลย "เจ้าความโกรธ"...ดูๆ ไปมันก็น่ารักดี อย่าไปรังเกียจมันนะคะ เพราะเมื่อไรที่เรารังเกียจความโกรธ...เขาก็จะยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่เลยค่ะ...

Zen_pics_007 
คิดซะว่า ... เจ้าความโกรธ คือ เด็กนักเรียนคนหนึ่งของพี่คิม ที่พี่จะต้องรักและเมตตา เขาอย่างมาก ก่อนที่เราจะรักและเมตตาเขาได้ เราต้องทำความเข้าใจในตัวเขาให้ถ่องแท้...ทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ...มันจะลุ่มลึกลึกซึ้งเข้าไปเรื่อยๆ ค่ะ...

สวัสดีค่ะ

  • พี่คิมได้สังเกตตนเองว่าเป็นคนน่ารักขึ้นมาก  ที่จิตใจอ่อนโยน ดับอารมณ์โกรธได้มากกว่าที่เคยเป็นค่ะ
  • จากการเรียนรู้โดยการอ่านผ่านหนังสือต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้เข้าไปอยู่ในมโนสำนึกเองใช่ไหมคะ
  • ตอนแรก ๆที่ฝึกใหม่ ๆ ใบหน้ายังร้อนผ่าวค่ะ
  • แต่ภายหลัง ไม่ร้อนผ่าวกลับใจเย็นและยิ้มให้กับตัวเองได้อีก  แต่ถามตัวเองเสมอว่า..เก็บกดอารมณ์หรือเปล่าหนอ  ตอบเองว่าไม่  จากการสังเกตตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ
  • เริ่มเข้าใจขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแล้วค่ะ...ทำความเข้าใจโดยใช้ความรักและความเมตตา
  • ขอขอบพระคุณค่ะ

Zen_pics_007 
ดูมันไปค่ะ พี่คิม...

มันจะมีความละเอียดขึ้นเรื่อยๆ... สติเราละเอียดขึ้น รู้เท่าหรือทันมากขึ้น เจ้าความโกรธนี่ก็จะแปรรูป แปรตัว...ละเอียดขึ้นตามไปเช่นกัน...

แต่ไม่ว่าเขาจะมาในรูปแบบใด หน้าตาอย่างไร เขาก็คือ ส่วนหนึ่งของความเป็นชีวิตเรา...หาใช่เป็นศัตรูเราไม่ พึงอยู่กับเขาอย่างศานติ...แล้วเราจะเข้าใจในความหมายที่ว่า "การดำรงอยู่"... เดี๋ยวพี่คิมจะรู้ได้ด้วยตัวพี่คิมเอง...

กิลส ==> อนุสัยของกิเลส ==> อาสวะของกิเลส...

จะอย่างไรก็ตาม...เราดำรงอยู่กับเขา ด้วยใจที่นอบน้อม แล้วเราจะพบว่า "ใจ" เรานี้ร่มเย็นยิ่งนัก...

*** อ่านความเห็นพี่คิมแล้วยิ้มค่ะ... :)

สวัสดีค่ะ

  • พักนี้พี่คิมได้มีโอกาสอยู่กับตัวเองที่บ้าน กับลูกหมาๆ อีก ๖ ชีวิต
  • พอมีเวลาได้เรียนรู้มากขึ้นค่ะ
  • ยิ่งอ่านบันทึกของคุณกะปุ๋มทำให้พี่คิม เข้าใจเพิ่มขึ้น ๆ ค่ะ
  • ขอขอบพระคุณอย่างสูง

...โกรธ เรารู้ว่าอารมณ์โกรธมา เรารู้จิตนั้น เห็นมัน ดุมันแสดง

...ถ้าเรารู้ทันมัน มันก็ไม่กล้าแสดงออกมาให้เราเห็น

...ลองฝึกภาวนาแล้วจะเห็นจริง

ขอบคุณครับสำหรับ บันทึกที่ดีๆนี้

พี่คิม...วันนี้กะปุ๋มอยู่กับเจ้าบิ๊ก เจ้าบราว เจ้าน้ำตาล และเจ้าน้ำแข็ง...(สี่ตัวน้อยกว่าพี่คิมสอง)

เมื่อเช้าเจ้าบราวกับเจ้าบิ๊ก...ทะเลาะกันยกใหญ่... ไม่มีใครห้าม และห้ามตัวเองก็ไม่เป็น อีกสักครู่เดี๋ยวกะปุ๋มต้องไปทำอาหารให้พวกเขา... เพราะเย็นๆ จะขับรถไปมหาสารคามกับน้องสาว... โชคดีนะพี่คิม ที่เจ้าสี่ตัวนี่ทำให้เราเห็นว่า เวลาเราโกรธแล้วเราแว้งๆ ใส่กัน ก็คงจะไม่ต่างจากเจ้าสุนัขสี่ตัวนี้เป็นแน่แท้ ...ฮา

ดีใจนะพี่คิม...ที่ได้คุยกัน

มันคือ ความรุ่มรวยแห่งความงามของการที่เราได้ดำรงอยู่อย่างมีชีวิตชีวาจริงๆ เลย...ค่ะ

Zen_pics_007 

ขอบพระคุณเช่นกันค่ะ...คุณพ.แจ่มจำรัส

ความงามนี้เราเท่านั้นเป็นผู้ได้เจอด้วยตัวเราเอง...

เรามาร่วมกันถอดประสบการณ์เรื่องราว แบ่งปันสู่กันฟังท่าจะดีนะคะ เพราะในเส้นทางนี้เราต่างได้เจอดอกไม้งามและรายละเอียดรายทางที่แตกต่างกัน...กะปุ๋มว่ายิ่งเราได้มอง ได้ใคร่ครวญ...ความลุ่มลึกจะปรากฏแปรเป็นความงามในใจยิ่งๆ ขึ้นค่ะ

Zen_pics_007 

สวัสดีค่ะ

  • คุณปู่สอนว่า "ขอให้ลูกหลานได้พบคนดี พบสิ่งดี และทำความดี"
  • คนดีแลส่งดีคือได้อยู่ใกล้คนมีธรรมะ ได้พบคนชี้ทางธรรมะ ได้อ่านหนังสือธรรมะ
  • สิ่งดีคือการทำความดี
  • การทำความดีคือปฏิบัติอย่างผู้มีธรรมะ
  • คุณปู่จากไป ๒๐ ปีแล้วค่ะ ยังจดจำคำสอนเสมอ  เพราะโรงเรียนปิดพวกเราหลาน ๆ จะมาสุมหัวอยู่ที่บ้านคุณปู่ คุณย่าค่ะ เพื่อรับการอบรมสั่งสอน
  • ที่บ้านพี่คิมมีตัวที่นิสัยเฮ้ว ๆ คือท็อดดี้ และตัวเล็กสุดคือมากี้ร์ซนมาก  มีตัวเมีย ๒ นอกนั้นตัวผู้ทั้งหมดค่ะ หลงมาตัวหนึ่งก็นิสัยน่ารักดีค่ะ ยอมให้จับอาบน้ำและจับฉีดยาแล้วค่ะ มาใหม่ ๆ ใครเข้าใกล้ไม่ได้เลย
  • ชื่นใจค่ะที่เราคุยกันได้หลายเรื่องนะคะ
  • ด้วยความระลึกถึงเสมอนะคะ
  • สวัสดีครับ
  • มีประโยชน์มากครับ สนใจการเรียนรู้ภายในตนเอง การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงด้านในพอดีครับ
  • การเรียนรู้ภายในตนเองเป็นการเรียนรู้ที่แท้จริง ใช้สติเฝ้าสังเกตเวทนาที่มากระทบ รู้เท่าทันจนจิตสงบจะเกิดปัญญา
  • เป็นการเรียนรู้ที่จะช่วยให้เรา และสังคมมีความสุข

พี่กะปุ๋มครับ

  • ปล่อยไปไม่กักกั้นอารมณ์เหมือนเขื่อน และให้ปล่อยไปและใช้ใจที่คอยเฝ้าดูอย่างมีสติ..โกรธให้รู้ว่าโกรธ คือ รู้เท่าทันมัน จะเกิดปัญญาตื่นรู้ว่านี่คืออารมณ์โำกรธ อารมณ์เศร้า อารมณ์ต่างๆ เมื่อเรารู้เราจะระงับยับยั้งมันได้
  • กิลส ==> อนุสัยของกิเลส ==> อาสวะของกิเลส...
  • ขอบพระคุณมากๆ ครับที่แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้นะครับ

พี่คิมคะ...เมื่อวานตอนเย็นกะปุ๋มขับรถไปงานแต่งงานน้องชายในรถเรามีพี่น้องนั่งไปด้วยกันสี่คน...บทสนทนาที่เราคุยกัน เป็นเรื่องเจ้าสุนัขทั้งนั้นเลย ในเครือญาติจะเลี้ยงกันและแบ่งปันกันเลี้ยงและดูแล...

พฤติกรรมของพวกเขาเป็นเรื่องที่เราต้องทำความเรียนรู้เช่นกัน เพราะเราอยู่ร่วมกัน

เมื่อเช้านี้...ที่บ้านเปิดประตูบ้านสาย ได้ยินแต่เสียงเคาะประตู รู้เลยว่าเขามาเรียก พอโผล่หน้าไป เจ้าสี่ตัวนั่งหน้าสลอนกันทั้งนั้น...

เป็นเรื่องราวที่ดี ที่การเกิดมาเราได้เจอผู้คน สรรพสัตว์ และเรื่องราวต่างๆ มากมาย มันทำให้เราเข้าใจในความหมายของการเกิดมาได้ลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ ตามประสบการณ์ที่เราได้พานพบและทำความเข้าใจ โดยไม่วิ่งหนีหรือหลบลี้หนีมันไป...

คุณปู่พี่คิม...ท่านลุ่มลึกค่ะ

Zen_pics_007 

สวัสดีค่ะคุณจักรกฤษณ์

เมื่อไรที่ลองหยุดคิดนะคะ ... เราจะได้เกิดการเรียนรู้มากมายแห่งภายใน...

เป็นเรื่องที่น่าในสนใจเพราะเรื่องต่างๆ เหล่านี้อยู่ใกล้เราและเราอยู่กับสิ่งนี้มาตั้งแต่เกิดและจนตาย และเรายังต้องการเรียนรู้กันต่อไป จนกว่าจะหมดเรื่องเรียนรู้นั่นแหละค่ะ

เมื่อไรที่เรารู้จักตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างลึกซึ้ง...สังคมร่มเย็นเป็นแน่แท้ค่ะ

ที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เพราะขาดการรู้...อันเป็นตัวรู้ที่เกิดจากการใช้ปัญญา..

Zen_pics_007 

คุณณัฐ...ชอบจังภาพและชื่อ เป็นอะไรที่สบายๆ และปล่อยวางออกไปได้ดีทีเดียว

พี่กะปุ๋มชอบเรียกชื่อเล่น...เพราะชื่อเล่นทำให้เราห่างเหินกันน้อยลง และใกล้ถึงกันมากขึ้น

Zen_pics_007 

การรู้...ทำให้เราเคลื่อนเข้าไปสู่การเกิด "ปัญญา" มากขึ้น

ปัญญานั้นไม่ใช่การพยายามข่มขืนตนเองให้คิด...

หากแต่ว่าปัญญา...นั้นคือ สภาวะที่ปรากฏขึ้นเมื่อสภาวะจิตเราถึงที่ถึงเวลา จะเป็นปรากฏการแห่งการปิ๊ง...แว้ป...ขึ้นมาทันที อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้เองเหรอ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...

แม้แต่อารมณ์เราเอง ซึ่งเราอยู่กับเขาทุกวัน ในบางคนยังไม่รู้จักอารมณ์ตนเองเลย พอเกิดอารมณ์ก็เกิดการตะเลิดเปิดเปิง...แต่เมื่อเรารู้จักอารมณ์เรา เราจะรู้ว่าเราจะมีปฏิสัมพันธ์กับอารมณ์เราเช่นไรได้บ้างจึงจะเหมาะสม นั่นน่ะคือ ว่า..เราเกิด "สติ"...หรืออีกทีก็อาจเรียกได้ว่า "สติมีกำลัง" มากขึ้นนั่นเอง...

Zen_pics_007 

ความเก็บกด กักขัง ยังรอที่จะปะทุ เป็นแนวคิดที่เป็นจิตวิทยาขั้นสูง เป็นธรรมะที่ลึกซึ้ง

อยากให้เป็นเช่นคุณ ka - poom ว่าครับ

อาจารย์พรชัย ... เคยคิดไหมคะว่า ใน "จิตใจ" เรานั้นมีเชื้อโรค ที่พร้อมจะแพร่กระจายและลุกลามได้ และเชื้อดังกล่าวสามารถติดต่อสู่ผู้คนอื่นๆ ได้

เช่น...ความเศร้าหมอง ก็เป็นเชื้อหนึ่งในจิตในใจเรา...เมื่อเราอยู่ใกล้บุคคลที่เศร้าหมองนี้ หาก "ใจ" เราไม่มีภูมิต้านมากพอ ใจเรานั้นก็หมองเศร้าไปด้วย

หรือ...เช่นกัน เราอยู่ใกล้คนที่โกรธ...เคียดแค้น... "ใจ" เราก็จะพลอยติดเชื้อไปกับเขาด้วย เพราะ "ใจ" เรานั้นขาดภูมิต้านทานนั่นเอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท