AAR <3> ร่วมงาน DM KM “ข้อคิดที่ได้จาก ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช”


ระหว่างที่ถอดบทเรียนเสมือนการทบทวนต่อตนเองนี้ ไม่รีบทำไม่ได้เดี๋ยวความรู้สึก อยาก จะหายไป พอหายไปก็จะลืม จากนั้นก็ผ่านเลยไป ข้าพเจ้าใช้เวลาในการถอดบทเรียนนี้ระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่องเดินทางกลับจังหวัดขอนแก่น

 

สิ่งที่ได้เรียนรู้... ในช่วงท้าย เป็นข้อคิดที่ได้จากท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ที่ท่านกล่าวปิดงาน

 

ท่านเน้นมากเลยว่า ความรู้ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคล ไม่ใช่ความรู้ที่ได้มาจากทฤษฎี หากแต่เป็นความรู้ที่มาจากการปฏิบัติ ... ความรู้จากทฤษฎีนี้ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก

 

จากประเด็นนี้ข้าพเจ้าน้อมกลับพิจารณาภายในตนเอง...

สิ่งที่ข้าพเจ้าดำรงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความคิด วิถีชีวิต และการงาน ต่างๆเหล่านี้ข้าพเจ้าได้เกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติทั้งสิ้น เรียนรู้ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง นำไปสู่วิถีชีวิต ความคิด และการดำรงอยู่... เมื่อก่อนอาศัยการอ่าน อ่านก็ได้เพียงอ่าน แต่ไม่เกิดการตระหนักรู้ในตนเองเกิดขึ้น ก็เป็นเพียงการสูญเปล่า หากแต่ว่าในทุกวันนี้ยิ่งเรียนรู้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าเกิดพลังงานอย่างมากมายต่อการดำรงอยู่ในแทบทุกกิจกรรมของชีวิต และมีความปรารถนาที่อยากแบ่งปัน ดังนั้นในสิ่งที่ท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ท่านกล่าวนั้น จึงทำให้ข้าพเจ้าเกิดความซึ้งลงไปในใจยิ่งนัก

 

อาจารย์ยังให้ข้อคิดต่อไปอีกว่า...

เทคนิคหรือเครื่องมือที่นำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรม นั่นก็คือ การเล่าเรื่อง หรือสุนทรียสนทนา ที่เป็นการนำเรื่องเล่าความสำเร็จที่ได้มาจากการปฏิบัติ มาเล่าสู่กันฟัง -----> ก่อเกิดเป็นความประทับในใจ

 

สิ่งที่มีเพิ่มเติมจากงานมหกรรมการจัดการความรู้โรคเบาหวาน ต่อจากครั้งที่ 1 ในปีก่อน ก็คือ มีการนำเรื่อง R2R มาต่อยอด มาจุดประเด็น เปิดประกาย ... ขยายผลงานที่เราทำ ต่อยอดนิดหน่อย หัดตั้งโจทย์ กระตุ้นต่อมเอ๊ะให้ทำงาน ทำให้งานประจำมีโอกาสที่นำไปสู่การสร้างความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้น

 

จากประเด็นที่ท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ท่านให้ข้อคิดในเรื่องนี้ ... ทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นความงามในแง่มุมของการพัฒนาสิ่งที่ยิ่งใหญ่... เปิดประเด็นในเรื่องเบาหวาน นำกระบวนการจัดการความรู้มาขับเคลื่อนและยกระดับเพิ่มคุณค่าให้คนทำงานด้วยนำกระบวนการ R2R มาร่วมเป็นเครื่องมือสานต่อความงดงามนี้

 

การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นนี้มีคุณค่ามากมาย ทำให้ข้าพเจ้าเกิดฮึกเหิมแบบเงียบๆ ภายในตนเองว่า ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ของการดำรงชีวิอยู่นี้... ข้าพเจ้าไม่สนใจต่อสิ่งใดใดอันเป็นอุปสรรคต่อการทำความดี ข้าพเจ้าขอตั้งปณิธานต่อตนเอง... ทำตนให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อสรรพสิ่งต่างๆ ที่มาสัมพันธ์ โดยพยายามลดความขัดแย้งให้น้อยลง แต่ก็ยังสามารถทำประโยชน์อันมีคุณค่ามหาศาลนี้ต่อไปได้อีก

 

ขอบพระคุณท่านทีมงานขับเคลื่อนการจัดการความรู้เรื่องเบาหวาน

ที่ให้โอกาสข้าพเจ้าได้ร่วมเรียนรู้ด้วยในครั้งนี้

บรรยากาศ ขณะที่ท่าน อ.หมอวิจารณ์ กล่าวให้ข้อคิดและปิดงาน

ท่าน ดร.วัลลา..ทำหน้าที่เป็นคุณลิขิต

---------------------------------

 

หมายเลขบันทึก: 206301เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2008 11:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ที่เมืองขอนแก่น

ระหว่างที่นั่งรถไปกับ ดร.แสวง รวยสูงเนิน ท่านได้บอกผมว่า คนที่จะสูง ได้ก็ด้วยการปฏิบัติ

ดังนั้นพลังของการเรียนรู้ พลังของการแก้ไขปัญหา เกิดจาก ทศนุภาพของการจัดการความรู้ อันเกิดจาก การปฏิบัติเพื่อให้แจ้งครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งนะคะคุณเอก...นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่กะปุ๋มรู้สึกและสัมผัสได้ จากการเป็นคนหน้างาน ...

ที่ไม่ได้จมอยู่กับเอกสาร และวิชาการ แต่ก้าวลงไปสู่การปฏิบัติ ไปสู่โลกและห้องเรียนอันมีปรากฏอยู่เบื้องหน้า... และสิ่งที่ได้รับ คือ ... ความมหัศจรรย์ของการดำรงอยู่ และการเรียนรู้ที่น้อมเข้าไปภายในอย่างซึ้งใจ

"พลังที่เกิด...เป็นพลังที่มีความสุข"

หากถามว่า ปัญหาและอุปสรรคมีไหม... "มี"... แต่เราก้าวเดินไปด้วยกันได้กับปัญหาและอุปสรรคนั้น บางครั้งก็ผิดพลาด บางครั้งก็บรรลุตามเป้าหมาย...

ชีวิตมีคุณค่าและมีความหมายยิ่งค่ะ

พลังภายใน เทียบเท่า "อารมณ์"...เอกสาร วิชาการ เทียบเท่า "อาวุธ"... ถ้าอารมณ์ ดี + อาวุธ ดี = การขับเคลื่อน ทำสงครามเอาชนะ ก็จะดีมาก... แต่พลังภายใน เป็น Dynamic  ส่วน อาวุธ เป็น static ....ดังนั้น จึงเป็นคำตอบว่า สาเหตุที่เป็นปัจจัยหลักในการล้มเหลว คือ เจ้า Dynamic นี่เอง.... key word ตรงนี้ ก็คือ...กลยุทธการควบคุม (Control) เจ้า Dynamic มากกว่า พวก Static นั่นเอง......ตรงนี้ พระศาสดา จึงชี้ชัดเจนถึง...ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว....... (วันนี้...กล้วยไม้ป่า....พา งง ๆ ....ฮ่า ๆ ๆ)........พี่ชาย ชยพร แอคะรัจน์ 

สุดยอด...ความล้ำลึก นับถือๆ ค่ะ... พี่ชาย ชยพร ...

เมื่อไร..ที่พลังภายในเกิดพลานุภาพ เมื่อนั้นจะใช้...อาวุธได้อย่างเหมาะสม...กับสิ่งที่พึงใช้นะคะ... ทุกวันนี้เราได้พบเจอผู้คนมากมาย ที่ต่างใช้...อาวุธ... กับสลับสับมั่วไปหมด

หากได้น้อมกลับมาพัฒนา...พลังภายใน...

เมื่อนั้นกระแสแห่งปัญญาก็จะสว่างว๊าป... ให้เลือกใช้อาวุธได้อย่างเหมาะสม...

(^__^)

ความรู้ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคล ไม่ใช่ความรู้ที่ได้มาจากทฤษฎี หากแต่เป็นความรู้ที่มาจากการปฏิบัติ ... ความรู้จากทฤษฎีนี้ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก

เห็นด้วยมากๆค่ะ เอาเรื่องทฤษฏีไปพุด ไปบอก คนไม่ค่อยสนใจ แต่ถ้าเห็นตัวอย่างของจริง หรือ ทำได้ด้วยตนเองก็จะจำแม่นจริงๆ และเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย

ผมนั่งฟังอยู่ด้วย แต่ตีความได้เพียงเสี้ยว

ขอบคุณนะครับ ที่แบ่งปัน

จริงๆ เลยค่ะ พี่ศศินันท์...ทฤษฎีเปรียบเหมือนเข็มทิศนำทาง เพื่อรอการเดินทางของเราเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นจริงอย่างที่ว่าไหม...

สิ่งที่เรียนรู้...ทุกวันนี้สำหรับกะปุ๋มเอง...ได้มากจากการปฏิบัติทั้งสิ้นค่ะ การเรียนที่ผ่านมาส่วนใหญ่เน้นการปฏิบัติทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล หรือจิตวิทยาให้คำปรึกษา...

(^___^)

พึงฝึกค่ะ..เพื่อถอดบทเรียน...ว่าในแต่ละปรากฏการณ์ที่เราได้เข้าไปสัมพันธ์ด้วยนั้น...เราได้เรียนรู้อะไร

เป็นการน้อมนำกลับเข้ามาตนเอง...ภาษาทางด้านการพัฒนาจิต ก็หมายไปถึง ... การย้อนกลับมาดูตัวเราเองค่ะ

เมื่อได้เรียนรู้อะไรบ้าง...กะปุ๋มก็จะชอบนำมาถอดบทเรียนเขียนเป็นบันทึกเก็บไว้นี่แหละค่ะ

(^___^)

ชักชวน ภก.เอนกลองดูนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท