หลังจากที่เสวนาเสร็จ แทนที่ข้าพเจ้าจะรีบเดินทางกลับ แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่กลับ อยากให้โอกาสตนเองในการได้เรียนรู้ เพราะนี้เป็นโอกาสหนึ่งที่เปรียบเสมือนเป็นห้องเรียนห้องใหญ่ที่มีครูมากมายหลายท่านมารวมกันให้ข้าพเจ้าได้ร่วมเรียนรู้
จากบรรยากาศ...เสวนาเสร็จ ได้มีการแบ่งกลุ่มย่อย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ Best Practice ตามฐานกิจกรรม 5 ฐาน ซึ่งฐานแรกที่ข้าพเจ้าได้เข้าไปร่วมสังเกตกระบวนการ คือ ฐานที่ 3 เป็นฐานการดูแลเท้าเพื่อป้องกันการเกิดแผล ซึ่งฐานนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้เจอ Blogger ผู้ได้ ลปรร. กันใน Blog GotoKnow นั่นก็คือ พี่นู๋ทิม – หรือพี่ทับทิม มาฉาย ... ทันทีที่ได้เจอก็โผกอดกันด้วยความดีใจ ในฐานนี้เป็นเรื่องเล่าของชาวโรงพยาบาลพิษณุโลก และทีมจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ในฐานนี้ข้าพเจ้าได้เกิดการเรียนรู้ถึงการตรวจเท้า การเลือกรองเท้า การปรับรองเท้าให้เหมาะสมกับลักษณะเท้าของผู้ป่วย ข้าพเจ้าชอบกิจกรรมการตรวจปลายประสาทเท้า ซึ่งทางฐานได้ให้ผู้เข้าร่วมได้ทดลองการตรวจเท้า
จากนั้นข้าพเจ้าก็ได้เคลื่อนตัวเองไปตามฐาน ซึ่งเป็นฐานการใช้ยาและอินซูลิน ในฐานนี้เราได้ครูมาสอนเราเป็นผู้ป่วยเบาหวานเรื้อรังมานาน และเป็นตั้งแต่กำเนิด ... ซึ่งมีคุณค่ามาก ข้าพเจ้ามองว่า จากเรื่องเล่าของคนต้นแบบนี้ คนหน้างานสามารถนำมาต่อยอดศึกษาเป็น R2R ได้ เช่น การเปรียบเทียบการทานยาและการฉีดยา หรือแม้แต่การดำเนินชีวิตของเด็กน้อยที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานแต่กำเนิดและต้องฉีดอินซูรินด้วยตนเอง ... ศึกษาในเรื่องวิถี ชีวิต มุมมอง และพฤติกรรมการดูแลตนเอง อาจศึกษาเป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพได้
อีกฐานหนึ่งที่ข้าพเจ้า ต่อมเอ๊ะ... ทำงานกระฉูด นั่นก็คือ “ฐาน IT และงานเบาหวาน” ซึ่งฐานนี้มีการจัดกระทำข้อมูลที่มีอยู่ทำให้เห็นภาพของข้อมูลชัดเจน และรู้ต่อไปได้ว่าจะนำข้อมูลเหล่านี้มากระทำอย่างไรต่อไปได้บ้าง เป็นต้นว่า จากกราฟที่เสนอเปรียบเทียบแนวโน้มของการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย จากข้อมูลนี้คนหน้างานสามารถนำมาวางแผนในการดูแลผู้ป่วยและลองศึกษาเปรียบเทียบดูว่าผลจากการวางแผนในการดูแลผู้ป่วยนั้นเป็นอย่างไรบ้าง หรือแม้แต่กราฟปิรามิดหมู่บ้าน ซึ่งเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะโรคเบาหวานในชุมชน จากข้อมูลนี้คนหน้างานต้องมาคิดแล้วล่ะว่า เกิดอะไรขึ้นในชุมชนนี้ หรือจะวางแผนได้ทั้งในเชิงส่งเสริม ป้องกัน และบำบัด... ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน และอาจดึงหรือขยายผลให้องค์กรต่างๆ ในชุมชนมาร่วมมือกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจในฐานนี้และทราบมาว่าผู้พัฒนาโปรแกรม คือ คุณหมอจิ้น หรือ นพ.สุธี จากโรงพยาบาลวารินชำราบ หากว่าโปรแกรมนี้พัฒนาได้อย่างสมบูรณ์ก็จะสามารถช่วยเป็นต้นทุนในการพัฒนางานสำหรับคนหน้างานได้อย่างมากมายเลย
สำหรับอีกสองฐานสุดท้าย คือ ฐานกิจกรรมในค่ายเบาหวาน/ค่ายกลุ่มเสี่ยง จากทีมงานโรงพยาบาลเทพธารินทร์ และได้เห็นกลยุทธ์ในการให้ข้อมูล ซึ่งเป็นตัวความรู้ที่จะให้เพิ่มแก่ผู้คนโดยผ่านกิจกรรมการเล่นเกมส์ จากเกมส์สามารถประเมินได้เลยว่าผู้ที่เล่นเกมส์นี้มีความรู้ความเข้าใจมากน้อยเพียงไรเกี่ยวกับโรคเบาหวาน หากยังเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อนก็สามารถเพิ่มเติมความรู้นั้นได้เลย อย่างไม่รู้สึกน่าเบื่อหน่าย
ฐานสุดท้าย เป็นฐานเคล็ดลับในการตรวจ SMBG ฐานนี้ ข้าพเจ้าได้เข้าไปร่วมในช่วงเวลาสั้นทำให้เป็นที่น่าเสียดายพอสมควร แต่ในช่วงท้ายที่เข้าไปฟังนั้น ก็พอได้ไอเดียประมาณปิ๊งแว้ป ที่จะนำมาต่อยอดกระบวนการวิจัยได้ ในเรื่องการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นในผู้ป่วย อาจเป็นการศึกษาเปรียบเทียบก็ได้
สิ่งที่ข้าพเจ้าพยายามเรียนรู้ และต่อยอดประมาณปิ๊งแว๊ป... ก็คือ ทำอย่างไร จากข้อมูลที่มีอยู่ หรือ การทำงานที่ทำอยู่นี่จะนำไปสู่การยกระดับงานพัฒนางานได้อย่างไร
และมีหลายๆ ท่านมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับข้าพเจ้า เช่น การพัฒนาอาหารเบาหวานและศึกษาถึงคุณภาพอาหารเล่านั้น หรือการพัฒนาเครือข่าย การสร้างเครือข่าย หรือระดับสถานีอนามัยที่มีประเด็นนำไปสู่การพัฒนางาน ... มีหลายๆ เรื่องที่เป็น R2R เพียงแต่คนหน้างานมองไม่ออก ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเกิดการกระตุ้นต่อมฉุกคิด เกิดขึ้นว่า จริงๆ แล้วประเด็นการขับเคลื่อน R2R สิ่งสำคัญ คือ กระจกส่อง ให้คนหน้างานได้ส่องตนเอง มองเห็นตนเอง ... เข้าใจในตนเอง มากกว่าการจะมุ่งไปถึงกระบวนการวิจัย เพราะเมื่อไรที่คนหน้างานมองเห็นตนเองออกชัดเจน แนวโน้มที่จะมุ่งมั่นพัฒนาหน้างานตนเองก็จะมีโอกาสสูง
--------------------------------
Work มากมาก ครับ
สวัสดีเช้าวันเสาร์ค่ะ ท่าน อ.หมอ JJ
งานนี้...ผู้เข้าร่วมมีครบเลยค่ะ ทั้งผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักโภชนากร และบุคลากรทางด้านสาธารณสุข
กะปุ๋มมองว่า...
เครือข่ายเบาหวานนี้ เปรียบเสมือนหนึ่งโมเดลที่หลอมรวม วิธีการนำกระบวนการจัดการความรู้ และ R2R มาเป็นเครื่องมือในการยกระดับความรู้..
ท้ายที่สุดแล้ว...ประโยชน์ที่เกิดมีต่อทั้งผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ ที่เป็นไปในลักษณะกัลยาณมิตร มีความสุขในการทำงานเป็นสุขทีเกิดจากทั้งการให้และการได้รับค่ะ...
(^____^)
นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งของการเดินทางของชีวิตค่ะ... ทำทุกขณะจิตในการดำรงชีวิตอย่างมีความหมายและมีคุณค่า... เก็บเกี่ยวและนำไปเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่กรแบ่งปัน..
พี่กะปุ๋มได้....แวะไปดูเด็กๆ แผ่นดินและแดนไท เล่นน้ำที่บันทึกของน้องนุ้ย...รับทราบถึงอารมณ์แห่งความสุข และเมื่อหลายวันก่อนคุณเอก - จตุพร หรือลุงเอกของหลานๆ โทรมาเล่าให้ฟังเรื่อง พูดคุยโทรศัพท์กับหลานๆ... "ประทับใจ" มากค่ะ
วันนี้เป็นวันที่ดีอีกวัน...ขอให้มีความสุขอีกหนึ่งวันนะคะ
(^___^)
เป็นเรื่องราว..ของคนเครือข่ายเบาหวาน...ที่แสดงถึงพลังแห่งความดีงาม บรรยากาศในงานเป็นแบบกันเอง เรียนรู้ด้วยความสุข...
ไหนๆ ท่านอาจารย์วัลลาเชิญไปร่วม... กะปุ๋มก็ถอดหัวใจน้อมลงอย่างมีส่วนร่วมเต็มที่เลยค่ะ...เสียดายว่าไม่มีโอกาสได้เจอคุณหมอเจ๊... แต่ว่าสักวัหากลงตัวด้วยเงื่อนของเวลา ก็จะได้มีโอกาสเจอกันนะคะ
ทุกคนที่ปรากฏอยู่ ณ เบื้องหน้าเรา ให้ได้สัมพันธ์กันนั้นต่างเป็นครูให้เราได้เรียนรู้...ในเรื่องราวต่างๆ ที่มาสัมพันธ์กันนะคะ
(^___^)
สวัสดีครับ
ผม ภก.เอนก ที่ รพร.ธาตุพนม ครับ
ไม่มีโอกาสได้ทักทาย สวีสดีในงานเลย
แต่มีน้องๆ หลายคนประทับใจ "ต่อมเอ๊ะ" ที่อาจารย์พูด และมาเล่าให้ฟัง ว่าจะตามไปฟังต่อที่นครพนม ครับ
ผมเข้าอ่านใน G2K ของอาจารย์หลายๆครั้ง ได้ข้อคิดมากมายทีเดียวครับ
ขอบคุณครับ
กลับมาจาก นครพนมแล้วค่ะ... มีบุคลากรจากสกลนคร มุกดาหาร และนครพนมเข้าร่วม...
ไม่แน่ใจว่า... ภก.เอนกได้ไปร่วมด้วยไหมคะ...
จำได้แต่น้องออฟ - ที่เป็นทีม DM KM จากธาตุพนม...ตามไปฟังที่ ม.นครพนมด้วย ประทับใจมากเลยค่ะ...
(^___^)
หวังว่าคงได้มีโอกาสทักทายกันนะคะ แต่ตอนนี้ก็ผ่าน Blog ก่อนแล้วกันค่ะ...